ในโลกยานยนต์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกวันนี้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัตโนมัติกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลัก แต่กระนั้น รถยนต์ที่เคยสร้างปรากฏการณ์เมื่อหลายปีก่อนก็ยังคงมีมนต์ขลังและคุณค่าในตลาดรถมือสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ สองรุ่นที่เราจะพาไปเจาะลึกคือ Nissan GT-R 2018 ที่ได้รับการขนานนามว่า “Godzilla” แห่งโลกยนตรกรรม กับ Lexus GS300 รถยนต์ซีดานหรูที่แม้จะพ้นช่วงเวลาพรีเมียร์ไปแล้ว แต่ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์หรูมือสองราคาคุ้มค่า และสมรรถนะที่ไว้วางใจได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมจะพาคุณไปสำรวจคุณสมบัติอันโดดเด่น การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา และความน่าสนใจในการครอบครองรถยนต์สองรุ่นนี้ในปัจจุบัน
Nissan GT-R 2018: มนต์เสน่ห์ของ “Godzilla” ที่ไม่เคยจางหาย
ในปี 2025 นี้ Nissan GT-R R35 โดยเฉพาะรุ่นปี 2018 ยังคงเป็นหนึ่งใน รถยนต์สมรรถนะสูง ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจ แม้ว่าโมเดล R35 จะผ่านการทำตลาดมานาน แต่การอัปเดตและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องทำให้ GT-R ยังคงรักษาตำแหน่ง “Supercar Killer” ได้อย่างสมภาคภูมิ การที่ Nissan Motor Thailand ได้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปีนั้น ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ชาวไทยอย่างมาก เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ได้สัมผัส รถสปอร์ตญี่ปุ่น ในตำนานด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเข้าแบบอิสระในอดีต
การออกแบบที่เหนือกาลเวลาและหลักอากาศพลศาสตร์
Nissan GT-R 2018 ยังคงยึดมั่นในปรัชญา “รูปทรงที่สร้างมาเพื่อประสิทธิภาพ” ไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงาม การออกแบบภายนอกยังคงความดุดันและเป็นเอกลักษณ์ ด้วยเส้นสายที่คมชัด ผสมผสานกับหลักอากาศพลศาสตร์ที่ล้ำสมัย ทุกส่วนของตัวถังถูกออกแบบมาเพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการจัดสมดุลน้ำหนักในการขับเคลื่อน หรือการสร้างแรงกด (downforce) เพื่อการยึดเกาะถนนในความเร็วสูง ไฟท้ายทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดมาจากตระกูล Skyline ก็ยังคงเป็นภาพจำที่ทำให้ GT-R โดดเด่นไม่เหมือนใครบนท้องถนน การมองเห็น GT-R วิ่งผ่านไปในปี 2025 นี้ ก็ยังคงเรียกสายตาผู้คนได้เสมอ ด้วยรูปลักษณ์ที่สื่อถึง ความเร็วสูงสุด และสมรรถนะที่ซ่อนอยู่ภายใน
ภายในห้องโดยสารของ GT-R 2018 ได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราในแบบของ รถสปอร์ต พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงรักษาความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระยะใกล้หรือไกล วัสดุภายในที่มีคุณภาพสูง เบาะนั่งสปอร์ตที่โอบกระชับ และการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ อย่างลงตัว ล้วนสร้างประสบการณ์ขับขี่ที่น่าประทับใจ
หัวใจของ “Godzilla”: เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน
ภายใต้ฝากระโปรงของ Nissan GT-R 2018 คือหัวใจอันทรงพลัง: เครื่องยนต์รหัส VR38DETT แบบ V6 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตร ที่ผลิตกำลังสูงสุด 419 กิโลวัตต์ (570 PS) สำหรับรุ่นมาตรฐาน และ 441 กิโลวัตต์ (600 PS) สำหรับรุ่น NISMO ขุมพลังนี้ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Dual Clutch ที่มาพร้อม Paddle Shift ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วเพียง 0.15 วินาทีในโหมด R-MODE ทำให้การเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายในเวลาอันน่าทึ่งเพียง 2.7 วินาที เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้รวมถึง:
IHI Turbocharger: ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่จาก IHI ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การลำเลียงอากาศเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูงในการหล่อเย็น นอกจากนี้ ระบบการปรับ Turbocharger ด้วยไฟฟ้ายังช่วยลดอาการ Turbo Lag ทำให้การตอบสนองต่อแรงบิดเป็นไปอย่างฉับไว
Plasma-spray Cylinder Coating: เทคโนโลยีการเคลือบกระบอกสูบด้วยพลาสมาสเปรย์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหล่อเย็น ลดแรงเสียดทาน และลดน้ำหนักเมื่อเทียบกับกระบอกสูบทั่วไป ส่งผลให้เครื่องยนต์ VR38DETT มีพละกำลังมากขึ้นและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดียิ่งขึ้น
ในปี 2025 นี้ เครื่องยนต์ VR38DETT ยังคงได้รับการยอมรับในเรื่องความทนทานและศักยภาพในการโมดิฟายด์ ผู้ครอบครอง GT-R หลายรายยังคงสนุกกับการ อัปเกรดเครื่องยนต์ และดึงขีดจำกัดของมันออกมา
ช่วงล่างและระบบเบรก: การยึดเกาะที่ไร้ที่ติ
สมรรถนะของ GT-R ไม่ได้มาจากเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อการขับขี่ที่เร้าใจและปลอดภัย:
โช้คอัพ Bilstein® DampTronic®: โช้คอัพที่ได้รับการเซ็ตอัพมาโดยเฉพาะสำหรับ GT-R สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพถนนและการตอบสนองต่อการขับขี่ ช่วยควบคุมแรงสั่นสะเทือนให้เหมาะสม เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
จานเบรก Brembo® Monoblock: ระบบเบรกที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบาจาก Brembo พร้อมคาลิปเปอร์ 6 ลูกสูบที่ด้านหน้า และ 4 ลูกสูบที่ด้านหลัง ออกแบบมาเพื่อรับแรงเบรกมหาศาล พร้อมโรเตอร์ระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อประสิทธิภาพการเบรกที่เชื่อถือได้
ล้อ RAYS® และยาง Dunlop®: ล้ออะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปขนาด 20 นิ้วจาก RAYS ผู้ผลิตล้อคุณภาพระดับโลก ทำงานร่วมกับยางสปอร์ตสมรรถนะสูง Dunlop® SP Sport Maxx® GT 600 DSST CTT ชนิด Run-flat เพื่อให้การยึดเกาะถนนที่ดีที่สุด มั่นใจในทุกเส้นทาง
โหมดการขับขี่และข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่
GT-R 2018 มีโหมดการขับขี่ 3 โหมดที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ:
R-MODE: โหมดสำหรับการรีดสมรรถนะสูงสุด ปรับระบบเกียร์ให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ช่วงล่างแข็งขึ้น และระบบ Vehicle Dynamic Control (VDC) ทำงานในโหมดสปอร์ต
NORMAL MODE: โหมดสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ปรับระบบต่างๆ ให้มีความลื่นไหลและนุ่มนวล เพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่
SAVE MODE (SPECIAL MODE): โหมดสำหรับการเดินทางไกลหรือในสภาพถนนลื่น ช่วยเพิ่มแรงบิดและรักษาเสถียรภาพของรถ พร้อมความนุ่มนวลของโช้คอัพ
นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผล Multiple Customizable Displays ยังให้ข้อมูลแบบ Real-time เกี่ยวกับสมรรถนะของรถอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น Turbo Boost, อุณหภูมิน้ำมัน, แรงดันต่างๆ, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน, หรือแม้กระทั่ง G-Force และมุมของรถในการเข้าโค้ง ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สร้างความสนุกและข้อมูลเชิงลึกให้แก่ผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี
สถานะของ Nissan GT-R 2018 ในปี 2025
ในตลาด รถสปอร์ตมือสอง ปี 2025, Nissan GT-R 2018 ยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบความแรงที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า Supercar ยุโรป ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทานและประสิทธิภาพที่ยังคงโดดเด่น ทำให้ ราคา NISSAN GT-R มือสอง ยังคงรักษาระดับได้ดี อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจควรพิจารณาเรื่อง ค่าบำรุงรักษา GT-R ซึ่งอาจสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากเป็น รถยนต์สมรรถนะสูง ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รวมถึง ราคาอะไหล่รถยนต์ เฉพาะทาง แต่ด้วยกลุ่มคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่งและอู่ซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้การดูแล GT-R ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเรื่องยากเกินไป
Lexus GS300: ความหรูหราที่ยังคงคุณค่าในตลาดรถมือสอง
Lexus GS300 รถยนต์ซีดานระดับ E-Class จากค่าย Lexus ของญี่ปุ่น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด รถยนต์พรีเมียมมือสอง ในปี 2025 นี้ หากคุณกำลังมองหา รถยนต์หรูราคาคุ้มค่า ที่มาพร้อมความน่าเชื่อถือและความสะดวกสบายในราคาที่จับต้องได้ง่าย Lexus GS300 หรือที่รู้จักกันในญี่ปุ่นว่า Toyota Aristo คือคำตอบ Lexus อาจไม่ได้ได้รับความนิยมในวงกว้างในประเทศไทยเท่ากับคู่แข่งจากเยอรมนี แต่ในตลาดสหรัฐอเมริกา Lexus ได้รับการยอมรับอย่างสูงและคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมมาแล้วหลายรุ่น และ GS300 ก็เป็นหนึ่งในนั้น
คุณสมบัติเด่นของ Lexus GS300 มือสอง
การเลือกซื้อ Lexus GS300 มือสอง ในปี 2025 มีข้อดีหลายประการที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า:
เครื่องยนต์ทนทานและอะไหล่ร่วม: จุดแข็งที่สำคัญของ Lexus คือความทนทานของเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Toyota นอกจากนี้ อะไหล่เครื่องยนต์บางชิ้นยังสามารถใช้ร่วมกับรถยนต์ Toyota รุ่นอื่นๆ ได้ ทำให้การซ่อมบำรุงในระยะยาวทำได้ง่ายขึ้น และ ราคาอะไหล่ Lexus ไม่ได้สูงจนเกินไปเมื่อเทียบกับรถหรูจากยุโรป
ค่าซ่อมบำรุงที่สมเหตุสมผล: แม้จะเป็นรถหรู แต่ ค่าบำรุงรักษา Lexus โดยรวมแล้วถือว่าสูงกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปเพียงเล็กน้อย และต่ำกว่ารถยุโรปในคลาสเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ด้วย DNA ของ Toyota ทำให้ GS300 เป็นรถหรูที่ “จุกจิกน้อย” และไว้ใจได้ในระยะยาว
ระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์ครบครัน: GS300 มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามมาตรฐานรถหรู ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยหลายจุด ระบบเบรก ABS/EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ช่วยยกระดับ ประสบการณ์ขับขี่ และความปลอดภัย
ภายในกว้างขวางและสะดวกสบาย: ห้องโดยสารของ GS300 ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ให้ความรู้สึกกว้างขวาง นั่งสบายสำหรับผู้โดยสารไม่เกิน 5 คน เบาะนั่งหนังคุณภาพดี การตกแต่งด้วยลายไม้ และฟังก์ชันปรับไฟฟ้า ล้วนเสริมสร้างบรรยากาศแห่งความหรูหรา
อัตราเร่งดี ช่วงล่างแน่น: แม้จะไม่ใช่รถสปอร์ตจ๋า แต่ GS300 ก็มาพร้อมอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดีเยี่ยมสำหรับการใช้งานทั่วไป และช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกแน่น หนึบ ให้การขับขี่ที่มั่นคงและนุ่มนวลไปพร้อมกัน
เครื่องเสียง Mark Levinson (เฉพาะรุ่น): สำหรับบางรุ่นย่อย โดยเฉพาะรุ่น Top-end จะมาพร้อมระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mark Levinson ที่ให้คุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม สร้างสุนทรียภาพในการเดินทาง
ข้อควรพิจารณา
อย่างไรก็ตาม การครอบครอง Lexus GS300 มือสอง ก็มีบางประเด็นที่ควรพิจารณา:
พื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง: แนวกรอบกระจกด้านล่างของที่นั่งตอนหลังค่อนข้างสูง ประกอบกับหลังคาที่ลาดเอียงด้านหลัง อาจทำให้ผู้โดยสารบางคนรู้สึกอึดอัดหรือเมารถได้ง่าย
คอนโซลกลาง: คอนโซลกลางที่สูงอาจทำให้การหยิบของจากด้านหลังทำได้ยากขึ้นเล็กน้อย
แป้นเบรกและพวงมาลัย: ผู้ใช้บางรายอาจรู้สึกว่าแป้นเบรกมีระยะตื้นเกินไปหรือไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบลงน้ำหนักเบรกมาก และระบบ ABS อาจไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ส่วนพวงมาลัยอาจตอบสนองเร็วเกินไปเล็กน้อยสำหรับบางคน
ราคาเฉลี่ยและรุ่นที่น่าสนใจในตลาดมือสองปี 2025
ในตลาด Lexus มือสอง ปี 2025 ราคา Lexus GS300 มือสอง เริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 300,000 บาทสำหรับเจเนอเรชั่นที่ 2 (เช่น ปี 2000) ไปจนถึงประมาณ 1,400,000 บาทสำหรับเจเนอเรชั่นที่ 4 (เช่น ปี 2012) การพิจารณาราคามักขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย สภาพตัวรถ ปีที่ผลิต เลขไมล์ และประวัติการดูแลรักษา
ตัวอย่างรุ่นที่ยังน่าสนใจในปี 2025:
Lexus GS300 รุ่น 3.0 ปี 2000 (Gen 2): ด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายมาก (ประมาณ 400,000 บาท) รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์คลาสสิก ที่มีความน่าเชื่อถือ และยังสามารถขับใช้งานได้อย่างสบาย การดูแลอาจต้องให้ความสนใจกับสภาพโดยรวมและช่วงล่าง แต่เครื่องยนต์ยังคงทนทาน
Lexus GS300 รุ่น 3.0 ปี 2006-2008 (Gen 3): เป็นช่วงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยขึ้นและฟังก์ชันที่ครบครันขึ้น (ราคาประมาณ 700,000 – 850,000 บาท) รุ่นปี 2008 ที่เป็น Minorchange จะได้กันชนและไฟใหม่ พร้อมเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร 228 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ การดูแลรักษาทำได้ไม่ยาก เพราะมีอะไหล่รองรับจากอู่ที่เชี่ยวชาญ และยังมีศูนย์บริการ Toyota ที่สามารถดูแลได้ตามปกติ
Lexus GS300 รุ่น 2.5/3.0 ปี 2012 (Gen 4): แม้จะราคาสูงขึ้น (ประมาณ 1,300,000 – 1,400,000 บาท) แต่รุ่นนี้ให้ เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ทันสมัยกว่า พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร V6 207 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มีโหมดการขับขี่ 4 แบบ (Eco, Normal, Sport, Sport+) และจอกลาง EMW Display 8 นิ้ว การได้ครอบครองรุ่นนี้ในปี 2025 ยังคงให้ความรู้สึกเป็น รถยนต์พรีเมียม ที่คุ้มค่า
การดูแลรักษาและค่าใช้จ่ายในปี 2025
สำหรับ Lexus GS300 มือสอง การดูแลรักษาโดยทั่วไปไม่ต่างจากรถญี่ปุ่นพรีเมียมมากนัก ควรเน้นการเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะเวลา ตรวจสอบช่วงล่างและระบบไฟฟ้าเป็นประจำ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน Lexus GS300 อาจไม่โดดเด่นเท่ารถรุ่นใหม่ๆ แต่ก็เป็นที่ยอมรับได้สำหรับรถในระดับนี้ เรื่อง ประกันภัยรถยนต์ สำหรับรถรุ่นเก่าอาจมีค่าเบี้ยที่แตกต่างกันไปตามบริษัทประกัน แต่โดยรวมแล้วถือว่าสมเหตุสมผล
บทสรุป: คุณค่าที่ยั่งยืนในปี 2025
ไม่ว่าคุณจะเลือกสัมผัสความเร้าใจของ Nissan GT-R 2018 ที่ยังคงเป็นหนึ่งใน รถสปอร์ตมือสอง ที่ทรงพลังที่สุดในตลาด หรือเลือกความหรูหราที่ไว้ใจได้ของ Lexus GS300 มือสอง ทั้งสองรุ่นนี้ต่างก็มีเรื่องราวและคุณค่าที่แตกต่างกันในโลกยานยนต์ปี 2025
Nissan GT-R 2018 คือเครื่องจักรแห่งสมรรถนะที่ยังคงสร้างความประทับใจด้วยความเร็ว เทคโนโลยี และวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นและรถยนต์ที่มีศักยภาพในการปรับแต่งและอัปเกรดอย่างไม่จำกัด
ส่วน Lexus GS300 คือนิยามของความหรูหราที่เข้าถึงได้ง่าย ด้วยความทนทานในแบบฉบับ Toyota ผสมผสานกับความสะดวกสบายและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์หรูราคาคุ้มค่า สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือเป็น รถยนต์พรีเมียมมือสอง ที่มอบความสบายใจในการขับขี่ระยะยาว
ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การหันกลับมามองรถยนต์ที่เคยสร้างชื่อเสียงเมื่อหลายปีก่อนอย่าง GT-R และ GS300 ทำให้เราได้เห็นว่าคุณค่าที่แท้จริงของยานยนต์ไม่ได้อยู่ที่ความใหม่ล่าสุดเสมอไป แต่อยู่ที่การออกแบบ วิศวกรรม และประสบการณ์ที่รถยนต์แต่ละคันมอบให้แก่ผู้ครอบครอง ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ยังคงทำหน้าที่นั้นได้อย่างยอดเยี่ยมในปี 2025.

