สวัสดีครับทุกท่านที่กำลังมองหารถยนต์คู่ใจ หรือกำลังสนใจในตำนานของรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กที่ยังคงสร้างสีสันบนท้องถนนไทยเสมอมา ในปี 2025 นี้ เราจะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปสำรวจ Toyota Yaris โฉมปี 2018 ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างปรากฏการณ์และยังคงเป็นที่พูดถึงในตลาดรถมือสอง ด้วยประสบการณ์กว่าสิบปีในวงการยานยนต์ ผมจะมาวิเคราะห์เจาะลึกว่าทำไม Yaris รุ่นนี้จึงยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และมีแง่มุมใดบ้างที่ผู้ใช้ในปัจจุบันยังคงรักและประทับใจ หรือมีจุดที่ต้องพิจารณา เพื่อให้คุณได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและมุมมองที่ลึกซึ้งก่อนตัดสินใจเลือก “ยาริส” มาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
Toyota Yaris 2018 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในกลุ่มรถอีโคคาร์และรถยนต์ B-segment ในบ้านเรา ด้วยการปรับโฉมที่เน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และอัดแน่นด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ในขณะนั้น เมื่อมองย้อนกลับมาในปี 2025 รถรุ่นนี้ยังคงสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของโตโยต้าในการสร้างสรรค์รถที่ “เข้าถึงง่าย ใช้งานได้จริง” และยังคงเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์มือสอง ด้วยราคาที่จับต้องได้และค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง การตัดสินใจเลือกซื้อ Toyota Yaris 2018 ในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การมองหารถยนต์ แต่เป็นการมองหารถที่พิสูจน์แล้วถึงความคุ้มค่าและทนทาน
เรามาดูกันว่าผู้ใช้งานจริงในอดีต (ซึ่งความคิดเห็นเหล่านี้ยังคงสะท้อนถึงประสบการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี) มีมุมมองอย่างไรต่อรถรุ่นนี้ และในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมจะช่วยถอดรหัสความคิดเห็นเหล่านั้น เพื่อให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
สัมผัสแรกกับดีไซน์ภายนอก: ความลงตัวของความสปอร์ตและกลิ่นอายญี่ปุ่น
เมื่อพูดถึง Toyota Yaris 2018 สิ่งแรกที่หลายคนสัมผัสได้คือการออกแบบภายนอกที่ดูทันสมัยและปราดเปรียว ด้วยเส้นสายที่สื่อถึงความสปอร์ตแต่ยังคงความคล่องตัวในแบบฉบับรถยนต์ญี่ปุ่น ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองใหญ่ได้อย่างแท้จริง ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟตัดหมอก LED ช่วยเพิ่มความโฉบเฉี่ยวและทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม กระจังหน้าโครเมียมเพิ่มความหรูหรา ขณะที่ด้านหลังโดดเด่นด้วยสเกิร์ตกันชนสีดำ คิ้วฝากระโปรงท้ายสีดำเงา และไฟท้าย LED Light Guiding ที่ดูมีเอกลักษณ์ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R15 เข้ากันกับตัวรถได้อย่างลงตัว
ในยุคที่ตลาดรถยนต์มือสองคึกคักอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ดีไซน์ของ Yaris 2018 ก็ยังคงไม่ล้าสมัยจนเกินไปนัก แต่แน่นอนว่าในฐานะผู้ใช้งาน ย่อมมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและมีข้อสังเกตแตกต่างกันไป
อย่างเช่นผู้ใช้งานรายหนึ่งบนสื่อโซเชียล เคยให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับดีไซน์ภายนอกว่า “ภายนอกดูขัดใจ กันชนหนวด ไฟท้ายที่ออกแบบสุดพิลึก ข้อดีที่เห็นชัดๆ ตัวถังกว้างสุดในกลุ่ม eco car นอกนั้นก็เฉยๆ ก็ไม่ได้แย่หรือเด่นกว่าตัวเลือกอื่นๆ option พื้นฐานก็มีครบเพียงพอกับการใช้งานจริงๆ”
มุมมองนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้ Yaris 2018 จะมาพร้อมดีไซน์ที่พยายามฉีกแนวออกไป แต่รสนิยมก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล สำหรับบางคน “กันชนหนวด” หรือไฟท้ายอาจดูแปลกตาไปบ้าง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งที่ได้รับการยอมรับคือ “ตัวถังกว้างสุดในกลุ่ม eco car” ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคต้องการรถที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตัวถังที่กว้างขวางหมายถึงพื้นที่ภายในที่มากกว่า ซึ่งเราจะเจาะลึกในส่วนถัดไป
อีกหนึ่งประเด็นที่ผู้ใช้งานบางรายเคยพบคือปัญหาเรื่องช่วงล่าง โดยเฉพาะโช้คอัพคู่หน้าที่มีการทำงานผิดปกติในรุ่นปี 2015 ซึ่งเป็นรุ่นก่อนการปรับโฉมครั้งใหญ่ แต่ก็ยังเป็นข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถมือสองรุ่นใกล้เคียงกัน การตรวจเช็กสภาพช่วงล่างและระบบรองรับการกระแทกเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกซื้อรถมือสองในปี 2025 เพราะอะไหล่เหล่านี้มีอายุการใช้งานและจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาตามระยะทางอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะการขับขี่และความปลอดภัย การเปลี่ยน “อะไหล่รถยนต์” เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ แต่ยังช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
เจาะลึกห้องโดยสาร: ความกว้างขวาง ฟังก์ชัน และข้อสังเกตจากผู้ใช้จริง
ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Toyota Yaris 2018 คุณจะพบกับการตกแต่งที่เน้นความเรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง คอนโซลหน้าประดับด้วยวัสดุสีเงินเมทัลลิก เบาะนั่งหุ้มผ้าสีดำที่ออกแบบให้คนขับปรับระดับสูงต่ำได้ พร้อมกระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของจุกจิก คอนโซลกลางมาพร้อมกล่องเก็บของ และที่โดดเด่นคือเบาะหลังที่สามารถแยกพับได้แบบ 60:40 พร้อมแผงปิดห้องสัมภาระท้าย ซึ่งช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ในการขนสัมภาระได้อย่างไม่น่าเชื่อ พวงมาลัยพาวเวอร์หุ้มหนังตกแต่งด้วยสีเมทัลลิก ปรับสูง-ต่ำได้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ทำให้การควบคุมต่างๆ ทำได้ง่ายและสะดวก จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID มาตรวัดเรืองแสง และไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด Eco Meter ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอ LCD และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (Push Start) ก็เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่เพิ่มความทันสมัยให้กับรถรุ่นนี้
ผู้ใช้งานหลายท่านชื่นชมในความกว้างขวางของห้องโดยสาร โดยเฉพาะที่นั่งด้านหลังที่ให้พื้นที่วางขาที่มากเกินคาดสำหรับรถในเซกเมนต์เดียวกัน นี่คือจุดแข็งที่ทำให้ Yaris 2018 ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ “รถครอบครัว” ขนาดเล็ก หรือผู้ที่ต้องเดินทางกับเพื่อนร่วมทางบ่อยๆ
ผู้ใช้งาน Pantip ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า: “ตามที่เราใช้มา 1 ปี 1 เดือน ข้อดี กว้าง / แรงปลายดีนะ (สำหรับเรา) / ไม่จุกจิก ตั้งแต่ออกมา ยังไม่เจออะไรเสียหายหรือมีปัญหาหนัก ข้อเสีย อืดต้น ออกตัวช้า กินน้ำมันมากกว่า eco car อื่น จากประเมินมานี่ E20 1 ถัง เราใช้ได้ 450-500 โลเท่านี้เลยในเมือง (อาจจะมีคนมากกว่านี้นะ ส่วน eco car อื่นก็ไม่รู้อัตรา แต่เท่าที่เทียบกับ swift มา yaris กินกว่า) / ไป ตจว ก็โอเคนะ อัตราน้ำมันรับได้ ชอบมีเสียงแก่กๆๆๆๆ อะไรก็ไม่รู้ตรงแถวคอนโซลหน้า กับด้านข้างคนขับ หาต้นตอไม่เจอ…นึกได้แค่นี้ โดยรวม เราก็ชอบแหล่ะ เพราะข้อเสียส่วนใหญ่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
จากข้อคิดเห็นนี้ เราจะเห็นได้ว่า “ความกว้างขวาง” เป็นข้อดีอันดับหนึ่งที่ผู้ใช้ประทับใจ การที่ไม่จุกจิกและยังไม่พบปัญหาหนักๆ หลังใช้งานมานานกว่าหนึ่งปี ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความทนทานของ “รถยนต์โตโยต้า” ได้เป็นอย่างดีในแง่ของ “บำรุงรักษารถยนต์” ที่ไม่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตเรื่อง “อืดต้น ออกตัวช้า” และ “กินน้ำมันมากกว่า eco car อื่น” ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ควรรับทราบและพิจารณาในการตัดสินใจซื้อรถมือสองในปี 2025 โดยเฉพาะหากคุณให้ความสำคัญกับ “ประหยัดน้ำมัน” เป็นอันดับแรกๆ ส่วนเสียง “แก่กๆๆๆๆ” ที่คอนโซลหน้า อาจเป็นปัญหาเล็กๆ ที่เกิดจากความหลวมของชิ้นส่วนพลาสติก ซึ่งสามารถแก้ไขได้ที่ “ศูนย์บริการโตโยต้า” หรืออู่ซ่อมรถทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้งานบางรายที่พบปัญหาด้านเทคนิคที่ไม่พึงประสงค์ ดังเช่นกรณีของผู้ใช้งาน Pantip ที่เคยเล่าว่า “รถยนต์ Toyota Yaris มีปัญหาครับ… คือว่าเพิ่งซื้อมาใหม่เลยครับเป็น Toyota Yaris ปี 2014 รับรถเมื่อตอนเดือนมกราคม ปี 2557 นี้เองครับ ปัญหามีอยู่ว่า 1. อาการแรกเลยนะครับ ระหว่างจอดรถรอไฟแดง เข้าเกียร์ D เหยียบเบรคไว้ แอร์และวิทยุ ดับไปประมาณ 1 วินาที แล้วติดขึ้นมาใหม่ครับ เป็นแบบนี้อยู่ 3-4 ครั้ง ต่อมานำไปเข้าศูนย์บริการเพื่อหาสาเหตุ ปรากฏว่าช่างได้ลบโค้ดบางอย่างออกไป ต่อจากนั้นมาก็ไม่มีอาการอีก แต่ช่างไม่ได้เจอต้นตอของสาเหตุนี้แต่อย่างใด 2. ต่อมาครับ สดๆ ร้อนๆ เลย เป็นมาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม จนถึงวันนี้ ระหว่างที่ขับรถอยู่ สัญญาณกันขโมยที่อยู่ที่แผงหน้าปัดได้โชว์ขึ้น… และวันนี้ (3/4/2557) ได้นำไปเข้าศูนย์บริการเพื่อหาสาเหตุ และก็หาสาเหตุไม่เจออีกเช่นเคย”
ปัญหานี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของ “เทคโนโลยีรถยนต์” สมัยใหม่ ซึ่งบางครั้งอาจมีข้อผิดพลาดทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ยากจะระบุสาเหตุชัดเจน แม้กระทั่งช่างที่ศูนย์บริการก็อาจต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ แต่หากเป็นรถปี 2018 ปัญหาเหล่านี้มักจะได้รับการแก้ไขจากโรงงาน หรือเป็นที่รู้กันในหมู่ช่างผู้เชี่ยวชาญ ทำให้การซ่อมบำรุงในปัจจุบันอาจทำได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญคือการเลือก “อู่ซ่อมรถ” หรือ “ศูนย์บริการ” ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาระบบไฟฟ้าของรถยนต์โตโยต้าโดยเฉพาะ
ยังมีอีกหนึ่งความคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับตำแหน่งเบาะนั่ง: “ที่นั่งคนขับมันเตี้ยไป แต่คนนั่งด้านหลังดันนั่งสบาย งงกับการออกแบบ รถเล็ก มันต้องให้คนขับสบายถึงจะถูก” นี่เป็นจุดที่สะท้อนถึงการออกแบบที่อาจไม่ตอบโจทย์สรีระของผู้ขับขี่บางราย หากคุณเป็นคนตัวสูงหรือชอบนั่งในตำแหน่งที่สูงขึ้น อาจต้องพิจารณาเบาะรองนั่งหรือการปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อความสบายในการขับขี่ “อุปกรณ์แต่งรถ” ประเภทเบาะรองนั่ง หรือการปรับระดับเบาะให้สูงขึ้น อาจเป็นทางออกที่ดี
ส่วนเรื่องพื้นที่เก็บของจุกจิก ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ผู้ใช้งานรุ่น 1.2 G เคยให้ความเห็นไว้ว่า: “ที่วางของกระจุกกระจิก มันแย่มาก เอาตั้งแต่แผงข้างประตู อันนี้ ok รูจับมือเปิดปิด ok ยาวแต่แคบแต่วางของได้… ถาดวางของตรงคอนโซลด้านล่าง ใช้วางอะไรจริงจังยาก มันตื้นไป น่าจะทำให้หลุมลึกกว่านี้… รูช่องวางของวางขวดตรงเบรคมือ แคบไปนิด เสียดายความอเนกประสงค์ของยาริสรุ่นก่อนหน้าที่มีช่องเยอะแยะ สารพัดหลุมใส่ของจริงๆ” นี่เป็นจุดเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นว่าแม้ Yaris จะเน้นความกว้างขวางของห้องโดยสาร แต่การจัดการพื้นที่เก็บของเล็กๆ น้อยๆ อาจยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ควร แต่ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ต้องยอมรับในรถยนต์ขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม จุดนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่ม “อุปกรณ์จัดเก็บของในรถ” หรือกล่องเก็บของเสริม ซึ่งมีให้เลือกมากมายในตลาดปัจจุบัน
ขุมพลังใต้ฝากระโปรง: เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร Dual VVT-i กับสมรรถนะที่เพียงพอ
หัวใจสำคัญของ Toyota Yaris 2018 คือเครื่องยนต์รหัส 3NR-FE DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock รองรับเชื้อเพลิง E20
ในฐานะ “รถอีโคคาร์” เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้น “ประหยัดน้ำมัน” และลดมลพิษเป็นหลัก แต่คำว่า 86 แรงม้า อาจทำให้หลายคนกังวลเรื่อง “สมรรถนะรถยนต์” โดยเฉพาะการเร่งแซงหรือการขับขี่ทางไกล แต่จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริงกลับพบว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่เสมอไป
ผู้ใช้งาน Pantip รายหนึ่งเคยกล่าวว่า: “ตัวรถมันใหญ่เท่า B segment ครับ เครื่อง 1.2 ออกตัวอืดนิดนึงแต่ลอยตัวแล้วมันไม่อืดมาก แซงได้ วิ่งทางไกลสบาย ในพิกัดนี้ นอกจากมาสด้า 2 ที่ห้องโดยสารแคบกว่า แต่เครื่องวิ่งพอกันตัวเบนซินน่ะ นอกนั้น yaris ดีกว่าเขา ที่บ้านใช้อยู่ วิ”
ความคิดเห็นนี้ตอกย้ำถึงจุดเด่นของ Yaris 2018 ที่แม้เครื่องยนต์จะเล็ก แต่เมื่อ “ลอยตัว” แล้วก็สามารถทำความเร็วและเร่งแซงได้ดีพอสมควรสำหรับการใช้งานทั่วไป และยังชี้ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบเรื่องพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Yaris ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในตลาด “รถยนต์มือสอง”
อีกหนึ่งความคิดเห็นจาก Pantip ที่ชื่นชมระบบเกียร์: “ผมไปลองขับ ที่โตโยต้าปากช่อง สิ่งที่ผมชอบ : เบรค ดีมากผมว่าดีกว่า eco ทุกรุ่น จัดเต็ม ABS / ebd / ba ภายในกว้างครับ เกียร์ cvt ราบเรียบ แต่ตอนออกตัวอืดเพราะเครื่อง 1200cc วิ่งแล้วก็พอได้ครับ สิ่งที่ผมไม่ชอบ: กั๊ก อุปกรณ์ ตัว e ที่ผมดูว่าน่าซื้อ แต่ดันเป็นล้อกระทะ ไม่มีสปอร์ทไลท์ ไม่มีดิสหลัง รอสักไม่เกินปี คงจัดเต็มครับ ถ้ารอได้”
การทำงานของ “เกียร์ CVT” ที่ “ราบเรียบ” เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน การออกตัวที่ “อืด” เล็กน้อยเป็นเรื่องปกติของเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่จับคู่กับเกียร์ CVT แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และคำชมเรื่อง “เบรกที่ดีมาก” ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยพื้นฐานครบครัน (ABS/EBD/BA) ก็เป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตเรื่องการ “กั๊กอุปกรณ์” ในรุ่นย่อยล่างๆ เช่น ล้อกระทะ ไม่มีสปอร์ตไลท์ หรือไม่มีดิสก์เบรกหลัง ก็เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อ “รถยนต์มือสอง” ควรตรวจสอบรายละเอียดของรุ่นย่อยที่สนใจให้ถี่ถ้วน เพื่อให้ได้รถที่มี “อุปกรณ์แต่งรถ” หรือฟังก์ชันตรงตามความต้องการ
สำหรับเรื่อง “ประหยัดน้ำมัน” นั้น ก็มีผู้ใช้งานบางรายให้ความเห็นว่า “เคยเช่าขับไปทะเล อืดมากครับ ประหยัดน้ำมันดี วิ่งได้ 14-15 กม/ลิตร ดอนเมือง-บางแสน วิ่ง 110 ต้องตบเกียร์ S ช่วยเวลาเร่งหนีสิบล้อ ถ้าทนขับในช่วง 90 ได้ก็ไม่มีปัญหาครับ รถดีในระดับหนึ่ง คุณภาพตามราคา รถวิ่งได้ 140-150 อยู่นะครับ แต่กว่าจะเร่งถึง”
ตัวเลข “14-15 กม/ลิตร” ถือเป็นอัตราการ “ประหยัดน้ำมัน” ที่น่าพอใจสำหรับการใช้งานจริง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่านี่คือรถอีโคคาร์ที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก การขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ 90-110 กม./ชม. จะช่วยให้ได้อัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุด และการใช้โหมด S ของเกียร์ CVT เพื่อช่วยเร่งแซงก็เป็นเทคนิคที่ผู้ขับขี่ Yaris หลายคนใช้เพื่อให้ได้ “สมรรถนะรถยนต์” ที่ต้องการเมื่อจำเป็น
มั่นใจทุกเส้นทางกับระบบความปลอดภัย: Yaris 2018 ยังคงเป็นเพื่อนที่เชื่อใจได้ในปี 2025
Toyota Yaris 2018 มาพร้อมกับชุด “ระบบความปลอดภัยรถยนต์” ที่ถือว่าครบครันสำหรับรถในพิกัดเดียวกันในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC), กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobilizer, ระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ Follow-Me-Home, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC), ระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BA และที่สำคัญคือถุงลมนิรภัย SRS มากถึง 7 ตำแหน่ง รวมถึงเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ และโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่เป็นมาตรฐานของโตโยต้า
คุณสมบัติเหล่านี้ยังคงเป็นพื้นฐาน “ระบบความปลอดภัย” ที่ดีเยี่ยมสำหรับรถยนต์มือสองในปี 2025 ทำให้ Toyota Yaris 2018 ยังคงเป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้ในแง่ของการปกป้องผู้โดยสาร
อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้งาน Pantip รายหนึ่งที่ใช้ Yaris รุ่น 1.2 G เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับความเร็วที่เหมาะสมในการขับขี่ว่า: “ผมใช้มาปีนึงหละครับ ยาริสตัวนี้ แชร์เท่าที่เจอมานะครับ ถ้าขับต่างจังหวัด ขับความเร็วๆนิ่งๆ ไม่เร่ง ไม่ลดความเร็วบ่อยๆ ก็ประหยัดดีครับ แต่ถ้าเร่งแซงบ่อยๆ มันจะกินน้ำมันโหดมาก แล้วก็อัตราเร่งที่ค่อนข้างแย่ ความเร็วที่เหมาะ ผมว่า 100-110 ประมาณนี้นะครับ เกินกว่านี้มันก็ร่อนแล้ว”
ประเด็นเรื่อง “ร่อน” เมื่อขับขี่เกิน 110 กม./ชม. เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่ในเมือง สภาพของ “ยางรถยนต์” ที่อาจเสื่อมสภาพ หรือการตั้งศูนย์ถ่วงล้อที่ไม่สมบูรณ์ การเปลี่ยนยางคุณภาพดีและการดูแลช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ “ประกันรถยนต์” ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง
ในทางกลับกัน ผู้ใช้งานอีกรายบน Headlightmag.com กลับกล่าวถึงช่วงล่างในเชิงบวก: “เคยขับอยู่พักนึง ตอนนี้ได้ทุนคืนมาละ ไปคว่ำมา 55+ ผมว่าไม่เลวนะครับ ช่วงล่างนิ่มดีมาก อัตราเร่ง/สิ้นเปลืองก็พอๆกับอีโค่คาร์ทั่วๆไป”
คำว่า “ช่วงล่างนิ่มดีมาก” แสดงให้เห็นว่า Yaris 2018 ให้ความสบายในการขับขี่ที่น่าพอใจ เหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองที่มีสภาพถนนหลากหลาย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หลายคนมองหาใน “รถยนต์” ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน
สรุป: Toyota Yaris 2018 ยังน่าใช้ในปี 2025 หรือไม่?
เมื่อมองย้อนกลับมาในบริบทของปี 2025 Toyota Yaris 2018 ยังคงเป็น “รถอเนกประสงค์” ขนาดเล็กที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดรถมือสอง ด้วยราคาที่ “ราคารถยนต์” มือสองที่สมเหตุสมผลและจับต้องได้ง่ายกว่ารถรุ่นใหม่ๆ คุณจะได้รถที่มีดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความสดใหม่ ห้องโดยสารที่กว้างขวางเกินคาด ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และเครื่องยนต์ที่ให้ “ประหยัดน้ำมัน” ได้ดีสำหรับการใช้งานทั่วไป
แน่นอนว่า มีข้อสังเกตบางประการจากผู้ใช้งานจริง ทั้งเรื่อง “สมรรถนะรถยนต์” ในการออกตัวที่อาจไม่จัดจ้านนัก พื้นที่เก็บของจุกจิกภายในที่อาจไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร หรืออาการ “ร่อน” เล็กน้อยเมื่อใช้ความเร็วสูง ซึ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ และเป็นสิ่งที่สามารถบริหารจัดการหรือแก้ไขได้ด้วยการ “บำรุงรักษารถยนต์” ที่เหมาะสมและการเลือก “อุปกรณ์แต่งรถ” ที่ตอบโจทย์
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “รถยนต์มือสอง” ที่คุ้มค่า ทนทาน และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาไม่สูง Toyota Yaris 2018 ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง ด้วยเครือข่าย “ศูนย์บริการโตโยต้า” ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้การเข้าถึงบริการและ “อะไหล่รถยนต์” เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นนักขับหน้าใหม่ หรือต้องการรถคันที่สองสำหรับ “รถครอบครัว” ขนาดเล็ก หรือใช้เป็นรถเดินทางในเมืองเป็นหลัก Yaris 2018 ก็ยังคงตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม พิสูจน์แล้วจากความนิยมที่ยาวนานและบทบาทที่ยังคงเด่นชัดในตลาดรถยนต์มือสองของประเทศไทย.

