ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง จากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การออกแบบที่พลิกโฉม ไปจนถึงความคาดหวังของผู้บริโภคที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสองรุ่นรถยนต์ที่มีความสำคัญและแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ Isuzu MU-X และ Nissan GT-R โดยมองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่สำคัญในปี 2017 และวิเคราะห์ถึงการยืนหยัดและการปรับตัวในภูมิทัศน์ยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของปี 2025
เมื่อพูดถึงปี 2017 Isuzu MU-X ได้รับการปรับโฉม Minorchange ที่สำคัญยิ่ง เป็นการตอกย้ำตำแหน่งในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท PPV (Pickup Passenger Vehicle) ด้วยการนำเสนอเครื่องยนต์ดีเซล Blue Power ขนาด 1.9 ลิตร อันเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีดีเซลยุคใหม่ที่เน้นทั้งประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ ควบคู่ไปกับรุ่น 3.0 ลิตรที่ให้พละกำลังเต็มเปี่ยม ในขณะเดียวกัน Nissan GT-R ก็ได้อัปเดตครั้งสำคัญเช่นกัน เพื่อยกระดับสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ซึ่งในเวลานั้นต่างก็เป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง
แต่ในวันนี้ปี 2025 โลกยานยนต์ได้เดินหน้าไปไกลกว่าเดิมมาก Isuzu MU-X และ Nissan GT-R ในเวอร์ชันล่าสุด หรือแม้แต่การพูดถึงตำนานของพวกมันในปัจจุบัน ได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดและทิศทางของแบรนด์ที่ตอบรับกับเทรนด์ใหม่ๆ ได้อย่างไรบ้าง เรามาดูกันครับ
Isuzu MU-X: วิวัฒนาการของ PPV คู่ใจครอบครัวไทยในยุค 2025
Isuzu MU-X Minorchange 2017 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รถ PPV รุ่นนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้านการประหยัดน้ำมันและความคุ้มค่า ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ 1.9 DDi Blue Power ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่ยังคงตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว การปรับดีไซน์ภายนอกให้ดูดุดันมากขึ้น และภายในที่เพิ่มความหรูหราด้วยโทนสีทูโทนและวัสดุ Soft Touch ก็เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่และโดยสารไปอีกขั้น นับเป็นการวางรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับการเป็น “รถครอบครัว 7 ที่นั่ง” ที่สมบูรณ์แบบ
MU-X ในปี 2025: ประโยชน์ใช้สอยเหนือระดับ ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย
ก้าวสู่ปี 2025 Isuzu MU-X ในเจเนอเรชันปัจจุบัน (ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากรากฐานปี 2017 อย่างต่อเนื่อง) ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็น “รถยนต์อเนกประสงค์” ที่ตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิต ไม่ใช่แค่เพียงการปรับโฉมภายนอกให้ทันสมัย แต่ยังรวมถึงการผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาอย่างชาญฉลาด เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดรถ PPV อย่างเห็นได้ชัด
ขุมพลังดีเซล Blue Power แห่งอนาคต: หัวใจหลักยังคงเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 และ 3.0 DDi Blue Power ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อรองรับมาตรฐาน Euro 5 หรือ Euro 6 ที่เข้มงวดขึ้นในหลายประเทศ เทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะ ระบบเทอร์โบแปรผัน VGS และระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้ MU-X ในปี 2025 ไม่เพียงแต่ “ประหยัดน้ำมันสูงสุด” แต่ยัง “ลดมลพิษต่ำ” สร้างสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่าง “สมรรถนะการขับขี่” และ “ยานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม” การส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ได้รับการปรับจูนใหม่ให้ราบรื่นและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น พร้อมโหมด Rev Tronic หรือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift ยังคงเป็นจุดเด่นที่ Isuzu ให้ความสำคัญกับความหลากหลายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางไกลข้ามจังหวัด
ดีไซน์ภายนอกที่แข็งแกร่งและสง่างาม: จากการปรับโฉมในปี 2017 ที่เริ่มให้ความดุดันและทันสมัย MU-X ในปี 2025 ได้พัฒนาไปสู่การออกแบบที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของรถ PPV เข้ากับความสง่างามของรถยนต์นั่งได้อย่างลงตัว ไฟหน้า Bi-LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Light Guiding ที่ดูโฉบเฉี่ยว ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมและเสริมความหรูหรา กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่ใหญ่ขึ้น ล้ออัลลอยดีไซน์ล่าสุดขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางที่เน้นการยึดเกาะถนนและลดเสียงรบกวน ล้วนสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ตัวถังที่ออกแบบตามหลัก “อากาศพลศาสตร์” ช่วยลดแรงต้านลมและเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง
ห้องโดยสารระดับ First Class สำหรับทุกคนในครอบครัว: หาก 2017 เป็นจุดเริ่มต้นของความหรูหรา ปี 2025 คือการยกระดับสู่ “ห้องโดยสารหรูหรา 7 ที่นั่ง” ที่แท้จริง การตกแต่งภายในยังคงคอนเซ็ปต์ทูโทน แต่ใช้วัสดุเกรดพรีเมียมมากขึ้น เช่น หนังสังเคราะห์แบบทูโทนพร้อมเบาะนั่งแบบ Sport Cut ที่โอบกระชับและรองรับสรีระได้ดีเยี่ยม แผงคอนโซลและแผงข้างประตูตกแต่งด้วยวัสดุ Soft Touch และลายไม้ Fine Walnut หรือ Piano Black ที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและหรูหรา ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกโซนพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทุกแถว ensures “ความสะดวกสบายระดับพรีเมียม” ตลอดการเดินทาง
ระบบ Infotainment และการเชื่อมต่อที่เหนือกว่า: จากหน้าจอสัมผัส 8 นิ้วในปี 2017 ระบบ Infotainment ใน MU-X 2025 ได้พัฒนาไปไกลสู่ “ระบบ Isuzu iConnect” ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.1 หรือ 12 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (Wireless) พร้อมระบบนำทาง Built-in Navigator ที่แม่นยำ ช่องเชื่อมต่อ USB-C ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง รวมถึงช่องจ่ายไฟ AC 220V (สูงสุด 150W) ที่ด้านหลังคอนโซลกลาง ทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น ระบบเสียง Surround Sound System 8 ลำโพง พร้อม Roof Speaker และจอภาพบนเพดานขนาด 12.5 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มอบประสบการณ์ความบันเทิงระดับโรงภาพยนตร์ในรถยนต์
ความปลอดภัยอัจฉริยะ Isuzu Smart Driver Assistance System (ISADAS): ในปี 2025 นี้ ระบบความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญ Isuzu MU-X ได้ก้าวข้ามจากระบบความปลอดภัยพื้นฐานในปี 2017 สู่ “เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง” ด้วย ISADAS ที่ทำงานร่วมกับกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera และเรดาร์รอบคัน ประกอบด้วย:
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full Speed Range Adaptive Cruise Control – FSRA ACC): รักษาความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ ตั้งแต่ความเร็วต่ำจนถึงความเร็วสูง
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking – AEB): ตรวจจับคนเดินเท้าและยานพาหนะ พร้อมเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning – FCW): เตือนผู้ขับขี่เมื่อมีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้า
ระบบเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist – LKA): ช่วยให้รถอยู่ในเลนอย่างปลอดภัย
ระบบตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert – RCTA): เตือนเมื่อมีรถหรือวัตถุเคลื่อนที่ผ่านด้านหลังขณะถอย
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Monitoring – BSM): แจ้งเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา
ถุงลมนิรภัย 6 หรือ 8 ตำแหน่ง: เสริมด้วยโครงสร้างตัวถังเหล็กกล้า High Tensile Strength Steel และคานเหล็กกันกระแทกด้านข้างทุกประตู
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา: พร้อมฟังก์ชันแสดงเส้นนำทาง (Lane Guide) และระบบตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติบนกระจกมองหลัง และกล้องบันทึกภาพด้านหน้าขณะขับขี่ (Built-in DVR) เพิ่มความอุ่นใจในทุกสถานการณ์
ช่วงล่างที่เหนือกว่าสำหรับการเดินทางทุกรูปแบบ: ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้นพร้อมคอยล์สปริง และด้านหลังแบบ 5-Link Active Suspension พร้อมเหล็กกันโคลง ได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียด ทำให้การขับขี่นุ่มนวล ลดอาการโคลงเคลงที่เคยเป็นจุดสังเกตในรถ PPV แบบ Body-on-frame รุ่นเก่าๆ มอบ “การทรงตัวที่ยอดเยี่ยม” ไม่ว่าจะบนทางเรียบหรือเส้นทางที่ขรุขระ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-time 4WD ที่ควบคุมด้วยสวิตช์ Terrain Command ทำให้ MU-X ยังคงเป็น “รถ PPV ออฟโรด” ที่พร้อมลุยได้ในระดับหนึ่ง
ในภาพรวม Isuzu MU-X ในปี 2025 จึงไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็น “เพื่อนคู่ใจในทุกการเดินทาง” ที่ผสานความแข็งแกร่ง ความประหยัด และความหรูหรา พร้อม “เทคโนโลยี ADAS” เพื่อ “ความปลอดภัยสูงสุด” ตอบโจทย์ “รถครอบครัวแห่งอนาคต” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Nissan GT-R: ตำนาน Godzilla กับการท้าทายกาลเวลาสู่ปี 2025
ย้อนกลับไปในปี 2017 Nissan GT-R R35 ได้รับการปรับโฉมครั้งสำคัญที่สร้างความตื่นเต้นไม่แพ้กัน การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดคือกระจังหน้า V-Motion อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสันที่ใหญ่ขึ้นเพื่อประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีขึ้น พร้อมกับดีไซน์ภายนอกที่ปรับให้ดูดุดันและทันสมัยยิ่งขึ้น ฝากระโปรงหน้าและกันชนหน้าที่ออกแบบใหม่เพื่อเพิ่ม “แรงกด” และ “ประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์” ในห้องโดยสารเองก็ได้รับการยกระดับด้วยการใช้วัสดุหนังชั้นดี ตัดเย็บอย่างประณีตโดยช่างฝีมือ TAKUMI พร้อมลดจำนวนสวิตช์ลงจาก 27 เหลือเพียง 11 ปุ่ม และเพิ่มหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่สำคัญคือการเพิ่มพละกำลังของเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ เป็น 565 แรงม้า ทำให้ “Godzilla” ยังคงเป็นหนึ่งใน “รถสปอร์ตสมรรถนะสูง” ที่ร้อนแรงที่สุดในตลาด
GT-R ในปี 2025: ตำนานที่ยังมีชีวิต หรือก้าวสู่ยุคใหม่?
ในปี 2025 Nissan GT-R R35 ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 ได้กลายเป็นหนึ่งใน “รถสปอร์ตระดับตำนาน” ที่ยืนหยัดข้ามกาลเวลาได้อย่างน่าทึ่ง แม้จะมีอายุอานามที่มากแล้ว แต่การอัปเดตอย่างต่อเนื่องทำให้มันยังคงเป็นเครื่องจักรแห่งความเร็วที่น่าเกรงขาม และถึงแม้ในปี 2025 จะยังไม่มีการเปิดตัว R36 อย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวลือและการคาดการณ์ถึง “Nissan GT-R R36” ที่อาจมาในรูปแบบ “Supercar Hybrid” หรือ “Supercar EV” ก็สร้างความตื่นเต้นไม่แพ้กัน ในขณะที่ R35 รุ่นสุดท้าย (ถ้ายังมีจำหน่าย) จะถูกมองเป็น “รถสะสม” ที่มีคุณค่าสูง
ขุมพลังที่ไร้เทียมทาน: วิวัฒนาการของ VR38DETT (หรือสู่ยุคใหม่): หัวใจของ GT-R คือเครื่องยนต์ VR38DETT V6 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ประกอบด้วยมือโดยช่างฝีมือ TAKUMI การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องทำให้เครื่องยนต์บล็อกนี้ยังคงรีด “แรงม้าสูงสุด” และ “แรงบิดมหาศาล” ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมระบบ Active Sound Enhancement (ASE) ที่ทำให้เสียงคำรามของเครื่องยนต์จากหม้อพักท่อไอเสียไทเทเนียมดุดันเร้าใจยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเป็น “สมรรถนะระดับ Supercar” ที่หาตัวจับยาก หากมองไปถึง “Nissan GT-R R36” ที่อาจปรากฏในอนาคตอันใกล้ เราอาจได้เห็นการผสานเทคโนโลยี “Hybrid Supercar” หรือ “EV Supercar” ที่ยังคงจิตวิญญาณแห่งความเร็วและนวัตกรรมของ GT-R ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การออกแบบที่เน้นฟังก์ชันและสมรรถนะ: ดีไซน์ภายนอกของ GT-R แม้จะพัฒนามาจากปี 2017 แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของ “Godzilla” เอาไว้ ด้วยความดุดันและเน้น “การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์” เพื่อเพิ่มแรงกดและลดแรงต้านลม ช่องระบายอากาศที่ออกแบบอย่างประณีต ไฟท้ายแบบวงแหวน 4 ดวงอันเป็นสัญลักษณ์ และล้อแม็ก Y-Spoke Forged Aluminum ขนาด 20 นิ้ว ล้วนสะท้อนถึงปรัชญา “Form Follows Function” ที่ทำให้ GT-R ไม่ได้สวยแค่รูปลักษณ์ แต่ยังส่งผลต่อสมรรถนะอย่างแท้จริง
ห้องโดยสารที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่: ภายในห้องโดยสารของ GT-R R35 ในปี 2025 ยังคงรักษาแนวคิด “ห้องโดยสารเน้นผู้ขับขี่” (Driver-Oriented Cockpit) ที่ได้รับการปรับปรุงมาจากปี 2017 แผงหน้าปัดและคอนโซลกลางที่หุ้มด้วยหนังชั้นดีตัดเย็บอย่างประณีต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อม Paddle Shift ที่ติดตั้งอยู่บนพวงมาลัยเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเกียร์ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่และสมรรถนะรถแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นและควบคุมระบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย แม้จะไม่ได้เน้นความหรูหราแบบรถซีดาน แต่ทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจและ “เทคโนโลยีจอสัมผัสล้ำสมัย” ที่ไม่ลืมรากฐานของ Supercar
การยึดเกาะถนนและระบบควบคุมที่เหนือชั้น: จุดเด่นของ GT-R คือ “ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อขั้นเทพ” ATTESA E-TS AWD ที่ผสานการทำงานกับระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งมาอย่างละเอียด โครงสร้างตัวถังที่มีความทนทานต่อการบิดตัวสูง และระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ ทำให้ GT-R R35 ในปี 2025 ยังคงมอบ “การยึดเกาะถนนเหนือชั้น” และ “เข้าโค้งคมกริบ” ไม่แพ้รถ Supercar รุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาแพงกว่ามาก มันคือ “วิศวกรรมยานยนต์ระดับโลก” ที่พิสูจน์ตัวเองในสนามแข่งและบนท้องถนนมาอย่างยาวนาน
ในฐานะที่เป็น “Supercar” ที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้ GT-R ได้สร้างนิยามใหม่ให้กับรถยนต์สมรรถนะสูง และในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็น R35 ที่เป็นตำนาน หรือ R36 ที่จะมาในอนาคต GT-R จะยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ความเร็ว” “นวัตกรรม” และ “ความเร้าใจในการขับขี่”
ภาพรวมตลาดรถยนต์ 2025: ความแตกต่างที่ตอบโจทย์
เมื่อมองทั้ง Isuzu MU-X และ Nissan GT-R ในปี 2025 เราจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในปรัชญาและกลุ่มเป้าหมาย MU-X คือตัวแทนของ “ยานยนต์เพื่อความยั่งยืน” ที่ผสาน “ความประหยัดพลังงาน” และ “เทคโนโลยีความปลอดภัย ADAS” เข้ากับความเป็น “รถครอบครัว 7 ที่นั่ง” ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ GT-R ยังคงเป็น “Supercar แห่งอนาคต” ที่มุ่งเน้น “สมรรถนะสูงสุด” และ “ประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจ” สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและเทคโนโลยีขั้นสูง
เทรนด์รถยนต์ 2025 กำลังมุ่งสู่การใช้พลังงานทางเลือก การเชื่อมต่ออัจฉริยะ และระบบขับขี่อัตโนมัติที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้ง Isuzu และ Nissan ต่างก็มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายนี้ Isuzu MU-X ได้ตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำ PPV ที่พร้อมด้วยฟังก์ชันครบครัน ขณะที่ Nissan GT-R ได้แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมและจิตวิญญาณของรถยนต์สมรรถนะสูงสามารถยืนหยัดและพัฒนาต่อไปได้อย่างไร แม้ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ “ยานยนต์ไร้คนขับ” ก็ตาม
บทสรุปและคำเชิญ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักขับที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์คู่ใจสำหรับครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความคุ้มค่า ประหยัดน้ำมัน และ “ความปลอดภัยขั้นสุด” อย่าง Isuzu MU-X หรือเป็นผู้ที่หลงใหลในความเร็วและ “สมรรถนะระดับ Supercar” ของ Nissan GT-R ที่ยังคงเป็นตำนานไม่เสื่อมคลาย ตลาดรถยนต์ในปี 2025 ยังคงเต็มไปด้วยทางเลือกที่น่าสนใจและนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้สัมผัสกับวิวัฒนาการเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง! อย่าพลาดโอกาสในการทดลองขับ Isuzu MU-X รุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อสัมผัสถึงความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในทุกการเดินทาง หรือหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ “รถแรง” และกำลังมองหา “Supercar” ที่จะเติมเต็มความฝัน Nissan GT-R ก็พร้อมมอบประสบการณ์อันน่าทึ่งให้คุณได้ลองสัมผัส
เยี่ยมชมโชว์รูม Isuzu และ Nissan ใกล้บ้านคุณวันนี้ หรือติดตามข่าวสารและนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เพื่อรับ “โปรโมชั่นพิเศษ” และข้อมูลเชิงลึกที่เราพร้อมจะแบ่งปัน

