ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว มีน้อยแบรนด์นักที่สามารถสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมตลาดได้อย่างแท้จริง แต่เรื่องราวของ “เลกซัส” (Lexus) แบรนด์รถยนต์หรูจากญี่ปุ่น คือกรณีศึกษาที่น่าทึ่งยิ่งนัก เมื่อปี 1989 การปรากฏตัวของเลกซัสบนเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสมรภูมิของรถยนต์หรูจากยุโรป ได้สั่นสะเทือนวงการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพียงไม่กี่ปี เลกซัสก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด กลายเป็นผู้นำตลาดรถหรูในอเมริกา ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากการตลาดที่หวือหวาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากรากฐานปรัชญาอันแข็งแกร่งในการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งยังคงขับเคลื่อนแบรนด์ให้ก้าวล้ำนำหน้ามาจนถึงปี 2025 และไม่เพียงจำกัดอยู่แค่รถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่กลุ่มรถตู้ VIP ระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างสูงในหมู่นักธุรกิจ ผู้บริหาร และครอบครัวยุคใหม่
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จของเลกซัส ตั้งแต่จุดเริ่มต้นภายใต้วิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง เออิจิ โตโยดะ สู่การปรับโฉมครั้งสำคัญภายใต้การนำของ อากิโอะ โตโยดะ และวิวัฒนาการของแนวคิด “ความสมบูรณ์แบบที่ไม่สิ้นสุด” ที่ไม่เพียงคงอยู่ใน DNA ของรถยนต์เลกซัสเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับการพัฒนารถยนต์หรูในทุกเซกเมนต์ รวมถึงรถตู้ VIP สำหรับผู้บริหารและครอบครัว ซึ่งกำลังเป็นดาวเด่นในตลาดรถยนต์ปี 2025
ปฏิวัติวงการยานยนต์: โปรเจกต์ F1 และกำเนิด Lexus LS 400
ย้อนกลับไปในปี 1983 เออิจิ โตโยดะ ผู้บริหารระดับสูงของโตโยต้าและผู้ให้กำเนิดแบรนด์เลกซัส ได้จุดประกายความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ให้กับทีมงานของเขา: “เราจะสร้างรถยนต์หรูที่ดีที่สุดในโลกได้อย่างไร?” คำถามนี้ไม่ใช่เพียงความฝัน แต่เป็นโจทย์ที่นำไปสู่โปรเจกต์ลับรหัส “F1” (Flagship One) โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างรถยนต์เลกซัส LS 400 เพื่อบุกตลาดรถหรูที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกา
เออิจิเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต เมื่อครั้งที่ โตโยต้า คราวน์ รถยนต์หรูขนาดกลางของโตโยต้าเคยพยายามเจาะตลาดอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1950s แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาเข้าใจดีว่าการแข่งขันในตลาดนี้ดุเดือด หากไม่สามารถนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ได้ ก็ยากที่จะพิชิตใจมหาเศรษฐีชาวอเมริกันได้ ด้วยวิสัยทัศน์อันแน่วแน่และบทเรียนจากอดีต เออิจิจึงทุ่มงบประมาณมหาศาลและระดมมันสมองชั้นยอดจากหลายพันชีวิตเข้าร่วมโปรเจกต์ F1: ประกอบด้วยนักออกแบบ 60 คน, ทีมวิศวกร 24 ทีม รวม 1,400 คน, นักเทคนิค 2,300 คน และทีมสนับสนุนอีก 220 คน ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเดียวคือการวิจัยและพัฒนารถยนต์หรูระดับโลกที่ไม่เคยมีแบรนด์เอเชียใดทำได้สำเร็จมาก่อน
ความพิถีพิถันที่เหนือกว่า: จากการสำรวจตลาดสู่การทดสอบไร้ขีดจำกัด
ความสำเร็จของเลกซัสไม่ได้มาจากเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเพียงอย่างเดียว แต่มาจากความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เออิจิและทีมงานของเขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในปี 1985 เพื่อ “ใช้ชีวิต” ในแบบเดียวกับกลุ่มเป้าหมาย ทีมวิศวกรเชิญผู้ใช้รถหรูจากหลากหลายแบรนด์มาร่วมสัมภาษณ์หลายร้อยคน เพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง ทั้งสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบและไม่พอใจในรถยนต์หรูที่มีอยู่ เออิจิเชื่อว่าการจะสร้างรถยนต์ที่ดีที่สุดได้นั้น ต้องเข้าใจผู้คนที่จะใช้รถคันนั้นอย่างถ่องแท้
ไม่เพียงแค่การสัมภาษณ์ ทีมออกแบบถูกส่งไปเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ที่ Laguna Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิต รสนิยม และพฤติกรรมการใช้รถของเศรษฐีอเมริกันอย่างใกล้ชิด ทุกรายละเอียด ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงสำคัญ ถูกรวบรวมเป็นข้อมูลอันมีค่าในการพัฒนารถยนต์เลกซัส ทุกองค์ประกอบของรถถูกออกแบบและปรับปรุงเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป้าหมาย
โปรเจกต์ F1 ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างเข้มข้นยาวนานถึง 6 ปี มีการสร้างรถต้นแบบมากกว่า 450 คัน และนำไปทดลองวิ่งบนสนามทดสอบทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา เยอรมัน เบลเยียม สวีเดน และแคนาดา ครอบคลุมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ ภายใต้ทุกสภาพอากาศและถนน เพื่อค้นหาจุดบกพร่องทุกจุดและแก้ไขจนไร้ที่ติ นี่คือการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่ลดละ ซึ่งเป็นรากฐานและดีเอ็นเอสำคัญของเลกซัส ที่ต่อมากลายเป็นสโลแกนอันโด่งดัง “The Relentless Pursuit of Perfection”
จาก “ความน่าเบื่อ” สู่ “ไลฟ์สไตล์หรูหรา”: วิสัยทัศน์ของ อากิโอะ โตโยดะ
เมื่อเออิจิ โตโยดะ เกษียณอายุ หน้าที่ในการสานต่อตำนานเลกซัสตกเป็นของ อากิโอะ โตโยดะ หลานชายผู้ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สามของตระกูล โตโยดะ แม้เลกซัสจะยังคงรักษามาตรฐานความเป็นรถหรูระดับโลกได้อย่างไม่ลดหย่อน แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เลกซัสก็เผชิญกับคำวิจารณ์ว่า “เป็นรถที่ดี แต่ดูน่าเบื่อ” อากิโอะตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับแบรนด์ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลเลกซัสด้วยตัวเอง
อากิโอะ โตโยดะ ไม่ใช่แค่ผู้บริหาร แต่เขาคือผู้ที่เข้าใจปรัชญาของเลกซัสอย่างลึกซึ้ง และพร้อมที่จะผลักดันแบรนด์ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ในงานแถลงข่าวเปิดตัว Lexus LC 500h รถสปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุด อากิโอะสร้างความประหลาดใจด้วยการอ่านคอมเมนต์ด้านลบเกี่ยวกับเลกซัสให้สื่อมวลชนฟังอย่างเปิดเผย นี่ไม่ใช่การยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการ “รับฟังทุกความต้องการ” เพื่อนำไปสู่ “ความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุด” ดั่งที่เออิจิเคยทำไว้
ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา อากิโอะได้นำเลกซัสเข้าสู่ยุคใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม ด้วยดีไซน์ที่ “หวือหวาและสะดุดตา” มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดและขั้นตอนการผลิต ที่สำคัญคือ อากิโอะได้ขยายนิยามของเลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่ “รถยนต์หรู” แต่คือ “ไลฟ์สไตล์หรูหรา” แบรนด์เลกซัสจึงเริ่มสร้างสรรค์ยานพาหนะอื่นๆ เช่น จักรยานยนต์ เรือยอชต์ รวมถึง “INTERSECT BY LEXUS” พื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่รวมคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ และพื้นที่จัดแสดงอีเวนต์ ซึ่งสะท้อนตัวตนและปรัชญาของเลกซัสในทุกมิติ
อากิโอะมักจะกล่าวถึง “ความสง่างาม” (The gracefulness) ว่าเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในการออกแบบของเลกซัส เขายืนยันว่าแม้แบรนด์หรูอื่นๆ จะเน้นย้ำถึงความเหนือระดับ คุณภาพ หรือสมรรถนะ แต่เลกซัสจะต้องมีความสง่างามสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้พบเห็น และกระบวนการนี้ยังไม่สิ้นสุด เขาเชื่อมั่นในการพัฒนาบุคลากรให้เป็นช่างฝีมือระดับ “ทาคุมิ” (Takumi) ซึ่งต้องผ่านการฝึกฝนกว่า 60,000 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของรถยนต์ทุกคันอย่างละเอียด และที่สำคัญคือการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ “รถยนต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม” เกิดขึ้นได้เสมอ
ยุคทองของรถตู้ VIP: สุดยอด MPV หรูสำหรับปี 2025
ในขณะที่ปรัชญาแห่งความสมบูรณ์แบบของเลกซัสยังคงแข็งแกร่ง กลุ่มรถยนต์อีกประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดโลกและโดยเฉพาะในประเทศไทย คือ “รถตู้ VIP” หรือ “Luxury MPV” ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของการเป็นเพียงพาหนะขนส่ง แต่กลายเป็น “ห้องทำงานเคลื่อนที่” “บ้านหลังที่สอง” หรือ “พื้นที่แห่งความหรูหราส่วนตัว” สำหรับผู้บริหาร ดารา และครอบครัวขนาดใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การออกแบบภายในที่เน้นความสะดวกสบายสูงสุด และระบบความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้รถตู้เหล่านี้เป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าสำหรับปี 2025
ตลาดรถตู้หรู VIP ในปี 2025 ไม่ได้แค่แข่งขันกันที่ความใหญ่โตหรือจำนวนที่นั่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของวัสดุ ความเงียบของห้องโดยสาร ระบบสาระบันเทิงครบวงจร และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล อาทิ ระบบชาร์จไร้สาย, ระบบนวดไฟฟ้า, การเชื่อมต่อ Wi-Fi และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีขับขี่กึ่งอัตโนมัติ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับและไร้กังวล
นี่คือสุดยอดรถตู้ VIP และ Luxury MPV ที่โดดเด่นและเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในปี 2025:
Hyundai Staria: ดีไซน์ล้ำอนาคต พร้อมเทคโนโลยีเพื่อทุกคน
Hyundai Staria ยังคงเป็นรถตู้หรูที่มาแรงอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสมทั้งสำหรับผู้บริหารและรถตู้ครอบครัว ด้วยการออกแบบภายในที่ให้ความสำคัญกับทัศนวิสัยของผู้ขับขี่และความสะดวกสบายของผู้โดยสารอย่างสูงสุด ด้วยกระจกแบบพาโนรามิกและ Beltline ที่ต่ำ ทำให้ห้องโดยสารรู้สึกโปร่งโล่งและกว้างขวาง
จุดเด่นสำคัญของ Staria ในปี 2025 คือการปรับปรุงระบบระบายความร้อนด้วยอินเตอร์คูลเลอร์และกังหันเทอร์โบชาร์จ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้การขับขี่นุ่มนวลและตอบสนองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงก์ด้านหลังเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการเดินทาง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
พละกำลัง: 177 แรงม้า แรงบิด 431 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปี 2025 โดยประมาณ):
Hyundai Staria รุ่น S: ราคาเริ่มต้น 1,729,000 บาท
Hyundai Staria รุ่น SEL: ราคาเริ่มต้น 1,999,000 บาท
ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น: ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง (SCC), ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติ (FCA), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BCA), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA), กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
Toyota Majesty: ความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ในทุกรายละเอียด
Toyota Majesty ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับรถตู้ VIP ระดับพรีเมียมในปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานความสะดวกสบายในการโดยสารเข้ากับความคาดหวังของรถตู้ระดับผู้บริหาร ที่นั่งแบบ Captain seats และ Big seats มอบความผ่อนคลายสูงสุด นอกจากนี้ Majesty ยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก ASEAN NCAP ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน
Majesty ถูกออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) เพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร และเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่เพื่อซับแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มนวลและเงียบสงบตลอดการเดินทาง นี่คือ “รถตู้ครอบครัว” และ “รถตู้ผู้บริหาร” ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การโดยสารอย่างแท้จริง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ GD ดีเซล 2.8 ลิตร รองรับน้ำมันดีเซล B20
พละกำลัง: 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปี 2025 โดยประมาณ):
Toyota Majesty 2.8 Standard 6AT: ราคาเริ่มต้น 1,709,000 บาท
Toyota Majesty 2.8 Premium 6AT: ราคาเริ่มต้น 1,899,000 บาท
Toyota Majesty 2.8 Grande 6AT: ราคาเริ่มต้น 2,199,000 บาท
ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น: ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC), ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert), กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) และถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีระบบ T-CONNECT TELEMATICS เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน อาทิ GEO-FENCING และ FIND MY CAR
Toyota Alphard / Vellfire: ไอคอนแห่งรถตู้ VIP ที่ดาราและผู้บริหารเลือกใช้
Toyota Alphard และ Vellfire ยังคงเป็น “ราชันย์แห่งรถตู้ VIP” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็น “รถตู้ครอบครัว” “รถตู้ผู้บริหาร” หรือ “รถตู้ดารา” เลือกใช้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม โดดเด่น และดูมีระดับ ทำให้ Alphard/Vellfire เป็นตัวเลือกที่ยากจะปฏิเสธ แม้ราคาจะสูงกว่ารถตู้พรีเมียมบางรุ่น แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือประสบการณ์และความหรูหราที่เหนือระดับ
ภายในห้องโดยสาร 7 ที่นั่งของ Alphard เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยที่สุด อาทิ ที่ชาร์จไฟแบบ Wireless Charger, เบาะนั่งพร้อมระบบ Seat Ventilator & Heater และระบบนวดหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro นอกจากนี้ยังมีกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล เพื่อความบันเทิงตลอดการเดินทาง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร + ไฮบริด, เบนซิน 3.5 ลิตร V6
พละกำลัง (ประมาณ):
รุ่น 2.5: 180 แรงม้า
รุ่น 2.5 HV (ไฮบริด): 150 แรงม้า (เครื่องยนต์) + มอเตอร์ไฟฟ้า
รุ่น 3.5 VIP: 296 แรงม้า
จำนวนที่นั่ง: 7 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปี 2025 โดยประมาณ):
Toyota Alphard Vellfire 2.5: ราคาเริ่มต้น 3,838,000 บาท
Toyota Alphard 2.5 HV: ราคาเริ่มต้น 3,968,000 บาท
Toyota Alphard 3.5 VIP: ราคาเริ่มต้น 5,458,000 บาท
ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น: ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert), ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่กลางเลน (Lane Tracing Assist), กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) และระบบ T-CONNECT TELEMATICS เต็มรูปแบบ
Lexus LM300h: สุดยอด Luxury MPV ที่ redefined ความเป็นส่วนตัว
Lexus LM300h ได้รับการยกย่องให้เป็น “ที่สุดของรถตู้ผู้บริหาร” และเป็น “Luxury MPV” ที่นิยามใหม่ของความหรูหราและความเป็นส่วนตัวในปี 2025 ด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ขนาดใหญ่ที่บ่งบอกถึงพลังและความสง่างาม ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยเฉพาะรุ่น Exclusive 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมระบบเบาะนวดบริเวณต้นขา หลัง และไหล่ วัสดุเบาะนั่งเสริมความนุ่มนวล รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม พร้อมระบบระบายอากาศและทำความร้อน
จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว บริเวณผนังกั้นห้องโดยสาร ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mark Levinson รอบทิศทาง และช่องเชื่อมต่อหลากหลายชนิด เพื่อประสบการณ์ความบันเทิงเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตร ติดตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของผนังกั้น มอบความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องรับรองส่วนตัว
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (ไฮบริด)
พละกำลัง (รวมระบบ): เครื่องยนต์ 152 แรงม้า มอเตอร์หน้า 143 แรงม้า มอเตอร์หลัง 68 แรงม้า
จำนวนที่นั่ง: มีทั้งรุ่น 4 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปี 2025 โดยประมาณ):
Lexus LM300h Executive 4-Seater: ราคาเริ่มต้น 6,500,000 บาท
Lexus LM300h Executive 7-Seater: ราคาเริ่มต้น 5,500,000 บาท
ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น: ระบบป้องกันก่อนการชนและลดความรุนแรงจากการปะทะ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบติดตามช่องทางวิ่ง, ระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมสัญญาณเตือนมุมอับสายตา, สัญญาณเตือนด้านท้ายรถขณะถอยหลัง และถุงลมนิรภัย SRS จำนวนมากเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
Mercedes-Benz V-Class: ความหรูหราที่มาพร้อมสมรรถนะและความยืดหยุ่น
Mercedes-Benz V-Class ยังคงเป็น “รถตู้ครอบครัว” และ “รถตู้สำหรับติดต่อธุรกิจ” ที่ผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะและความยืดหยุ่นในการใช้งานได้อย่างลงตัวในปี 2025 ด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive ทำให้ผู้โดยสารมั่นใจได้ว่าจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ส่วนที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 เป็น Luxury Captain Seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน
V-Class ยังคงเป็นที่ยอมรับในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงและเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงตามแบบฉบับของ Mercedes-Benz ที่เน้นเรื่องคุณภาพและดีไซน์เป็นอันดับหนึ่ง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 1,950 ซีซี
พละกำลัง: 190 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 7 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปี 2025 โดยประมาณ):
Mercedes-Benz V-Class V 250 d Exclusive: ราคาเริ่มต้น 5,400,000 บาท
ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น: ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist), โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ADAPTIVE ESP®, กล้องแสดงภาพแบบรอบทิศทาง (360º Camera) และเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
Volkswagen Caravelle T6 Touring: ห้องโดยสารกว้างที่สุด พร้อมอากาศบริสุทธิ์ระดับโรงพยาบาล
Volkswagen Caravelle T6 Touring เป็นอีกหนึ่ง “Luxury Van” ที่น่าสนใจในปี 2025 ด้วยดีไซน์ห้องโดยสารที่พิถีพิถันและมีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม ทำให้เป็น “รถตู้โฟล์คสำหรับผู้บริหาร” ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง นอกจากความสะดวกสบายแล้ว Caravelle T6 Touring ยังโดดเด่นด้วยนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศระดับ Hospital Grade ที่ได้รับการทดสอบและรับรองจากสถาบันวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ เพื่อมอบอากาศสะอาดบริสุทธิ์และสุขอนามัยที่ดีตลอดการเดินทาง
เบาะนั่งใช้หนังแท้ Dakota หรือ Nappa คุณภาพสูงตามมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก รูปทรงของเบาะ VIP Seat ถูกออกแบบให้รองรับสรีระของคนเอเชีย พร้อมระบบควบคุมการทำงานต่าง ๆ ด้วยไฟฟ้า มอบประสบการณ์การเดินทางที่ทันสมัยและสะดวกสบายอย่างเหนือชั้น
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Commonrail ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่
พละกำลัง: 180 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 8 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปี 2025 โดยประมาณ):
Volkswagen Caravelle T6 Touring: ราคาเริ่มต้น 4,010,000 บาท
Volkswagen Caravelle T6 Touring SE: ราคาเริ่มต้น 4,110,000 บาท
ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น: ระบบควบคุมการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ (ESP), ระบบเบรก ABS, ถุงลมนิรภัย, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และเทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ครบครัน
KIA Carnival: MPV อเนกประสงค์ที่มาพร้อมดีไซน์คล้าย SUV
KIA Carnival ยังคงสร้างกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ในฐานะ “รถตู้อเนกประสงค์ MPV” ที่มีดีไซน์ไม่เหมือนใคร ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูคล้ายรถยนต์ PPV หรือ SUV แต่มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ทำให้คุณได้รถสองคันในคันเดียว ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาอย่างหรูหราไม่แพ้ “รถตู้ผู้บริหาร” หรือ “รถตู้ที่ดาราชอบใช้”
Carnival มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Normal, Sport, Eco และ Smart เพื่อตอบสนองทุกรูปแบบการขับขี่ นอกจากนี้ยังเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มอบความมั่นใจและความเพลิดเพลินในการเดินทาง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2
พละกำลัง: 202 แรงม้า แรงบิด 45 กิโลกรัม-เมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปี 2025 โดยประมาณ):
KIA Carnival รุ่น EX: ราคาเริ่มต้น 2,144,000 บาท
KIA Carnival รุ่น SXL: ราคาเริ่มต้น 2,495,000 บาท
ระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น: ระบบป้องกันการชนและช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (FCA-JT), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมดึงพวงมาลัยกลับ (Lane Keeping Assist), ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Lane Following Assist), ระบบตรวจจับรถในมุมอับสายตา (Blind Spot Collision-Avoidance Assist), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง (Smart Cruise Control) และกล้องมองภาพรอบคัน 12.3 นิ้ว (Surround View Monitor)
บทสรุป: มรดกแห่งความสมบูรณ์แบบที่ก้าวไปไม่สิ้นสุด
เรื่องราวของเลกซัสสะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ปรัชญา” ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมได้ ตั้งแต่วันแรกที่ เออิจิ โตโยดะ วางรากฐานแห่งการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุด จนถึงยุคปัจจุบันที่ อากิโอะ โตโยดะ ได้ต่อยอดนำพาแบรนด์สู่มิติของ “ไลฟ์สไตล์หรูหรา” ที่เข้าถึงได้มากกว่าแค่รถยนต์ การเดินทางของเลกซัสเป็นบทพิสูจน์ว่า การยึดมั่นในคุณภาพ ความพิถีพิถัน และการรับฟังเสียงของลูกค้า คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
และแนวคิดแห่งความสมบูรณ์แบบนี้เอง ที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้ผลิตยานยนต์หรูรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Toyota, Hyundai, Mercedes-Benz, Volkswagen หรือ KIA ต่างก็มุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ของตน โดยเฉพาะในกลุ่ม “รถตู้ VIP” หรือ “Luxury MPV” ให้ก้าวล้ำไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสุดยอดยานพาหนะที่ผสานประสิทธิภาพ ความหรูหรา ความปลอดภัย และเทคโนโลยีอันชาญฉลาดเข้าไว้ด้วยกัน ในปี 2025 นี้ ตลาดรถตู้หรูยังคงคึกคักและเต็มไปด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับอย่างแท้จริง

