• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2807046_สๅม แค ทำร ๅยร ๅงกๅยแค เองให อภ ยเขาได ไหม_part2

admin79 by admin79
August 26, 2025
in Uncategorized
0
N2807046_สๅม แค ทำร ๅยร ๅงกๅยแค เองให อภ ยเขาได ไหม_part2

สายการบิน Turkish Airline เที่ยวบินที่ TK069 นำผม พี่ๆสื่อมวลชนสายรถยนต์ อีก 3 ท่าน และ พี่ฝน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Mercedes-Benz (Thailand) เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาถึงสนามบิน Istanbul เพื่อเปลี่ยนเป็นเครื่องบิน Airbus 321-200 เที่ยวบิน TK1305 ของสายการบินเดียวกัน ฝ่าสายฝนและเมฆครื้ม รอนลงจอด ณ สนามบิน Malaga ที่ประเทศ Spain ตอนเที่ยงของวันที่ 22 พฤศจิกายน 2019 กันเสียที พร้อมกับผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ได้อย่างรวดเร็วฉับไวที่สุด เท่าที่ผมเคยเดินทางเข้าหลายๆประเทศในยุโรป ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา….

สนามบินในประเทศ ผู้คนเข้า-ออก ปานกลาง ไม่ได้เยอะนัก ความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่จึงไม่มากนัก เจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมือง สาววัยรุ่น เค้าเห็นว่า คนเยอะ ก็เลย รับ Passport เราไป แล้วก็รีบประทับตรา ส่งคืนให้ โดยไม่ถงไม่ถามอะไรเลยซ้ากกกคำ!!

ถ้าทุกสนามบินในยุโรป เป็นอย่างนี้เหมือนกันหมดได้ ก็ดีสิ! แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก

Spain เป็นประเทศ ที่ผู้ผลิตรถยนต์ฝั่งยุโรป ส่วนใหญ่ นิยมใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทดลองขับรถยนต์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ล่าสุด ให้กับบรรดาสื่อมวลชนจากทั่วโลก ทั้ง Mercedes-Benz BMW Audi หรือแม้แต่ฝั่งญี่ปุ่น อย่าง Toyota / Lexus ก็เคยใช้บริการ Spain มาแล้ว ต่อให้ประเทศนี้ จะยังมีความคุกรุ่นทางการเมือง ในประเด็นการแบ่งแยกดินแดน Catalanya ของชาว Catalun แต่ในส่วนอื่นๆของประเทศ ก็ยังมีมนต์เสน่ห์ในค้นหา รอให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมบรรยากาศ และพักผ่อนหย่อนใจกันอยู่ดี

นี่เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตผม สำหรับการเดินทางมายังประเทศ Spain ดินแดนกระทิงดุ เพียงแต่ว่า คราวนี้ เรามุ่งหน้าลงมายังตอนใต้สุดของประเทศ ณ เมือง Malaga อันเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศริมชายหาดทะเล Mediteranian ของแคว้น Andalucia ซึ่งมีบรรยากาศแตกต่างไปจาก Barcelona หรือ Madrid โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น บรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจในความสวยงาม ของทั้งตึกรามบ้านช่อง ที่ตั้งอยู่ตามแนวภูเขา ไปจนถึงบรรยากาศจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา ทั้งยามเช้าและยามบ่าย

แม้ว่าฝนฟ้าจะโปรยปราย ต้อนรับเรา กันตั้งแต่สนามบิน จนหมดสิทธิ์เดินทางออกไปเที่ยวเล่นในตัวเมือง ทำได้แค่เดินไปกินมื้อเที่ยง ที่ร้านอาหาร Beluga ใกล้ๆๅกับโรงแรมที่พัก (Vincci Hotel Posada) แล้วก็พักผ่อน เตรียมงาน รอทานมื้อเย็น ก่อนจะเข้านอน เพื่อรอทาง Mercedes-Benz ส่ง V-Class Shuttle Bus มารับเราในเช้าวันรุ่งขึ้น (24 พฤศจิกายน 2019) จากโรงแรม กลับไปยังสนามบิน Malaga อีกครั้ง เพื่อไปรวมตัวกัน ณ จุดปล่อยรถทดสอบ

เรามาที่นี่ เพื่อร่วมสัมผัสกับผลงานล่าสุดของผู้ผลิตรถยนต์ตราดาว จากเมือง Stuttgart สหพันธรัฐเยอรมนี อีกรุ่นหนึ่งที่กำลังจะถูกส่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ภายในปี 2020 นี้ ภายใต้เรือนร่างแบบ SUV ขนาด Compact 5 หรือ 7 ที่นั่ง ตระกูลใหม่ ที่ถูกเรียกว่า…

Mercedes-Benz GLB…

ทำไมต้องมี GLB ?

คำตอบง่ายมากครับ ตลาด SUV และ Crossover SUV ที่บูมต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1995 มันยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลงง่ายๆ มันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกหลายปี และเหตุการณ์นี้ มันก็เกิดขึ้นกับ Mercedes-Benz ด้วย ทั่วโลก

Ms. Britta Seeger, Member of the Board of Management of Daimler AG ก็ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “รถยนต์ SUV และรถยนต์ขนาดเล็ก (Compact model) เป็นกลุ่มตลาดที่สำคัญของเรา ปัจจุบันนี้ ยอดขาย 3 ใน 10 คัน ของรถยนต์ Mercedes-Benz ที่ขายได้ทั่วโลก เป็น SUV ไม่เพียงเท่านั้น ทุกๆ 4 ใน 10 คัน ที่เราจำหน่ายออกไป เป็นรถยนต์กลุ่ม Compact”

ในอดีตที่ผ่านมา Mercedes-Benz ก็พยายามออกรถยนต์ SUV ให้ครอบคลุมทุกความต้องการ เริ่มต้นจาก G-Class ซึ่งเป็น SUV รุ่นบุกเบิกของค่ายตราดาว ที่ได้รับความนิยมในหมู่เศรษฐี และบรรดา Professional ในวิชาชีพต่างๆ มาตั้งแต่ปี 1979 มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วน SUV ยุคใหม่รุ่นแรกของ ค่ายตราดาว รุ่นแรกคือ M-Class เปิดตัวมาตั้งแต่ 9 พฤษภาคม 1997 และเป็นต้นกำเนิดในการแต่หน่อขยายสายพันธ์ตระกูล SUV ของ Mercedes-Benz มาจนถึงปัจจุบัน ไล่กันตั้งแต่รุ่นเล็กสุด GLA (ซึ่งก็คือการเอา A-Class 5 ประตู มายกสูง และดัดแปลงหน้าตานิดหน่อย) GLC / GLC Coupe , GLE / GLE Coupe , GLS และ G-Class

สังเกตไหมครับ ว่ามันมีอะไรที่หายไป? อะไรที่ยังเป็นช่องว่างตรงกลางอยู่

GLB ยังไงละ!

อันที่จริง Mercedes-Benz เคยทำ SUV ในพิกัดขนาดตัวรถแบบเดียวกับ GLB มาก่อน นั่นคือ Mercedes-Benz GLK สร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมของ รถเก๋ง รุ่น C-Class W204 ออกสู่ตลาดครั้งแรก ในยุโรป เมื่อ 30 มิถุนายน 2008 ด้วยยอดขายที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้น Mercedes-Benz จึงตัดสินใจ ทำรุ่นเปลี่ยนโฉม Full Modelchange ออกมาเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ในปี 2015 โดยยกระดับขนาดตัวถังให้ใหญ่โตขึ้น เพื่อฟัดเหวี่ยงกับ BMW X3 ได้ดีขึ้น และเปลี่ยนชื่อเป็น Mercedes-Benz GLC Class

อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ ที่มีงบไม่มาก แต่อยากได้ SUV ตราดาว ที่มีพื้นที่ใช้สอย และความอเนกประสงค์ ไม่แพ้ GLC Class ดังนั้น GLB จึงเป็นรถยนต์ ที่ค่ายตราดาว เขาคาดหวังว่าจะเข้ามาเสริมทัพ เติมเต็มความต้องการของลูกค้า กลุ่มครอบครัว ถึงขั้นตั้งสโลแกนว่า “For Family and Friends”

แล้ว GLB จะไม่ไปทับซ้อนกับ GLA และ GLC หรือ?

Ms. Britta Seeger ตอบว่า “ในอนาคต นับจากนี้ Mercedes-Benz จะทำตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก (Compact) รวมทั้งหมดถึง 8 รุ่น โดย GLA (ซึ่งเพิ่งเปิดตัวรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ Full Modelchange ไปหมดๆ เมื่อ 11 ธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา) จะถูกวางตำแหน่งทางการตลาด เน้นไปหากลุ่มลูกค้าแนว “lifestyle-oriented” เหมือนเดิม ขณะที่ GLB จะเน้นทำตลาดกับกลุมลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ จากรถยนต์ SUV ขนาดเล็ก”

ส่วน GLC / GLC Coupe นั้น นอกจากจะแตกต่างจาก GLB ด้วยความยาวตัวถังที่มากกว่าแล้ว ตำแหน่งการตลาดของ ทั้งคู่ ยังจัดอยู่ในกลุ่มสูงกว่า คือ Midsize SUV ซึ่งลูกค้า กลุ่มนี้ มองหาการขับขี่ที่นุ่มนวลกว่า และให้ความภูมิฐานสมฐานะมากขึ้น อีกทั้งในอีกไม่นานหลังจากนี้ GLC / GLC Coupe จะมีขุมพลัง V6 สูบ กลับมาให้เลือกอีกครั้ง!

พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ

  1. GLB ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขั้นกลางระหว่าง GLA กับ GLC
  2. ถ้า GLA คือ GLC Coupe (หรือ BMW X2) แล้ว GLB ก็คือ GLC ตัวถังปกติ (หรือ BMW X1) นั่นเอง
  3. คู่แข่งทางการตลาดโดยตรง ของ GLB คือ BMW X1

ก่อนการเปิดตัวเพียงไม่กี่เดือน Mercedes-Benz ก็เปิดเผยให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงการมาของ GLB ด้วยการนำรถยนต์เวอร์ชันต้นแบบ Mercedes-Benz Concept GLB ออกอวดโฉมสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก เมื่อ 15 เมษายน 2019 ที่ผ่านมา บนเวทีในงาน Auto Shanghai 2019

จากนั้น เวอร์ชันจำหน่ายจริง ก็เปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2019 ที่เมือง Wanship มลรัฐ Utah สหรัฐอเมริกา แต่กว่าจะพร้อมออกสู่ตลาด ก็ต้องรอกันอีกนานถึง 5 เดือน เพื่อทำการทดสอบและยื่นเรื่องอนุมัติด้านมาตรฐานมลพิษตามข้อกำหนดใหม่ WLTP ของสหภาพยุโรป เตรียมเอกสาร เตรียมการด้านต่างๆ รวมทั้งรอให้โรงงาน Aguascalientes ใน Mexico เตรียมสายการผลิตของ GLB ให้พร้อมสำหรับป้อนรถยนต์สู่โชว์รูมทั่วโลกให้เรียบร้อยเสียก่อน

นอกจากโรงงานใน Mexico แล้ว ฐานผลิตสำคัญของ GLB อีกแห่ง คือโรงงาน Beijing Benz Automotive Co., Ltd ใน Beijing ซึ่งจะผลิต GLB เวอร์ชันสำหรับตลาดเมืองจีน (Chinese market) โดยเฉพาะ ทั้ง 2 โรงงาน จะเริ่มผลิต GLB ออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 นี้ เป็นต้นไป

Photo :
– GLB 250d 4MATIC in White (Not Available in Thailand)
– GLC 220 d in Blue & Red (Not Available in Thailand)
– GLC 200 in Grey (Specification close to Thai version)

GLB มีขนาดตัวถังยาว 4,634 มิลลิเมตร กว้าง 1,843 มิลลิเมตร สูง 1,658 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,829 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า 1,605 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง 1,606 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น (Ground Clearance) 143 มิลลิเมตร มุมไต่ 18 องศา (องศาจากพื้นบริเวณหน้ายางเงยขึ้นไปหาส่วนยื่นที่สุดของหน้ารถ) มุมจาก 18.3 องศา (องศาจากพื้นบริเวณหน้ายางไปสู่จุดที่ยื่นมากที่สุดของตัวถังด้านหลัง) มุม Brake Over 13.9 องศา (องศาจากบริเวณหน้ายางขึ้นไปหาจุดกึ่งกลางของระยะฐานล้อ) และมุมเอียง 35 องศา น้ำหนักรถเปล่า มีตั้งแต่ 1,555 – 1,735 กิโลกรัม ตามแต่ละรุ่นย่อย แต่ถ้ารวมน้ำหนักบรรทุก จะอยู่ในช่วงไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม

รูปลักษณ์ภายนอกถูกออกแบบมาในแนวรถยนต์ Off-Road เน้นความแข็งแกร่ง บึกบึน เส้นสายบนตัวถังที่ไม่จำเป็น ถูกตัดออกไป คงเหลือไว้แต่ความเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากนัก นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดระยะ Overhang (มุมองศาระยะห่างระหว่างยางรถ จนถึงปลายมุมกันชน) ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อเพิ่มมุมองศาสำหรับปีนป่ายอุปสรรคให้มากขึ้น

ชุดโคมไฟหน้าเป็นแบบอัตโนมัติ MULTIBEAM LED และไฟ Daytime Running Light แบบ LED รวมอยู่ในชุดกรอบไฟหน้า พร้อมระบบ Adaptive High-beam Assist Plus ซึ่งจะตอบสนองต่อสภาพการจราจรอย่างรวดเร็ว และแม่นยำด้วยการทำงานแยกกันอย่างอิสระของหลอด LED ส่องสว่างได้ไกลถึง 500 เมตร นอกจากนั้นยังมีไฟตัดหมอกด้านหน้าแบบ LED ติดตั้งบริเวณกันชนหน้ามาให้ด้วย

ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ไฟตัดหมอกหลัง สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และติดตั้งฝาท้ายเปิด – ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าแบบ EASY-PACK Tailgate มาให้

สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC จะมาพร้อมกับ Off-Road Engineering Package ซึ่งประกอบไปด้วย ไฟหน้า MULTIBEAM LED ที่มีฟังก์ชันการทำงานพิเศษ สำหรับการขับขี่แบบ Off-Road เพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็นอุปสรรค ในที่มืด พร้อมไฟส่องสว่างบริเวณมุมกันชนด้านหน้า ที่ความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง รวมไปถึงจอแสดงผล จำลองภาพมุมเอียงของตัวรถ และการปรับตั้งค่าทางเทคนิคต่างๆ

Option ที่น่าสนใจ ได้แก่ หลังคา Panoramic Sunroof สามารถปรับความลาดเอียงได้ 3 ระดับ ให้สัมพันธ์กับความเร็วรถ พร้อมม่านบังแดดแบบไฟฟ้า และระบบปิดอัตโนมัติ ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ปัดน้ำฝน (Automatic Rain Sensor) ส่วน ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว x 6.5 J พร้อมยาง 215/65 R17 มีมาให้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น มีให้เลือกหลากสีหลายลวดลาย รวมทั้ง สีดำ แบบ AMG

ส่วนรุ่นสูงสุด Top สุด แรงสุด และแพงสุด มาในชื่อ Mercedes-AMG GLB 35 AMG 4MATIC แน่นอนว่า นี่เป็นอีกวิธีการที่จะเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง ว่าอยากได้สมรรถนะและความแรงตามแบบฉบับของ AMG แต่มีศรีภรรยา ยืนท้าวสะเอวกำกับการเลือกซื้อรถคันใหม่เข้าบ้านอยู่ด้านหลัง ให้เสียวเล่น ดูเหมือนว่า วิศวกรชาวเยอรมัน เขาคงประสบปัญหาเดียวกัน ก็เลยตัดสินใจทำเวอร์ชันร้อนแรง ให้กับ SUV ซึ่งไม่ได้มีหน้าตาชวนให้เกิดความร้อนแรงในใจเท่าไหร่ อย่าง GLB คันนี้ เผื่อว่า คุณแม่ของลูกที่บ้าน เขาจะได้เห็นประโยชน์ ยอมอ่อนใจ อนุมติให้คุณถอย GLB ออกมาซิ่งไปรับไปส่งลูกหลานไปโรงเรียนได้นั่นเอง

Mercedes-AMG GLB 35 AMG 4MATIC จะได้รับการตกแต่งให้ ดูสปอร์ต และดุดันขึ้น จากรุ่นปกติ หลายจุด เริ่มจาก การเปลี่ยนชุดกระจังหน้ามาเป็นแนวตั้งแบบ Panamericana grill  ลิ้นกันชนหน้าแบบ Silver chrome ระบบห้ามล้อประสิทธิภาพสูง พร้อมคาลิเปอร์เบรกคู่หน้าสีเงิน สลักสัญลักษณ์ AMG สีดำ สวมทับด้วย ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 19 – 21 นิ้ว แต่ละขนาดมีให้เลือก 2 สี เปลือกกันชนด้านหลังพร้อมปลายท่อไอเสียทรงกลม 2 ฝั่ง และสปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถ คาดด้วยสีดำเงา

การเข้า – ออกจากบานประตูคู่หน้า กลายเป็นจุดเด่นของ GLB ที่ได้รับการปรับปรุงจาก GLA กันเสียที เพราะการออกแบบตัวรถให้มีลักษณะเป็นทรงกล่อง แบบ SUV แท้ๆ ทำให้กระจกบังลมหน้า ตั้งชันขึ้นมามากกว่า GLA ทำให้ช่องประตูคู่หน้า มีขนาดใหญ่กว่า GLA จึงช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เข้า – ออกได้สะดวกสบายขึ้น ยิ่งเจอตำแหน่งของเบาะนั่งที่อยู่ในระดับเหมาะสม ไม่สูงไม่เตี้ยจนเกินไป ทำให้ยิ่งง่ายต่อการก้าวขาขึ้นรถ แล้วหย่อนก้นลงนั่งได้ทันที

ไม่เพียงเท่านั้น บานประตูทั้ง 4 ถูกออกแบบมาให้มีชายล่างซ่อนรูป คลุมไปจนถึงใต้ท้องรถ ช่วยลดปัญหาคราบฝุ่นโคลน ติดขากางเกงหรือกระโปรง ขณะก้าวขึ้นลงจากรถ และป้องกันไม่ให้ก้อนหินกระเด็นขึ้นมากระแทกด้านข้างตัวรถ นีคือสิ่งที่ผมอยากเห็นจากผู้ผลิตรถยนต์ Premium จากเยอรมนีเสียที และดีใจที่ Mercedes-Benz ยอมแก้ข้อด้อยของตนในประเด็นนี้กันเสียที

แผงประตูด้านข้าง มีพนักวางแขน บุด้วยหนังสังเคราะห์ หุ้มด้วยเพิ่มพื้นที่ฟองน้ำุนุ่มบางๆมาให้ สามารถวางท่อนแขนได้สบายจนถึงข้อศอก มองไปทางด้านล่าง ก็จะเห็น ช่องวางขวดน้ำดื่ม ขนาด 7 บาท มาให้ 1 ช่อง พร้อมทั้งยังมีช่องวางของจุกจิกอีกนิดหน่อย ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกัน

เบาะนั่งด้านหน้า สามารถปรับตำแหน่งเลื่อนขึ้นหน้า – ถอยหลัง ปรับพนักพิงหลังเอน-ตั้งขึ้น และปรับตัวดัานหลังได้ด้วยสวิตช์ไฟฟ้า บริเวณแผงประตูด้านข้าง ใกล้มือจับเปิดประตู ซึ่งเป็นตำแหน่งปกติของ Mercedes-Benz ทุกรุ่น หรือเลือกปรับได้ผ่านทางหน้าจอ MBUX โดยรุ่น AMG 35 4 MATIC มีมาให้ครบทั้ง 2 ข้าง ขณะที่ รุ่น GLB 200 มีมาให้เฉพาะฝั่งคนขับเท่านั้น

แม้เบาะนั่งของทั้งรุ่นถูกสุด GLB 200 กับรุ่นแพงสุด AMG 35 อาจมีรูปทรงของพนักพิงไม่เหมือนกัน แต่เมื่อนั่งลงไปแล้ว จะพบว่า ให้สัมผัสที่คล้ายกันมาก พนักพิงหลัง ของเบาะนั่งทั้ง 2 แบบ มีลักษณะเว้าช่วงกลางหลังให้ลึก ราวกับจะเป็นเบาะรถแข่ง Ko-Cart นั่นหมายความว่า รองรับแผ่นหลังได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ ช่วงครึ่งท่อนบนของพนักพิงหลัง ยังแข็ง และไม่รองรับช่วงบ่าเอาเสียเลย ปีกข้างที่เสริมเข้ามา พอจะโอบสีข้างได้อยู่ในระดับหนึ่ง มีสวิตช์ปรับตำแหน่งตัวดันหลังด้วยไฟฟ้า ที่สามารถ​ปรับสูง -​ต่ำได้มาให้ในฝั่งคนขับ เฉพาะในบางรุ่น ในตลาดยุโรป เลือกสั่งติดตั้งได้เป็น Option พิเศษ ที่มากับเบาะนั่งแบบปรับด้วยไฟฟ้า

พนักศีรษะ ที่เคยดันกบาลจนผมต้องออกโรงด่าใน GLA กลับกลายเป็นว่า ลดการดันลงไป จนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกันเสียที แถมคราวนี้ ยังสามารถเลือกปรับตำแหน่งการดันได้ 4 ระดับด้วยการกดปุ่มด้านข้างพนักศีรษะ แบบเดียวกับรถยุโรปค่ายเพื่อนบ้านกันเสียที ขอชมเชยในประเด็นนี้ มา ณ โอกาสนี้!

เบาะรองนั่ง ในตำแหน่งปกติ ค่อนข้างสั้นไปนิด แถมตะเข็บขอบเบาะค่อนข้างแข็งไปหน่อย แต่ในรุ่น AMG ใต้เบาะรองนั่งจะมีคันโยก ดึงเพื่อเพิ่มความยาวเบาะรองนั่งออกมาให้สุดขาพับของคุณได้ ดังนั้น ประเด็นความยาวของเบาะรองนั่ง น่าจะไม่มีเรื่องให้ต้องบ่นมากนัก

เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าเป็นแบบ ELR 3 จุด ปรับระดับสูง – ต่ำได้ พร้อมระบบ Pre tensioner & Load Limiter เชื่อมต่อกับระบบ PRE-SAFE (ทำงานร่วมกับสารพัดเซ็นเซอร์ ดึงรั้งทันที ที่ ตรวจเจอการเบรกกระทันหัน) เฉกเช่น Mercedes-Benz ทุกรุ่นในปัจจุบัน

ช่องทางเข้า – ออก จากบานประตูคู่หลัง มีขนาดกว้างใหญ่มากที่สุดในบรรดา Mercedes-Benz กลุ่ม Compact Class ด้วยกันทุกรุ่น ลามไปถึง C-Class เสียด้วยซ้ำ ก็แน่ละ ช่องกรอบประตู มันเป็นแบบสี่เหลี่ยมซะขนาดนั้น ถ้ายังเข้า – ออก ไม่สะดวก ก็ให้มันรู้ไป อาจมีบางจังหวะ ที่คุณเหวี่ยงขาออกจากพื้นรถ มายังพื้นถนน แล้วรองเท้าจะต้องกวาดไปโดนฝาครอบลำโพง ที่แผงประตูท่อนล่างอยู่บ้าง แต่ก็พอยอมรับได้

กระจกหน้าต่าง สามารถเลื่อนลงมาได้สุดขอบราง จนถึงขอบแผงประตู พนักวางแขน บนแผงประตูคู่หลัง ถูกออกแบบมา ให้วางท่อนแขนพอได้ แต่แอบเตี้ยไปนิด คาดว่าน่าจะเอาใจผู้โดยสารอายุน้อยๆ ต่ำกว่า 15 ปี ลงไปเป็นหลักมากกว่า ด้านล่งของแผงประตู มีช่องใส่ขวดน้ำดื่ม ขนาดพอเหมาะ มาให้ 1 ตำแหน่ง

GLB มีให้เลือกทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง โดยทั้ง 2 แบบ จะมาพร้อมกับเบาะนั่งสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าแบบพับได้ เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบแยกปรับส่วนรองนั่ง 60 : 40 แยกปรับพนักพิงหลัง 40 : 20 : 40 ด้วยเชือกปลดล็อกสลัก บริเวณฐานพนักพิงหลัง และสามารถดังคันโยกใต้เบาะรองนั่ง เพื่อเลื่อนถอยหลัง เพิ่มพื้นที่ตำแหน่งวางขาอีก 140 มิลลิเมตร แถมยังสามารถพับราบลงกับพื้นได้ มีพนักวางแขนตรงกลาง พร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด และยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX มาให้

ตำแหน่งของเบาะหลัง สูงอยู่ในระดับพอเหมาะ สะดวกต่อการก้าวเข้า – ออกจากรถ พนักพิงหลังของรุ่นปกติ กับรุ่น AMG อาจมีงานออกแบบแตกต่างกันเล็กน้อย แต่เมื่อนั่งลงไป จะให้สัมผัสที่ไม่ต่างกันนัก คือ ตัวพนักพิงจะแน่น เกือบแข็ง แต่แอบนิ่มเฉพาะพื้นผิวด้านนอก กับบริเวณตรงกลางที่ใช้รองรับช่วงกลางหลัง ส่วนปีกข้างของเบาะหลังทั้ง 2 ฝั่ง แข็งมาก

พนักวางแขนแบบพับเก็บได้ สามารถวางท่อนแขนได้สบายพอดีๆ ไปจนถึงช่วงข้อศอก มาพร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง แยกอิสระในการดึงออกมาหรือเลื่อนพับเก็บได้ ส่วนพนักศีรษะนั้น เหมือนจะนิ่ม แต่แกนข้างใน แข็งหน่อยๆ พิงหัวไม่ถึงกับสบายนัก ส่วน เบาะรองนั่ง เหมือนจะยาว แต่จริงๆแล้ว สั้น มีความนิ่มมาให้แค่ท่อนบนบางๆ แต่พอนั่งลงไปเต็มๆบั้นท้าย จะพบว่าฟองน้ำของเบาะรองนั่ง แน่นแข็ง เอาเรื่อง

จุดเด่นสำคัญของ GLB คือพื้นที่เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (Rear Headroom) ซึ่งมีเหลือเยอะเอาเรื่อง ในระดับ 4 นิ้วมือในแนวนอน (สำหรับคนตัวสูง 170 เซ็นติเมตร) ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่วางขา (Legroom) ซึ่งยังเหลือเยอะพอให้ผมสามารถนั่งไขว่ห้างได้ นี่คือสิ่งที่ บรรดา Mercedes-Benz ขนาด Compact Size รุ่นก่อนๆ ไม่เคยให้คุณได้เท่านี้มาก่อน

สำหรับรุ่น 7 ที่นั่ง สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ เบาะนั่งแถวที่ 3 แบบแยกปรับ 50 : 50  พร้อมฟังก์ชัน EASY-ENTRY (เลื่อนเบาะนั่งแถว 2 ไปด้านหน้าได้ 90 มิลลิเมตร)  พร้อมช่องวางแก้วน้ำตรงกลาง เข็มขัดนิรภัย ELR ­3 จุด และจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของมัน ก็คือ การเข้า – ออก ต้องใช้วิธีดึงเชือกปลดล็อกคันโยก บริเวณด้านข้างตอนล่างของพนักพิงเบาะแถว 2 เพื่อโน้มตัวพนักพิงมาข้างหน้า จากนั้น ใช้มือ คลำหาคันโยกแนวยาวที่ใต้เบาะรองนั่ง ดึงเพื่อเลื่อนชุดเบาะให้เลื่อนขึ้นมาข้างหน้า ซึ่งก็มีช่องวางเล็กมากสำหรับให้ปีนเข้าไป

ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่สำหรับโดยสาร ของเบาะแถว 3 นั้น Mercedes-Benz ระบุมาให้แล้วในเอกสาร Press Kit สำหรับสื่อวลชนว่า เบาะนั่งแถวที่ 3 เหมาะสำหรับผู้โดยสาร ความสูงไม่เกิน 168 เซนติเมตร เท่านั้น

พอดีว่า ในคณะสื่อมวลชนของเรา มีผู้อาสาลองนั่งให้ดู นั่นคือ พี่หน่อย ภูวนาท เผ่าจินดา จาก Website Auto Thailand นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (TAJA) ซึ่งมีความสูง 168 เซ็นติเมตร พอดี เลยอยากลองเข้าไปนั่งดูให้พวกเราได้เห็น ผลลัพท์ก็คือ แม้ว่าพื้นที่เหนือศีรษะ จะเหลือบานตะเกียงมากๆอย่างที่เห็นในภาพข้างบน

แต่สำหรับพื้นที่วางขานั้น ขนาดผมปรับเลื่อนเบาะแถว 2 ขึ้นมา จนสุดราง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผมยังสามารถวางขาได้อย่างไม่กระเบียดกระเสียดจนเกินไปนัก ผลก็คือ ขาของพี่หน่อย ชนและติดกับด้านหลังพนักพิงเบาะแถวกลาง พอดี! ตัวเบาะนั้น กดลงไปจังหวะแรกจะเข้าใจว่านิ่ม แต่เอาจริงๆแล้ว มันก็แข็งพอประมาณ เป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งพนักพิงหลัง และเบาะรองนั่ง ไม่เพียงเท่านั้น พนักศีรษะ ยังปรับระดับได้แค่ตำแหน่งเสียงสูด เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถล็อกตำแหน่งอื่นใดได้อีก

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผมจึงต้องขอยืนยันกับคุณผู้อ่านทุกท่านว่า “เบาะแถว 3 นั่งได้จริงอยู่ แต่ขอแนะนำว่า เก็บไว้ให้บุตรหลาน หรือพี่เลี้ยงเด็ก เท่านั้น! อย่าคิดจะไปนั่งเพื่อเดินทางไกลยาวๆ ให้กระดูกสันหลังมันพังเล่นเลย”!

Previous Post

N2807044_เพ อนสน ทแบบไหนท องชนก นได ขนาดน_part2

Next Post

N2807042_สมน ำหน ๅอ แม วจอมกวนท_part2

Next Post
N2807042_สมน ำหน ๅอ แม วจอมกวนท_part2

N2807042_สมน ำหน ๅอ แม วจอมกวนท_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.