ในโลกของยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว การมองย้อนกลับไปยังรถยนต์ที่เคยเป็นดาวเด่นในอดีตมักจะเผยให้เห็นถึงคุณค่าที่ยั่งยืน และในปี 2025 นี้ Mitsubishi Pajero Sport GT Premium รุ่นปี 2018 ยังคงเป็นหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ (PPV) ที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถมือสองที่มองหาความคุ้มค่าและสมรรถนะที่ไว้ใจได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงทุกแง่มุมของรถคันนี้ ตั้งแต่การออกแบบที่เหนือกาลเวลาไปจนถึงเทคโนโลยีที่ยังคงทันสมัย ให้คุณเห็นภาพว่าทำไม Pajero Sport GT Premium จึงยังเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณา แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีก็ตาม
การออกแบบภายนอก: ความแข็งแกร่งที่ผสานความสปอร์ตอย่างลงตัว
เมื่อแรกเห็น มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต GT Premium รุ่นปี 2018 ยังคงสร้างความประทับใจด้วยภาษาการออกแบบ “Dynamic Shield” อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ ที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของรถยนต์สายพันธุ์ออฟโรดเข้ากับความปราดเปรียวของรถ SUV ได้อย่างกลมกลืน ในปี 2025 นี้ ดีไซน์ดังกล่าวแม้จะไม่ได้ใหม่ล่าสุด แต่ก็ยังดูไม่ล้าสมัย และยังคงสะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่หรูหราและพร้อมลุยไปในทุกเส้นทาง
เริ่มจากด้านหน้า ชุดตกแต่งชายกันชนหน้าแบบ Front Corner Protector และชุดตกแต่งใต้กันชนหน้าแบบ Front Under Garnish ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความบึกบึน แต่ยังปกป้องตัวรถจากการกระแทกเล็กน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไฟหน้า Projector Bi-LED พร้อมไฟส่องสว่างกลางวันแบบ Spectrum LED มอบทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยมทั้งกลางวันและกลางคืน ระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียด ช่วยให้เลนส์ไฟหน้าสะอาดอยู่เสมอเพื่อประสิทธิภาพการส่องสว่างสูงสุด ไฟตัดหมอกหน้าแบบ Front Fog Lamps พร้อมคิ้วโครเมียมตกแต่งไฟหน้า รวมถึงระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่ให้ความสะดวกสบายและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ PPV คาดหวัง ระบบกันแมลงฝากระโปรงหน้าและคิ้วกันสาดข้างเป็นอุปกรณ์เสริมที่ผู้ใช้งานหลายคนนิยมติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ใช้สอยและปกป้องตัวรถ ซึ่งหากมีมาให้ตั้งแต่โรงงานย่อมเป็นข้อได้เปรียบ
เมื่อมองมาที่ด้านข้าง สคัฟเพลทดีไซน์หรูหราพร้อมฝาครอบสเตนเลส และชุดตกแต่งข้างประตูแบบ Side Garnish ช่วยเสริมความพรีเมียม บันไดข้าง Stylish Side Steps ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้า-ออกห้องโดยสาร โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุหรือเด็ก ราวหลังคา Silver Dynamic Roof Rails ที่ออกแบบพิเศษให้รับกับหลังคารถอย่างสวยงาม ไม่เพียงแต่เพิ่มความสปอร์ต แต่ยังเป็นประโยชน์สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อการเดินทาง เช่น แร็คบรรทุกสัมภาระเพิ่มเติมสำหรับการเดินทางไกลหรือกิจกรรมกลางแจ้ง
ด้านท้ายรถมาพร้อมไฟท้ายแบบ Spectrum LED ที่โดดเด่นด้วยเส้นสายยาวจรดขอบฝาปิดท้าย การออกแบบในลักษณะนี้ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน และช่วยให้ Pajero Sport มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบนท้องถนน คิ้วโครเมียมชายฝากระโปรงท้ายและแผงตกแต่งขอบกันชนท้ายสเตนเลสช่วยเพิ่มความหรูหรา ในขณะที่ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ High-Mount Stop Lamp ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor และกระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้ายิ่งตอกย้ำถึงฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสบาย นอกจากนี้ ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อค และระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ เป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความประทับใจและเพิ่มความสะดวกสบายในยามค่ำคืน
สิ่งที่ทำให้ Pajero Sport GT Premium รุ่นปี 2018 ยังคงดูดีในยุค 2025 คือชุดล้อแม็กซ์อัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 ซึ่งให้ทั้งความสวยงามและความมั่นคงในการขับขี่ ชุดตกแต่งซุ้มล้อและบังโคลนล้อแบบ Fender Arch Molding เป็นการเพิ่มมิติและความสมบูรณ์ให้กับซุ้มล้อ ทำให้ตัวรถดูแข็งแกร่งและเต็มคันมากขึ้น ฟังก์ชันไฟส่องสว่างบริเวณด้านข้างประตูเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ในยามค่ำคืน ช่วยให้มองเห็นพื้นผิวรอบข้างได้ชัดเจนและลดความเสี่ยงในการสะดุดหรือก้าวพลาดเมื่อเข้า-ออกจากรถ
ห้องโดยสาร: ความหรูหราสะดวกสบายที่ปรับเปลี่ยนได้
ก้าวเข้ามาภายใน มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต GT Premium รุ่นปี 2018 ยังคงมอบบรรยากาศของห้องโดยสารที่พรีเมียมและเปี่ยมด้วยฟังก์ชันการใช้งาน แม้ในปี 2025 นี้ มาตรฐานความทันสมัยอาจสูงขึ้น แต่ห้องโดยสารของ Pajero Sport ก็ยังคงตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ครอบครัว หรือ PPV ที่เน้นความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอย
การตกแต่งภายในด้วยสีเงินและเปียโนแบล็ค (Piano Black) สร้างความรู้สึกหรูหราและทันสมัย เบาะนั่งด้านหน้าหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับระดับสูงต่ำได้ มอบความสบายในการเดินทางทั้งระยะใกล้และไกล เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถแยกพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักพิงปรับเอนและพับไปด้านหน้าได้ รวมถึงมีที่พักแขนติดมาให้ด้วย ซึ่งเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดสรรพื้นที่ และความสบายสำหรับผู้โดยสารตอนกลาง เบาะนั่งแถวที่ 3 คือจุดเด่นสำคัญของรถ PPV Pajero Sport ออกแบบมาให้สามารถปรับพับราบไปกับพื้นห้องโดยสารได้เกือบสนิท เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ได้อย่างมหาศาล พนักพิงที่ปรับเอนได้ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้โดยสารแถวหลังรู้สึกสบายขึ้นในการเดินทางไกล
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ความชัดเจนสูง (High Contrast Multi Information Display) ยังคงให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและอ่านง่าย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารจากนาโนอิ (Nanoe) ทำงานร่วมกับแผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระและช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกที่นั่งจะได้รับความเย็นสบายและอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ตลอดการเดินทาง ฟีเจอร์นี้ยังคงเป็นจุดเด่นที่สำคัญในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพ
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ และกระจกหน้าต่างไฟฟ้าแบบปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติเฉพาะด้านคนขับพร้อมระบบ Safety ป้องกันการหนีบ ล้วนเป็นความสะดวกสบายพื้นฐานที่ Pajero Sport GT Premium จัดเต็มมาให้ ระบบบังคับเลี้ยวของ Pajero Sport GT Premium ใช้พวงมาลัยแร็ค แอนด์ พิเนียน (Rack and Pinion) พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงที่ช่วยให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายในการหักเลี้ยวและถอยจอด รวมถึงสามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก) ทำให้ผู้ขับขี่สามารถหาตำแหน่งการขับขี่ที่เหมาะสมที่สุดได้
ในส่วนของการจัดเก็บสัมภาระ ถาดใส่ของท้ายรถแบบ Luggage Tray ช่วยรองรับการเก็บของได้ดียิ่งขึ้น พร้อมที่ปิดสัมภาระด้านหลังแบบ Sliding Tonneau Cover เพื่อความเป็นระเบียบและปกป้องของมีค่าจากสายตาภายนอก การทำความสะอาดภายในห้องโดยสารก็ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยพรมปูพื้น Textile Floor Mats พร้อมยางปูพื้น ที่ช่วยให้ดูแลรักษาความสะอาดได้ง่ายขึ้น
ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกต่างๆ ถูกจัดวางไว้อย่างครบครัน ช่องจ่ายกระแสไฟ DC ขนาด 12V และ AC ขนาด 220V เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางในปัจจุบัน เพราะสามารถชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ระบบเครื่องเสียงจาก 2DIN บนจอภาพระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธแบบ A2DP และระบบนำทางในรถยนต์ (Navigation System) ที่แม้จะไม่ใช่ระบบล่าสุด แต่ก็ยังคงใช้งานได้ดี Pajero Sport GT Premium ยังเพิ่มความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลังด้วยจอภาพแบบ Wide Screen พร้อมเครื่องเล่น DVD และรีโมท หูฟังอินฟราเรดสำหรับผู้โดยสารตอนหลังจำนวน 2 ชุด ผ่านลำโพง 6 ตำแหน่ง สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นจุดแข็งที่ทำให้การเดินทางของครอบครัวเต็มไปด้วยความสุข ไม่ว่าจะปีไหนก็ตาม
สมรรถนะเครื่องยนต์: ขุมพลังดีเซลที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่
หัวใจหลักของ Mitsubishi Pajero Sport GT Premium รุ่นปี 2018 คือเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC VG Turbo DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทรงพลังและเพียงพอต่อการใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง การเดินทางไกล หรือการลุยเส้นทางออฟโรดเบาๆ
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าในยุคปี 2018 และยังคงทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพในปี 2025 การมีอัตราทดเกียร์ถึง 8 จังหวะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างนุ่มนวลและต่อเนื่อง ผสานกับระบบ INC (Idle Neutral Control) ที่ช่วยควบคุมและตัดกำลังส่งไปยังเพลาขับอัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่งหรือเหยียบเบรกในตำแหน่งเกียร์ D ฟีเจอร์นี้ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน และลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ นับเป็นเทคโนโลยีที่ส่งผลดีต่อการดูแลรักษารถในระยะยาว นอกจากนี้ ระบบ G-Sensor ยังช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน ทำให้การขับขี่บนทางขึ้น-ลงเขาเป็นไปอย่างมั่นใจ
ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งของ Pajero Sport GT Premium (เฉพาะรุ่น 4WD) คือระบบ Super Select 4WD-II ซึ่งเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่จาก 2 ล้อ (2H) มาเป็น 4 ล้อ (4H) แบบ Full Time All Wheel Control ได้อย่างง่ายดาย ขณะขับขี่โดยไม่ต้องหยุดรถ ระบบนี้มาพร้อมโหมดการขับขี่ถึง 4 ระดับ เพื่อรองรับสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย:
โหมด 2H (2WD High Range): สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนปกติ ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันสูงสุด
โหมด 4H (4WD High Range): เหมาะสำหรับสภาพถนนเปียกลื่นที่ต้องการการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น โดยยังคงความเร็วได้
โหมด 4HLc (4WD High Range with Locked Center Differential): สำหรับเส้นทางที่มีความเปียกลื่นและทุรกันดาร ต้องการแรงยึดเกาะสูงขึ้นและกระจายกำลังไปยังล้อเท่าๆ กัน
โหมด 4LLc (4WD Low Range with Locked Center Differential): เหมาะสำหรับใช้ในเส้นทางที่มีความลาดชันสูง มีโคลนมาก หรือต้องการแรงบิดสูงเป็นพิเศษ เพื่อการขับขี่แบบออฟโรดอย่างแท้จริง
ความสามารถในการปรับเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนได้ตามสภาพถนนทำให้ Pajero Sport GT Premium เป็นรถ PPV ที่มีความอเนกประสงค์อย่างแท้จริง ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและการผจญภัยในวันหยุด ฟังก์ชันเหล่านี้ยังคงเป็นจุดแข็งที่ทำให้รถรุ่นนี้ยังคงความน่าสนใจในตลาดรถมือสองของปี 2025
ระบบความปลอดภัย: มั่นใจทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ด้านความปลอดภัย Mitsubishi Pajero Sport GT Premium รุ่นปี 2018 ไม่ได้เป็นรองใคร ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ซึ่งหลายฟีเจอร์ยังคงเป็นมาตรฐานในรถยนต์ยุคปัจจุบัน ทำให้รถคันนี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับครอบครัวที่มองหารถยนต์มือสองที่ปลอดภัย
ระบบล็อคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) เป็นฟีเจอร์ที่โดดเด่น ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ในการเดินทางไกล โดยระบบจะปรับลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า และจะปรับความเร็วกลับสู่ระดับเดิมเมื่อรถคันหน้าพ้นจากระยะตรวจจับของเซ็นเซอร์ ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดความเสี่ยงจากการชนท้าย
การจอดรถก็เป็นเรื่องง่ายและมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยสัญญาณกะระยะจอด Parking Sensor และระบบไฟกระพริบฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหันอัตโนมัติ ESS (Emergency Stop Signal System) มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต โฉมนี้ยังได้รับการออกแบบให้มีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและระบบป้องกันการลื่นไถลแบบ ASTC (Active Stability and Traction Control) ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อรักษาการทรงตัวของรถให้มั่นคงในทุกสภาพการขับขี่ โดยเฉพาะบนพื้นผิวที่ลื่น
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ในเส้นทางภูเขาหรือลาดชัน ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัวขณะลากจูง (TSA – Trailer Stability Assist) ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ใช้งานรถ PPV ในการลากพ่วง เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
Pajero Sport GT Premium ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันการชนที่ล้ำสมัยในยุคนั้น เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM (Forward Collision Mitigation System) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงของการชน โดยระบบจะแจ้งเตือนและหากจำเป็นก็เข้าช่วยเบรกอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้น ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว UMS (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System) เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการเหยียบคันเร่งผิดพลาด ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย
ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) และกล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นกะระยะแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ (Multi Around Monitor with Guiding Line and Expected Course Line) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยรอบตัวรถและลดจุดบอดในการขับขี่ ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือการจอดรถเป็นไปอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น สุดท้าย ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS (Keyless Operation System) พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start) เป็นความสะดวกสบายที่ผู้ขับขี่จะได้รับในทุกครั้งที่ใช้งาน
สรุป: คุณค่าที่ยั่งยืนของ Mitsubishi Pajero Sport GT Premium ในปี 2025
Mitsubishi Pajero Sport GT Premium รุ่นปี 2018 ยังคงเป็นสุดยอดรถยนต์ PPV ที่มอบสมรรถนะยอดเยี่ยมและคุณค่าที่น่าประทับใจ แม้ในตลาดรถยนต์ปี 2025 ที่เต็มไปด้วยรถรุ่นใหม่ๆ คุณสมบัติเด่นของ Pajero Sport ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC 2.5 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 2WD และ 4WD ได้อย่างลงตัว ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่นุ่มนวล และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน ยังคงทำให้รถคันนี้เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะรถมือสอง
สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ต้องการความคุ้มค่า สมรรถนะที่ไว้ใจได้ ความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย Mitsubishi Pajero Sport GT Premium (2018) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยราคาในตลาดมือสองที่เข้าถึงง่ายขึ้นในปี 2025 ทำให้ Pajero Sport GT Premium เป็นรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์การเดินทางได้ทั้งครอบครัว พร้อมสุนทรียภาพในการขับขี่ที่ครบครัน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจและสะดวกสบายในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการออกผจญภัยนอกเส้นทางก็ตาม
