• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1009051_บอสหลงร กพน กงานแม กอ อน_part2

admin79 by admin79
September 8, 2025
in Uncategorized
0
N1009051_บอสหลงร กพน กงานแม กอ อน_part2

Audi

เป็นค่ายเยอรมันที่มีแววรุ่งพุ่งแรงในตลาดญี่ปุ่น เพราะไม่ว่าจะไปไหนๆในแถบ Tokyo หรือขับออกไปถึง Hakone สมัยนี้เราพบเจอรถของค่ายสี่ห่วงเยอะกว่าแบรนด์พรีเมียมจากเยอรมันเจ้าอื่นแล้ว ในงาน Tokyo Motorshow ครั้งนี้ Audi นำตัวแรงอย่าง RS4 และ RS5 มาจอดคู่กันกับ R8 V10 Spyder เด่นอยู่ด้านหน้า แต่ของเด็ดจริงๆ จะอยู่อีกด้านของบูธ

นี่คือ Audi Elaine Concept ซึ่งเผยโฉมไปแล้วที่งาน IAA บางท่านอาจจะคุ้นหน้าตาก็ไม่แปลกเพราะโดยเปลือกนอกนั้น มันก็คือ Audi e-Tron Sportback ที่เคยโชว์โฉมไปในเดือนพฤษภาคมที่เซี่ยงไฮ้นั่นเอง Elaine เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังจากมอเตอร์ 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) ที่ให้แรงม้าสูงสุดถึง 435 แรงม้า พร้อม Boost Mode ที่สามารถปรับพลังเพิ่มเป็น 500 แรงม้าได้ชั่วคราว แบตเตอรี่จุ 95kWh สามารถจุพลังงานพอให้รถวิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตร

จุดเด่นของ Elaine อีกประการหนึ่งคือระบบปัญญาประดิษฐ์ (A.I.) และระบบการสื่อสารระหว่างรถกับรถ และกับคนเดินถนน นอกจากสามารถเรียนรู้และจดจำถนน ป้าย และสิ่งแวดล้อมอื่นๆได้แล้ว Elaine ยังมีชุดแผงไฟ Digital Matrix Projector ซึ่งสามารถฉายภาพ อักษร รูปเตือนหรือสิ่งต่างๆไปบนถนนตรงหน้าได้ เป็นวิธีการเตือน หรือสื่อสารกับรถหรือคนที่ Elaine กำลังจะวิ่งผ่าน (ไม่แน่ใจว่าฉายเป็นคำตำหนิภาษาไทยเพราะๆไว้ด่าพวกขับช้าแช่ขวาได้หรือไม่)

ระบบ A.I. ที่ติดตั้งใน Elaine ยังช่วยให้รถคันนี้กลายเป็นยานยนต์ขับเคลื่อนตัวเองอัตโนมัติระดับที่ 4 ซึ่งหมายความว่ามันสามารถพาตัวเองไปยังจุดหมายได้โดยที่คนขับไม่ต้องจับพวงมาลัยหรือแตะเบรกเลย หรือเมื่อขับขึ้นทางด่วนแล้วเซ็ตความเร็วที่ต้องการเอาไว้ มันจะสามารถเร่ง ชะลอความเร็ว เปลี่ยนเลน และเลี้ยวไปตามทางสู่จุดหมายได้โดยที่คนขับจะกดมือถือเล่น ROV ไปก็ไม่ต้องกลัวจะชน แต่ระบบนี้จะล็อคความเร็วสูงสุดแค่ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รถต้นแบบคันต่อมา คือ Q8 Concept ซึ่งหน้าตาก็ละม้ายคล้ายกับคันสีฟ้าที่เคยโชว์ตัวใน North American International Motorshow มาก่อนแล้ว แต่เปลี่ยนกระจังหน้าจากซี่ตั้ง เป็นลายตาข่าย เปลี่ยนทรงของกันชนหลังและท่อไอเสียใหม่ ขุมพลังยังเป็นแบบ Hybrid ซึ่งผสมผสานเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 TFSI ทวินเทอร์โบ 450 แรงม้า เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าท้ายเครื่อง ที่ให้พลัง 37 แรงม้า พลังรวมทั้ง 2 ระบบ อยู่ที่ 476 แรงม้า ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 4.7 วินาที

เคล็ดลับของอัตราเร่งออกตัวที่ไวนั้น นอกจากจะมาจากพลังขับเคลื่อนของมันเองแล้ว ยังมี Compressor อัดอากาศที่สามารถหมุนเร็วจี๋ถึง 70,000 รอบต่อนาที และเร่งความเร็วในการหมุนได้ภายใน 250 m/s เท่านั้น ทำให้ช่วยอัดไอดีเข้าห้องเผาไหม้ ขจัดอาการรอรอบไปได้อย่างดี

Q8 Concept นั้นเป็นรถต้นแบบก็จริง แต่มันคือผลิตผลที่ใกล้สุกงอมของ Audi เพราะพวกเขาจะเผยโฉมเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงในปี 2018 ล่าสุดทีมวิศวกรกำลังทดสอบการวิ่งอยู่ที่อินเดีย ส่วนโอกาสที่จะมาจำหน่ายในประเทศไทยนั้นก็ไม่แน่ เพราะถ้า Q7 ยังมาได้ Q8 ก็มีสิทธิ์

เผยโฉมต่อตลาดโลกไปเมื่อเดือนกรกฎาคม และมาเปิดตัวในญี่ปุ่นที่งาน Tokyo Motorshow แห่งนี้ นี่คือ Audi A8 และ A8L ซึ่งเป็นรถซาลูนคันโตสุด หรูสุด และแพงที่สุดของทางค่าย มีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่โครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา Audi Space Frame ที่ประกอบไปด้วยวัสดุตัวถัง 4 แบบรวมเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ อะลูมิเนียม, โลหะ, แม็กนีเซียมและคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ทำให้ตัวถังมีความเหนียวแกร่งแต่น้ำหนักเบา ให้การขับขี่ที่คล่องตัว ไม่เหมือนลิมูซีนยักษ์ที่ยาวกว่า 5 เมตร

เวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่นำมาโชว์ เป็นรุ่น A8 55TFSI ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรทวินเทอร์โบ ให้พลัง 340 แรงม้า พร้อมทั้งติดตั้งระบบ Autonomous Driving Level 3 (Audi AI Traffic Jam) ซึ่งสามารถพาตัวเองวิ่งไปบนถนนขณะรถติด และวิ่งตามกันเป็นขบวนได้ แต่ไม่ต้องคอยจับพวงมาลัยเป็นพักๆ แบบรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 2

R8 V10 Spyder สีเหลืองเด่น โครงสร้างตัวถังแชร์กันใช้กับ Lamborghini Huracan รวมถึงเครื่องยนต์แบบ 10 สูบ 5.2 ลิตร แต่พอมาอยู่ใน Audi กลับถูกลดทอนแรงม้าลงจาก 580-610 แรงม้า ลงมาเหลือ 540 แรงม้า ส่วนคันสีเทาข้างหลังนั้นคือ RS5 ซึ่งเป็นตัวแรงสุดของอนุกรม A5 ทั้งมวล เมื่อก่อนเคยใช้เครื่อง V8 4.2 ลิตรหมุนรอบจัด มาวันนี้ต้องคล้อยตามเทรนด์ Downsizing และ Sharing เลยได้เครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตรมาแทน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแย่นักเพราะมันก็คือเครื่องยนต์เดียวกับ Porsche Panamera 4S ซึ่งให้กำลังถึง 450 แรงม้า

BMW

ในงานนี้ BMW ที่ญี่ปุ่นขนรถตระกูล M มาเพียบ ไม่ว่าจะเป็น M2, M4, M5 รวมไปถึงรถรุ่นใหญ่อย่าง M760Li Individual ที่ทำสีภายนอกเป็นสีดำด้าน (คันขวา) ตกแต่งห้องโดยสารด้วยหนังที่ตัดเย็บมาเหมือนเบาะรถชั้นสูงกว่า เป็นรถลิมูซีนตัวใหญ่เท่าช้างแต่ก็เป็นช้างที่จับเช็งกับชีตาห์แล้วชนะ ก็เล่นใส่เครื่อง V12 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ 610 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 800 นิวตัน-เมตร แถมยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำให้มันกลายเป็น BMW ที่มีแรงม้ามากที่สุดและเร่ง 0-100 ได้ภายใน 3.7 วินาที เร็วเป็นอันดับสองรองจาก M5

รถต้นแบบคันแรก เคยเผยโฉมไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เป็นการนำมาโชว์ที่ญี่ปุ่นครั้งแรก และนี่ก็คือ BMW Concept Z4 รถที่ทางค่ายใบพัดขาวฟ้าพัฒนาขึ้นเป็นโปรเจคท์คู่ขนานไปกับ Toyota Supra ตัวใหม่ แต่ความแตกต่างนั้นอยู่ที่ BMW จะทำแต่ตัวถังเปิดประทุน และ Toyota จะเล่นเฉพาะตัวถังคูเป้ (ตามข้อตกลงระหว่างค่ายเพื่อความแฟร์ทางธุรกิจ)

จุดเด่นของ Concept Z4 นั้น นอกจากเอกลักษณ์ตัวถังหน้ายาวท้ายสั้นตามแนวทางของตระกูล Z เสมอมาแล้ว ยังแอบมีความกวนในการออกแบบ โดยทำห้องโดยสารฝั่งคนนั่งเป็นสีเบจส้ม แต่ฝั่งคนขับเป็นสีดำ ณ ปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันตัวเลขสมรรถนะ แรงม้า และแรงบิด แต่เท่าที่ทราบมา ทาง BMW บอกว่า Z4 เวอร์ชั่นผลิตขายจริงจะไม่มีรุ่น Plug-in Hybrid เพราะต้องการคุมน้ำหนัก ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าจะมีขุมพลัง 2.0 ลิตรเทอร์โบ 184-252 แรงม้าเป็นตัวยืนพื้น และเครื่อง 3.0 ลิตร 6 สูบเรียงแบบเดียวกับ 440i ในรุ่นแรง และอาจมีตัวโหดอย่าง Z4M ตามออกมาในภายหลัง

ต่อมาก็คือ BMW Concept 8 Series ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นต้นแบบของรถคูเป้ระดับสูงอีกหนึ่งรุ่นในบรรดา Elite Models รุ่นพิเศษที่ทาง BMW เพิ่งปรับแผนการทำตลาด เคียงคู่ไปกับ ซีรีส์ 7, X7 และ i8 โดยจะมีการปรับระดับความหรูให้ทิ้งห่างจากความเป็นพรีเมียมธรรมดาสุ่ระดับสูงขึ้นในด้านวัสดุ การประกอบ และเทคโนโลยีที่บรรจุไว้

ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาขายจริง เป็นที่คาดเดาได้ว่าขุมพลังขับเคลื่อนต่างๆจะยกมาจากซีรีส์ 7 นั่นก็หมายความว่าอาจมีตั้งแต่รุ่น 840e Plug-in Hybrid มาให้ใช้ แต่รุ่นเบนซินที่ยืนพื้น น่าจะเป็น 840i เครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ, 850i เครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบ และตัวแรงสุดก็คงหนีไม่พ้น M860i V12 6.6 ลิตร (N74B66) ที่มีแรงม้ามากกว่า 600 แรงม้า

M2 LCI มาแล้วที่ญี่ปุ่น ได้ไฟหน้า LED 6 เหลี่ยมใหม่ กับไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ภายในมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางจุดเช่นการทำงานของชุดจอ iDrive และหน้าปัด เครื่องยนต์ที่ใช้ยังคงเป็นแบบ 3.0 ลิตรเทอร์โบ 370 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 465 นิวตัน-เมตร และสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 500 นิวตัน-เมตรได้ในช่วง 5 วินาทีหลังตอกคันเร่งมิด

M5 Super Sedan คันแรงจากเยอรมัน มาเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกของทวีิปเอเชีย นอกจากแรงจัดด้วยขุมพลัง M TwinPower V8 ทวินเทอร์โบ 4.4 ลิตรที่มีแรงม้าสูงถึง 600 แรงม้าแล้ว ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 3.4 วินาที และใช้เวลาเร่งจาก 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมงแค่ 11.1 วินาทีเท่านั้น

จุดเด่นอีกประการก็คือระบบ M xDrive ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่สามารถปรับนิสัยการทำงานได้ว่าจะให้เข้าโค้งไปแบบเกาะๆเนียนๆ หรือจะเอาแบบหน้าไวท้ายปัดนิดๆ และที่สำคัญ ยังสามารถปรับเป็นโหมดขับเคลื่อนล้อหลังได้ แต่ต้องปิดการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัวเสียก่อน

X3 รุ่นใหม่ ก็มาเปิดตัวในงานนี้ เป็นแห่งแรกในทวีิปเอเชียเช่นเดียวกัน โดยรุ่นที่นำมาโชว์ในงานเป็นรุ่น xDrive20d ขับเคลื่อนสี่ล้อ ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรดีเซล บล็อค B47 เทอร์โบ 190 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ส่วนแฟนพันธุ์แท้ BMW ที่เมืองไทยคนไหน ถ้าสนใจ X3 บอกได้เลยว่านับถอยหลังอีกไม่เกิน 3 สัปดาห์ ประเทศไทยก็จะได้มีโอกาสต้อนรับรถรุ่นนี้และเครื่องยนต์ตัวนี้อย่างแน่นอน (ถ้าไม่ใช่ 20d แล้วจะเป็นอะไรได้อีก คงไม่ใช่ xDrive30i หรอกมั้ง)

ที่บริเวณใกล้ๆกันนั้น ก็มีบูธของ Alpina ซึ่งเป็นสำนักแต่งคู่บุญบารมีของ BMW เคยทำรถแข่งลงสนามให้กับ BMW ในอดีต จนภายหลังสามารถประกอบเครื่องยนต์และตกแต่งภายในเองได้ มีวิชาแก่กล้าพอจนทำให้ BMW ยอมให้จดทะเบียนยี่ห้อรถเป็น “Alpina” และไม่ใช่ BMW ในเยอรมนี บางคนอาจสงสัยว่า M-Division ก็ทำรถแรง Alpina ก็ทำรถแรง แล้วไม่ทับซ้อนกันหรือ? ตำแหน่งทางการตลาดจะต่างกันครับ M-Division จะเป็นรถขับสนุก ดูวัยรุ่นในขณะที่ผลิตภัณฑ์ของ Alpina จะเน้น แรง-เรียบ-หรู คู่ใจวัยดึก

ในงาน Tokyo Motorshow นี้ ก็มีรถรุ่นใหม่ที่นำมาลงตลาดญี่ปุ่น ได้แก่ Alpina D5 S Limousine Allrad ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง ปรับแต่งจนได้พลัง 326 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ กับรุ่น B5 Biturbo Touring Allrad เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีกำลัง 608 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเช่นเดียวกัน

Citroen และ DS

การจับจองบูธของ 2 ค่ายนี้ออกจะแปลกๆอยู่บ้าง เพราะแม้จะเป็นเครือเดียวกัน มีความสัมพันธ์กันประหนึ่ง Toyota มีต่อ Lexus แต่ในขณะที่แบรนด์ DS อยู่ใน Hall ฝั่งตะวันออก ขดตัวอยู่กับ Peugeot ทางแบรนด์ Mass อย่าง Citroen กลับมาจอดปะกับ Volvo อยู่ที่ ปากทางเข้า Hall ฝั่งตะวันตก

C4 Picasso เป็นรถ MPV ขนาดกระทัดรัด ตัวถังยาว 4,428 มิลลิเมตรที่ขายมาตั้งแต่ปี 2013 ตัวถังภายนอก เป็นฝีมือออกแบบของคุณ Frederick Soubirou และยังมีเวอร์ชั่น 7 ที่นั่งที่อยู่ในภาพบนนี้ เรียกว่า C4 Grand Picasso ซึ่งเพิ่มความยาวตัวถังออกเป็น 4,600 มิลลิเมตร

Citroen C3 เป็นรถขนาดเล็กของทางค่ายที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2016 ใช้แนวทางการออกแบบที่ลอกมาจาก C4 Picasso ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า สร้างขึ้นบนแพลทฟอร์ม PF1 ของ PSA ซึ่งใช้ร่วมกับ Peugeot 208 และ DS3

DS7 Cross back เพิ่งจะมาเปิดตัวในญี่ปุ่นที่งานนี้ มันคือรถ SUV/Crossover ขนาดตัวประมาณ Mazda CX-5 ตกแต่งมาหรูหราตามสไตล์แบรนด์ DS ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า Citroen ปกติ โครงสร้างพื้นฐานของรถเป็นแบบ EMP2-platform ซึ่งใช้ร่วมกันกับ Peugeot 5008 DS7 Cross back นั้น นับว่าเป็น SUV รุ่นแรกที่ DS นำเข้าไปขายในยุโรปโดยเปิดตัวที่เจนีวาเมื่อเดือนมีนาคม 2017

Daihatsu

Daihatsu ขนรถยนต์ต้นแบบมากถึง 5 รุ่น หลากหลายรูปแบบตัวถัง มาจัดแสดงในงาน Tokyo Motor Show 2017 และที่เด็ดกว่านั้นคือรถยนต์ต้นแบบ 4 ใน 5 รุ่นนี้เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกในงานดังกล่าว

Daihatsu DN Compagno เป็นรถยนต์ต้นแบบ 4 ประตู Compact สไตล์ Coupe มีสไตล์การออกแบบที่ดูย้อนยุคหน่อยๆ เนื่องจากนำอิทธิพลการออกแบบจากDaihatsu Compagno รุ่นปี 1963 มาประยุกต์ใช้ ส่วนภายในห้องโดยสาร ผ่านการตกแต่งมาเป็นอย่างดี มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ 1.0 ลิตรเทอร์โบ และ 1.2 ลิตรไฮบริด เห็นหน้าตาเป็นอย่างนี้ก็เถอะ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเขาคือรุ่นพ่อรุ่นแม่วัยเกษียณ จึงออกแบบเบาะหน้าให้นั่งสบาย โปร่งโล่ง และขึ้นลงได้ง่าย ส่วนเบาะหลังคงมีไว้แค่วางของเพราะลูกๆคงโตเป็นม้ากันไปหมดแล้ว

Daihatsu DN Trec เป็นรถ SUV/Crossover ขนาดเล็กตัวยาว 3.98 เมตร ที่ออกแบบมาสำหรับชีวิตคนเมืองฮิปๆ แต่ต้องเผื่อประสิทธิภาพในการลุยนอกเมืองเอาไว้บ้าง ตามแนวคิด “Active, fun, and tough” มีขุมพลังให้เลือก 2 แบบเช่นเดียวกับ DN Compagno คือ 1.0 ลิตรเทอร์โบ และ 1.2 ลิตรไฮบริด

Daihatsu DN Multisix เป็นรถ MPV แบบ 6 ที่นั่ง ขนาดตัวยาว 4.31 เมตร ซึ่งเคยโชว์โฉมไปแล้วในงานมอเตอร์โชว์ที่อินโดนีเซียเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการจัดแบ่งเบาะออกเป็น 3 แถว โดยเบาะแถวที่สองนั้นมีช่องเปิดทะลุเดินไปถึงเบาะแถวที่ 3 ได้ เน้นการใช้งานแบบครอบครัว ผ่อนคลาย ใช้ง่ายแต่ได้วัสดุและบรรยากาศพรีเมียม ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรเบนซิน

Daihatsu DN U-Space เป็นรถต้นแบบ K-car เครื่องยนต์ 660 ซี.ซี. ที่ในใบปลิวประจำรุ่นบอกเลยว่า “รถยนต์ต้นแบบที่ออกแบบมาเพื่อแม่ที่ยังต้องเลี้ยงลูกเล็กอยู่” มาพร้อมกับประตูหลังสไลด์ขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย ทั้งยังสามารถปรับเบาะให้เป็นโต๊ะอาหารได้ด้วย นอกจากนั้น ผู้โดยสารเบาะหน้ายังสามารถเดินทะลุไปเบาะหลังได้เผื่อคุณแม่จะจอดข้างทางเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก ปิดท้ายด้วยกระจกหน้าแบบ Panoramic ที่ให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ปลอดโปร่ง

Daihatsu DN Pro Cargo เป็นรถที่เอาอิทธิพลในการสร้างมาจาก Daihatsu Midget รถตู้พาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 1957 ได้รับการออกแบบให้เน้นเนื้อที่ภายในห้องโดยสารเพื่อการบรรทุกแบบใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ขนาดห้องโดยสารนั้นสูงถึง 1.6 เมตร ทางเข้าออกจากรถจึงกว้างมาก ตัวรถเองก็ถูกออกแบบมาให้มีใต้ท้องเตี้ยเท่ารถเก๋ง ทำให้เป็นรถที่ขึ้นลงง่าย ถ่ายส่งสินค้าสบาย ขุมพลังที่ใช้ เป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้า

Honda

เป็นหนึ่งในค่ายที่เอารถมาร่วมสนุกกับงานค่อนข้างเยอะ บริเวณบูธกว้างขวางของ Honda นั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพยานยนต์ กล่าวคือมีทั้งรถแบบครอบครัว รถเล็ก รถซิ่ง ซูเปอร์คาร์ รถรักโลก ไปจนถึงรถต้นแบบที่ขนมาบนเวทีก็ 3 คันเข้าไปแล้ว

Honda Sports EV Concept เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทรงสปอร์ตแบบหน้ายาว มีดีไซน์แบบ Modern-Retro ซึ่งผสานกลิ่นอายของ Honda ตระกูล S600-S800 สมัยก่อนเข้ากับเส้นสายของรถยุคใหม่ ถ้าคุณคิดว่ามันสวย ก็ต้องไปกด Like ให้กับนาย Makoto Harada ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมคุมการออกแบบ วัย 34 ปี ซึ่งได้เล่าให้ฟังว่ารถคันนี้ทำขึ้นภายในเวลาที่จำกัดมาก และมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆแม้กระทั่งนาทีสุดท้ายก่อนขนมาโชว์ที่งาน Harada บอกว่าเขาอยากทำให้รถนั้นดูเจ๋ง แต่ไม่ใช่เจ๋งแบบเห็นแล้วรู้สึกทิ่มแทงลูกตา ตรงกันข้าม เขาอยากให้ Sports EV Concept เป็นรถที่คนเห็นแล้ว “อยากเอามาอยู่เป็นเพื่อน”

Sports EV Concept สร้างขึ้นบนแพลทฟอร์ม BEV เช่นเดียวกับรถต้นแบบ Urban Concept ที่ออกมาก่อนหน้านี้ และยังใช้แผงไฟหน้า ไฟท้าย และแดชบอร์ดร่วมกัน แต่เปลี่ยนเบาะให้เป็นทรงสปอร์ตแค่นั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดเพราะนี่ยังเป็นแค่รถต้นแบบและทีมของ Harada เองก็มีเวลาที่จำกัดมากที่จะทำงานให้ทัน

แล้วเราจะมีสิทธิ์ลุ้นเวอร์ชั่นขายจริงหรือไม่? คำตอบจาก CEO ของ Honda คือ ต้องดูกระแสตอบรับจากลูกค้าในญี่ปุ่นกับยุโรปก่อน ถ้ามีกระแสดีพอ ก็มีสิทธิ์จะกลายมาเป็นความจริง

Honda Urban EV Concept เป็นรถต้นแบบขนาดเล็กที่เผยโฉมมาตั้งแต่งานที่ Frankfurt แล้ว มันผสานเอาดีไซน์ภายนอกแบบคลาสสิค Modern-Retro Look ที่ทำเหมือนจะรวมเอารถแฮทช์แบ็คยุค 70s-80s ของ Honda มาขัดเกลาและเคลือบด้วยดีไซน์ศตวรรษใหม่ ไฟหน้า LED ล้ออัลลอยสวมยางแบบ Low Profile ประตูแบบย้อน Suicide Doors และ กระจังหน้าซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่กระจังหน้า แต่เป็นชุดแผงหน้าจอ ที่สามารถแสดงข้อมูลการชาร์จ และยังเอาไว้ใส่ข้อความทักทาย หรือคำแนะนำให้คนอื่นๆได้

ในขณะเดียวกัน ภายใต้ความล้ำสมัย ก็ครอบด้วยโครงสร้างของรถที่มีความเหลี่ยม เส้นสายที่เรียบง่ายไม่ฉวัดเฉวียน เสา A ที่มีความบาง ส่งผลให้รถมีกลิ่นอายความย้อนยุค ชวนให้นึกถึง Honda Civic รุ่นแรกของปี 1972 ถ้าใครอยากได้ ก็ควรเริ่มเก็บเงินรอเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะ Honda มีแนวโน้มที่จะนำรถ Urban EV Concept ไปทำเป็นรถเวอร์ชั่นผลิตขายจริงในปี 2019 แต่ถ้าคาดหวังว่าจะได้ใช้ Hot Hatch เครื่อง VTEC Turbo ก็บอกได้เลยว่าทำใจเอาไว้ เพราะน่าจะมาขายเป็นเวอร์ชั่นรถถ่านมากกว่า

Honda NeuV เป็นชื่อที่ย่อมาจาก New Electric Urban Vehicle มันคือรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบที่สามารถขับขี่ได้ด้วยตัวเอง โดยใช้ระบบ AI Emotion Engine ซึ่งจะวิเคราะห์อารมณ์ของผู้ขับขี่ว่าเป็นอย่างไรผ่านการแสดงออกทางสีหน้า และน้ำเสียง ก่อนปรับรูปแบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาวะอารมณ์ในขณะนั้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ทั้งยังเรียนรู้สิ่งที่ผู้ใช้งานชอบในด้าน Lifestyle ต่างๆ

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเราใช้ Honda NeuV เสร็จแล้ว เรายังสามารถตั้งค่าให้รถของเราไปให้บริการกับคนอื่นๆ ในละแวกย่านใกล้เคียงกันได้อีกด้วย! โดยผู้ใช้บริการอีกคน จะต้องขออนุญาตผ่านแอพพลิเคชั่นมายังเจ้าของรถ เมื่อเจ้าของรถกดตกลง ตัวรถก็จะวิ่งจี๋ออกไปหาผู้เรียกด้วยตัวมันเอง ส่วนการจ่ายเงินค่าตอบแทนใดๆก็ไปตกลงกันหลังบ้านเอาเอง หรืออาจมี Third Party Application ที่สามารถใช้เพื่อการชำระเงินแบบนี้ออกมา

เห็นเทคโนโลยีแบบนี้แล้วนึกถึงปัญหา Uber บ้านเรา กรมขนส่งจะมีปัญหากับการนำรถไปใช้รับจ้างหรือเปล่าในเมื่อรถไม่มีคนขับ? แล้วถ้าโดนแท็กซี่ท้องถิ่นหัวรุนแรงปิดล้อม จะมีใครให้ตะโกนด่าแลกกันถ่ายคลิปมั้ยในเมื่อในรถนั้นว่างเปล่า


All NEW Honda N-Box ซึ่งจัดอยู่ในประเภท K-Car ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “เพื่อความสุขของครอบครัวชาวญี่ปุ่น” โดยใช้แพลทฟอร์มและขุมพลังที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือเบนซิน i-VTEC 660 ซี.ซี. 58 แรงม้า และเครื่องเทอร์โบ 660 ซี.ซี. 64 แรงม้า  ทั้งคู่ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมทางเลือกระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าหรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

ทัศนวิสัยการขับขี่ของ All NEW Honda N-Box ปลอดโปร่งด้วยเสา A-Pillar ที่บางเฉียบ สำหรับรูปโฉมภายนอกนั้น จะแบ่งดีไซน์และการตกแต่งออกเป็น 2 รุ่น ซึ่งได้แก่ N-Box รุ่นปกติ ซึ่งมีดีไซน์เน้นหรู สง่า และสะอาดตา กับ N-Box Custom ซึ่งเน้นความกล้า ดุดัน ดูเป็นวัยรุ่นมากกว่า ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกถึงความแตกต่างระหว่าง Toyota Alphard กับ Vellfire ดูได้ครับ วิธีคิดใกล้เคียงกัน

Honda Odyssey Minorchange เอามาโชว์ก่อนขายให้ลูกค้าจริงในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะมาในรูปลักษณ์ที่หรูหรามากขึ้น ส่วนรุ่นย่อย Absolute จะยังคงเน้นความสปอร์ตมากกว่ารุ่นปกติเช่นเคย ภายในมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุตกแต่งแผงแดชบอร์ด และวัสดุหุ้มเบาะ

ขุมพลัง Honda Odyssey Minorchange จะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและขุมพลัง Hybrid แบบ Sport Hybrid i-MMD ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ในส่วนระบบความปลอดภัย มีการติดตั้ง Honda Sensing มาให้ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งมีทั้งระบบ Radar Cruise Control, ระบบเบรกอัตโนมัติ, ระบบหลีกเลี่ยงการชนคนเดินถนน, ระบบรักษาช่องจราจร มีกระทั่งระบบคอยเตือนว่ารถคันหน้าออกตัวไปแล้ว เหมาะกับสังคมก้มหน้าหลังพวงมาลัยยิ่งนัก

Honda StepWGN Spada Minorchange มาโชว์ในงานนี้หลังจากเปิดตัวไปแล้วเมื่อ 28 กันยายน ส่วนที่แปลกก็คือ Honda เลือกที่จะทำการปรับโฉมเฉพาะรุ่น Spada เท่านั้น ส่วนรุ่นปกติคงไว้แบบเดิม หน้าตาของ Spada ใหม่ดูสปอร์ตคล้ายหุ่นยนต์หนักขึ้นกว่าเก่า ขุมพลังขับเคลื่อนที่ใช้ก็มีทั้งแบบ 1.5 ลิตรเบนซิน เทอร์โบ L15B 150 แรงม้า ซึ่งใช้พื้นฐานร่วมกับ Honda Jade และ Civic Turbo บ้านเรา ส่วนอีกขุมพลังหนึ่งเป็นแบบไฮบริดมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน i-MMD ให้พลังรวมสูงสุด 184 แรงม้า อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

Honda Clarity Plug-in Hybrid หนึ่งในสามรถซีรีส์ Clarity ที่เอาเรือนร่างแบบปัจจุบั๊นปัจจุบันมาห่อหุ้มขุมพลังแห่งอนาคตเอาไว้ รุ่น Plug-in จัดเป็นหัวหอกหลักในการทำตลาดเพราะไม่ต้องการระบบสาธารณูปโภคพิสดารใดๆมากกว่าปลั๊กไฟกับปั๊มน้ำมัน ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Atkinson Cycle ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า (i-MMD) ให้พลังรวม 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไออ้อนจุไฟ 17kWh (มากกว่ารถ Plug-in ทั่วไปราว 7-8 kWh) ทำให้สามารถวิ่งโดยใช้พลังไฟฟ้าล้วนๆได้ไกลระดับ 100 กิโลเมตร

เตรียมรออ่าน First Impression Clarity ทั้ง 3 ขุมพลังจากผม Pan Paitoonpong ได้เร็วๆนี้ครับ

Honda Civic Type-R ใหม่ มาโชว์ในงานนี้ด้วยเช่นกัน แถมยังเปิดให้เข้านั่ง เหยียบคลัตช์สับเกียร์เล่นได้อีกต่างหาก เครื่องยนต์ของรถรุ่นนี้ ก็คือ K20C เทอร์โบ 2.0 ลิตร 320 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตรเหมือนกับ Type-R รุ่นก่อน แต่ได้รับการปรับจูนเรียกกำลังเพิ่มจากเดิม 10 แรงม้า ภายในหน้าปัดแดงคล้าย 1.5 RS บ้านเรา เบาะ Recaro โอบรัดใกล้เคียงรถสปอร์ตและซูเปอร์คาร์ คันเกียร์ 6 จังหวะ ระยะเข้าสั้นมากคล้าย Mazda MX-5 เกียร์ถอยหลังเป็นแบบโยกขวาสุดแล้วดันเข้า

รถรุ่นนี้จะมีการผลิตจากประเทศอังกฤษที่โรงงานใน Swindon ที่เดียวเท่านั้น แม้กระทั่งรถที่จำหน่ายในญี่ปุ่นเองก็ส่งมาจากอังกฤษ

Previous Post

N1009001_วไม เอาไหน ไม วยอะไรไม พอ นๆโทษแต คนอ วแบบน ไม กว_part2

Next Post

N1009054_างต วเป นแฟนเจ าของบร_part2

Next Post
N1009054_างต วเป นแฟนเจ าของบร_part2

N1009054_างต วเป นแฟนเจ าของบร_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N3112064 เพ อนท เขาไม ทำก บเพ อนแบบน part2
  • N3112072 เธอถอดบsาต อหน แต มไปว าเค ามอง(ไม )เห part2
  • N3112076_กผอ. ไม พอใจท กภารโรงใส ดว ายน ำเหม อนเขา_part2
  • N3112074 ทำนาอย ๆม คนมาขอความช วยเหล part2
  • N3112069 อให แฟนไม แต แม แฟนร กส ดห วใจ part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.