ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตวิวัฒนาการของตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท PPV (Pickup Passenger Vehicle) มาอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในชื่อที่ยังคงโดดเด่นและเป็นที่กล่าวถึงไม่เสื่อมคลายคือ Mitsubishi Pajero Sport โดยเฉพาะรุ่น GT Premium ที่เปรียบเสมือนเรือธงของซีรีส์นี้ ในปี 2025 นี้ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต จีที พรีเมียม ไม่ได้เป็นเพียงแค่ยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความหรูหรา และเทคโนโลยีที่ถูกรังสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ในยุคปัจจุบันและอนาคต บทความนี้จะเจาะลึกทุกมิติของ Pajero Sport GT Premium รุ่นล่าสุด เพื่อให้เห็นภาพรวมของนวัตกรรมที่มาพร้อมกับสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้
การออกแบบภายนอก: ผสมผสานความแข็งแกร่งและความหรูหราอย่างลงตัว
การออกแบบภายนอกของ Mitsubishi Pajero Sport GT Premium ในปี 2025 ยังคงยึดมั่นในปรัชญา “Dynamic Shield” อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ แต่ได้รับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและโดดเด่นยิ่งขึ้น สะท้อนถึงความพร้อมสำหรับการผจญภัยในทุกเส้นทาง พร้อมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมีสไตล์ ชุดแต่งชายกันชนหน้าแบบ Front Corner Protector ผสานกับชุดตกแต่งใต้กันชนหน้าแบบ Front Under Garnish ที่ปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวและมีมิติมากขึ้น ไม่เพียงแต่เพิ่มความดุดัน แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์เล็กน้อย
ระบบไฟส่องสว่างคือหนึ่งในไฮไลท์สำคัญ ไฟหน้าแบบ Projector Bi-LED ที่ให้ความสว่างคมชัดครอบคลุมทุกสภาพถนนยามค่ำคืน ถูกยกระดับด้วยเทคโนโลยี Adaptive Driving Beam (ADB) ที่สามารถปรับรูปแบบการส่องสว่างได้อัตโนมัติ เพื่อไม่ให้รบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง พร้อมไฟส่องสว่างกลางวันแบบ Spectrum LED ดีไซน์ใหม่ที่ผสานเป็นส่วนหนึ่งกับเส้นสายของตัวรถอย่างลงตัว ระบบน้ำฉีดล้างไฟหน้ายังคงเป็นคุณสมบัติมาตรฐานที่ช่วยรักษาความใสของเลนส์ไฟหน้าในสภาวะเลวร้าย นอกจากนี้ ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED พร้อมคิ้วโครเมียมตกแต่ง และระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่อย่างเต็มที่
ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ยังคงเป็นจุดแข็ง เช่น กันแมลงฝากระโปรงหน้า และคิ้วกันสาดข้างที่ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับดีไซน์โดยรวม ในขณะที่สคัฟเพลทบริเวณบันไดข้างมาพร้อมฝาครอบสเตนเลสดีไซน์หรูหรา ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยปกป้องรอยขีดข่วนจากการเข้า-ออกรถ ชุดตกแต่งข้างประตูแบบ Side Garnish ที่ปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความเพรียวบางยิ่งขึ้น ก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว
ด้านท้ายรถยังคงโดดเด่นด้วยไฟท้ายแบบ Spectrum LED ดีไซน์แนวตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ในปี 2025 นี้ ได้รับการปรับปรุงกราฟิกภายในให้ดูโมเดิร์นและสะดุดตายิ่งขึ้น พร้อมเส้นสายที่เชื่อมโยงกับขอบฝาท้ายอย่างประณีต คิ้วโครเมียมชายฝากระโปรงท้ายที่ปรับดีไซน์ให้มีความบางเฉียบ และแผงตกแต่งขอบกันชนท้ายสเตนเลสที่เพิ่มความแข็งแกร่งและสวยงาม ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ High-Mount Stop Lamp ยังคงติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor และกระจกมองข้างปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบไล่ฝ้า ก็เป็นคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความสะดวกสบายในทุกสภาพอากาศ
นอกจากนี้ Pajero Sport GT Premium ยังมาพร้อมกับระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อค (Welcome Light) และระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Coming Home Light) ที่ช่วยเพิ่มความหรูหราและปลอดภัยในยามค่ำคืน ราวหลังคาแบบ Silver Dynamic Roof Rails ที่ได้รับการออกแบบพิเศษให้รับกับหลังคารถอย่างสวยงามและแข็งแรง ไม่เพียงแต่เสริมความสวยงาม แต่ยังรองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อการผจญภัยได้อีกด้วย สปอยเลอร์หลังแบบ Tailgate Spoiler ดีไซน์สปอร์ต และบันไดข้าง Stylish Side Steps ที่ออกแบบมาให้เข้า-ออกรถได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น เสาอากาศแบบฝังกระจกหลังแบบ Glass Antenna ช่วยให้ตัวรถดูเรียบเนียน และไฟส่องสว่างบริเวณด้านข้างประตูยังคงเป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้มองเห็นพื้นที่รอบข้างรถได้ชัดเจนยามค่ำคืน
ช่วงล่างอันแข็งแกร่งโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ทูโทนขนาด 18 นิ้ว ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูพรีเมียมและสปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมยางขนาด 265/60 ที่ให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ทั้งบนทางเรียบและเส้นทางทุรกันดาร ชุดตกแต่งซุ้มล้อและบังโคลนล้อแบบ Fender Arch Molding ที่เพิ่มความบึกบึนและปกป้องตัวรถจากเศษหินดินทราย ยังคงเป็นคุณสมบัติที่เสริมความพร้อมสำหรับการลุยในทุกสภาพเส้นทาง
ห้องโดยสารภายใน: สุนทรียภาพแห่งการเดินทางพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย
การก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Mitsubishi Pajero Sport GT Premium 2025 คือการสัมผัสกับนวัตกรรมที่ผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัว มิตซูบิชิได้พัฒนาคอนเซ็ปต์ “Omotenashi” หรือการบริการอย่างเอาใจใส่แบบญี่ปุ่น มาสู่การออกแบบภายในอย่างแท้จริง
เบาะนั่งด้านหน้าหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์คุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มสบายและทนทาน พร้อมการปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า เสริมด้วยระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งคนขับ (Memory Seat) ที่เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ เพื่อให้เหมาะกับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถแยกพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักพิงที่ปรับเอนได้ และพับไปด้านหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย นอกจากนี้ยังมีที่พักแขนพร้อมช่องวางแก้วน้ำ ทำให้การเดินทางของผู้โดยสารตอนกลางเป็นไปอย่างผ่อนคลาย เบาะนั่งแถวที่ 3 คือความอัจฉริยะที่แท้จริง ด้วยการออกแบบให้สามารถปรับพับราบไปกับพื้นห้องโดยสารได้อย่างง่ายดาย เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ได้อย่างมหาศาล และพนักพิงที่สามารถปรับเอนได้ ช่วยให้ผู้โดยสารแถวหลังสุดไม่รู้สึกอึดอัดในการเดินทางไกล
การตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบหรูและทันสมัย ด้วยการผสมผสานระหว่างสีเงินเมทัลลิกและเปียโนแบล็ค (Piano Black) พร้อมการเสริมด้วยวัสดุลายไม้ หรือลายคาร์บอนไฟเบอร์บางจุด (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) เพื่อเพิ่มความพรีเมียม จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล (Full Digital Display) ขนาดใหญ่ความละเอียดสูง (High Contrast Multi Information Display) ที่ปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลาย ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ที่แยกควบคุมอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารจาก Nanoe™ ซึ่งช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ไวรัส และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้ห้องโดยสารมีอากาศบริสุทธิ์และสดชื่นตลอดการเดินทาง แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังทุกแถว ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกคนในรถจะได้รับความเย็นสบายอย่างทั่วถึง
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ ช่วยลดแสงจ้าจากรถคันหลัง ทำให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น กระจกหน้าต่างไฟฟ้าแบบปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Safety) ด้านคนขับ ยังคงเป็นมาตรฐานที่มอบความสะดวกและปลอดภัย ระบบบังคับเลี้ยวของ Mitsubishi Pajero Sport GT Premium ได้รับการติดตั้งพวงมาลัยแร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (Electric Power Steering – EPS) ที่ช่วยให้พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาและแม่นยำยิ่งขึ้นในความเร็วต่ำ และหนักแน่นขึ้นในความเร็วสูง เพิ่มความมั่นใจทุกครั้งที่หักเลี้ยว และยังสามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก) เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถหามุมที่เหมาะสมที่สุดได้อย่างง่ายดาย
สำหรับฟังก์ชันอำนวยความสะดวก มาแบบครบครันตามสไตล์รถยนต์ PPV ระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นช่องจ่ายกระแสไฟ DC ขนาด 12V และช่องจ่ายกระแสไฟ AC ขนาด 220V ที่มีกำลังไฟเพียงพอสำหรับชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กขณะเดินทาง ระบบเครื่องเสียงจากจอภาพระบบสัมผัสขนาด 8 หรือ 9 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมระบบนำทางในรถยนต์ (Navigation System) ที่อัปเดตข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ ผ่านลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงระดับพรีเมียม
นอกจากนี้ Pajero Sport GT Premium ยังให้ความสำคัญกับความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ด้วยจอภาพแบบ Wide Screen ติดตั้งบริเวณเพดาน ที่มาพร้อมเครื่องเล่น DVD, ช่องเชื่อมต่อ HDMI/USB และรีโมทควบคุม พร้อมหูฟังอินฟราเรดสำหรับผู้โดยสารตอนหลังจำนวน 2 ชุด ทำให้การเดินทางไกลของทุกคนในครอบครัวเต็มไปด้วยความสุขและปราศจากความเบื่อหน่าย ถาดใส่ของท้ายรถแบบ Luggage Tray และที่ปิดสัมภาระด้านหลังแบบ Sliding Tonneau Cover ช่วยให้การจัดเก็บสัมภาระเป็นระเบียบและปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมพรมปูพื้น Textile Floor Mats และยางปูพื้น ที่ช่วยให้การทำความสะอาดภายในห้องโดยสารเป็นเรื่องง่าย
สมรรถนะเครื่องยนต์: ขีดสุดแห่งพลังและความประหยัดในปี 2025
Mitsubishi Pajero Sport GT Premium โฉมปี 2025 ยังคงสานต่อตำนานความแรงและความทนทานด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC VG Turbo DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.4 ลิตร (เดิม 2.5 ลิตรในรุ่นเก่า) ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตอบสนองต่อมาตรฐานไอเสีย Euro 5 หรือ Euro 6 ที่เข้มงวดขึ้นในปัจจุบัน เทคโนโลยีวาล์วไอดีแปรผัน (MIVEC) ผสานกับเทอร์โบแปรผัน (VG Turbo) และอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ช่วยให้เครื่องยนต์สร้างกำลังสูงสุดที่ 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดถึง 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ซึ่งเป็นช่วงรอบเครื่องยนต์ที่ใช้งานจริงบ่อยที่สุด ทำให้ Pajero Sport GT Premium มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมและแรงบิดที่เหลือเฟือสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะขึ้นเขา หรือบรรทุกหนัก
หัวใจสำคัญที่ส่งกำลังเครื่องยนต์ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดคือระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport Mode ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมเกียร์อัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากมิตซูบิชิ การเพิ่มอัตราทดเกียร์ถึง 8 จังหวะ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างนุ่มนวลและต่อเนื่อง ลดการกระตุกของตัวรถ พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบไฟฟ้าที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ
ระบบ INC (Idle Neutral Control) ยังคงเป็นคุณสมบัติอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมและตัดกำลังส่งไปยังเพลาขับอัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง หรือเหยียบเบรกในตำแหน่งเกียร์ D ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ แต่ยังส่งผลให้เกิดการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเห็นได้ชัด และลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ในระยะยาว พร้อมทั้งระบบ G-Sensor ที่ช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขับขี่บนทางลาดชัน ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
สำหรับรุ่น GT Premium 4WD มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต โฉมนี้ยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II อันเลื่องชื่อ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Pajero Sport เหนือกว่าคู่แข่งหลายราย ระบบนี้ช่วยในการเปลี่ยนโหมดการขับขี่จากรูปแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) มาเป็นรูปแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-Time All Wheel Control ได้อย่างง่ายดาย แม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยมีโหมดให้ปรับเปลี่ยนถึง 4 ระดับ เพื่อรองรับสภาพภูมิประเทศและการขับขี่ที่แตกต่างกัน:
2H (2WD High Range): สำหรับการขับขี่บนสภาพถนนปกติ ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันสูงสุด
4H (4WD High Range): สำหรับสภาพถนนเปียกลื่น ต้องการการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น โดยสามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติ
4HLc (4WD High Range with Locked Centre Differential): สำหรับเส้นทางที่มีความเปียกลื่นและทุรกันดารมากยิ่งขึ้น ระบบจะล็อคเฟืองท้ายกลางเพื่อกระจายแรงบิดสู่ล้อหน้าและหลังเท่ากัน
4LLc (4WD Low Range with Locked Centre Differential): เหมาะสำหรับใช้ในเส้นทางที่มีความลาดชันสูง หรือมีโคลนมาก ต้องการแรงฉุดลากสูงเป็นพิเศษ ด้วยอัตราทดเกียร์ต่ำ
นอกจากนี้ยังเพิ่มโหมดการขับขี่แบบ Off-Road Mode ที่ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบควบคุมเสถียรภาพ ให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางต่างๆ เช่น Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถพิชิตเส้นทางหฤโหดได้อย่างง่ายดาย ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) และสวิตช์ควบคุมวิทยุบนพวงมาลัย ก็ยังคงเป็นฟังก์ชันมาตรฐานที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่
ระบบความปลอดภัย: มั่นใจทุกเส้นทางกับเทคโนโลยีปกป้องชีวิตในปี 2025
ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญที่มิตซูบิชิให้ความสำคัญสูงสุด และใน Mitsubishi Pajero Sport GT Premium 2025 ได้รับการยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น เพื่อปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกสถานการณ์
ระบบความปลอดภัยเชิงรุก (Active Safety) ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด:
ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) with Stop & Go: ไม่เพียงแค่รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า แต่ยังสามารถปรับความเร็วตามและหยุดรถได้อัตโนมัติเมื่อรถคันหน้าหยุดนิ่ง และสามารถออกตัวตามได้เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ทำให้การขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัดเป็นไปอย่างผ่อนคลาย
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System – FCM): ตรวจจับรถยนต์ คนเดินเท้า และจักรยานยนต์ ด้วยเรดาร์และกล้อง เพื่อเตือนผู้ขับขี่และช่วยเบรกอัตโนมัติหากเสี่ยงต่อการชน
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System – UMS): ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการเหยียบคันเร่งผิดพลาด โดยเฉพาะในที่แคบหรือขณะจอดรถ
ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist – LCA): แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาและช่วยเตือนเมื่อจะเปลี่ยนเลน
ระบบเตือนการจราจรขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert – RCTA): แจ้งเตือนเมื่อมีรถยนต์หรือวัตถุเคลื่อนที่ผ่านด้านหลังรถขณะถอยออกจากช่องจอด
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor) พร้อมเส้นกะระยะแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ (Guiding Line and Expected Course Line): ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพมุมสูงรอบคันรถ 360 องศา ทำให้การจอดรถและหลีกเลี่ยงอุปสรรคเป็นเรื่องง่าย
สัญญาณกะระยะจอด (Parking Sensor): ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มความมั่นใจในการจอดรถ
ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal System – ESS): เปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเพื่อเตือนรถคันหลังเมื่อมีการเบรกกะทันหัน
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวและระบบที่เกี่ยวข้องที่สำคัญยังคงเป็นมาตรฐาน:
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบป้องกันการลื่นไถล (Active Stability and Traction Control – ASTC): ช่วยให้รถทรงตัวได้ดีบนถนนเปียกลื่นและทางโค้ง
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA): ป้องกันรถไหลเมื่อออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control – HDC): ควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชันให้คงที่
ระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัวขณะลากจูง (Trailer Stability Assist – TSA): ช่วยควบคุมรถให้ทรงตัวได้ดีเมื่อมีการลากพ่วง
สำหรับระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety) Pajero Sport GT Premium 2025 มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE Body (Reinforced Impact Safety Evolution) ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าคนขับ) ที่ช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บของผู้โดยสารทุกตำแหน่งในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
บทสรุป: มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต จีที พรีเมียม 2025 นิยามใหม่ของ PPV แห่งยุค
Mitsubishi Pajero Sport GT Premium 2025 ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าทำไมรถยนต์ PPV รุ่นนี้จึงยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในตลาด ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์อันแข็งแกร่งแต่หรูหรา ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC VG Turbo 2.4 ลิตร ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 8 สปีดอันชาญฉลาด
จุดเด่นที่ไม่อาจมองข้ามคือระบบขับเคลื่อน Super Select 4WD-II ที่มอบความมั่นใจและอิสระในการเดินทางในทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนในเมือง ทางหลวง หรือเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย และที่สำคัญที่สุดคือชุดเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับที่ครบครัน ซึ่งได้รับการยกระดับให้ทันสมัยยิ่งขึ้นในปี 2025 เพื่อมอบการปกป้องสูงสุดให้กับทุกคนในครอบครัว
หากพิจารณาถึงราคาจำหน่ายที่เริ่มต้นเพียงประมาณ 1,3xx,xxx บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและโปรโมชันในแต่ละช่วง) เมื่อเทียบกับฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่อัดแน่นมาอย่างเต็มที่ รวมถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม Mitsubishi Pajero Sport GT Premium จึงเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่มอบ “ความคุ้มค่า” และ “ประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ” ได้อย่างแท้จริง เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์คู่ใจที่พร้อมพาครอบครัวไปสัมผัสทุกประสบการณ์การเดินทางด้วยความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความสนุกสนานอย่างไร้ขีดจำกัด เป็นรถที่พร้อมสร้างเรื่องราวดีๆ และความทรงจำอันน่าประทับใจในทุกๆ กิโลเมตรที่โลดแล่นไปบนท้องถนนแห่งปี 2025 และในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน

