ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในแวดวงยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมนี้มาโดยตลอด ทั้งจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนขึ้น ไปจนถึงภูมิทัศน์ของตลาดที่พลิกผันอย่างรวดเร็ว ณ ปี 2025 นี้ วงการยานยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการเดินทางอีกต่อไป แต่คือการผสมผสานระหว่างไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยี และประสบการณ์สุดพิเศษ บทความนี้จะพาทุกท่านไปวิเคราะห์เจาะลึกถึงกลยุทธ์อันแข็งแกร่งของผู้จำหน่ายยนตรกรรมหรูอย่าง German Auto, พลวัตของตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทย และตำนานอมตะของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง Nissan GT-R NISMO ซึ่งทั้งหมดล้วนสะท้อนถึงวิวัฒนาการและทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน
German Auto: นิยามใหม่ของประสบการณ์ยนตรกรรมหรูแบบครบวงจรในปี 2025
เมื่อย้อนกลับไปในปี 2017 German Auto ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยการจัดงาน “German Auto Festival” ภายใต้แนวคิด “JOY WANTS YOU TO HAVE IT ALL” ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การจัดแสดงรถยนต์ แต่เป็นการรวบรวมความสุข ความอร่อย และความคุ้มค่าไว้ในงานเดียวอย่างแท้จริง การจัดงานครั้งนั้นเป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของ German Auto ในการเป็นผู้จำหน่ายที่เข้าใจถึงไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของลูกค้าอย่างแท้จริง และ ณ ปี 2025 นี้ วิสัยทัศน์ดังกล่าวได้เติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จนกลายเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียมของประเทศไทย
German Auto ยังคงเป็นผู้จำหน่ายยนตรกรรมหรูเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่รวบรวมสามแบรนด์ระดับโลกอย่าง BMW, MINI และ BMW Motorrad ไว้ภายใต้หลังคาเดียวกัน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมหาศาลในตลาดที่ต้องการความพิเศษและตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิต จากรถยนต์ซีดานหรูเพื่อการเดินทางในเมือง, รถสปอร์ตคูเป้ที่เร้าใจ, รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว, รถคอมแพกต์ดีไซน์เก๋อย่าง MINI สำหรับการขับขี่ที่คล่องตัว หรือแม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูงอย่าง BMW Motorrad สำหรับผู้ที่รักการผจญภัย German Auto สามารถมอบ “โซลูชันด้านการเดินทาง” ที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย, ผู้ที่มองหาความสะดวกสบาย, หรือผู้ที่ต้องการสะท้อนตัวตนผ่านยนตรกรรมคู่ใจ
การยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและการบริการหลังการขายในยุคดิจิทัล
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิต German Auto ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่แค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศ แต่ยังคงพัฒนาบริการและประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในปี 2025 จุดเริ่มต้นจากการมองเห็นความหลากหลายในไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทำให้ German Auto ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์พื้นที่และกิจกรรมที่ผสานเข้ากับตัวตนของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นโซน BMW ที่ให้ความรู้สึกเหมือนคลับเฮาส์ส่วนตัว โซน MINI ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมสนุกๆ และมุมถ่ายภาพสุดเก๋ หรือโซน BMW Motorrad ที่เป็นศูนย์รวมของเหล่าไบค์เกอร์ผู้รักการผจญภัย ทั้งหมดนี้ล้วนสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแค่การซื้อขายรถยนต์
ในปี 2025 การบริการหลังการขายคือหัวใจสำคัญของการสร้างความภักดี German Auto ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาระบบการให้บริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังจะเห็นได้จากความสำเร็จของ ช่อง Fast Lane Service ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการเข้ารับบริการบำรุงรักษาพื้นฐาน เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนผ้าเบรก หรือการเช็คระยะ ให้เหลือเพียง 90 นาที และล้างทำความสะอาดอีก 30 นาที ลูกค้าสามารถรับรถกลับบ้านได้ทันที ซึ่งเป็นที่ยอมรับและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี การขยายช่อง Fast Lane ในทุกสาขา รวมไปถึงการวางแผนเปิด Quick Service Outlet ตามห้างสรรพสินค้าในช่วงปลายปี สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ German Auto ในการอำนวยความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกมิติ
นอกจากนี้ การขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถังที่สาขาสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการซ่อมบำรุงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการรองรับงานซ่อมหนักที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง ด้วยทีมช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมจาก BMW ประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสำหรับรถยนต์ประเภท BMW i และ BMW M โดยเฉพาะ สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำถึงพันธกิจของ German Auto ในการเป็น “ผู้ส่งมอบยนตรกรรมคู่ใจ” และ “บริการเหนือระดับ” ทั้งก่อนและหลังการขายแบบครบวงจรอย่างแท้จริงในภูมิทัศน์ยานยนต์ของปี 2025
ถอดรหัสตลาดรถมือสองไทยในปี 2025: เจาะลึกความนิยมของรถยนต์คลาสสิกจากปี 2017
ตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่มีพลวัตสูงและน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่ผู้บริโภคมีความตระหนักเรื่องความคุ้มค่าและมองหาทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น แม้เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเข้ามามีบทบาทอย่างเห็นได้ชัด แต่รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่มีประวัติยาวนานและพิสูจน์แล้วในด้านความทนทานยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง การย้อนกลับไปดูข้อมูลยอดค้นหาของเว็บไซต์ One2car ในไตรมาสแรกของปี 2017 ไม่ใช่แค่การมองหา “รถยอดนิยมในอดีต” แต่เป็นการวิเคราะห์ “ปัจจัยที่ทำให้รถเหล่านั้นยังคงเป็นที่ต้องการ” และมีผลต่อตลาดรถยนต์มือสองในปัจจุบันอย่างไร
แบรนด์ตลาดอย่าง Honda, Isuzu, Toyota, และ Mitsubishi ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่ม ทั้งรถเก๋งและรถกระบะมือสอง สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี โมเดลเหล่านี้ก็ยังคงรักษาเสน่ห์และความต้องการในตลาดได้อย่างน่าทึ่ง เรามาดูกันว่าแต่ละรุ่นมีเหตุผลอะไรที่ทำให้พวกเขากลายเป็น “คลาสสิก” ที่ยังคงน่าจับตามองในปี 2025
Honda Civic: สัญลักษณ์แห่งความสปอร์ตและความทันสมัยที่ไม่มีวันเก่า
Honda Civic ไม่เพียงแค่เป็นรถยนต์ที่ทำตลาดได้ดีเยี่ยมของ Honda เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของรถเก๋งที่ผสานความสปอร์ตและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ในปี 2017 การเปิดตัว Civic โฉมที่สิบและ Hatchback 5 ประตู ยิ่งตอกย้ำถึงภาพลักษณ์นี้ ในปี 2025 Civic โฉมเก่าๆ ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง ด้วยดีไซน์ที่ยังดูไม่ล้าสมัย เครื่องยนต์ที่ทนทาน และอะไหล่ที่หาได้ง่าย ทำให้ Civic ยังคงเป็นขวัญใจของกลุ่มวัยรุ่นที่มองหารถสำหรับปรับแต่ง หรือผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ขับขี่สนุกและเชื่อถือได้ ความสามารถในการคงมูลค่าและอัตราการซ่อมบำรุงที่ไม่สูงนักทำให้ Honda Civic เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาด รถเก๋งมือสอง ที่ยังคงแข่งขันได้แม้ในยุค EV
Isuzu D-Max: ราชาแห่งความแกร่งและทนทานของตลาดรถกระบะ
เมื่อพูดถึงรถกระบะ ชื่อของ Isuzu D-Max ย่อมขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ เสมอ ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมาจากรุ่น TFR และ Dragon Eyes ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องของความอึด ทนทาน และราคาขายต่อที่ไม่ตก ในปี 2025 D-Max รุ่นปี 2017 หรือแม้แต่รุ่นก่อนหน้า ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหา รถกระบะมือสอง เพื่อการใช้งานหนัก บรรทุกสินค้า หรือแม้แต่เป็นรถครอบครัว ด้วยเครื่องยนต์ Commonrail ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อะไหล่ที่หาง่าย และอู่ซ่อมบำรุงที่คุ้นเคยกับรถรุ่นนี้เป็นอย่างดี ทำให้ D-Max ยังคงครองใจผู้ใช้งานทั่วประเทศ ความน่าเชื่อถือในระยะยาวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ D-Max รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดมือสองได้อย่างมั่นคง
Toyota Camry: ความหรูหราที่เอื้อมถึงได้ในตลาดมือสอง
Toyota Camry ได้รับการยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่ม B-Segment ของ Toyota และเป็นสัญลักษณ์ของรถหรูมาดผู้บริหารที่จับต้องได้ ในปี 2025 Camry รุ่นปี 2017 หรือเก่ากว่า ยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์หรูมือสอง ในราคาที่ไม่สูงเกินไป ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เครื่องยนต์ที่ไม่จุกจิก และช่วงล่างที่นุ่มนวล มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สบาย อะไหล่หาง่ายและอู่ทั่วไปสามารถซ่อมบำรุงได้ ทำให้ Camry เป็นรถที่ไว้ใจได้และยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดรถยนต์มือสองอย่างต่อเนื่อง
Toyota Fortuner: รถ PPV/SUV ขวัญใจครอบครัวที่ยังคงแข็งแกร่ง
Toyota Fortuner ได้รับความนิยมอย่างสูงนับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทย และกลายเป็นผู้นำในกลุ่มรถ PPV/SUV อย่างรวดเร็ว ด้วยรูปทรงที่ทันสมัยกว่าคู่แข่งในยุคนั้น และระบบช่วงล่างแบบคอยล์สปริงที่ให้ความนุ่มนวลกว่าแหนบ ในปี 2025 Fortuner รุ่นปี 2017 ยังคงเป็น รถอเนกประสงค์มือสอง ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ด้วยชื่อเสียงของ Toyota ในเรื่องความทนทาน ซ่อมบำรุงง่าย อะไหล่ไม่จุกจิก และราคาขายต่อที่ไม่ตกมากนัก Fortuner ยังคงตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวที่ต้องการรถยนต์ที่ลุยได้ หรูได้ และขับขี่สบาย
Honda Accord: ความหรูหราที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต
Honda Accord วางตำแหน่งตัวเองเป็นรถหรูที่มีดีไซน์สปอร์ตล้ำสมัย ซึ่งแตกต่างจาก Camry ที่เน้นความภูมิฐาน ในปี 2025 Accord รุ่นปี 2017 หรือใกล้เคียงยังคงเป็น รถเก๋งมือสองขนาดใหญ่ ที่น่าสนใจ ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น อุปกรณ์และสเปกที่ไม่เป็นรองคู่แข่ง และที่สำคัญคืออะไหล่ที่หาได้ง่ายและความเชื่อมั่นในแบรนด์ Honda ทำให้ Accord ยังคงเป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์หรูที่ขับขี่สนุกและมีสไตล์
Toyota Hilux Vigo: ตำนานรถกระบะขวัญใจมหาชน
แม้ Toyota จะออก Hilux Revo มาแทนที่ แต่ Hilux Vigo ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาด รถกระบะมือสอง อย่างมาก ด้วยชื่อเสียงในเรื่องความทนทานเป็นเลิศ ซื้อขายง่าย อุปกรณ์สามารถใช้ทดแทนกันข้ามรุ่นได้ ทำให้ Vigo เป็นรถกระบะที่คุ้มค่าและยังคงเป็นขวัญใจของภาคธุรกิจและเกษตรกรที่ต้องการรถยนต์ใช้งานหนักที่ไว้ใจได้
Toyota Vios: รถยนต์คันแรกขวัญใจมนุษย์เงินเดือน
Toyota Vios เป็นรถ C-Segment ยอดนิยมที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร บอดี้กะทัดรัด และราคาในตลาดมือสองที่จับต้องได้ง่าย ทำให้ Vios เป็น รถยนต์ประหยัดน้ำมันมือสอง ที่เหมาะสำหรับเป็นรถคันแรก หรือรถยนต์สำหรับใช้งานในเมือง ด้วยความทนทานของเครื่องยนต์และเกียร์ ซ่อมง่าย อะไหล่ไม่แพง และยังสามารถติดแก๊สเพื่อความประหยัดยิ่งขึ้น ทำให้ Vios ยังคงเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Honda Jazz: แฮทช์แบ็กอเนกประสงค์ขวัญใจวัยรุ่น
Honda Jazz เป็นรถ C-Segment ทรงแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่สร้างความแปลกตาตั้งแต่เปิดตัว ด้วยความอเนกประสงค์ของห้องโดยสารที่ปรับเปลี่ยนได้ง่าย และความคล่องตัวในการขับขี่ ทำให้ Jazz เป็น รถยนต์ขนาดเล็กมือสอง ที่ยังคงได้รับความนิยมสูงในกลุ่มวัยรุ่นและคนเมือง ด้วยสมรรถนะที่ดี อัตราการกินน้ำมันต่ำ อะไหล่หาได้ง่าย และดีไซน์ที่สามารถนำไปปรับแต่งได้อย่างมีสไตล์ ทำให้ Jazz เป็นรถยนต์ที่ยังคงความสดใหม่และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
Honda City: เก๋งยอดนิยมที่ผสานความสปอร์ตและความทนทาน
Honda City เป็นรถเก๋งยอดนิยมอีกรุ่นจาก Honda ที่มักจะถูกเปรียบเทียบกับ Vios ด้วยความได้เปรียบในเรื่องของดีไซน์ที่ดูสปอร์ตกว่าเล็กน้อย ในปี 2025 City รุ่นปี 2017 หรือใกล้เคียงยังคงเป็น รถเก๋งราคาประหยัดมือสอง ที่น่าสนใจ ด้วยความทนทาน ซ่อมง่าย อะไหล่หาง่าย และเหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ทำให้ City เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่เชื่อถือได้และมีรูปลักษณ์ที่ดูดี
Mitsubishi Triton: รถกระบะสายพันธุ์แกร่งที่โดดเด่นด้วยช่วงล่าง
Mitsubishi Triton เป็นรถกระบะอีกค่ายที่เข้ามาอยู่ในทำเนียบรถยอดนิยม ด้วยจุดเด่นที่ช่วงล่างและระบบเบรกที่ทำได้ดีกว่าคู่แข่งในปีเดียวกัน ถูกใจขาซิ่งที่ต้องการรถกระบะที่ขับขี่สนุกและมั่นใจ รูปทรงที่สะดุดตาและทันสมัย รวมถึงเครื่องยนต์ 3.2 ลิตรที่มีแรงบิดและแรงม้าที่โดดเด่น ทำให้ Triton ยังคงเป็น รถกระบะแต่งสวยมือสอง ที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยความอึดทนที่สู้ค่ายหลักๆ ได้สบายๆ
ปัจจัยที่ทำให้รถยนต์เหล่านี้ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาด ตลาดรถมือสอง ของปี 2025 คือความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ความทนทานของเครื่องยนต์ อะไหล่ที่หาได้ง่าย ค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูงมาก และที่สำคัญคือความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาซื้อขายในปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
Nissan GT-R NISMO 2017: มรดกแห่งวิศวกรรมสมรรถนะสูงจากแดนอาทิตย์อุทัยสู่ปี 2025
เมื่อพูดถึง รถสปอร์ตสมรรถนะสูง ที่เป็นตำนาน Nissan GT-R NISMO 2017 คือหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นและยังคงเป็นที่จดจำในฐานะตัวแทนของ เทคโนโลยียานยนต์ ที่ก้าวล้ำในยุคสมัยของมัน การเปิดตัวครั้งแรกที่สนามนูร์เบอร์กริง ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นสนามที่ท้าทายที่สุดในโลก ยิ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Nissan ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ไร้ขีดจำกัดด้านสมรรถนะ ณ ปี 2025 นี้ GT-R NISMO 2017 ไม่ใช่เพียงแค่รถสปอร์ต แต่คือผลงานชิ้นเอกที่สะท้อนถึงปรัชญา วิศวกรรมยานยนต์ อันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
การออกแบบที่เหนือชั้นและหลักอากาศพลศาสตร์
Nissan GT-R NISMO 2017 ได้รับการปรับแต่งรายละเอียดทั้งภายในและภายนอกอย่างพิถีพิถัน ส่วนหน้าของรถที่โฉบเฉี่ยวขึ้น ด้วยกันชนและกระจังหน้า V-Motion โครเมียมรมดำที่ขยายใหญ่ขึ้น ไม่เพียงแต่เพิ่มความดุดัน แต่ยังช่วยในการรับและระบายอากาศได้มากขึ้นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ สิ่งสำคัญคือฝากระโปรงที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ทำให้ในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงจะไม่เกิดการบิดตัวหรือเสียรูป ทรงตัวได้ดีเยี่ยม
กันชนและสเกิร์ตหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความประณีตของช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า “TAKUMI” ซึ่งจะวางชั้นของเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์อย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งสูงสุด ชุดแต่งรอบคันของ NISMO ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของกระแสอากาศรอบคัน และเพิ่มแรงกด (Downforce) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรถสมรรถนะสูง ทำให้รถมีการทรงตัวที่ดีเยี่ยมแม้ในย่านความเร็วสูง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ ซูเปอร์คาร์ ที่ผสานศิลปะและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ห้องโดยสารที่เน้นผู้ขับขี่และสมรรถนะที่เป็นหัวใจ
ภายในห้องโดยสารของ Nissan GT-R NISMO 2017 ยังคงได้รับการปรับปรุงตามแบบรุ่นปกติของ GT-R เวอร์ชั่นปี 2017 ด้วยสัมผัสและความสะดวกสบายที่เหนือกว่า แผงหน้าปัด พวงมาลัย และพนักวางแขนตรงกลาง ใช้วัสดุชั้นดีอย่างหนัง Alcantara สะท้อนความหรูหราและให้ความรู้สึกสปอร์ต การจัดวางรายละเอียดบนแผงคอนโซลกลางได้รับการปรับปรุงให้เรียบง่าย ลดจำนวนปุ่มและสวิตช์ลงจาก 27 เหลือเพียง 11 ปุ่ม พร้อมหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 8 นิ้ว ที่แสดงผลไอคอนระบบต่างๆ ให้มองเห็นและใช้งานง่ายขึ้น
จุดเด่นของรุ่น NISMO คือเบาะบักเก็ตซีต Recaro ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เสริมความสวยงามด้วยหนัง Alcantara สีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ NISMO เบาะนั่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ความสบาย แต่ยังโอบกระชับร่างกายผู้ขับขี่ได้อย่างมั่นคงขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การออกแบบที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางนี้คือสิ่งที่ทำให้ GT-R NISMO เป็น รถสมรรถนะญี่ปุ่น ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจอย่างแท้จริง
ขุมพลังและระบบขับเคลื่อนที่ไร้ที่ติ
หัวใจหลักของ Nissan GT-R NISMO 2017 คือเครื่องยนต์ VR38DETT แบบ V6 24 วาล์ว ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้า พร้อมระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่ 6 จังหวะ ซึ่งได้รับการปรับแต่งในรายละเอียดแบบเดียวกับการแข่งขัน GT3 สิ่งที่พิเศษคือ แต่ละบล็อกเครื่องยนต์จะได้รับการประกอบด้วยมือตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นภายในห้องพิเศษ โดยช่างฝีมือระดับสูงสุดของ Nissan ที่เรียกว่า “TAKUMI” และที่ด้านหน้าเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะมีป้ายอะลูมิเนียมแสดงชื่อ TAKUMI ผู้ที่ประกอบเครื่องยนต์นี้อีกด้วย นี่คือปรัชญาที่เน้นย้ำถึงความแม่นยำและความสมบูรณ์แบบที่ยากจะหาใครเทียบ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ด้วยโครงสร้างตัวถังที่เสริมความแข็งแกร่ง ทำให้ทีมวิศวกรสามารถเลือกใช้โช้คอัพ สปริง และเหล็กกันโคลงที่เหมาะสม สร้างแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การควบคุมรถดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในทุกสภาวะการขับขี่ โดยเฉพาะการขับแบบสลา-ลอมและการเข้าโค้ง ระบบโช้คอัพปรับระดับได้ของ Bilstein รุ่น DampTronic ที่ใช้ใน GT-R NISMO ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ เพื่อให้รองรับกับสมรรถนะอันมหาศาลของเครื่องยนต์ และสามารถถ่ายทอดกำลังลงสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มที่
นายฮิโรชิ ทามูระ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของโครงการพัฒนา GT-R NISMO และ GT-R ได้กล่าวไว้ว่า “GT-R NISMO ได้เน้นย้ำความเป็นตัว ‘R’ ที่สื่อถึงการแข่งขัน (Racing) โดยตัวรถสามารถตอบสนองได้ทุกสนามแข่ง สร้างความตื่นเต้นและความเร้าใจในระดับสูงสุดให้กับผู้ขับ ทำให้ GT-R เวอร์ชั่น NISMO รุ่นปี 2017 กลายเป็นรถสปอร์ตที่มีสมดุลที่ดีขึ้น” คำกล่าวนี้ยังคงเป็นจริงในปี 2025 โดยที่ GT-R NISMO 2017 ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ วิศวกรรมยานยนต์ ที่ผสานเทคโนโลยี ความท้าทาย และความหลงใหลเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับรถยนต์สมรรถนะสูงในยุคปัจจุบัน
บทสรุป: การเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุดของอุตสาหกรรมยานยนต์
จากกลยุทธ์การเป็นผู้จำหน่ายยนตรกรรมหรูครบวงจรของ German Auto ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ ไปจนถึงพลวัตของตลาดรถยนต์มือสองที่ยังคงให้คุณค่ากับความทนทานและคุ้มค่าของแบรนด์ตลาด รวมถึงตำนานของ Nissan GT-R NISMO 2017 ที่ยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญของ รถสปอร์ต ในแง่วิศวกรรมยานยนต์ ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและพลวัตที่ไม่มีวันหยุดนิ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์
ในปี 2025 นี้ การเลือกซื้อรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือ รถมือสอง ไม่ใช่แค่การตัดสินใจจากราคาหรือสเปกเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์ บริการหลังการขาย ประสบการณ์ที่ได้รับ และคุณค่าทางใจที่รถยนต์แต่ละคันมอบให้ อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมที่จะมอบนวัตกรรมใหม่ๆ และประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้คนทั่วโลกในทุกๆ วัน

