• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0909022_ณเช เร อง7ป อาภรรพ ไหม_part2

admin79 by admin79
September 6, 2025
in Uncategorized
0
N0909022_ณเช เร อง7ป อาภรรพ ไหม_part2

เว้นช่วงไปอีกราวๆ 4 เดือน ใครที่คิดหรือวางแผนจะซื้อรถยนต์นั่งขนาดกลางค่อนใหญ่
ในพิกัดระดับ D-Segment เตรียมจับตาดูการเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน Full ModelChange
ของ Nissan TEANA ใหม่ให้ดี เพราะคราวนี้ นอกจากจะยกตัวถังมาจากซีดานรุ่นกลาง
อย่าง Nissan ALTIMA ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกามาขายกันแล้ว ยังมีการปรับโฉม
รูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า และบั้นท้าย ให้ต่างจาก Altima ให้เข้ากับรสนิยมคนเอเซียที่เน้น
ความหรูหรา มากยิ่งขึ้น ขุมพลังจะเป็นบล็อกใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะ รุ่น 2.5 ลิตร จะ
เปลี่ยนจากบล็อก V6 ตระกูล VQ มาเป็นเครื่องยนต์รหัส QR25DE บล็อก 4 สูบ DOHC
16 วาล์ว 2.5 ลิตร พร้อมระบบแปรผันวาล์ว CVTC ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร ก็จะเป็นเครื่องยนต์
บล็อกใหม่ อีกเช่นกัน ทั้งคู่จะยืนหยัดกับระบยบขับเคลื่อนล้อหน้า เชื่อมเกียร์อัตโนมัติ
Xtronic CVT ในเบื้องต้น ยังไม่มีระบบ HYBRID มาให้เลือก แต่ในอนาคตนั้น ถือว่า
ยังมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่เราจะได้เห็น Teana HYBRID บนถนนเมืองไทย แต่
นั่นต้องรอหลังการเปิดตัว ครั้งแรก ในเดือน สิงหาคม 2013 ผ่านพ้นไปสักระยะหนึ่ง

ส่วน Nissan Juke ยังพอจะมีวี่แววในการทำตลาดบ้านเราอยู่ แม้ว่าจะต้องนำเข้ามาจาก
อินโดนีเซีย และวางเครื่องยนต์ HR16DE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ ที่ไม่เหมือนกับ Juke ใน
ตลาดอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ก็ตาม ปัญหาสำคัญเหลืแค่ การตั้งราคาขายให้เหมาะสมกับการ
ยอมรับของกลุ่มลูกค้า ซึ่งน่าจะเป็น คนโสด อายุ 25 – 35 ปี มากกว่าที่จะเป็นครอบครัว
ขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามกำหนดการเปิดตัว ยังมีความไม่แน่นอน ถ้าลงตัวเราจะได้เห็น
Juke เวอร์ชันไทย ในปี 2013 แต่ถ้าสิ้นปีนี้ ไม่ได้เห็นกันอีก คงต้องบอกลารถรุ่นนี้กัน
ไปอย่างถาวรแล้วละ! เพราะกระแสความต้องการ ก็ลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ มาตลอด 2 ปี
ที่มีข่าวชิ้นนี้ออกมา

ย่างเข้าปี 2014 จะถึงเวลาตลาดรถกระบะในบ้านเรา กลับมาคึกคักอีกครั้ง และหนึ่งใน
ผู้เล่นตัวสำคัญอย่าง Nissan เอง ก็อยู่ในระหว่างเตรียมตัวส่ง Navara รุ่นเปลี่ยนโฉม
ใหม่หมดทั้คัน Full ModelChange ออกสู่ตลาดโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2014
แต่สำหรับบ้านเรานั้น ยังไม่แน่ชัดว่า จะมาถึงในช่วงใดของปี 2014 ว่ากันว่าคราวนี้
Nissan จะเล่นเกม Engine Downsizing ในตลาดกลุ่มนี้ ด้วยการยกขุมพลังใหม่จาก
Renault แบบ Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.3 ลิตร Common Rail พ่วงด้วย
Turbo และ Intercooler มาวางลงใน Navara รุ่นต่อไป พละกำลังจะแรงระห่ำโลก
ไปถึง 200 แรงม้า (PS) ซึ่งนั่นเท่ากับ Mazda BT-50 PRO และ Ford Ranger 3.2
Wildtrak รุ่นปัจจุบันเลยทีเดียว! ทั้งที่มีความจุกระบอกสูบ น้อยกว่ากันถึง 1 ลิตร!!
ส่วนเวอร์ชันส่งออก จะเป็นรุ่น Twin Turbo แรงเพิ่มขึ้นได้อีก 10 แรงม้า รวมเป็น
210 แรงม้า (PS)!! แต่ คงจะไม่ทำตลาดในไทย (มามุขเดียวกับ เครื่องยนต์ Diesel
Twin Turbo ของ Isuzu D-MAX ที่มีไว้เพื่อตลาดส่งออกเท่านั้น) ส่วนเฟรม
แชสซีส์ จะยังเน้นความแข็งแก่ง ทนทรหด เพื่องานบรรทุกตามเดิม แต่จะเสริม
ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยที่มีปัจจัยเรื่องต้นทุน มาเกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะ เนื่องจาก
Navara รุ่นปัจจุบันนั้น ขายได้เรื่อยๆ แต่กำไรต่อคัน น้อยมาก หรือแทบไม่เหลือ
เลยด้วยซ้ำ ดังนั้น การลดต้นทุน แต่ยังคงรักษามาตรฐานของตัวรถไว้ให้ได้อย่างดี
จึงเป็นโจทย์หินสำหรับทีมวิศวกรของ Nissan ในครั้งนี้

ตามด้วยการปรับโฉม Minorchange ให้กับ Nissan ALMERA ECO Car Sedan
ที่ขายดีสุดในตลาดบ้านเราตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง
รายละเอียดของตัวรถ ซึ่งยังห่างไกลจากข้อสรุปก่อนการผลิตออกขายจริงกัน
ถึง 1 ปี เศษ ดังนั้น ไว้พอถึง ปี 2014 เราค่อยมาพูดถึงกันอีกครั้ง ก็ยังไม่สาย

แต่ใช่ว่าจะหมดเพียงเท่านี้ Nissan ยังเตรียมขอท้าชิงตลาด SUV อีกครั้ง ด้วยการ
นำ X-Trail รุ่นต่อไป Full ModelChange มาประกอบขายในเมืองไทย X-Trail
รุ่นใหม่ จะถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้พื้นตัวถังใหม่ล่าสุด ที่ชื่อ CMF1 ซึ่งถูกพัฒนาขึ้น
สำหรับรถยนต์ในพิกัด C-Segment และ D-Segment ของทั้ง Renault และ
Nissan ตั้งแต่ ปี 2013 เป็นต้นไป ในแนวทางคล้ายคลึงกับพื้นตัวถัง MQB ของ
Volkswagen Group นั่นเอง  ตัวรถนั้น ดูรูปร่างได้จาก รถยนต์ต้นแบบคันสีเขียว
Hi-Cross Concept ซึ่งเผยโฉมมาตั้งแต่ งาน Geneva Motor Show เมื่อเดือน
มีนาคม 2012 ส่วนงานวิศวกรรมและคาดว่าจะวางขุมพลัง QR25DE พร้อมเกียร์
อัตโนมัติ Xtronic CVT จาก Teana 2013 มาติดตั้งให้ กำหนดเปิดตัว น่าจะ
อยู่ในช่วงกลางปี 2014 ที่สำคัญ X-Trail ใหม่ จะมาในรูปแบบรถยนต์ Urban 
SUV 7 ที่นั่ง ไม่ใช่แค่ 5 ที่นั่ง เหมือน ทั้ง 2 รุ่นก่อนหน้านี้ ที่แน่ๆ Honda
CR-V , Mazda CX-5 และ Chevrolet Captiva เตรียมหนาวได้เลย!

และเพื่อให้เป็นไปตามแผนการ ที่จะเป็นผู้นำในตลาด SUV Nissan ก็เตรียมจะ
พัฒนา Navara SUV / PPV ออกมา เพื่อท้าชนกับทั้ง Toyota Fortuner
Mitsubishi Pajero Sport , Isuzu MU-7 , Chevrolet Trailblazer และ
Ford Everest โดยใช้เครื่องยนต์กลไก เฟรมแชสซี และงานวิศวกรรมต่างๆ ยกชุด
มาจาก Navara 2014 นั่นเอง กำหนดเปิดตัว คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในปี 2015

ส่วน Nissan LEAF เราอาจต้องรอ ให้ BOI เคาะแผน Green Car Project
ให้เป็น Product Champion ราวยการที่ 3 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ต่อจาก รถกระบะ และ ECO Car เสียก่อน ดังนั้น ในปี 2014 หากภาครัฐ
และเอกชน ทั้ง ปตท. และการไฟฟ้าทั้งฝ่ายผลิต และนครหลวง สามารถ
หาข้อตกลงร่วมกัน ในการจัดสร้าง สถานีชาร์จไฟ ตามจุดต่างๆ ทั่ว กทม.
และปริมณฑล ได้ โอกาสที่ Nissan จะสั่ง นำเข้า LEAF จากญี่ปุ่น เข้ามา
ขายในช่วงแรก ก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่ตอนนี้ ยังมืดแปดด้านอยู่

———————————–

PEUGEOT
2013 : RCZ Minorchange ?

ค่ายเสือสำอางค์เมืองน้ำหอม ภายใต้การดูแลของ บริษัท ยูโรเปียน ออโตโมบิลล์ จำกัด อดีต
บริษัทในเครือยนตรกิจ ที่ตอนนี้ แยกตัวจากกลุ่ม เดิมเรียบร้อยแล้ว เริ่มโปรโมทลงโฆษณา
ตามสื่อต่างๆให้เห็นมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ เล็กน้อย ส่วนใหญ่ เน้นการทำตลาด 207 Sedan
รวมทั้ง บรรดารถตู้แปลกๆ จากยุโรป เช่น Peugeot Bipper คันละ ล้านกว่าบาท กับชายกลาง
อย่าง Peugeot Partner รวมทั้ง เริ่มสั่งนำเข้า C-Segment Compact Sedan รุ่น 408 หรือที่
รู้จักกันในรหัสโครงการ T73 จากโรงงานในมาเลเซีย ซึ่งช่วยให้ค่าตัว รุ่น เบนซิน 2.0 ลิตร
เหลือเพียง 1 ล้านบาทนิดๆ ขณะที่รุ่น 1.6 Turbo ก็จะแพงขึ้นกว่าเดิมอีกไม่เยอะนัก แถม
ยังมีจุดเด่นที่ ประตูทางเข้าออก สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง จะกว้างใหญ่สุดในตลาดกลุ่ม
C-Segment เมืองไทย และมีพื้นที่วางขาใหญ่อลังการมากที่สุดด้วยเช่นกัน

ปี 2013 นั้น เป็นไปได้ที่เราอาจเห็นการนำเข้า Peugeot RCZ รุ่นปรับโฉม Minorchange
ที่เพิ่งจะเผยโฉมในงาน Paris Auto Salon และเพิ่งเผยภาพถ่ายของเวอร์ชันจำหน่ายจริง
ออกมา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2012 กันหมาดๆ รายละเอียดที่ต่างจากรถรุ่นเดิม หนีไม่พ้น
กระจังหน้าพร้อมเปลือกกันชนหน้า เอกลักษณ์ใหม่ของ Peugeot และชุดไฟท้าย รวมทั้ง
รายละเอียดการตกแต่งภายในอีกพอสมควร ค่าตัวน่าจะเพิ่มจาก 2.95 ล้านบาท ไปนิดหน่อย

ส่วน Peugeot 4008 ซึ่งก็คือ Mitsubishi RVR / ASX เปลี่ยนหน้าตาใหม่ในสไตล์ Peugeot
เรายังคงไม่ได้เห็นกันแน่ๆ

——————————————

PORSCHE
2013 : Cayman / Macan Cpmpact SUV (Based on Q5)
2014 :  918 Spyder / Macan Coming to Thailand
2015 :  Project “960”

ปี 2012 ที่ผ่านมา ผู้แทนจำหน่าย Porsche อย่างเป็นทางการ AAS Auto Service เริ่มมีนโยบายชี้แจง
ให้ลูกค้าเห็นความเสี่ยงในการซื้อรถยนต์นำเข้า จากผู้ค้ารายย่อย Grey Market นอกเหนือจากเรื่อง
การดูแลลูกค้า ด้วยบริการหลังการขาย และการอัพเดทเครื่องมือซ่อมต่างๆ และฝึกอบรมช่างซ่อมให้
ชำนาญยิ่งขึ้นแล้ว ยังเจริญรอยตามผู้ผลิตร่วมชาติชาวเยอรมัน อย่าง Mercedes-Benz ในการออกมา
ประกาศว่า รถยนต์ Diesel จาก Grey นำเข้าจากยุโรป ใช้มาตรฐานมลพิษ Euro 5 ไม่ได้ออกแบบให้
รองรับกับน้ำมัน Diesel ในประเทศไทย ซึ่งใช้มาตรฐานมลพิษต่ำกว่า คือ Euro 4 ในระยะยาวอาจ
ก่อปัญหากับเครื่องยนต์ได้ แถมพ่วงกับการตัดสินใจจะไม่รับบริการหลังการขาย สำหรับรถยนต์ที่
ลูกค้าซื้อจากผู้นำเข้ารายย่อยมา เพื่อตัดปัญหาความปวดหัวนานับประการอันอาจจะตามมาแล้วนั้น

ขณะเดียวกัน ปีที่แล้ว AAS เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่นรวด ในปีเดียว ทั้ง Porshce 911 ใหม่ กับ
น้องเล็กรุ่น Boxster เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน  (ซึ่งทั้ง 2 รุ่น หาอ่านรีวิวแบบ First Impression ได้ใน
Headlightmag.com ของเรา)

ปี 2013 คาดว่า รุ่นเปิดประทุนของ 911 จะตามเข้ามา อีกทั้งยังมี น้องเล็ก รุ่น Cayman หลังคาแข็ง
ที่เพิ่งเผยโฉมในต่างประเทศไปหมาดๆ นักเลงรถชาวไทยน่าจะได้สัมผัสเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวา
ครบทั้งรุ่น Cayman 2.7 ธรรมดา และรุ่น Cayman S เครื่อง 3.4 ลิตร ซึ่งก็ยกชุดถอดใส่กันได้กับ
น้องเล็กรุ่นเปิดประทุน Boxster ใหม่ล่าสุดนั่นเอง

ส่วนช่วงกลางปี ถึง ปลายปี ในยุโรป จะเป็นคิวของ 911 Turbo ขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งวางเครื่องยนต์
Boxer 6 สูบนอน 3.8 ลิตรที่ยกจากรุ่นเก่า 997 มาปรับปรุงจนเป่าเสกให้แรงได้ถึง 540 แรงม้า (HP)
แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร แต่นี่ยังไม่ใช่เวอร์ชั่นแรงที่สุด เพราะ Porsche ยังแอบซ่อนมีดดาบ
ไว้หลังเอวก่อนที่จะเผยโฉมรุ่น Turbo S ซึ่งอาจมีแรงบิดมหาศาลถึง 750 นิวตันเมตร ตามมาอีก

ไม่เพียงเท่านั้น ในยุโรป 918 Spyder รถสปอร์ต Plug-in Hybrid ที่ใช้งานได้ทั้งน้ำมันเบนซิน
และ เสียบชาร์จกับปลั๊กไฟบ้าน วางขุมพลัง V8 DOHC 32 วาล์ว 3,400 ซีซี 500 แรงม้า (PS)
ติดตั้งอยู่กลางลำตัว (Mid-Engine) เกียร์อัตโมัติ  Dual Clutch PDK 7 จังหวะ ถ่ายทอดกำลังสู่
มอเตอร์ 2 ตัว ที่ล้อคู่หน้า และ อีก 1 ตัว ที่ล้อคู่หลัง อีก 218 แรงม้า (PS) รวมกันแล้วแรงเกือบๆ
800 แรงม้า (BHP) ก็ใกล้จะพัฒนาเสร็จแล่ว สเป็กคร่าวๆหลังการทดสอบในตอนนี้ ความเร็ว
สูงสุดได้เกิน 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง และในสนามแข่ง Nurburgring 918 Spyder สามารถทำ
เวลาได้ ในช่วง 7 – 10 วินาที ได้แล้ว คาดว่าในปีนี้ จะได้เห็นเวอร์ชันจำหน่ายจริง กันเสียที
และคาดว่าน่าจะมาถึงเมืองไทย ปี 2014

ส่วนโครงการพัฒนา Crossover SUV ขนาดเล็กกว่า Cayenne บนพื้นฐานวิศวกรรมร่วมกับ
Audi Q5 ในชื่อ Porsche Cajun ตอนนี้ ได้เปลี่ยนชื่อรุ่นมาเป็น Porsche Macan แล้ว พูดให้
เข้าใจง่ายๆ มันคือ การนำเอา Cayenne รุ่นล่าสุด ไปย่อส่วน ให้นั่งได้ 5 คน และทำตลาดใน
ราคาถูกกว่าเดิมอีกด้วย อาจกลายเป็น Porsche ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยมีมา ก็เป็นได้ โครงการ
Macan มีกำหนดจะเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริงได้ ในปี 2013 และน่าจะมาถึงเมืองไทยใน
ปี 2014 เช่นเดียวกับ 918 Spyder

ในปี 2015 Porsche ยังเตรียมจะพัฒนารถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางขนาดกลางค่อนข้างใหญ่
รุ่นใหม่ ในรหัสโครงการ 960 ซึ่งแม้ว่า ภาพรวมแล้ว มันคือการนำ Porsche Cayman มาขยายร่าง
แต่เป้าหมายของมัน คือ ถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับ Ferrari 458 Italia หรือรถ Super Car ในระดับ
เท่าๆกัน เช่น Lamborghini Gallado Full Model Change รถคันนี้ต้องคอยดูว่า จะเข้ามาเมืองไทย
ในปี 2015 หรือ 2016 ?
 
——————————————–

PROTON
2013 : Preve Hatchback ?
 
Danny Bahar อดีตผู้กุมบังเหียน Lotus ในช่วงที่ถูก Proton ขายกิจการไปให้กับ DRB-HICOM เคย
ให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร Car Magazine ช่วงเดือนเมษายน 2012 เก่ยวข้องกับ Lotus ไว้ตอนหนึ่ง
ว่า “รถยนต์รุ่นต่อไปของพวกเขานั้น น่าตื่นตาตื่นใจมาก ดังนั้น ในอีก 5-6 ปีนับจากนี้ อนาคตของ
Proton จะสดใสอย่างมาก”

จริงเหรอ?

มันอาจจะจริง ที่มาเลเซีย แต่ กับเมืองไทย ยังไม่อาจพูดได้เต็มปากนัก แม้ว่าปีที่ผ่านมา Proton จะ
ส่งรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น มาเปิดตัวในเมืองไทย ทั้งรุ่นปรับโฉมของ Minivan อย่าง Exora ที่เพิ่ม
ทางเลือกใหม่ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbo และล่าสุด ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปในงาน
Motor Expo นั่นคือ C-Segment Compact Sedan คันใหม่ อย่าง Proton Preve ซึ่งเป็นพัฒนาการ
ก้าวกระโดดครั้งสำคัญของ Proton ในการยกระดับคุณภาพการออกแบบ การใช้ชิ้นส่วน และการ
ประกอบจากโรงงานในมาเลเซีย แต่ บรรยากาศของบูธ Proton ถือว่ายังค่อนข้างเงียบเหงาอยู่
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา PNA พระนครยนตรการ ในฐานะผู้ดูแลการตลาด ภายใต้การสอดส่อง
ของ Proton Thailand บริษัทซึ่ง ทางบริษัทแม่ เข้ามาตั้งกิจการไว้คอยดูความเคลื่อนไหวของ
ตลาดเมืองไทย ก็ยังคงทำผลงานออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งด้านยอดขาย และการสร้างความ
พึงพอใจให้กับลูกค้าด้านบริการหลังการขาย

แต่นับจากการเปิดตัว Preve เป็นต้นไป เชื่อแน่ว่า Proton อาจกลับเข้าสู่ยุครุ่งเรืองได้อีกครั้ง
ที่แน่ๆ ในปี 2013 นี้ เราอาจได้พบกับ รุ่นเปลี่ยนโฉมของ Proton Gen 2 ในชื่อว่า Preve
Hatchback 5 ประตู ซึ่งกำลังออกแล่นทดสอบเก็บข้อมูล ตามถนนหนทางในมาเลเซีย และ
ถูกบรรดา ตากล้องสมัครเล่นฝีมือดี บันทึกภาพไว้ได้อยู่เนืองๆ หากรถคันนี้จะเข้ามาเปิดตัว
ในบ้านเรา อาจต้องรอไปจนถึง ไตรมาส 3 หรือเกินกว่านั้น ที่สำคัญ ยังต้องดูยอดขายของ
Preve เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะบ่งบอกอนาคตของ Preve Hatchback ได้เป็นอย่างดี

——————————————–

Rolls Royce
2013 : Phantom-II MY2013 / Ghost MY2013 /
2014 : Ghost Coupe (Corniche) ?

ปี 2012 เป็นปีแรกที่ กลุ่ม Millenium จัดตั้งโชว์รูม Rolls Royce Motor Car Bangkok ขึ้นอย่างเป็น
ทางการ ที่ริมถนนพระราม 3 ใกล้สะพานแขวน พระราม 9 และได้รับความสนใจจากลูกค้าผู้มี
รายได้สูง และประวัติการเงินสะอาดดี เป็นจำนวนมาก

สำหรับปี 2013 นั้น RR เป็นค่ายเดียวที่ยังอุบเงียบอยู่ และยังไม่มีแผนอะไรมากมายนัก นอกจาก
การเผยโฉมรุ่น Phantom -II รุ่นปี 2013 ซึ่งเผยออกมาแล้ว ในงานแสดงรถยนต์คลาสสิกที่ Pebble
Beach ในสหรัฐอเมริกา พร้อมๆกับ Ghost รุ่น ปี 2013

อีกรุ่นหนึ่งที่น่าจับตามอง คือ Ghost Coupe ซึ่งอาจจะใช้ชื่อ Corniche ที่กำลังแล่นทดสอบอยู่ใน
สนาม Nurburgring ที่เยอรมัน ขุมพลังจะเป็นแบบ  V12 สูบ 6.6 ลิตร Twin-Turbo แรงทะลุใจ
ถึง 600 แรงม้า (HP) มีกำหนดออกสู่ตลาดโลกในช่วงกลางปี 2013 แต่ยังไม่แน่ใจว่า จะมาถึง
เมืองไทย ปี 2014 หรือไม่?

SKODA
2013 : Rapid (New Global Model…Not an Indian version at all!)
           New Octavia
2014 : New Octavia RS ?

ปี 2012 ถือเป็นปีที่ Skoda เริ่มมีกิจกรรมกับลูกค้าบ้างแล้ว ทั้งการจัดงาน Test Drive ร่วมกับ
www.Headlightmag.com ของเรา ช่วง ปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือการจัดงานทดลองขับที่
สนามพีระฯ เมื่อช่วงไม่กี่เดือนก่อนปีใหม่ ยอดขายในภาพรวม ถือว่าเติบโตขึ้นกว่าก่อน
และเริ่มมีลูกค้าที่มั่นใจในแบรนด์ Skoda และ DAD Yontrakit มากขึ้น ว่าจะไม่ทอดทิ้ง
พวกเขากันเหมือนแต่ก่อนอีก เพราะแม้ว่าที่ผ่านมา บริการหลังการขายถูกยกระดับขึ้น
กว่าแต่ก่อน และลูกค้าพึงพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากที่กลัวชื่อเสียเดิมๆ
จากคนในตระกูล กลุ่มอื่น กันอยู่ ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาและความตั้งใจมากกว่าปกติในการ
ลบล้างความเชื่อเดิมๆนี้ทิ้งไป

หลังจากที่ Yeti , Fabia 1.2 / Fabia RS และ Superb ทั้ง Sedan และ Combi เริ่มมี
ยอดขายมากขึ้น ก็ถึงเวลาจะต้องหารถยนต์ขนาดกลาง มาอุดช่องว่างอีกสักรุ่นหนึ่ง ขณะนี้ Skoda
อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ในการนำ Rapid รถยนต์นั่ง พิกัด C-Segment
Compact รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปแล้วในยุโรป ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และเป็นคนละรุ่น
กันกับ Rapid เวอร์ชัน อินเดีย ที่คลอดออกมาเมื่อปี 2011

แม้ตอนนี้ ยังไม่มีการกำหนดสเป็กตายตัว แต่คาดว่า เวอร์ชันไทย น่าจะวางเครื่องยนต์
เบนซิน 1.4 ลิตร TSI (Turbo) 122 แรงม้า (PS) ลูกเดียวกันกับ Audi A1 ซึ่งมี
สมรรถนะแรงพอและเหลือเฟือสำหรับการขับขี่ทั้งในเมือง หรือเดินทางไกล แต่ปัญหา
ที่สำคัญก็คือ ออพชันที่เมืองนอกมีมาให้นั้น ค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับราคารถที่ลูกค้า
ต้องจ่าย

ดังนั้น อีกรุ่นหนึ่ง ที่อยู้ในข่ายเตรียมพิจารณากันอยู่ คือ Octavia ใหม่ ที่เพิ่งจะเผยโฉม
กันไปหมาดๆ ช่วงเดือนธันวาคมนี้เอง โดยเฉพาะรุ่นที่น่าสนใจที่จะนำเข้ามาทำตลาด
เอาใจกลุ่มลูกค้าที่รักความแรงคือ Skoda Octavia RS ซึ่งยังมีเพียงแค่ภาพหลุดออกมา
เท่านั้น ยังไม่มีข้อมูลอื่นใดที่ชัดเจนในตอนนี้

จากนี้ก็ต้องรอดูความชัดเจนจากทั้งทาง เชคฯ และ DAD Yontrakit ว่าจะพร้อม
สั่งนำเข้า Rapid กักับ Octavia ใหม่ได้ในช่วงใดของปีนี้

——————————————–

SSANGYONG
2013 – 2016 : 5 Facelift / Minorchange & 4 New Model

ความเคลื่อนไหวที่สำคัญของ ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 4 จากเกาหลีใต้ ในเมืองไทย คือการ
เปิดตัว Ssangyong Stavic ขุมพลังใหม่ Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี Turbo
Common-Rail 155 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่
1,500-2,800 รอบ/นาที หัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิงได้รับการพัฒนาใหม่ผ่านมาตรฐานไอเสีย
Euro 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์เพียง 157 กรัม /กิโลเมตร ราคา 1.58 ล้านบาท
เมื่อเดือนกันยายน 2012 รวมทั้งรุ่น Black Edition ราคาเดียวกัน แต่อัดแน่นอุดมด้วย
สารพัดออพชัน ในงาน Motor Show ช่วงเดือนมีนาคม 2012

ขณะเดียวกัน ในต่างประเทศ ภายหลังจากที่ Ssangyong Motor ถูกซื้อกิจการโดยกลุ่ม
บริษัทอุตสาหกรรม Mahindra & Mahindra จากอินเดีย ซึ่งชนะการประมูลสำเร็จ ก็เริ่ม
มีความเคลื่อนไหวออกมาบ้าง ทั้งการตั้งแผน Promise 2013 ว่าจะออกรถยนต์รุ่นใหม่
แบบปรับโฉม Minorchange รวมทั้งหมด 5 รุ่น และทำยอดขายให้ได้ 150,000 คัน/ปี
ภายในปี 2013 และจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หมดทั้งคัน และรุ่น Full ModelChange
รวม 4 รุ่นรวด สร้างยอดขายระดับ 300,000 คัน ให้ได้ ภายในปี 2016 รวมทั้งรถยนต์
ไฟฟ้า EV และบรรดารถยนต์ SUV ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ มลพิษต่ำ อีกด้วย

แต่ในเมืองไทย หลังจากที่เผยโฉม Korando เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ก็ยังไม่มีรถยนต์
SUV รุ่นใหม่ๆ คันอื่น เปิดตัวกันเท่าใดเลย ขณะที่ศูนย์บริการ ก็ยังคงทำหน้าที่ดูแล
ซ่อมบำรุงรถยนต์ของลูกค้าไปเรื่อยๆ จนความเคลื่อนไหว จะเริ่มเงียบหายแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังเผยโฉม รถยนต์ต้นแบบ Ssangyong XIV-1 ในงาน Frankfurt Motor
Show เดือนกันยายน 2011 Ssangyong ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ Ssangyong XIV-2
ในงาน Geneva Motor Show เดือนมีนาคม 2012 อันเป็นต้นแบบของ Crossover SUV
ในพิกัดตัวถัง B-segment (พิกัดเดียวกับ Nissan Juke นั่นเอง) ซึ่งรถคันนี้คือ เวอร์ชัน
ต้นแบบ ของรถยนต์ Premium Compact Crossover SUV ที่ Ssangyong กำลังมุ่งหน้า
ที่จะพัฒนาสู่การออกจำหน่ายจริง ในตลาดโลกช่วงปี 2013 ขึ้นไป และเราคงต้องรอดู
กันว่า Ssangyong ในไทย ก็คงตัดสินใจได้ว่า จะสั่งนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่ดังกล่าว
เข้ามาขายในเมืองไทย หรือไม่

——————————————–

SUBARU
2013 : เน้น XV เสริมทัพด้วย Forester 2.0 iL และ Outback MY2013
            Impreza GC ไม่มา!

แม้จะเงียบกันมาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ถือเป็นการอยู่นิ่งๆ ปรับองค์กร เปลี่ยนถ่ายคนทำงาน เพื่อรองรับ
กับงานใหญ่ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ อีกหลายปีข้างหน้า

การเปิดตัว Subaru XV ในช่วงงาน Motor Expo ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้สำคัญ ของ Subaru ในเมืองไทย
เพราะการเตรียมแผนล่วงหน้ามาหลายปี ทำให้ Tan Chong Group สามารถนำชิ้นส่วน CKD ไปยัง
โรงงานของตนในมาเลเซีย ประกอบออกมาเป็นรถยนต์สำเร็จรูป ส่งมาขายในบ้านเรา ได้สำเร็จ
แถมยังตั้งราคาได้ต่ำ ด้วยการผ่านข้อกำหนดสิทธิพิเศษ AFTA มาอย่างสบายๆ ขายราคาถูกกว่าที่คิด
เพียง 1.35 ล้านบาท กวาดยอดของกันไป มากถึง 460 คัน (นับจนถึงเดือนธันวาคม 2012) งานนี้
ได้แต่หวังให้ T.C. Subaru บริษัทที่กลุ่ม Tan Chong สิงค์โปร์ ตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อดูแลบริหารงาน
ขายและทำตลาด Subaru ในบ้านเรา สามารถสั่งนำเข้ารถยนต์มาส่งมอบให้ลูกค้าได้โดยเร็วที่สุด

แต่การมาถึงของ XV อาจต้องทำให้ Impreza รุ่นใหม่ จะไม่ถูกสั่งนำเข้ามาในเมืองไทย เพราะ
ตอนนี้ Subaru ต้องการเปลี่ยนแนวการทำตลาด มุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าครอบครัวมากขึ้น จากเดิม
ที่เน้นแต่กลุ่มลูกค้าผู้รักความแรง ในเมื่อ Impreza ใหม่ สั่งเข้ามาแล้ว อาจเจอกลุ่มลูกค้าทับซ้อน
กันกับ XV แถมยังมีค่าตัวแพงกว่า เพราะต้องสั่งนำเข้าจากญี่ปุ่น ทำให้ท้ายสุด แผนสั่งนำเข้า
Impreza รุ่นใหม่ จึงถูกระงับไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วน Subaru BRZ คู่แฝดของ Toyota 86 ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ T.C. Subaru ตัดสินใจนำเข้ามา ทั้งที่
ตอนแรกมีกระแสข่าวว่าจะไม่ทำตลาดในบ้านเรา แต่อย่างว่า กระแสดีขนาดนี้ ไม่เอาเข้ามา ก็ผิด
วิสัยพ่อค้าไปสักหน่อยละ เน้นทำตลาด้วยรุ่น Premium เกียร์ธรรมดา คันละ 2.6 ล้านกว่าบาท

แล้วในปี 2013 พวกเขาจะมีรถใหม่รุ่นไหนบ้าง? ไม่ต้องห่วงครับ Forester ใหม่ล่าสุด ที่เพิ่ง
เปิดตัวสู่ตลาดญี่ปุ่น และสหัฐอเมริกา เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาหมาดๆ คือคำตอบ คราวนี้
ตัวรถถูกยกระดับ เพิ่มความสูง และเพิ่มบุคลิกความเป็น SUV ให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยใช้พื้นฐาน
งานวิศวกรรมร่วมกับ Impreza ใหม่ ละ XV เวอร์ชันไทย คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบนอน
BOXER 16 วาล์ว 2.0 ลิตร

อีกรุ่นหนึ่ง ก็คงต้องสั่งนำเข้ามาตามวาระ นั่นคือ พี่ใหญ่ Subaru Outback MY 2013 ที่เพิ่งอกสู่
ตลาดโลกไปได้ไม่นานพอกัน คาดว่าทั้ง 2 รุ่นนี้จะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ก่อนช่วงปลายปี
2013 เพราะยังไงๆ ปีนี้ จะต้องถือเป็นปีเด่นเด้งที่สุดของ XV ตามความตั้งใจของ Tan Chong
Group นั่นละ!

SUZUKI  
2013 : ERTIGA (APV Replacement)
2014 : New ECO Car Below Swift ! (Alto / Celerio Replacement)
2015 : Swift’s Based Sedan (Not Indian Swift DZire Sedan!)

2012 เป็นปีที่พลิกความคาดหมายอย่างมากมายก่ายกอง สำหรับ Suzuki เพราะกระแสของ Swift ใหม่
ทั้งในช่วงก่อน และหลังการเปิดตัวเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2012 ถือว่าร้อนแรง Suzuki คิดถูกที่ตัดสินใจ
ปรับตำแหน่งการตลาดของ Swift ให้ลงมาแข่งขันในกลุ่ม ECO Car ทั้งที่ตัวรถอยู่ในพิกัด B-Segment
ด้วยรูปโฉมของตัวรถ คุณภาพของชิ้นส่วนและการออกแบบภายใน รวมทั้งการเซ็ตช่วงล่างที่เหนือชั้น
และเครื่องยนต์ที่ถึงจะลดขนาดจาก 1.5 ลิตร เหลือ 1.2 ลิตร แต่ก็แรงน้อยลงกว่ากันไม่มากนัก แถมยัง
ประหยัดน้ำมันขึ้นอีกพะเรอเกวียน ทั้งหมดนี้ ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ Suzuki กลายเป็นผู้เล่นระดับ
หัวแถวในตลาดกลุ่ม ECO Car ได้สำเร็จ จากยอดจองข้ามปีที่ยังรออยู่อีกนับหมื่นคัน ล่าสุด ถ้าคุณ
คิดจะจอง Swift วันนี้ กำหนดรับรถเร็วที่สุด ก็คือ ไตรมาส 3 – 4 ของปี 2013 กันเลยทีเดียว! งานนี้
คนใน Suzuki เอง ก็ยังเหงื่อแตกพลั่กๆ ว่าตูข้าจะส่งมอบรถหมดเมื่อไหร่ว้าๆๆ

Suzuki SWIFT ใหม่ ที่จะผลิตขายในเมืองไทย ไม่ใช่รุ่นปัจจุบันที่นำเข้าจากอินโดนีเซีย มาขายกันอยู่
หากแต่เป็นรุ่นเปลี่ยนโฉม Full Modelchangeที่เพิ่งเปิดตัวไปในตลาดยุโรป เมื่อ 11 มิถุนายน 2010 และ
ออกขายในญี่ปุ่น เมื่อ 26 สิงหาคม 2010 ที่ผ่าน หรือเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ในทันทีที่เปิดตัว Swift ใหม่ ก็สามารถ
ผ่านการทดสอบการชนตามมาตรฐาน EURO NCAP ในระดับ 5 ดาว เมื่อ 1 กันยายน 2010 และยังรับรางวัล
2011 RJC Car of the year ไปเรียบร้อย เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2010 ตามติดกัน

สำหรับปี 2013 Suzuki จะกลับมาบุกตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ขนาดเล็กอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วย
การสั่งนำเข้า Suzuki Ertiga มินิแวน 7 ที่นั่ง บนพื้นฐานวิศวกรรมของ Suzuki Swift จากอินโดนีเซีย มา
มาทำตลาดในบ้านเรา ในฐานะ รุ่นเปลี่ยนโฉมทั้งคันของ Suzuki APV รถตู้โดยสาร 7 ที่นั่งจากพื้นฐาน
ของ Suzuki Carry คราวนี้ Ertiga จะถูกพัฒนาบนพื้นตัวถังแบบรถเก๋ง Swift ขยายฐานล้อให้ยาวขึ้นมาก
และมีเส้นสายได้รับอิทธิพลมาจาก Swift ใหม่อย่างชัดเจน ซึ่งก็รวมไปถึงชุดแผงหน้าปัดที่แทบจะถอด
สลับสับเปลี่ยนใส่กับ Swift ใหม่ได้เลยหลายชิ้น เวอร์ชันอินเดีย จะวางเครื่องยนต์ Diesel 4 สูบ 1.3 ลิตร
MultiJet 90 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ส่วนเวอร์ชันไทย คาดว่าจะวางเครื่องยนต์เบนซิน
รหัส K14B 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.4 ลิตร 94 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร กำหนดเปิดตัว
คาดว่าจะอยู่ในช่วง เดือนมีนาคม ก่อนงาน Bangkok International Motor Show จะเริ่มขึ้นไม่นานนัก
เหมือนเช่นเมื่อครั้งเปิดตัว Swift นั่นเอง ส่วนราคาขาย ใช้คำว่า แข่งขันในตลาดได้แน่ๆ และให้มองดู
ป้ายราคาของ Toyota Avanza เอาไว้ !

พอล่วงเข้าสู่ปี 2014 มีการปรับแผนจากที่เคยรายงานไปแล้วในบทความสรุปรถใหม่ 2012 – 2015 เมื่อ
ปีที่แล้ว เพราะล่าสุดแผนที่มีข้อสรุปชัดเจนแล้ว ก็คือ ECO Car รุ่นที่ 2 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า Swift จะคลอด
ตามออกมา

รถคันนี้ แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่า ถือเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉมของ Alto / Celerio เวอร์ชันตลาดโลก (คนละรุ่นกับ
Alto 660 ซีซี ในกลุ่ม K-Car ของ ญี่ปุ่น และคนละคันกับ Maruti Suzuki Alto 800 ที่เพิ่งเปิดตัวไปใน
อินเดีย) แต่ในความเป็นจริง เมื่อตจ้องพร้อมทำตลาดในไทย อาจถูกเปลี่ยนเป็นชื่ออื่น ดังนั้น ตอนนี้
จึงยังไม่สรุปว่าใช้ชื่อ Alto เอาเป็นว่า เบื้องต้นนี้ เรียกมันว่า Suzuki ECO Car รุ่นใหม่ ที่เล็กกว่า Swift
ไปก่อนแล้วกัน

ย่างเข้าสู่ปี 2015 รถยนต์นั่ง Sedan 4 ประตู พิกัด B-Segment ที่ใช้โครงสร้างวิศวกรรมพื้นฐานของ Swift
ก็จะเป็นคิวต่อไปที่รอเวลาเข้าสู่ช่วงทำคลอด แม้ตอนนี้จะยังไม่แน่ชัด ว่าจะใช้เครื่องยนต์ใด ทำตลาดใน
บ้านเรา ระหว่าง 1,200 หรือ 1,500 ซีซี แต่ความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในตลาดกลุ่ม 1,200 ซีซี นั้นมีมากกว่า
อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแง่ของการใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน เพื่อช่วยให้ต้นทุนการพัฒนาและการผลิตถูกลง
จนถึงตอนนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุด มีเพียงเสียงร่ำลือว่า เส้นสายตัวรถจะลงตัวกว่า Nissan Almera แต่
มีขนาดตัวถัง ยาวไล่เลี่ยกัน และเน้นความสบายในการโดยสารของทั้งเบาะหน้าและหลัง ให้ดีที่สุด
เหนือกว่าคู่แข่งทุกคันในตลาดกลุ่มนี้ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องออกแบบให้มีความยาวไม่เกิน 4 เมตร
อย่างที่ Honda Brio Amaze จำเป็นต้องเจอ เพราะในอินเดีย ก็มี Swift DZire ตัวถัง Sedan แบบสั้นกุด
ไม่เกิน 4 เมตรอยู่แล้ว ดังนั้น Sedan คันใหม่นี้ จึงถือว่าเป็น Global Small Sedan คันใหม่ของ Suzuki
อย่างแท้จริง!

——————————————–

(Illustration โดย Ku @ Thaicardesign.com)

TOYOTA / LEXUS
2013 : NEW VIOS  Full Model Change / ALL NEW ECO Car with the same old name “YARIS” /
           ALL NEW Corolla ALTIS / New Lexus IS
2014 : ALL NEW HILUX (Project Code : IMV2) / Camry & Camry Hybrid Minorchange
           LEXUS Made in Thailand ?
2015 : Fortuner Full Model Change / Innova Full Model Change

ยักษ์อันดับ 1 ของญี่ปุ่นรายนี้ เพิ่งฉลองปี 2012 ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการทำตลาดในเมืองไทย
และครบรอบ 75 ปี ของการผลิตจำหน่ายรถยนต์ ทั่วโลก นับเป็นปีที่ Toyota เอาใจคนรักรถชาวไทย
ในระดับปานกลาง เปิดประเดิมปีใหม่ด้วย Toyota Avanza Big Minorchange (เขาเรียกกันภายใน
มาอย่างนี้) ตามด้วย Toyota Yaris รุ่น Last Minorchange ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องพยายามดันยอดขาย
กันต่อไปจนกว่ารุ่นปัจจุบันจะเลิกผลิตในปี 2013 เข้าสู่เดือนมีนาคม Camry ใหม่ และ Camry Hybrid
ก็ออกสู่ตลาดพร้อมกันกับ รถตู้ Alphard และ Alphard Hybrid ที่ใช้วิธีสั่งชิ้นส่วนเข้ามาประกอบขาย
ในบ้านเรากันเอาเอง (SKD) แถมยังมีการเปิดตัว Toyota Aqua หรือ Prius-C ในตลาดส่งออก สั่งมา
ขายในราคา 1.3 ล้านบาท เท่ากับ Prius ประกอบในไทย Minorchange ที่เปิดตัวในช่วงไล่เลี่ยกัน มี
จำนวนจำกัด 50 คัน เท่านั้น หมดแล้วหมดเลย แต่จนป่านนี้ ก็ยังไม่หมด เพราะไม่ค่อยมีลูกค้ารู้ว่า
ตกลงแล้ว มันมีขายในบ้านเราจริงๆด้วย! รวมทั้ง การนำ Vios และ Vigo รุ่นพิเศษ สีม่วงใสๆ แบบ
ประหลาดๆ ล้อสีดำ ออกสู่ตลาดในฐานะรุ่นฉลองครอบ 50 ปี

แต่ที่น่าปรบมือให้ที่สุดในปีนี้ คือการนำเข้า Toyota 86 มาขายเอง ตัดหน้าพ่อค้ารายย่อย Grey Market
ทั้งหลาย สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนทั้งวงการอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ราคาขาย ที่ตอนแรกพยายาม
จะตั้งราคารุ่นพื้นฐาน คันละ 1.9 ล้านบาท ไปๆมาๆ ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ ผ่าไปดันราคาขึ้นเป็น 2.4 ล้านบาท
ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ตัวท็อป ไปจบที่ 2.79 ล้านบาท เล่นเอานักเลงรถหลายคนเซ็งกันไปตามๆกัน กระนั้น
ล็อตแรกทั้ง 100 คัน ก็ขายกันหมดเกลี้ยง ต้องรอสั่งนำเข้างวดหน้า อีก 400 คัน แหงละ ไปขายกันถึงใน
สถานบันเทิงยามราตรี เอารถไปจอดโชว์ ทำไมจะขายไม่ได้ละนั่น!

รวมทั้งการลงทุนนำระบบ Telematics G-BOOK ที่มีใช้อยู่แล้วในญี่ปุ่น มาเปิดตัว ให้บริการเป็นครั้งแรก
ในประเทศไทย เชื่อมต่อกับระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS Navigation System ผ่าน Application บน
โทรศัพท์มือถือ Smart Phone ทำได้แม้แต่การเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน กับตรวจสอบสภาพการจราจร
สดๆ จาก ศูนย์ข้อมูล กองบัญชาการตำรวจจราจร!

ตามด้วย การอัพเกรดขุมพลังใหม่ 171 แรงม้า (PS) พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ให้กับ Hilux Vigo
Champ และ Fortuner ในเดือนสิงหาคม ส่งท้ายด้วย Camry Extremo 2.0 ลิตร และ Vigo TRD
Sportivo ในงาน Motor Expo ธันวาคม ที่ผ่านมา

แต่พอจบงาน Motor Expo ก็มีเรื่องอื้อฉาว อันเกิดขึ้นจากความพยายามของคน Toyota บางคนที่อยาก
จะให้ Vios Full Modelchange 2013 ได้เข้าไปอยู่ในรายชื่อของรถยนต์ที่มีสิทธิ์ให้ลูกค้าได้รับภาษีคืน
จากโครงการรถคันแรกของรัฐบาล 100,000 บาท ตอนแรก ก่อน วันเปิดงาน Motor Expo แม้จะมีชื่ออยู่
ในตารางของกรมสรรพสามิตแล้ว แต่ต่อมา อธิปดี รับรองอธิบดี Say No! จึงต้องถอนรายชื่อออกจาก
ตารางไป ทุกอย่างน่าจะจบด้วยดี แต่จู่ๆ ก่อนปีใหม่ 2-3 สัปดาห์ Vios 2013 ก็กลับเข้ามาอยู่ในตาราง
กันดื้อๆ อีกครั้งอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาทั้งบริษัทคู่แข่ง ลูกค้า และแม้แต่คนใน Toyota เองก็งงกัน
เป็นแถว Honda กับ Nissan ตัดสินใจยื่นหนังสือ ขอคำอธิบายชี้แจง จากกรมสรรพสามิตแต่ยังไม่มี
การตอบกลับมา ณ วันปิดต้นฉบับ บทความนี้ (31 ธันวาคม 2012)

งานนี้ Toyota กับกรมสรรพสามิต ยืนยันคอเป็นเอ็นเลยว่า ทำถูกต้องตามกฎทุกประการ เพราะมีการ
ผลิตออกมาแล้วจริงๆ 70 คัน แต่คำถามก็คือ ในเมื่อ รถยังไม่พร้อมเปิดผ้าคลุมให้ประชาชนเห็น เพราะ
บริษัทแม่ในญี่ปุ่น ยังกลัวว่า สต็อกของ Vios ในประเทศอื่นๆ ยังเหลืออยู่เยอะ ขืนให้เห็นตอนนี้ อาจ
กระทบการทำตลาดในประเทศอื่นได้ แล้วตกลงว่า ลูกค้าเมืองไทย ที่อุดหนุน Vios เยอะที่สุดในบรรดา
ทุกประเทศที่ออกขายนี่ละ? แล้วรถทั้ง 70 คันนั้น ขายให้กับใคร หรือจะเก็บไว้ใช้งานในฐานะรถเพื่อ
งานทดลองขับ และการประชาสัมพันธ์ในอนาคตหรือเปล่า? ไม่มีใครกล้าให้คำตอบเลยสักคน

แต่สุดท้าย กรรมใดใครก่อ กรรมนั้น ย่อมสนอง มีรายงานบางกระแสระบุว่า หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น
มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของลูกค้าจำนวนมากที่เคยจอง Vios รุ่นเดิม อย่างมาก มีจำนวนไม่น้อย
ที่ถอนจอง เพื่อไปจอง Vios 2013 กันใหญ่ ผลคือถ้าผลิตออกมาตามจำนวนเดิม Vios รุ่นเดิม จะมีรถ
เหลือในสต็อกบานตะไท จนแว่วๆมาว่า Toyota อาจต้องออกมาตรการ ยกเลิกการรับจอง Vios 2013
ชั่วคราว และถ้าลูกค้าอยากจอง Vios ตอนนี้ก็จะจองได้แค่รถรุ่นเดิม เท่านั้น!!

นี่เป็นบทเรียนสำหรับผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายว่า ถ้าทำอะไรให้โปร่งใสแต่แรก ทุกอย่างจะไม่ลงเอย
ตอนจบกันแบบนี้ และหวังว่า บทเรียนครั้งนี้ น่าจะช่วยให้หลายๆคน ได้ยับยั้งชั่งใจ เพื่อไม่ให้
เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ในอนาคตกันอีก!

กระนั้น หลายคนคงสงสัยว่า Vios ใหม่ มันดีถึงขนาดต้องรีบซื้อรีบจองทั้งที่ยังไม่มีใครเห็นรถ
คันจริงกันเลยเหรอ? คำตอบก็คือ ตัวรถจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมีระยะฐานล้อยาว
2,550 มิลลิเมตร เท่าเดิม และสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังเดิม แต่มีรูปโฉมที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น และ
ดูมีพลังมากขึ้น กว่ารุ่นปัจจุบัน เหมือนเช่นที่ปรากฎในภาพวาดข้างบนนี้
 
ส่วนรายละเอียดเครื่องยนต์ ไม่แตกต่างไปจากรุ่นปัจจุบัน ยืนหยัดอยู่กับเครื่องยนต์ รหัส 1NZ-FE
4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,500 ซีซี 109 แรงม้า (PS) ตามเดิม แต่อาจปรับปรุงรายละเอียดภายใน
ให้มีแรงเสียดทานน้อยลง ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ
เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ส่วนระบบกันสะเทือนหน้า และหลัง จะยังคงใช้ รูปแบบเดียวกับรถรุ่นเดิม
ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม แต่ อาจมีการปรับปรุงให้มีการยึดเกาะ
ถนนที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ส่วน พวงมาลัย ก็จะยังคงเป็น แบบเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ที่มีการปรับแต่งให้
ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นกว่าปัจจุบัน

รุ่นย่อยที่จะมีขาย ยังคงมีทั้ง J E G และ S โดยมีออพชันมาให้เต็มเหยียดในรุ่น S และ รุ่น G
มีไฟหน้าโปรเจกเตอร์ กับมือเปิดประตูโครเมียม และเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ในรุ่น G กับ
รุ่น S  ส่วนล้ออัลลอย 16 นิ้ว จะมีเฉพาะรุ่น S เท่านั้น ทุกรุ่น ตกแต่งภายในด้วยเบาผ้าสีดำ
แต่รุ่น E และ G จะมีสีเบจให้ เลือกเพิ่มเติม รุ่นเกียร์อัตโนมัติ มีไฟ ECO บนชุดมาตรวัดทุกรุ่น
เหมือน Corolla Altis ส่วนชุดเครื่องเสียงเป็น วิทยุ AM/FM พร้อมเครื่องเล่น CD มีช่องเสียบ
AUX และUSB 4 ลำโพง ครบทุกรุ่น ยกเว้นลำโพงในรุ่น J มี 2 ชิ้น ส่วนสวิชต์ควบคุมเครื่องเสียง
มีเฉพาะ รุ่น G กับ S ไฟตัดหมอกหน้า มีเฉพาะรุ่น S ส่วนไฟตัดหมอกหลัง ถูกถอดออกไปแล้ว

Vios ใหม่ รหัสรุ่น NCP150 จะเปิดตัวสู่สาธารณชนกันได้ ทันก่อนงาน Bangkok Motor Show
จะเริ่มขึ้นไม่กี่สัปดาห์ น่าจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม 2013 ไม่มีเลื่อนไปจากนี้อีกแล้ว

จากนั้น ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2013 Toyota ก็จะพร้อมส่ง ECO Car
ของตน ออกสู่ตลาดเมืองไทยเสียที อย่างไรก็ตาม รายละเอียดต่างๆ ที่คุณจะได้อ่านจากนี้
มันจะมีทั้งความเหมือน และแตกต่างไปจากข้อมูลที่คุณเคยรับรู้มาก่อนหน้านี้ มากโข
กระนั้น ยืนยันได้ว่า ไม่ใช่การนำ รถยนต์ขนาดเล็กที่มีอยู่แล้ว ทั้ง Toyota Etios ใน
อินเดีย หรือ Toyota Agya / Daihatsu Ayla ในอินโดนีเซีย มาแปลงโฉมแต่อย่างใด

เริ่มจากขนาดตัวถังของมันกันก่อน ตัวรถจะมีความยาว เกิน 4 เมตร ไปนิดหน่อย และจะ
กลายเป็น Hatchback 5 ประตู ที่ยาวเป็นอันดับต้นๆของตลาด ระยะฐานล้อจะเท่ากันกับ
Vios อยู่ที่ 2,550 มิลลิเมตร (แน่ละ ทั้ง Vios ใหม่ และ ECO Car คันนี้ ถูกพัฒนาขึ้นบน
พื้นตัวถังเดียวกัน และงานวิศวกรรมต่างๆ ร่วมกัน นี่นา) แต่ตัวรถจะสูงราวๆ ไม่เกิน
1.5 เมตร ถือว่า มีแนวหลังคาเตี้ยกว่าคู่แข่งหลายๆคัน

รูปลักษณ์ภายนอก อ้างอิงได้จาก รถต้นแบบ Toyota Dear Qin แบบ 5 ประตู สีเขียวคันที่
อยู่ในรูปข้างบนนี้ ซึ่งเผยโฉมมาตั้งแต่งานแสดงรถยนต์ ที่เมืองจีน กลางปี 2012 ที่ผ่านมา
แต่จะถูกขัดเกลาให้ใกล้เคียงกับการจำหน่ายจริงมากขึ้น แต่ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมมาก
มาในสไตล์คล้ายกับ Mitsubishi RVR / ASX รวมทั้ง Lancer EX หน้าฉลาม ทำให้เกิด
ความกังวลกันว่า กลุ่มลูกค้าสุภาพสตรี จะยอมรับได้หรือเปล่า เพราะงานนี้ ลูกค้ากลุ่ม
สุภาพบุรุษ จะเฮลั่น กันแน่ๆ เพราะกระจังหน้าจะมาในแบบ Keen Look บุคลิกใหม่
ของรถยนต์ Toyota ทุกรุ่น ทุกคัน นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นไป

ภายในห้องโดยสาร จะเน้นความโปร่งสบาย กว้างขวาง วัสดุภายในตกแต่งด้วยคุณภาพที่ดี
เกินกว่าผู้คนจะคาดคิดไปนิดหน่อย ไม่มากนัก อุปกรณ์ภายใน จะไม่หวือหวามาก ไม่ได้
ไฮเทคนัก ส่วนเครื่องยนต์ จะเป็น ขุมพลังใหม่ ตระกูล NR ขนาด 1.2 ลิตร เน้นการบำรุง
รักษาง่าย เหมือน Toyota รุ่นก่อนๆ ยังคงใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าได้ ทั้งเกียร์ธรรมดา
5 จังหวะ และอัตโนมัติ CVT พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPS ระบบกันสะเทือนหน้า
แม็คเฟอร์สันสตรัต หลัง ทอร์ชันบีม เหมือนๆ กันกับ ECO Car อื่นๆ แต่ถูกปรับเซ็ตให้มี
ช่วงล่างที่เกาะถนน และมั่นใจได้กว่ารถยนต์ในพิกัดเดียวกัน ทั่วๆไป

อย่างไรก็ตาม ยืนยันได้ว่า จะไม่มีเครื่องยนต์ Diesel Common-Rail Turbo มาวางลงในรุ่นที่ขาย
ในประเทศไทย อีกทั้ง Toyota ตั้งใจจะทำ ECO Car ออกมาแค่ตัวถัง Hatchback 5 ประตู เพียง
แบบเดียว ไม่มีตัวถัง Sedan ตามออกมาในเวลาอันใกล้นี้แน่ๆ

ที่สำคัญ ECO Car คันนี้ จะสวมชื่อขึ้นโชว์รูมว่า Toyota YARIS! ก็จริง แต่ไม่มีความเกี่ยวดองกับ
รุ่น Vitz / Yaris รุ่นล่าสุดที่ขายในยุโรป แต่อย่างใด ดังนั้น ห้ามนำไปนับญาติกันอย่าง เด็ดขาด!
ECO car คันนี้ จะถูกสวมชื่อ Yaris ในการทำตลาดบ้านเราเท่านั้น จะเรียกว่าเป็น Toyota Yaris
Thai version ก็เรียกได้เต็มปาก เหตุผล ไม่มีอะไรมาก ชื่อ Yaris เป็นชื่อที่ติดปากคนไทยไปแล้ว
เมื่อนึกถึงรถเล็ก 5 ประตูจาก Toyota นั่นเอง

ขอย้ำว่า ECO Car ที่สวมชื่อ Yaris ขายในบ้านเรา จะไม่เกี่ยวข้องกับ Vitz / Yaris ที่ขายในตลาด
อื่นๆ ทั่วโลกตอนนี้ทั้งสิ้น และกำหนดการเปิดตัว จะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2013 นี้
โดยจะเปิดตัวในเมืองไทย เป็นแห่งแรกในโลก

ส่วนโครงการพัฒนา Corolla Altis รุ่นต่อไป จะกลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง ยืนยันได้แล้วว่า
ว่าคนไทย จะไม่ได้ใช้ Corolla Axio หน้าตาเห่ยๆ จากญี่ปุ่น แต่จะได้เป็นเจ้าของ Corolla ใหม่
ซึ่งมีแนวเส้นสายจากรถต้นแบบ Toyota Furia Concept ที่จะเผยโฉมในงาน Detriot Auto Show
หรือ NAIAS ต้นเดือนมกราคมนี้ แต่กว่าที่ Corolla ALTIS ใหม่ เวอร์ชันจำหน่ายจริง พร้อมจะ
ออกสู่ตลาดเมืองไทย อาจต้องรอกันอย่างเร็วที่สุด คืองาน Motor Expo ปลายเดือนพฤศจิกายน
ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดทางเทคนิค ยังไม่มีการเปิดเผย

ย่างเข้าสู่ปี 2014 นอกจากจะเป็นปีที่ ทั้ง Camry กับ Camry HYBRID ถึงเวลาต้องปรับโฉมแบบ
Minorchange กันแล้ว อีกโครงการสำคัญแห่งปีนั้น จะเป็นรุ่นใดไปไม่ได้ นอกจากการเปลี่ยน
โฉมใหม่ทั้งคันให้กับ รถกระบะรุ่น Hilux Vigo ภายใต้ชื่อโครงการที่เรียกกันภายในบริษัทว่า
IMV 2 ยังอยู่ในระหว่างเตรียมการ อย่างไรก็ตาม แนวคิดในการพัฒนา จะมุ่งเน้นให้เป็นรถ
กระบะที่ทนทรหดต่องานหนักเพิ่มขึ้นยิ่งกว่ารุ่นเดิม เพื่อรองรับความต้องการของบางประเทศ
ที่ใช้งานรถกระบะโหดกว่าเมืองไทย เช่นในแถบแอฟริกาใต้ ต้องเปลี่ยนกรองอากาศทุกเดือน!!

แต่ที่แน่ๆ ขุมพลังของเวอร์ชันไทยจะยังเป็น ตระกูล KD Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 และ
3.0 ลิตร Commonrail Turbo VGT Intercooler รวมทั้งมีบานแค็บเปิดได้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะมี
การแก้ไขปรับปรุงสมรรถนะและการทรงตัวให้ดีขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน และจะใช้ชื่อรุ่นว่าอะไร?
เพราะยังมีความเป็นไปได้อยู่บ้างว่า Toyota จะไม่ใช้ชื่อ Vigo ต่อไป ซึ่งหากย้อนดูประวัติศาสตร์
ที่ผ่านมา ดูจะกลายเป็นธรรมเนียมของค่ายไปแล้วว่า ทุกครั้งที่เปลี่ยนโฉมใหม่ให้รถกระบะทั้งคัน
จะต้องเปลี่ยนชื่อ Sub name ตามไปด้วย ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปเพราะกว่าที่ Hilux ใหม่จะ
เปิดตัวก็ต้องรอกันไปถึงปี 2014  

ส่วน ต้นปี 2015 จะเป็นช่วงเวลา ที่ Fortuner ใหม่ Full Model Change จะเผยโฉมออกสู่ตลาด
และจำเป็นจะต้องมี Innova ใหม่ ตามเข้ามาเปิดตัวในเมืองไทยด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  แต่
งานวิศวกรรมต่างๆ จะใช้ร่วมกันกับ Hilux Next Vigo IMV อย่างแน่นอน

มาดูแบรนด์รถยนต์หรู Lexus กันบ้าง 2 รุ่นหลัก สำคัญ ของ Lexus ในปีนี้ ทั้ง GS และ LS
ใหม่ Big Minorchange เปิดตัวเสริมทัพกันครบ ทั้ง GS250 GS350 และ GS450h มากันครบ
ทั้งแบบ มาตรฐาน และ F-Sport package รวมทั้ง LS460 แบบฐานล้อสั้น กับฐานล้อยาว และ
LS600h แบบฐานล้อยาว รวมทั้ง RX270 Minorchange ที่ยังพอจะช่วยให้ยอดขายของ Lexus
เดินหน้าขึ้นไปได้บ้าง เพราะรุ่นอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น มีค่าตัวสูงมาก จนลูกค้าจำต้องตัดใจ
ไปมองคู่แข่งอย่าง E-Class และ 5-Series เป็นการทดแทน

แต่ในปี 2013 ลูกค้าน่าจะเดินกลับเข้าโชว์รูม Lexus อีกครั้ง ถ้า Lexus IS ใหม่ ซึ่งเตรียมจะ
เปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า มาถึงเมืองไทยในราคาที่ แข่งขันได้กับ Mercedes-Benz C-Class
และ BMW 320d มิเช่นนั้น อาจต้องเหนื่อยกันอีกยาวนาน แต่นั่น ก็เป็นทางแก้ในระยะสั้น

เพราะทางแก้ในระยะยาว ดูเหมือนจะมีทางเดียว คือ ต้อบหาทางนำ Lexus มาประกอบใน
โรงงานเมืองไทยให้ได้! เรืองนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องพูดเล่น หรือเพ้อฝัน แต่มันเป็นเรื่องที่มีคน
คิดขึ้นกันแล้วจริงๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่นิ่ง ความคืบหน้าของการรวม
เป็นประชาคมเศรษฐกิจ ASEAN หรือ AEC ก็มีส่วนให้การตัดสินใจในเรื่องนี้ ยังไม่อาจ
เกิดขึ้นได้ในช่วงนี้ ยังต้องรอดูความชดเจนอีกครั้ง แต่ ถ้าจะถามว่า หากโครงการนี้ เกิดขึ้น
ได้จริง รถรุ่นแรกที่ควรนำมาประกอบ แน่นอนว่า ทุกคนอยากให้เป็น IS ใหม่ กระนั้น
บางที โลกก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจเราคาดหวังไปเสียทุกเรื่องเสมอไป

ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่หลังปี 2014 เป็นต้นไป ยังคงเป็นรถนำเข้ากันอยู่ แน่นอนว่าน่าจะมี
Lexus IS Coupe ดูเส้นสายได้จาก รถต้นแบบ LF-CC คันสีเทา ที่เพิ่งเผยโฉมใน Paris
Auto Salon เดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมทั้ง รถสปอร์ตสมรรถนะค่อนข้างสูง (ต่ำกว่า
LF-A ที่เพิ่งเลิกผลิตไปหมาดๆ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนสิ้นปี 2012 ) ลงมานิดหน่อย โดย
มีพื้นฐานเส้นสายจาก รถต้นแบบ LF-LC คันสีแดง ที่เพิ่งมาอวดโฉมใน Motor Expo
เดือนธันวาคมที่ผ่านมา

——————————————–

VOLVO
2013 : V40 ! และ V40 Cross Country
2014 : XC90 Full ModelChange Launch Global
2015 : XC90 Full ModelChange launch in Thailand

ค่ายรถยนต์ยุโรประดับ Premium หนึ่งเดียวจากแดนไวกิ้ง เริ่มบุกตลาดอย่างหนักมากขึ้น ทั้งการ
เปิดตัว V60 Sports Wagon CKD นำเข้าจากโรงงานมาเลเซีย เช่นเดียวับ Volvo ทุกรุ่นที่ขายใน
เมืองไทยตอนนี้ มาเรียกความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะในเมื่อ การนำเข้าจากประเทศ
ที่ทำข้อตกลงทางการค้า AFTA ด้วยกัน ทำให้ต้นทุนของรถถูกกว่า แถมคุณภาพการประกอบ ก็
ไม่ได้น้อยหน้าโรงงานในเมืองไทยเท่าใดนัก นั่นจึงทำให้ S80 กลายเป็นรถยนต์ Volvo รุ่น
สุดท้าย ที่ประกอบในโรงงาน Thai Swedish Assembly ซึ่งตอนนี้ เปลี่ยนมาประกอบรถบรรทุก
Volvo Truck เป็นการทดแทน

ที่สำคัญ ปีที่แล้ว Volvo ส่ง S80 วางเครื่องยนต์ 1.6 DRIVe Turbo 180 แรงม้า (HP) มาสร้าง
ความแปลกใจให้กับลูกค้า ว่าเครื่องยนต์เล็ก แต่แรง พอมาวางในรถใหญ่ กลับไม่อืดอาด
อย่างที่คิดผลก็คือ ยอดขายที่ดีขึ้นเล็กน้อย นี่ยังไม่นับ S60 CKD ที่ขายดีใช้ได้ พอๆกับ XC60

แต่ในปีนี้ รถยนต์รุ่นที่น่าจับตาดูมากที่สุด เห็นจะได้แก่ Volvo V40 ใหม่ ซึ่งถือเป็นรถยนต์
กลุ่ม Premium Compact Hatchback ที่ Volvo ตั้งใจมาขอชิงส่วนแบ่งการตลาดจากพี่เบิ้มใหญ่
Mercedes-Bnez A-Class ใหม่ ซึ่งกำลังร้อนแรงได้ที่ ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะวางเครื่องยนต์
แบบใด แต่สิ่งที่หลายๆคนใน Volvo ลุ้นอยู่คือ บ้านเราจะมีการเปิดตัว V40 ได้ในปี 2013 นี้
หรือไม่?

ส่วนในปี 2014 คาดว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัวของ Volvo XC90 ใหม่ ในตลาดโลกกันเสียที
หลังจากที่ Volvo เริ่มปล่อยภาพวาดออกมาบ้างแล้ว นิดๆหน่อยๆ อนาคตของ SUV รุ่นนี้
ยังค่อนข้างมืดมน เพราะคาดว่า ครั้งนี้ น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ Volvo จะสร้าง SUV ขนาด
ใหญ่โตแบบนี้ เนื่องจาก งบประมาณในการลงทุนวิจัยและพัฒนารถยนต์ประเภทนี้ สูงมาก
แต่กว่าจะเข้ามาขายในบ้านเรา อาจต้องรอจนถึงปี 2015 ในรูปแบบ รถยนต์นำเข้าจากมาเลเซีย

สรุปว่า หลังจากนี้ ความเคลื่อนไหวของ Volvo ให้ดูว่า โรงงานในมาเลเซีย เตรียมผลิตรถรุ่นไหน?
ก็จับจ้องได้เลยว่าอีกไม่นานนัก สักพัก รรุ่นนั้นจะเข้ามาขายในบ้านเราแน่ๆ

——————————————–


 
VOLKSWAGEN
2013 : Golf Mk VII / New Beetle 1.4 TSI….are coming!

ไทยยานยนตร์ ยังคงได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้จำหน่าย Volkswagen อย่างเป็นทางการในบ้านเรา
ต่อไปอย่างน้อยๆ 1 – 2 ปี นั่นหมายความว่า เรายังคงไม่มีโอกาสได้เห็นบริษัทแม่จากเยอรมัน
เข้ามาเปิดตัวบุกตลาดเอง อย่างที่เคยมีกระแสข่าวมาตลอด อีกทั้งปีนี้ ไทยยานยนตร์ พึ่งจะสั่ง
เปิดตัว รถกระบะ รุ่น Amarok ในแบบ นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน ราคาเลยกระโดดไปอยู่แถวๆ
1.8 ล้านบาท เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน Motor Expo ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ยอมเปิดให้
แม้แต่ผู้ใด ได้ขึ้นไปทดลองนั่งเลย  ยังคง Wrap สีส้มด้านรอบคัน จอดไว้กลางบูธแค่นั้น

มาปีนี้ ไทยยานยนตร์จะสั่งนำเข้า Volkswagen New Beetle ใหม่ ขุมพลัง 1.4 TSI รวมทั้ง
Volkswagen Golf Mk VII ที่เพิ่งเปิดตัวในยุโรปไปสดๆร้อนๆ กันเสียที หลังจากที่ปล่อยให้
รอกันเก้อ ตลอดปี 2012 ที่ผ่านมา เพราะนี่คือ 2 รุ่น ที่มั่นใจได้เลยว่า ขายได้และขายดิบขายดี
อย่างแน่นอน เพียงแต่ ยังไม่แน่ชัดว่า เราจะได้เห็น Golf GTi บนโชว์รูมเมืองไทย ทันปี 2013
หรือว่าจะต้องรอกันถึงปี 2014 ?

Previous Post

N0909018_เศรษฐ สองสาม ภรรยาอยากส มผ สช ตก เลยมาขายก วยเต ยว แต นเจอแฟนเก ามาด_part2

Next Post

N0909020_ครอบคร วท าน ยมผ ดๆ าผ ชายต องเป นใหญ ในบ าน วนผ หญ งไม ทธ อะไร_part2

Next Post
N0909020_ครอบคร วท าน ยมผ ดๆ าผ ชายต องเป นใหญ ในบ าน วนผ หญ งไม ทธ อะไร_part2

N0909020_ครอบคร วท าน ยมผ ดๆ าผ ชายต องเป นใหญ ในบ าน วนผ หญ งไม ทธ อะไร_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2812036 เล ยงล กมาแบบน เอง แล วจะโทษใคร part2
  • N2812050_อย าบ งค ให ผมต องเล อก (ต องด ให จบ…ถ าเป นค ณจะเล อกใคร)_part2
  • N2812039 เม ยก คน จะให ทนไปถ งไหน part2
  • N2812053 อย าเหย ยบห วคนอ เพ อให วเองได part2
  • N2812055 าเจอคนแบบน องหน ให ไกล part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.