Porsche เปิดตัวสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบต่อสาธารณชนพร้อมกัน 3 ทวีปทั่วโลก Porsche Taycan ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างเกียรติประวัติอันยาวนานไปสู่โลกอนาคตของแบรนด์ Porsche เป็นยานพาหนะที่ Porsche หมายมั่นปั้นมือที่จะนำพา Porsch ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของรถยนต์ไม่ปล่อยมลพิษ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตที่สร้างความตื่นเต้น และเร้าอารมณ์บรรดาบุคคลผู้หลงใหลความเร็วทั่วทุกมุมโลกมาเป็นระยะเวลากว่า 70 ปี การเปิดตัว Taycan คือสัญญาณ แห่งการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ Porsche


…

รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าโมเดลแรกสำหรับการเปิดตัว Porsche แนะนำ Taycan Turbo S และ Taycan Turbo ผลผลิตจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าของ Porsche นั่นก็คือ Porsche E-Performance รถสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสายการผลิตปกติของ Porsche ในส่วนของรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นย่อยอื่นๆ กำลังจะทยอยเปิดตัวตามมาในอีกไม่ช้า อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่จะถูกเพิ่มเติมทางเลือกให้แก่ผู้รักรถสปอร์ต คือ Porsche Taycan Cross Turismo ซึ่งจะเผยโฉมในช่วงปลายปีหน้า ทั้งนี้ก่อนปี 2022 Porsche จะทุ่มงบลงทุนในส่วนของการพัฒนาคิดยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า จำนวน 6,000 ล้านยูโร


รุ่นเรือธง Porsche Taycan Turbo S มีกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 761 แรงม้า (560 กิโลวัตต์) ฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control ตามด้วย Porsche Taycan Turbo กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 680 แรงม้า (500 กิโลวัตต์) สำหรับ Taycan Turbo S มีอัตราเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 2.8 วินาที เร็วสูสีกับรถแข่ง F1 ในขณะที่ Taycan Turbo ทำได้ 3.2 วินาที พิสัยการเดินทางสูงสุดใน Taycan Turbo S ด้วยแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ทำระยะทางสูงสุด 412 กิโลเมตร ส่วน Taycan Turbo เดินทางด้วยพลังไฟจากแบตฯได้ระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร รถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel-drive ทั้ง 2 รุ่นสามารถทำความเร็วสูงสุดประมาณ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

…
Porsche Taycan คือรถสปอร์ตจากสายการผลิตปกติรุ่นแรก ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ แทนที่ระบบทั่วไปซึ่งมีแรงขับเคลื่อนเพียง 400 โวลต์ ในรถไฟฟ้าคันอื่น และนี่คือข้อได้เปรียบหลัก เมื่อเริ่มต้นการขับใช้งานในระยะเวลาเพียง 5 นาที ระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ high-power charging network จะทำหน้าที่สะสมพลังงานใส่แบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง direct current (DC) สามารถเดินทางได้เป็นระยะสูงสุดกว่า 100 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการชาร์จไปวิ่งไป 22.5 นาที ในการชาร์จพลังงานตั้งแต่ความจุแบตเตอรี่ 5– 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (state of charge) ภายใต้สภาพแวดล้อมปกติ และมีกำลังไฟฟ้าสูงสุด (peak) ที่ 270 กิโลวัตต์ ประสิทธิภาพความจุโดยรวมของแบตเตอรี่อยู่ที่ 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง Porsche Taycan สามารถชาร์จพลังงานผ่านไฟฟ้ากระแสสลับ alternating current (AC) ขนาด 11 กิโลวัตต์ ที่ใช้อยู่ในที่พักอาศัยทั่วไป
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche ในประเทศไทย แจ้งว่า พร้อมเปิดรับจอง Porsche Taycan Turbo S และ Porsche Taycan Turbo แล้วในวันนี้!!

…


งานออกแบบภายนอก
งานออกแบบที่เรียบหรู Porsche Taycan สื่อสารแก่ผู้พบเห็นอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นยุคใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าจาก Porsche สปอร์ตไฟฟ้าคันนี้ยังคงรักษาอัตลักษณ์ในงานออกแบบตาม DNA ของ Poesche จากมุมมองด้านหน้าที่กว้าง และแบนราบ ขนาบด้วยโป่ง ซุ้มล้อที่โค้งมน ยกระดับรูปทรงโดยรวมให้ปราดเปรียว ด้วยแนวหลังคาสไตล์สปอร์ตที่เทลาดกลมกลืนจรดด้านท้าย แนวตัวถังด้านข้างมีบุคลิกเฉพาะตัว มุมมองจากห้องโดยสารปลอดโปร่ง แนวโค้งของเสา C-pillar ที่วางตัวผสานกับซุ้มล้อหลัง เป็นหนึ่งเดียวกับสปอยเลอร์ท้าย ตราสัญลักษณ์ Porsche ฉายสะท้อนบนกระจก หรือ glass-effect Porsche logo ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่รวมอยู่กับ light bar บริเวณท้ายรถ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd 0.22 รวมทั้งระบบอากาศพลศาสตร์ที่พัฒนามาจากสายพันธุ์รถแข่ง จากการออกแบบรูปทรงตัวถังที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ประหยัดและพิสัยระยะเดินทางไกลมากขึ้น
…
ห้องโดยสารแสดงออกถึงบรรยากาศของการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่ของยนตรกรรมล้ำอนาคต ปลอดโปร่ง ด้วยโครงสร้างและสถาปัตยกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์รายรอบ แผงหน้าปัดทรงโค้งมน ในตำแหน่งบนสุดของแผงคอนโซลหน้า ให้มุมมองที่ชัดเจนที่สุดจากสายตาของผู้ขับขี่ คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอ infotainment ขนาดใหญ่ถึง 10.9 นิ้ว พร้อมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็น อุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติม วางตัวต่อเนื่องกันด้วยแผ่นกระจกที่ให้สัมผัสสไตล์ black-panel สร้างบรรยากาศที่กลมกลืนลงตัวกับงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งาน ทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่ สำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) โดยเฉพาะ ระบบควบคุมการทำงานแบบกลไกดั้งเดิม อาทิ สวิตช์ และปุ่มกดต่างๆ ได้รับการลดจำนวนลงอย่างมาก โดยถูกแทนที่ด้วยระบบควบคุมอัจฉริยะผ่านการสัมผัส หรือการสั่งงานด้วยเสียง voice control function ซึ่งพร้อมตอบสนองต่อคำสั่งเริ่มต้น “Hey Porsche”
สำหรับ Taycan มีงานตกแต่งภายในที่ปราศจากการใช้วัสดุหนังเป็นครั้งแรก ชิ้นงานภายในประกอบด้วยนวัตกรรมวัสดุรีไซเคิล ตอบโจทย์แนวคิดในการพัฒนารถสปอร์ต พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนยาวนานในชื่อว่า “Foot garages” – ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ในบริเวณที่พักเท้าของ ห้องโดยสารตอนหลัง –เบาะนั่งวางตัวในระดับต่ำตามลักษณะเฉพาะตัว พื้นที่บรรทุกสัมภาระมีให้ใช้งานได้ถึง 2 จุด: ด้านหน้ามีความจุที่ 81 ลิตร และในด้านท้ายรถมีความจุ 366 ลิตร

ระบบส่งกำลังประสิทธิภาพสูง
Porsche Taycan Turbo S และ Porsche Taycan Turbo ถือกำเนิดขึ้นในฐานะกลจักร ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพชั้นเลิศถึง 2 ส่วน หนึ่งคือชุดขับเคลื่อนล้อหน้า และสองคือชุดขับเคลื่อนล้อหลัง หมายความว่ารถสปอร์ตคันนี้ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ส่งผลต่อความเหนือระดับทั้งในแง่ของพิสัยการเดินทาง และพละกำลังที่ต่อเนื่อง เป็นข้อได้เปรียบที่เกิดขึ้นผ่านการทำงานที่สอดประสานอย่างลงตัวระหว่างชุดขับเคลื่อนทั้ง 2 ชิ้นส่วนของ electric machine ระบบส่งกำลัง และชุดควบคุม pulse-controlled inverter ถูกผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ขนาดที่กะทัดรัด เมื่อเปรียบเทียบกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ในยุคปัจจุบัน อีกหนึ่งอุปกรณ์พิเศษที่อยู่ในมอเตอร์ไฟฟ้า คือ “hairpin” อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของ stator coils เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้สามารถเพิ่มจำนวนขดลวด ทองแดงที่บรรจุอยู่ใน stator ได้มากขึ้น เพิ่มกำลังและแรงบิด ขณะที่มีชิ้นส่วนเท่าเดิม นวัตกรรมระบบส่งกำลังแบบ two-speed transmission คิดค้นขึ้นโดย Porsche ติดตั้งในชุดขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์แรกรับหน้าที่สร้างอัตราเร่ง จากจุดหยุดนิ่งที่ดี ส่วนเกียร์ที่ 2 มีอัตราทดที่ยาวกว่าเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานและรักษาพละ กำลังสูงสุดให้ถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในการขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ตาม

เครือข่ายระบบควบคุมช่วงล่างแบบรวมศูนย์ Centrally networked chassis systems
ระบบ Porsche 4D-Chassis Control ทำหน้าที่วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลที่ได้จาก ระบบควบคุมช่วงล่าง ทั้งหมดในแบบ real time นวัตกรรมดังกล่าวประกอบด้วย ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspension พร้อมเทคโนโลยี three-chamber รวมทั้งระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management) ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบเหล็กกันโคลงอัจฉริยะ และระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ควบคุมด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ทั้งสองตัว พร้อมระบบสะสมพลังงานย้อนกลับ หรือ recuperation ให้กำลังสูงสุด 265 กิโลวัตต์ มากกว่ารถคู่แข่งทุกแบรนด์ ผลจากการวิ่งทดสอบ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของแรงเบรกที่ใช้ในการขับขี่ปกติ เกิดขึ้นจากกลจักรไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยแทบจะปราศจากการทำงานของระบบเบรกไฮดรอลิกที่ล้อรถ





โหมดการขับขี่ที่แตกต่างกัน สามารถเลือกได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยมีพื้นฐานในการออกแบบพัฒนา ที่ยึดหลักการเดียวกันกับ Porsche ทุกคัน เพิ่มเติมด้วยการปรับตั้งลักษณะการตอบสนองให้เหมาะสม กับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ประกอบด้วยโหมดการขับขี่ถึง 4 รูปแบบ: Range / Normal / Sport / Sport Plus สามารถเลือกใช้งานโหมด “Individual” ที่ผู้ขับปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ได้เอง

