• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0411046 กพาต วเด พล กตอนจบ part2

admin79 by admin79
October 31, 2025
in Uncategorized
0
N0411046 กพาต วเด พล กตอนจบ part2

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของรถยนต์สมรรถนะสูงมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่จะสามารถยืนหยัดและสร้างตำนานได้อย่างมั่นคง หนึ่งในนั้นคือ Nissan GT-R R35 หรือที่หลายคนขนานนามว่า “Godzilla” นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 มันได้สร้างปรากฏการณ์และท้าทายขนบของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงมาโดยตลอด และแม้ว่าโลกยานยนต์จะก้าวเข้าสู่ปี 2025 ด้วยกระแสรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีล้ำสมัย GT-R R35 ก็ยังคงเป็นดั่งเพชรน้ำเอกที่เปล่งประกายความเร้าใจไม่เสื่อมคลาย บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจความยอดเยี่ยมของ GT-R R35 ที่ไม่เพียงแต่เป็นไอคอนของสมรรถนะ แต่ยังเป็นบทเรียนทางวิศวกรรมที่น่าทึ่ง และการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างไร้ที่ติ

ดีไซน์ที่ผสมผสานความดุดันและหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง

เมื่อแรกเห็น GT-R R35 คุณจะสัมผัสได้ถึงความดุดันที่แฝงด้วยความประณีตทางวิศวกรรม ภายนอกของมันถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือ “สมรรถนะสูงสุด” ในปี 2025 นี้ ดีไซน์ของ R35 ได้ผ่านการปรับปรุงมาหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระจังหน้า V-Motion อันเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan ที่ไม่ใช่แค่การสร้างความสวยงาม แต่ยังถูกขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงที่ต้องทำงานภายใต้สภาวะสุดขีด ฝากระโปรงหน้าได้รับการออกแบบใหม่ให้มีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงขุมพลังภายใน แต่ยังช่วยเสริมความมั่นคงในการทรงตัวเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงมาก ๆ การออกแบบชายล่างของกันชนหน้าและกันชนหน้าใหม่ ไม่เพียงเพิ่มความหล่อเหลาและกลิ่นอายของรถแข่งสนาม แต่ยังช่วยสร้างแรงกด (Downforce) ให้กับตัวรถ ทำให้การยึดเกาะถนนในย่านความเร็วสูงเป็นไปอย่างมั่นใจ

โครงสร้างตัวถังของ GT-R R35 ในเวอร์ชันล่าสุดยังคงรักษาความเฉียบคมและหลักอากาศพลศาสตร์ที่เหนือชั้น บริเวณชายล่างข้างตัวรถและช่องระบายอากาศด้านข้างถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพื่อให้กระแสอากาศไหลผ่านได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลดแรงต้านอากาศ (Drag) ในขณะที่ยังคงรักษาระดับแรงกดที่จำเป็นต่อการทรงตัว สิ่งนี้ตอกย้ำปรัชญาการออกแบบของ Nissan ที่เชื่อว่า “รูปแบบต้องตามมาด้วยหน้าที่” ไฟท้ายแบบวงแหวนสี่ดวงยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตอกย้ำความเป็น GT-R ที่ไม่เหมือนใคร และแนวเส้นด้านข้างตัวถังที่ขยับสูงขึ้นเล็กน้อยช่วยให้รถดูกว้างและดุดันยิ่งขึ้นเมื่อมองจากด้านท้าย ดีไซน์เหล่านี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเพื่อความสวยงาม แต่เป็นการผสมผสานศิลปะและวิทยาศาสตร์เพื่อยกระดับสมรรถนะการขับขี่ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น นี่คือบทเรียนสำคัญที่ผู้ผลิตรถยนต์ยุคใหม่ควรเรียนรู้จากตำนานอย่าง GT-R

หัวใจของสัตว์ร้าย: ขุมพลัง VR38DETT ที่ถูกหล่อหลอมด้วยจิตวิญญาณแห่งทาคูมิ

ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของ GT-R R35 คือเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่คว้ารางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน และยังคงเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้ GT-R เป็นที่กล่าวขวัญถึงในโลกของรถยนต์สมรรถนะสูง ในปี 2025 นี้ เครื่องยนต์ VR38DETT ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ โดยแต่ละบล็อกเครื่องยนต์ถูกผลิตและประกอบขึ้นด้วยมือของสุดยอดช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นที่เรียกว่า “ทาคูมิ” ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเกียรตินี้ ทำให้มั่นใจได้ในความประณีตและสมบูรณ์แบบสูงสุด

กำลังสูงสุดของ GT-R R35 ในปัจจุบันพุ่งทะยานไปถึง 565 แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 467 ฟุต-ปอนด์ (หรือประมาณ 637 นิวตันเมตร) การเพิ่มขึ้นของพละกำลังนี้ไม่ใช่เพียงแค่การปรับจูนพื้นฐาน แต่เป็นผลมาจากการควบคุมระยะเวลาการจุดระเบิดของแต่ละกระบอกสูบแยกจากกันอย่างละเอียดอ่อน และการเพิ่มแรงดันบูสต์ของเทอร์โบที่ถูกปรับแต่งมาเป็นพิเศษ สิ่งนี้ทำให้ GT-R R35 สามารถตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างฉับไวและดุดันในทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ 3,200 รอบต่อนาทีขึ้นไป ที่พละกำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ให้ความรู้สึกกระชากที่น่าตื่นเต้นและเร้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวจากหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซงในย่านความเร็วสูง

ระบบส่งกำลังก็ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยเกียร์คลัตช์คู่ 6 จังหวะที่ได้รับการปรับปรุงให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลและไร้รอยต่อยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความรวดเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของรถสปอร์ต สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ “เสียงคำราม” ของเครื่องยนต์ GT-R R35 ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเกิดจากการสะท้อนของเสียงจากหม้อพักท่อไอเสียที่ทำจากไทเทเนียมน้ำหนักเบา ผนวกกับระบบ Active Sound Enhancement (ASE) ที่ช่วยเสริมประสบการณ์การขับขี่ให้ดุดันและเร้าใจยิ่งกว่าที่เคย เสียงนี้ไม่เพียงบ่งบอกถึงพลังที่ซ่อนอยู่ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณที่ทำให้ผู้ขับขี่หลงใหลในตัว Godzilla คันนี้

สมรรถนะการขับขี่และช่วงล่างที่เหนือชั้น: กำหนดนิยามใหม่ของ Supercar ที่ใช้งานได้จริง

Nissan GT-R R35 ไม่ได้เป็นเพียงรถที่เร็วและแรงเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในรถยนต์สมรรถนะสูงที่ขึ้นชื่อเรื่องการบังคับควบคุมที่ดีที่สุดในโลก ในปี 2025 วิศวกรรมช่วงล่างและโครงสร้างตัวถังของมันได้ถูกปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ไร้ที่ติยิ่งขึ้น โครงสร้างตัวถังที่ทนทานต่อการบิดตัวได้ดียิ่งขึ้นอย่างมาก เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ GT-R สามารถถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ลงสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังช่วยเสริมความมั่นคงในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงในทุกรูปแบบ

ระบบช่วงล่างได้รับการออกแบบและปรับจูนใหม่ เพื่อมอบความมั่นใจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนปกติ หรือการรีดสมรรถนะในสนามแข่ง การทำงานที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ATTESA E-TS ระบบกันสะเทือนแบบอิเล็กทรอนิกส์ และยางสมรรถนะสูง ทำให้ GT-R R35 สามารถยึดเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม ล้ออัลลอยด์ Forged Aluminum ลาย Y-Spoke ขนาด 20 นิ้ว ไม่เพียงช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง (Unsprung Weight) แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งและความแม่นยำในการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น

สิ่งที่ทำให้ GT-R R35 แตกต่างจาก Supercar หลายรุ่นคือ “ความสามารถในการใช้งานในชีวิตประจำวัน” แม้จะมีสมรรถนะที่น่าทึ่ง แต่ Nissan ก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจในเรื่องความสะดวกสบาย ห้องโดยสารที่เงียบขึ้นในทุกช่วงความเร็วจากการใช้วัสดุดูดซับเสียงที่ทันสมัย และการปรับปรุงความนุ่มนวลในการขับขี่ ทำให้ GT-R R35 ไม่ได้เป็นแค่รถแข่งที่จอดอยู่แต่ในโรงรถ แต่เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงที่สามารถขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินในทุก ๆ วัน นี่คือปรัชญาที่ทำให้ GT-R ยังคงเป็นที่ต้องการในยุค 2025 ที่ผู้บริโภคมองหาสมดุลระหว่างสมรรถนะและความสะดวกสบาย

ภายใน: ห้องโดยสารที่ผสานความสปอร์ตและความประณีต

เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ GT-R R35 ในเวอร์ชันล่าสุด คุณจะพบกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสปอร์ต เทคโนโลยี และความหรูหรา แผงหน้าปัดและแผงคอนโซลกลางถูกออกแบบใหม่ให้มีความโดดเด่นและใช้งานง่าย ใช้วัสดุหนังชั้นดีที่ได้รับการตัดเย็บอย่างประณีตโดยทีมช่างฝีมือ “ทาคูมิ” เช่นเดียวกับการประกอบเครื่องยนต์ รูปทรงของแผงหน้าปัดในสไตล์ Horizontal Flow ไม่เพียงสร้างความรู้สึกที่กว้างขวาง แต่ยังสะท้อนถึงสัมผัสของการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้โดยสารด้านหน้า แนวเส้นของแผงด้านข้างประตูถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับแนวเส้นบนแผงหน้าปัดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงแผงคอนโซลกลาง สร้างบรรยากาศที่โอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับรถ

การจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ บนแผงหน้าปัดได้รับการปรับปรุงให้มีความเรียบง่ายและสะดวกต่อการใช้งานอย่างยิ่ง มีการรวมชุดระบบนำทางและปุ่มควบคุมเครื่องเสียงเข้าไว้ด้วยกัน และลดจำนวนสวิตช์จากเดิม 27 ปุ่ม เหลือเพียง 11 ปุ่ม ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและไม่เสียสมาธิในการขับขี่ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมกับไอคอนขนาดใหญ่ที่ใช้งานง่าย และหน้าจอ Display Command Console ที่ติดตั้งอยู่บนแผงคอนโซลกลางซึ่งตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ไม่เพียงเพิ่มความสปอร์ต แต่ยังเพิ่มความหรูหราและง่ายต่อการควบคุม

แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ (Paddle Shift) ที่ติดตั้งอยู่บนพวงมาลัยทรงใหม่ คืออีกหนึ่งจุดเด่นที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียด ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างสะดวกสบายแม้ในขณะที่กำลังหมุนพวงมาลัยครึ่งรอบ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการขับขี่แบบสปอร์ต นอกจากนี้ แป้นเปลี่ยนเกียร์ยังมาพร้อมกับการควบคุมการระบายอากาศ และได้รับการปรับปรุงสัมผัสให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นในจังหวะที่มีการเปลี่ยนเกียร์ ทุกองค์ประกอบภายในห้องโดยสารของ GT-R R35 ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมโยงกับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบ

GT-R ในปี 2025: ตำนานที่ยังคงโลดแล่น

แม้ว่าภูมิทัศน์ของรถยนต์สมรรถนะสูงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปี 2025 ด้วยกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดประสิทธิภาพสูง แต่ Nissan GT-R R35 ก็ยังคงรักษาเสน่ห์และความขลังในฐานะ “รถยนต์น้ำมันสมรรถนะสูงแท้ ๆ” มันไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นชิ้นงานวิศวกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ความประณีตของช่างฝีมือ และจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน ทำให้ GT-R R35 ยังคงเป็นที่ต้องการของนักขับที่หลงใหลในความดิบ ความแรง และความสามารถในการควบคุมที่เหนือชั้น

Nissan ยังคงนำเสนอ GT-R R35 ด้วยบุคลิกที่แตกต่างผ่านตัวเลือกสีภายนอกและภายในที่หลากหลาย เช่น สี Blaze Metallic ที่เกิดจากเทคนิคการพ่นสีแบบหลายชั้น หรือภายใน Premium Edition ที่มาพร้อมกับหนัง Semi-Aniline คุณภาพสูงในหลายเฉดสี อาทิ Black/Rakuda หรือ Samurai Black ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอ “ที่สุด” ของรถยนต์สไตล์ GT ให้กับลูกค้าเสมอมา ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV การที่ GT-R R35 ยังคงยืนหยัดและได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการตอกย้ำถึงคุณค่าและสถานะความเป็นไอคอนที่ไม่เคยจางหายไป

นิยามแห่งความหรูหราเหนือระดับ: Mercedes-Benz S-Class และ Mercedes-Maybach S-Class ในปี 2025

ในโลกของยานยนต์ระดับพรีเมียม ไม่มีรถรุ่นใดที่จะเป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องเท่ากับ Mercedes-Benz S-Class และสุดยอดแห่งความหรูหราอย่าง Mercedes-Maybach S-Class ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่คลุกคลีในวงการนี้มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการพัฒนาและปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้งของรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ ซึ่งในปี 2025 ทั้ง S-Class และ Maybach S-Class ยังคงยืนหยัดในฐานะสัญลักษณ์แห่งผู้นำ นวัตกรรม และความสะดวกสบายที่ไร้ขีดจำกัด ไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์ชีวิตให้เหนือระดับอย่างแท้จริง

การออกแบบที่สะท้อนความสง่างามเหนือกาลเวลาและนวัตกรรม

ภายนอก: เมื่อกล่าวถึง S-Class และ Maybach S-Class ในปี 2025 สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือการออกแบบที่ผสมผสานความสง่างามคลาสสิกเข้ากับความล้ำสมัยได้อย่างไร้ที่ติ S-Class โฉมปัจจุบัน (W223) และ Maybach S-Class (Z223) มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมโลโก้ Mercedes-Benz อันเป็นเอกลักษณ์ ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT คือจุดเด่นที่สะท้อนเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่เพียงให้ทัศนวิสัยการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในยามค่ำคืน แต่ยังสามารถฉายสัญลักษณ์เตือนบนพื้นถนนได้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ยกระดับความปลอดภัยและปฏิสัมพันธ์ระหว่างรถกับผู้ขับขี่ไปอีกขั้น ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติกก็ถูกออกแบบให้เป็นงานศิลปะที่ลงตัว

สำหรับ Mercedes-Maybach S-Class นั้น ความหรูหราจะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยความยาวตัวถังและระยะฐานล้อที่ยาวเป็นพิเศษ สร้างสัดส่วนที่สง่างามและบ่งบอกถึงพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โลโก้ “Maybach” ที่ประดับบนฝากระโปรงหลังและเสา C คือสัญลักษณ์แห่งสถานะที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ล้ออัลลอยด์แบบ forged ขนาดใหญ่ดีไซน์เฉพาะตัว และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่มาพร้อมฟังก์ชัน MAGIC SKY CONTROL ที่สามารถปรับความเข้มของแสงได้ด้วยระบบไฟฟ้า ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความแตกต่างและสะท้อนถึงความประณีตในทุกรายละเอียด

ภายใน: อาณาจักรแห่งความสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่ไร้ขีดจำกัด

เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ S-Class และ Maybach S-Class คุณจะพบกับนิยามใหม่ของความสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย วัสดุคุณภาพเยี่ยมถูกเลือกใช้อย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa หรือ Designo Exclusive Semi-Aniline ที่ตัดเย็บด้วยลาย Diamond Design แผงคอนโซลหน้าและแผงประตูหุ้มหนัง Nappa สลับกับวัสดุไม้โอเพ่นพอร์หรือคาร์บอนไฟเบอร์ ผ้าบุหลังคาและแผงบังแดดหน้าหุ้มด้วย DINAMICA microfibre สร้างบรรยากาศที่หรูหราและผ่อนคลาย

ระบบ ENERGIZING Comfort Control ที่ Mercedes-Benz เป็นผู้ริเริ่ม คือหัวใจสำคัญของการมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เทคโนโลยีนี้จะควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการปรับโทนสีของไฟ Ambient Lighting ภายในห้องโดยสารที่สามารถเลือกได้ถึง 64 สีและปรับระดับความเข้มได้ 5 ระดับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 4-ZONE ระบบเครื่องเสียง Burmester® high-end 3D surround sound system ที่ให้มิติเสียงอันสมบูรณ์แบบ และโปรแกรมนวดผ่อนคลายสำหรับเบาะที่นั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลังถึง 6 รูปแบบ โดยบางโปรแกรมจำลองการนวดด้วยหินร้อนเพื่อคลายความเมื่อยล้า สิ่งเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้โดยสาร

สำหรับ Mercedes-Maybach S-Class นั้น ความหรูหราจะถูกโฟกัสไปที่ผู้โดยสารด้านหลังเป็นพิเศษ ด้วยเบาะนั่งแบบ First Class ที่สามารถปรับเอนได้เกือบราบ พร้อมที่รองขานวดไฟฟ้า โต๊ะทำงานแบบพับได้ ตู้เย็นภายในรถยนต์บริเวณที่นั่งด้านหลัง ม่านบังแดดประตูหลังและด้านหลังที่สามารถปรับขึ้นลงด้วยระบบไฟฟ้า และระบบฟอกอากาศ AIR-BALANCE package ที่มาพร้อมกับระบบ Active Perfuming System สามารถสร้างกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เลือกได้ถึง 4 กลิ่นมาตรฐาน และ 1 กลิ่นพิเศษเฉพาะ Maybach อย่าง Agarwood เพื่อสร้างความสดชื่นและรื่นรมย์ตลอดการเดินทาง หน้าจอ MBUX Hyperscreen ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแผงหน้าปัด พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง LINGUATRONIC ที่พัฒนาไปอีกขั้น ระบบนำทางแบบ Augmented Reality และระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลังพร้อมจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง ล้วนเป็นเครื่องยืนยันว่านี่คือห้องโดยสารที่ล้ำสมัยและสะดวกสบายที่สุดในโลก

ขุมพลังและสมรรถนะการขับขี่: แรง ประหยัด และนุ่มนวล

ในปี 2025 Mercedes-Benz ยังคงนำเสนอทางเลือกของเครื่องยนต์ที่หลากหลายและทันสมัยสำหรับ S-Class และ Maybach S-Class โดยมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ ความประหยัด และการลดการปล่อยมลพิษ

Mercedes-Benz S 350 d AMG Premium: ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 6 สูบ ทวินเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาล 600 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นสุดยอดนวัตกรรมที่ทำให้เครื่องยนต์ทรงพลัง ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยไอเสียน้อยลง ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นและรวดเร็ว

Mercedes-Maybach S 560 Premium (หรือเทียบเท่าสำหรับปี 2025): มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V8 รหัส M 176 ทวินเทอร์โบ ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 469 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 700 นิวตันเมตร ด้วยเทคโนโลยี Inner-V turbochargers ที่ช่วยให้ได้ประสิทธิภาพอันทรงพลังพร้อมเครื่องยนต์ที่ทำงานได้อย่างเงียบกริบ เปลี่ยนนิยามของความผ่อนคลายในการเดินทาง

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม AIRMATIC พร้อมระบบควบคุมอัตโนมัติ และระบบช่วงล่าง MAGIC BODY CONTROL (ที่มาพร้อมกล้องสแกนพื้นถนนเพื่อปรับความนุ่มนวลล่วงหน้า) มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและควบคุมการทรงตัวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในทุกสภาวะ เพิ่มการยึดเกาะถนนเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง และสามารถปรับการทำงานให้สอดคล้องกับโหมดการขับขี่ที่เลือก (Comfort หรือ Sport) นอกจากนี้ ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง (Rear-Axle Steering) ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองและเพิ่มเสถียรภาพที่ความเร็วสูง ทำให้รถคันยาวใหญ่นี้ควบคุมได้ง่ายดายอย่างน่าทึ่ง

เทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงสุด

Mercedes-Benz ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความปลอดภัย และ S-Class รวมถึง Maybach S-Class คือบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นนี้ ในปี 2025 รถยนต์ทั้งสองรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น:

ระบบ PRE-SAFE® System และ PRE-SAFE® Impulse System: ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุที่เตรียมความพร้อมของห้องโดยสารเมื่อตรวจพบสถานการณ์เสี่ยง เช่น เข็มขัดนิรภัยแบบถุงลม (PRE-SAFE® Rear System) และหัวล็อคเข็มขัดนิรภัยแบบเรืองแสงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ถุงลมนิรภัยรอบคัน: ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง

ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (Driving Assistance Package): รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ตามสภาพการจราจร (DISTRONIC Active Distance Assist), ระบบช่วยบังคับเลี้ยว (Active Steering Assist), ระบบช่วยเปลี่ยนเลน (Active Lane Change Assist) และระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Active Lane Keeping Assist) ที่ทำงานร่วมกันเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติที่ล้ำสมัย

ระบบช่วยเบรก (Brake Assist – BAS) และระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE: พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-start Assist

ระบบป้องกันการโจรกรรมพร้อมระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในรถ

ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST)

ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)

ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน (Night View Assist): ที่ช่วยให้มองเห็นคนหรือสัตว์ในความมืด

กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (360° Camera): เพื่อความปลอดภัยในการจอดรถ

MAGIC VISION CONTROL: ระบบฉีดน้ำกระจกบังลมหน้าติดตั้งบริเวณใบปัดน้ำฝน เพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจนเสมอ

บทสรุป: ความเป็นที่สุดที่ยังคงเดินหน้าต่อไป

Mercedes-Benz S-Class และ Mercedes-Maybach S-Class ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่เป็นภาพสะท้อนของวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ การผสมผสานระหว่างการออกแบบที่หรูหราเหนือกาลเวลา นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ความสะดวกสบายที่ไร้ขีดจำกัด และมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุด ทำให้รถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ยังคงเป็นผู้นำและเป็นแรงบันดาลใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง นักธุรกิจ หรือผู้ที่แสวงหาสุดยอดแห่งประสบการณ์การเดินทาง ยานยนต์เหล่านี้พร้อมที่จะมอบสิ่งที่ “ดีที่สุด” ในทุกมิติ

เชิญสัมผัสประสบการณ์ความหรูหราและนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก

หากคุณคือผู้ที่มองหานิยามแห่งความหรูหราที่แท้จริง พร้อมด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ขอเรียนเชิญคุณมาสัมผัสและทดลองขับ Mercedes-Benz S-Class และ Mercedes-Maybach S-Class ได้ที่ผู้จำหน่าย Mercedes-Benz อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางที่ไม่ใช่แค่ถึงจุดหมาย แต่คือการยกระดับทุกประสบการณ์ของคุณให้เป็นความทรงจำอันล้ำค่า

Previous Post

N0411047 กแกล งท อง เพราะเธอเจอส งน องแฟน #พล กตอนจบ part2

Next Post

N0411035 มายากลพ กษ หญ งจากชายร าย part2

Next Post
N0411035 มายากลพ กษ หญ งจากชายร าย part2

N0411035 มายากลพ กษ หญ งจากชายร าย part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2512034 กน องนะไม ใช ละครส นต องมนต part2
  • N2512033 เอาค ละครส นต องมนต part2
  • N2512049 ทำต วแบบน อย าเร ยกต วเองว าผ ชาย ละครส part2
  • N2512055 าวกล องสะท อนใจคน (ละครส น) part2
  • N2512039 คนม ปม ไม จำเป นต องอ อนแอ หน งส part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.