ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็วของปี 2025 การมองย้อนกลับไปถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในอดีต ย่อมทำให้เราเห็นภาพอนาคตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และหากจะกล่าวถึงหนึ่งในรุ่นรถยนต์ที่ทรงอิทธิพลและกำหนดทิศทางของวอลโว่ในประเทศไทย รวมถึงอุตสาหกรรม รถยนต์หรู ระดับโลก คงหนีไม่พ้น Volvo S90 โมเดลปี 2017 รถซีดานพรีเมียมที่เปิดตัวอย่างฮือฮาในขณะนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ แต่ S90 คือคำประกาศวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของวอลโว่ในการเป็นผู้นำด้านดีไซน์ นวัตกรรมความปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือการเป็นผู้บุกเบิกในเส้นทางของ รถปลั๊กอินไฮบริด สู่ยุคแห่ง รถยนต์ไฟฟ้า เต็มรูปแบบ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายครั้ง แต่การมาของ S90 ในปี 2017 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของแบรนด์สวีเดนนี้ ในขณะที่หลายค่ายยังคงมุ่งเน้นที่เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิม วอลโว่กลับเลือกที่จะเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ที่ล้ำสมัยกว่า ไม่เพียงแต่ด้าน ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ แต่ยังรวมถึงปรัชญาการออกแบบที่ “คิดถึงผู้ใช้เป็นหลัก” (Designed Around You) ซึ่งฝังรากลึกอยู่ในทุกรายละเอียดของ S90 และยังคงเป็นรากฐานสำคัญของรถวอลโว่รุ่นใหม่ๆ จนถึงปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา: การออกแบบที่เหนือกาลเวลา
หัวใจของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของวอลโว่ยุคใหม่เริ่มต้นที่แพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA) ซึ่ง S90 คือหนึ่งในรุ่นแรกๆ ที่ได้ใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมนี้ แพลตฟอร์ม SPA ไม่เพียงแค่เพิ่มความยืดหยุ่นในการออกแบบ แต่ยังช่วยให้วอลโว่สามารถผสานรวมเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบขับเคลื่อนที่ซับซ้อนได้อย่างลงตัว S90 จึงไม่ใช่แค่รถซีดานขนาดใหญ่ที่สง่างาม แต่เป็นผลงานศิลปะเชิงวิศวกรรมที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ นวัตกรรมยานยนต์ ที่แตกต่าง
การออกแบบภายนอกของ S90 ในปี 2017 เป็นการปฏิวัติอย่างแท้จริงในกลุ่ม รถพรีเมียม ที่ในยุคนั้นมักจะยึดติดกับดีไซน์ที่ดูแข็งกระด้างหรือหรูหราแบบดั้งเดิม S90 กลับมาพร้อมเส้นสายที่เรียบง่าย แต่แฝงไว้ซึ่งความหรูหราและสง่างามแบบสแกนดิเนเวียนอันเป็นเอกลักษณ์ การใช้ไฟหน้า LED ทรง “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor’s Hammer) กลายเป็นสัญลักษณ์ที่จดจำได้ทันที และยังคงเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบไฟหน้าของวอลโว่ในรุ่นต่อๆ มาจนถึงปี 2025 กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นพร้อมโลโก้ Iron Mark คือการประกาศถึงยุคสมัยใหม่ของวอลโว่ การดีไซน์ตัวถังที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์อย่างละเอียด ไม่เพียงแค่เพื่อความสวยงาม แต่ยังเพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd) ซึ่งส่งผลต่อ รถยนต์ประหยัดพลังงาน และ ประสบการณ์ขับขี่ ที่เงียบสงบยิ่งขึ้น ด้วยมิติตัวถังที่สมดุลและความยาวฐานล้อที่ลงตัว S90 จึงเป็น รถยนต์หรู ที่ดึงดูดทุกสายตา และยังคงดูทันสมัยไม่แพ้รถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน
ห้องโดยสาร: สุนทรียภาพแห่งการเดินทางและเทคโนโลยีเพื่อชีวิต
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Volvo S90 2017 เราจะพบกับโลกที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว การตกแต่งภายในสะท้อนถึงปรัชญา “Designed Around You” ได้อย่างชัดเจน ด้วยวัสดุคุณภาพสูง เช่น หนังแท้ ไม้จริง และโลหะ ที่ถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกันอย่างพิถีพิถัน แผงหน้าปัดแสดงผลกราฟิกขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว (ในรุ่น T8 Twin Engine) ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมากในยุคนั้น ได้มอบข้อมูลการขับขี่ที่คมชัดและปรับแต่งได้ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายดาย
ระบบ Infotainment Sensus Connect พร้อมจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 9.0 นิ้ว ได้รับการยกย่องในเรื่องของความทันสมัยและความใช้งานง่าย เป็นระบบแรกๆ ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ทำให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การสั่งการด้วยเสียง (Voice Control) และปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย ยังคงเป็นมาตรฐานที่วอลโว่ยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถจดจ่ออยู่กับการขับขี่ได้อย่างเต็มที่
จุดเด่นอีกประการหนึ่งที่ทำให้ S90 แตกต่างคือระบบเสียงระดับพรีเมียมจาก Bowers & Wilkins ในรุ่น Inscription ซึ่งเป็น ระบบเสียงขั้นเทพ ที่มอบ ประสบการณ์ขับขี่ ที่ดื่มด่ำด้วยคุณภาพเสียงคมชัดเป็นมิติ เสมือนอยู่ใน Gothenburg Concert Hall ด้วยแอมพลิฟายเออร์ 1,400 วัตต์ และลำโพง 19 ตัว ทำให้การเดินทางทุกครั้งคือความเพลิดเพลินที่เหนือระดับ ไม่เพียงเท่านั้น ระบบกรองอากาศ Clean Zone ยังเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในสุขภาพของผู้โดยสาร โดยสามารถดักจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ เพื่อให้บรรยากาศภายในรถบริสุทธิ์สะอาดเสมือนอากาศบริสุทธิ์ของสวีเดน สิ่งเหล่านี้เน้นย้ำถึงแนวคิดของวอลโว่ที่ไม่ได้ขายแค่รถยนต์ แต่ขาย “คุณภาพชีวิต” ในทุกการเดินทาง
ในด้านประโยชน์ใช้สอย แม้จะเป็นรถซีดาน รถยนต์หรู แต่ S90 ก็ไม่ทิ้งคุณสมบัติด้านอรรถประโยชน์ ด้วยช่องเก็บของรอบห้องโดยสาร และเบาะหลังที่สามารถพับแยกแบบ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากถึง 1,598 ลิตร ซึ่งถือว่ากว้างขวางมากสำหรับรถในประเภทเดียวกัน สะท้อนถึงการออกแบบที่เข้าใจถึงการใช้งานจริงของผู้บริโภค
Intellisafe: ป้อมปราการแห่งความปลอดภัยที่ไร้ที่ติ
ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่วอลโว่ยืนหยัดและเป็นผู้นำมาโดยตลอด นั่นคือเรื่องของ เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ และ S90 ปี 2017 ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของนวัตกรรมล้ำสมัยในส่วนนี้ ระบบ Intellisafe ของวอลโว่ใน S90 ไม่ใช่แค่ชุดของฟังก์ชัน แต่เป็นปรัชญาที่ผสานรวมทั้งความปลอดภัยเชิงป้องกันและปกป้องเข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและลดความรุนแรงหากเกิดเหตุขึ้น
หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดคือระบบ Pilot Assist เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ระบบนี้สามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่ต้องอาศัยรถคันหน้าอีกต่อไป ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างมาก และได้ปูทางไปสู่ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ และระบบขับขี่อัตโนมัติในรถยนต์ยุคปัจจุบัน ทำให้ ประสบการณ์ขับขี่ มีความผ่อนคลายและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในการเดินทางไกล
นอกจากนี้ S90 ยังติดตั้ง ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระดับโลกที่ไม่เคยมีในรถซีดานมาก่อน เช่น ระบบป้องกันรถยนต์วิ่งออกนอกช่องทาง (Run-Off Road Mitigation) ซึ่งจะทำงานในย่านความเร็ว 65-140 กม./ชม. เพื่อช่วยพยุงรถให้อยู่ในเส้นทาง และระบบ City Safety ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจจับสัตว์ขนาดใหญ่ (Large Animal Detection) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ไม่เพียงแต่ปกป้องผู้โดยสารในรถ แต่ยังรวมถึงผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ และสัตว์ป่า ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนสัตว์ขนาดใหญ่ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อาจพบเจอสัตว์ป่าในบางพื้นที่ นวัตกรรมเหล่านี้ได้ตอกย้ำวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานของวอลโว่ที่ว่า “ในปี ค.ศ. 2020 จะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสในรถวอลโว่รุ่นใหม่” ซึ่ง S90 คือฟันเฟืองสำคัญที่ผลักดันให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง
ขุมพลังแห่งอนาคต: ผู้นำในยุค Plug-in Hybrid
ในส่วนของขุมพลัง Volvo S90 2017 ได้นำเสนอทางเลือกที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของวอลโว่ในการมุ่งสู่การใช้ รถยนต์ไฟฟ้า และ รถปลั๊กอินไฮบริด โดยเฉพาะรุ่น T8 Twin Engine AWD ที่เป็นหัวใจสำคัญของการปฏิวัติครั้งนี้
รุ่น T8 Twin Engine AWD (Plug-in Hybrid) มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ที่ผสานการทำงานของทั้งเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 87 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกัน จะมอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 407 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 640 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.8 วินาที ตัวเลขนี้ไม่เพียงแต่แสดงถึง ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ที่น่าประทับใจ แต่ยังรวมถึงความสามารถในการเป็น รถยนต์ประหยัดพลังงาน ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยสูงถึง 55.5 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 41 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
ความโดดเด่นของ S90 T8 คือความสามารถในการวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว (Pure mode) ได้ไกลถึง 52 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันสำหรับหลายๆ คน และสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายในเวลาเพียง 2.5 ชั่วโมงด้วยการเสียบปลั๊ก ถือเป็นการเปิดประตูสู่ยุคของ รถปลั๊กอินไฮบริด ในประเทศไทยอย่างแท้จริง และเป็นก้าวแรกที่สำคัญก่อนที่วอลโว่จะประกาศอย่างเป็นทางการในปี 2019 ว่ารถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือระบบไฮบริดทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีรุ่น D4 Momentum ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ทวินเทอร์โบพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีด i-Art ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร พร้อมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 20.4 กม./ลิตร เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการ รถยนต์ประหยัดพลังงาน และ ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ที่เชื่อถือได้ ทั้งสองรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Drive-E powertrains พร้อม Geartronic ซึ่งมอบ ประสบการณ์ขับขี่ ที่ราบรื่นและตอบสนองได้ดี
ตลาดและมรดกที่ยังคงอยู่ถึงปี 2025
การเปิดตัว Volvo S90 ในปี 2017 โดย วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 3.09 ล้านบาท และรุ่นท็อป T8 Twin Engine AWD Inscription ที่ 3.79 ล้านบาท ถือเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ในตลาด รถยนต์หรู ของไทย ด้วยกลยุทธ์ด้าน ราคา ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน ประกอบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่อัดแน่น ทำให้ S90 สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าพรีเมียมที่มองหาสิ่งที่แตกต่างและคุ้มค่า
บริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง ทั้ง Volvo Maintenance บำรุงรักษาฟรี 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร, Volvo Warranty รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ Volvo Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 3 ปี ได้สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและตอกย้ำภาพลักษณ์ของวอลโว่ในฐานะแบรนด์ที่ใส่ใจลูกค้าอย่างแท้จริง
จากมุมมองของปี 2025 Volvo S90 ปี 2017 ไม่ใช่แค่รถยนต์รุ่นหนึ่งที่ผ่านไปในประวัติศาสตร์ แต่เป็น นวัตกรรมยานยนต์ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของวอลโว่ในประเทศไทย จากแบรนด์ที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก มาสู่แบรนด์ที่ผสมผสานความหรูหราทันสมัย เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์ ล้ำยุค และความเป็นผู้นำด้าน รถยนต์ไฟฟ้า และ รถปลั๊กอินไฮบริด ได้อย่างลงตัว S90 ได้วางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับวอลโว่รุ่นต่อๆ มา และยังคงเป็นเครื่องยืนยันว่าการลงทุนในนวัตกรรมที่แท้จริง จะสามารถสร้างมรดกที่คงคุณค่าและแรงบันดาลใจได้เหนือกาลเวลา

