ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ทั้งในด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และภูมิทัศน์ของตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม รถยนต์สมรรถนะสูง (High-performance car) และ รถยนต์ระดับพรีเมียม (Premium car) ที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความหรูหราที่เหนือจินตนาการ เมื่อเรามองไปยังปี 2025 เส้นแบ่งระหว่างความเร็วอันเร้าใจกับความสะดวกสบายสูงสุดได้เลือนหายไป กลายเป็นประสบการณ์การขับขี่และการเดินทางที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว วันนี้ ผมจะพาคุณเจาะลึกถึงเทรนด์สำคัญที่กำลังกำหนดทิศทางของยนตรกรรมในอนาคต โดยเฉพาะในตลาดประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มองหาสิ่งที่ดีที่สุด
อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทรงพลังอีกต่อไป แต่ยังครอบคลุมถึงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EV) และระบบไฮบริดสมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI, การเชื่อมต่อไร้สาย (Seamless Connectivity) และวัสดุศาสตร์ที่ก้าวล้ำ รถยนต์ไม่ได้เป็นแค่พาหนะ แต่เป็นมากกว่านั้น มันคือส่วนขยายของตัวตนผู้ขับขี่ เป็นศูนย์กลางความบันเทิงเคลื่อนที่ เป็นห้องทำงานส่วนตัว และเป็นพื้นที่พักผ่อนที่หรูหราที่สุด การแข่งขันในตลาด รถยนต์หรู EV (Luxury EV) และ รถสปอร์ตไฮบริด (Hybrid sports car) กำลังทวีความรุนแรง แบรนด์ชั้นนำต่างทุ่มเทวิจัยและพัฒนาเพื่อนำเสนอสิ่งที่แตกต่างและโดดเด่นอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราจะมาถอดรหัสกันในวันนี้
ยนตรกรรมแห่งความเร็วและเทคโนโลยีล้ำอนาคต: วิวัฒนาการของ Nissan GT-R และตลาดรถสปอร์ตสมรรถนะสูงในปี 2025
เมื่อพูดถึง รถสปอร์ตสมรรถนะสูง ที่เป็นตำนานแห่งความเร็ว ชื่อของ Nissan GT-R หรือที่รู้จักกันในนาม “Godzilla” มักจะถูกยกขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา GT-R ได้สร้างนิยามใหม่ให้กับคำว่า “ซูเปอร์คาร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” ด้วยสมรรถนะที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่าคู่แข่งในราคาที่จับต้องได้มากกว่า ในปี 2025 แม้จะยังไม่มีการประกาศรุ่นใหม่ทั้งหมดอย่างเป็นทางการ แต่จิตวิญญาณแห่งวิศวกรรมที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุดของ GT-R ยังคงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ขับเคลื่อนวงการรถสปอร์ตให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
ขุมพลังแห่งอนาคต: สู่ยุคไฮบริดและไฟฟ้าสมรรถนะสูง
ตลาดรถสปอร์ตในปี 2025 กำลังมุ่งหน้าสู่ยุคแห่งการไฟฟ้า Nissan GT-R ในเวอร์ชันที่ล้ำสมัยกว่าเดิม หรือรถยนต์ในเซกเมนต์เดียวกัน จะไม่ได้พึ่งพาเพียงเครื่องยนต์เบนซิน V6 ทวินเทอร์โบ 3.8 ลิตร ที่ทรงพลังถึง 565 แรงม้าอีกต่อไป แต่จะถูกยกระดับด้วย ระบบขับเคลื่อนไฮบริดสมรรถนะสูง ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า การผสานรวมนี้ไม่เพียงแต่เพิ่ม แรงม้าสูง และแรงบิดมหาศาลที่มาอย่างฉับไว (Instant Torque) แต่ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงอีกด้วย คาดการณ์ได้ว่า การนำเทคโนโลยีเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้า (Electric Turbocharger) หรือระบบ E-Boost จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ทำให้รถยนต์มีอัตราเร่งที่รุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงออกตัวและเร่งแซง การควบคุมระยะเวลาในการจุดระเบิดของแต่ละกระบอกสูบแยกจากกัน จะถูกพัฒนาให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อรีดเค้นพลังงานสูงสุดจากทุกหยดเชื้อเพลิงหรือทุกหน่วยประจุไฟฟ้า
หลักอากาศพลศาสตร์ที่ไร้ขีดจำกัด และดีไซน์ที่บอกเล่าสมรรถนะ
ดีไซน์ภายนอกของรถสปอร์ตในปี 2025 จะยังคงเน้นย้ำถึง หลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) ที่ได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง จากกระจังหน้า V-Motion ที่เคยเป็นเอกลักษณ์ในปี 2017 จะวิวัฒนาการไปสู่รูปทรงที่ดุดันและฟังก์ชันการใช้งานที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของระบบแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงการสร้างแรงกด (Downforce) ที่จำเป็นสำหรับการยึดเกาะถนนด้วย ความเร็วสูงสุด การออกแบบจะรวมเอาองค์ประกอบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ (Active Aero) เช่น สปอยเลอร์หลังที่ยกตัวอัตโนมัติ หรือแผงช่องลมที่เปิด-ปิดได้ เพื่อปรับสมดุลระหว่างแรงต้านอากาศและแรงกดให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ วัสดุน้ำหนักเบา เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ อะลูมิเนียมอัลลอยด์เกรดอากาศยาน และวัสดุคอมโพสิตขั้นสูง จะถูกนำมาใช้ในโครงสร้างตัวถังและส่วนประกอบต่างๆ เพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของรถ ทำให้ได้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมควบคู่ไปกับการตอบสนองที่ฉับไว
การบังคับควบคุมที่เฉียบคมด้วย AI และระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ
จุดเด่นของ Nissan GT-R คือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (Intelligent All-Wheel Drive System) ที่มอบการยึดเกาะถนนที่เหนือชั้น ในปี 2025 ระบบนี้จะถูกพัฒนาให้ล้ำหน้าไปอีกขั้นด้วยการผสานรวมกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบควบคุมการทรงตัว (Stability Control System) ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ รอบคัน เช่น ความเร็ว พวงมาลัย ตำแหน่งคันเร่ง แรง G และสภาพถนน เพื่อปรับการกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละข้างอย่างแม่นยำและรวดเร็วในเสี้ยววินาที ทำให้การเข้าโค้งด้วย ความเร็วสูง เป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นโค้งแคบหรือโค้งกว้างบนสนามแข่งหรือถนนหลวง ระบบช่วงล่างแบบถุงลม (Adaptive Air Suspension) หรือแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Ride Control) จะทำงานร่วมกันกับข้อมูลจาก AI เพื่อปรับความแข็งอ่อนของช่วงล่างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ แบบเรียลไทม์ มอบ ประสบการณ์ขับขี่เร้าใจ ที่มาพร้อมกับความนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ
ห้องโดยสารดิจิทัลและเทคโนโลยีขับขี่ขั้นสูง
ภายในห้องโดยสารของรถสปอร์ตปี 2025 จะเปลี่ยนโฉมไปสู่ ห้องโดยสารดิจิทัล ที่เน้นความเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยฟังก์ชันการใช้งาน แผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาดใหญ่จะแสดงข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดพร้อมกราฟิกที่สวยงามและปรับแต่งได้ตามต้องการ หน้าจอสัมผัสขนาด 8-12 นิ้วสำหรับระบบอินโฟเทนเมนต์จะถูกผสานรวมเข้ากับแผงคอนโซลกลางอย่างลงตัว โดยลดจำนวนปุ่มควบคุมทางกายภาพลง และเพิ่มการสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันจะมาพร้อมกับแป้นเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่ติดตั้งอยู่บนพวงมาลัย ให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างสะดวกสบายในทุกสถานการณ์ การออกแบบที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง (Driver-Centric) จะถูกเสริมด้วยเทคโนโลยี Head-up Display ที่ฉายข้อมูลสำคัญลงบนกระจกหน้ารถ รวมถึงระบบ Augmented Reality (AR) ที่ซ้อนทับข้อมูลการนำทางหรือข้อมูลการขับขี่บนภาพถนนจริง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดการละสายตา
เสียงและอารมณ์: สัมผัสแห่งความเร้าใจในยุคไฟฟ้า
หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดคือการรักษา “อารมณ์” ของการขับขี่ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเสียงคำรามของเครื่องยนต์ ในปี 2025 ผู้ผลิตจะให้ความสำคัญกับการสร้าง ประสบการณ์ขับขี่เร้าใจ ผ่านเสียงที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ระบบ Active Sound Enhancement (ASE) จะถูกพัฒนาให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น สามารถสร้างเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ที่กระหึ่มและดุดันผ่านลำโพงภายในและภายนอกรถ ตอบสนองต่อการเร่งและเปลี่ยนเกียร์อย่างสมจริง หรือในรุ่นไฮบริดที่ยังคงมีเครื่องยนต์สันดาป ระบบท่อไอเสียไทเทเนียมและหม้อพักที่ปรับจูนมาเป็นพิเศษจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ “เสียงคำราม” ที่เป็นเอกลักษณ์ มอบความรู้สึกดิบเถื่อนที่ยังคงเป็นที่ต้องการของนักขับตัวจริง
นิยามใหม่แห่งความหรูหราเหนือระดับ: Mercedes-Maybach S-Class และตลาดรถซีดานอัลตร้าลักชัวรีในปี 2025
หาก Nissan GT-R เป็นตัวแทนของความเร็วและสมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด Mercedes-Maybach S-Class คือสุดยอดแห่งยนตรกรรมที่รวบรวมนิยามของความหรูหราสง่างามและความสะดวกสบายสูงสุดไว้ในหนึ่งเดียว ในปี 2025 ตลาด รถยนต์ซีดานหรู และอัลตร้าลักชัวรีกำลังก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ความต้องการรถยนต์ระดับนี้ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ห้องโดยสารระดับเฟิร์สคลาส: สู่ยุคของความหรูหราส่วนบุคคล
หัวใจสำคัญของ Mercedes-Maybach คือ ห้องโดยสารระดับเฟิร์สคลาส (First-class cabin) ที่เหนือกว่าคำว่า “พรีเมียม” ไปมาก ในปี 2025 การออกแบบภายในจะก้าวไปสู่การปรับแต่งในระดับบุคคล (Bespoke Personalization) อย่างสมบูรณ์แบบ วัสดุหนังแท้ คุณภาพสูงสุด เช่น หนัง Nappa แบบกึ่งอะนิลีน (Semi-aniline) ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี จะถูกนำมาใช้หุ้มเบาะนั่งและส่วนประกอบต่างๆ โดยมีลายการเย็บแบบ Diamond Design ที่ประณีตบรรจงจาก งานฝีมือประณีต ของช่างผู้เชี่ยวชาญ ผ้าบุหลังคาและแผงบังแดดจะหุ้มด้วยวัสดุ microfibre คุณภาพสูงอย่าง DINAMICA เพื่อเพิ่มสัมผัสที่หรูหรา นอกจากนี้ ยังมีการนำวัสดุทางเลือกที่ยั่งยืน (Sustainable Luxury Materials) มาใช้มากขึ้น เช่น หนังที่ผลิตจากพืช หรือวัสดุรีไซเคิลคุณภาพสูง เพื่อตอบรับกระแสความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่ลดทอนความหรูหรา
ระบบมัลติมีเดียและเชื่อมต่อไร้สายอัจฉริยะ
ในปี 2025 ระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะ ใน Mercedes-Maybach S-Class จะถูกยกระดับไปอีกขั้น ด้วยหน้าจอ MBUX Hyperscreen ที่ผสานรวมหน้าจอแสดงผลหลายจอเข้าเป็นผืนเดียว ครอบคลุมทั้งแผงหน้าปัดและคอนโซลกลาง ทำให้การควบคุมฟังก์ชันต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดายและลื่นไหล ผู้โดยสารด้านหลังจะได้รับประสบการณ์ความบันเทิงที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมความเร็วสูง (Satellite Internet) ทำให้สามารถสตรีมวิดีโอ ประชุมออนไลน์ หรือเข้าถึงบริการดิจิทัลต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ การเชื่อมต่อไร้สาย สำหรับสมาร์ทโฟน ทั้ง Apple CarPlay™ & Android Auto และระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charging) จะเป็นมาตรฐานทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® high-end 3D surround sound system ที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดและมิติเสียงที่สมจริงราวกับอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์
ความสะดวกสบายและสุขภาพ: ห้องโดยสารที่เงียบที่สุดในโลก
Mercedes-Maybach S-Class มุ่งมั่นที่จะมอบ ความเงียบในห้องโดยสาร ที่สุดยอด ระบบ Active Noise Cancellation (ANC) จะถูกพัฒนาให้สามารถขจัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความสงบและเป็นส่วนตัวสูงสุด เบาะนั่งจะได้รับการออกแบบให้เป็นแบบ First-Class Seat พร้อมฟังก์ชันนวด ENERGIZING ที่ก้าวล้ำ สามารถเลือกโปรแกรมนวดได้ถึง 6 รูปแบบ รวมถึงการนวดแบบ Hot Stone Massage ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างล้ำลึก เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำและฟังก์ชันอุ่น/ระบายอากาศ จะมีอยู่ในทุกตำแหน่ง การเพิ่มความยาวของตัวถังและระยะฐานล้อจะทำให้มีพื้นที่วางขาที่กว้างขวางเป็นพิเศษสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมโต๊ะทำงานแบบพับได้และตู้เย็นส่วนตัว
ระบบปรับอากาศอัจฉริยะ THERMOTRONIC แบบ 4-ZONE จะช่วยรักษาระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมในแต่ละส่วนของห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package) ที่มาพร้อมกับระบบ Active Perfuming System สามารถเลือกกลิ่นหอมเฉพาะตัวของ Maybach หรือกลิ่นอื่นๆ ได้ถึง 4 กลิ่น เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสดชื่นตลอดการเดินทาง ทุกองค์ประกอบล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบ ประสบการณ์โดยสารสุดพิเศษ ที่เหนือกว่ายานยนต์ทั่วไป
ดีไซน์หรูหราและระบบความปลอดภัยสูงสุด
ภายนอกของ Mercedes-Maybach S-Class ในปี 2025 จะยังคงรักษา ดีไซน์หรูหรา สง่างาม ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมโลโก้ Mercedes-Benz บนฝากระโปรง และสัญลักษณ์ “Maybach” บนฝากระโปรงท้าย ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Adaptive Highbeam Assist Plus จะได้รับการปรับปรุงให้มีความสามารถในการส่องสว่างที่แม่นยำยิ่งขึ้น สามารถปรับรูปแบบการส่องสว่างให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการจราจรโดยอัตโนมัติ ล้ออัลลอยแบบ Forged ขนาด 20-22 นิ้วจะเสริมภาพลักษณ์ความหรูหราได้อย่างลงตัว
ด้าน ระบบความปลอดภัยสูงสุด (Maximum safety system) Mercedes-Maybach S-Class จะมาพร้อมกับระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving System) ระดับ Level 3 หรือ 4 (ในพื้นที่ที่กฎหมายอนุญาต) ซึ่งช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ได้อย่างมาก ระบบ PRE-SAFE® System จะพัฒนาไปสู่การคาดการณ์และป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น พร้อมถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และเข็มขัดนิรภัยแบบถุงลม (Inflatable Seatbelt) ระบบกันสะเทือนแบบ MAGIC BODY CONTROL จะทำงานร่วมกับกล้องสเตอริโอที่สแกนพื้นผิวถนนเบื้องหน้า เพื่อปรับช่วงล่างให้รองรับกับสภาพถนนอย่างนุ่มนวลที่สุด สร้างประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและปลอดภัยอย่างแท้จริง
บทสรุปและอนาคตของวงการยานยนต์หรูในไทย
ปี 2025 คือช่วงเวลาที่วงการยานยนต์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิวัติอย่างแท้จริง ทั้งรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง Nissan GT-R หรือ Mercedes-Maybach S-Class ต่างก็เป็นตัวแทนของแนวคิดที่แตกต่างกันในโลกของยนตรกรรมระดับพรีเมียม GT-R สะท้อนถึงการแสวงหาสุดยอดแห่งความเร็ว เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรมที่แม่นยำ และประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ในขณะที่ Maybach นำเสนอความหรูหราที่เหนือระดับ ความสะดวกสบายอันไร้ขีดจำกัด และการเดินทางที่เปรียบเสมือนการพักผ่อนในห้องโดยสารส่วนตัวที่สงบเงียบที่สุด
ตลาด รถหรูไทย กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความพร้อมที่จะรับเอา นวัตกรรมยานยนต์ เหล่านี้เข้ามา การมุ่งเน้นที่ รถยนต์ไฟฟ้าหรู และเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านสมรรถนะและความหรูหรา แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอีกด้วย แบรนด์ต่างๆ กำลังแข่งขันกันเพื่อนำเสนอสิ่งที่ “ดีที่สุด” ในทุกมิติ ตั้งแต่การออกแบบ ประสิทธิภาพ เทคโนโลยี ไปจนถึงบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่ต้องการ การลงทุนรถยนต์หรู ที่คุ้มค่าและมอบ ประสบการณ์ขับขี่ระดับโลก อย่างแท้จริง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามวงการนี้มาอย่างใกล้ชิด ผมมั่นใจว่าอนาคตของยนตรกรรมในประเทศไทยและทั่วโลกจะยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นวัตกรรม และความหรูหราที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่จะยังคงอยู่เสมอ คือความหลงใหลในศิลปะแห่งการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบ
ก้าวสู่โลกยานยนต์แห่งอนาคตไปพร้อมกับเรา!
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหาสุดยอดประสบการณ์การขับขี่ หรือปรารถนาจะครอบครองยนตรกรรมที่ผสานรวมความเร็ว ความหรูหรา และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน อย่ารอช้าที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่นี้ ติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของเราวันนี้ เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรุ่นรถยนต์ที่คุณสนใจ หรือเข้าร่วมนัดหมายเพื่อทดลองสัมผัสพลังและ ความหรูหราเหนือระดับ ด้วยตัวคุณเอง เส้นทางสู่ความเป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์แห่งอนาคต หรือซีดานอัลตร้าลักชัวรี ที่จะเติมเต็มทุกการเดินทางของคุณให้สมบูรณ์แบบที่สุด เริ่มต้นที่นี่!

