ในโลกแห่งยนตรกรรมหรูหราที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและนวัตกรรมใหม่ ๆ การยืนหยัดอยู่แถวหน้าไม่ใช่เพียงแค่การสร้างรถยนต์ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยม แต่คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย และปรัชญาที่ยึดมั่นในความสมบูรณ์แบบอย่างไม่หยุดยั้ง นั่นคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ “เลกซัส” (Lexus) แบรนด์รถหรูสัญชาติญี่ปุ่น ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคทั่วโลกมาจนถึงปี 2025 นี้
ย้อนกลับไปในปี 1989 การปรากฏตัวของเลกซัสในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นปรากฏการณ์ที่สะเทือนวงการอย่างรุนแรง แบรนด์น้องใหม่จากเอเชียรายนี้สามารถทำยอดขายได้หลายหมื่นคันในปีแรก และเพียงสองปีต่อมา (1991) ก็ผงาดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรถหรูของอเมริกา ทำให้แบรนด์ยุโรปเก่าแก่ที่เคยครองตลาดต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด คำถามคืออะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จอันรวดเร็วนี้? มันไม่ใช่แค่เรื่องของโชคช่วย แต่เป็นผลพวงจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยประนีประนอมของผู้ก่อตั้งอย่าง เออิจิ โตโยดะ
จุดเริ่มต้นแห่งความทะเยอทะยาน: โปรเจกต์ F1 กับโจทย์ “รถยนต์ที่ดีที่สุด”
ในปี 1983 เออิจิ โตโยดะ ท้าทายทั้งตัวเองและทีมงานด้วยคำถามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง: “เราจะสร้างรถยนต์หรูที่ดีที่สุดในโลกได้อย่างไร?” ในยุคที่ไม่มีใครเชื่อว่าญี่ปุ่นจะสามารถสร้างสรรค์รถยนต์หรูมาทัดเทียมแบรนด์ยุโรปได้ โครงการลับที่ใช้ชื่อรหัส “F1” ซึ่งย่อมาจาก “Flagship One” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนารถยนต์ Lexus LS 400 เพื่อบุกตลาดรถหรูขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นั่นคือสหรัฐอเมริกา
เออิจิทราบดีว่าภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประสบการณ์ในทศวรรษ 1950s ที่โตโยต้า คราวน์ รถหรูขนาดกลางของโตโยต้าเคยพยายามเจาะตลาดอเมริกาแต่ล้มเหลว เป็นบทเรียนสำคัญ ตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด และเศรษฐีอเมริกันจะไม่จ่ายเงินจำนวนมากให้กับรถที่ไม่ใช่ “ที่สุด” ด้วยเหตุนี้ โปรเจกต์ F1 จึงได้รับงบประมาณและทรัพยากรบุคคลมหาศาล ประกอบด้วยนักออกแบบ 60 คน, ทีมวิศวกร 24 ทีมรวม 1,400 คน, นักเทคนิค 2,300 คน และหน่วยสนับสนุนอีก 220 คน ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อวิจัยและพัฒนารถยนต์หรูที่ดีที่สุด – ซึ่งเป็นความพยายามที่ไม่เคยมีแบรนด์รถยนต์จากเอเชียรายใดเคยทำสำเร็จมาก่อนในตลาดนี้
การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่หยุดยั้ง: ทุกรายละเอียดคือสิ่งสำคัญ
ความมุ่งมั่นในการเข้าถึง “ความเป็นที่สุด” ของเลกซัสสะท้อนผ่านการทำงานที่ละเอียดอ่อนและเข้มข้น ในปี 1985 เออิจิได้นำทีมงานเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาและสำรวจตลาดอย่างเจาะลึก เขาเชื่อว่าการจะเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงนั้น ไม่มีวิธีใดดีไปกว่าการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา
ทีมวิศวกรได้เชิญผู้ใช้รถหรูจากหลากหลายแบรนด์หลายร้อยคนมาสัมภาษณ์อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริง สิ่งที่พวกเขาชอบ และสิ่งใดที่ยังไม่มีแบรนด์รถหรูรายใดสามารถมอบให้ได้ นอกจากนี้ ทีมออกแบบยังได้เช่าบ้านพักอาศัยอยู่ที่ลากูน่าบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิตและรสนิยมของกลุ่มเศรษฐีอเมริกันผู้เป็นลูกค้าเป้าหมาย ทุกรายละเอียดเล็กน้อย ตั้งแต่วิถีชีวิตประจำวันไปจนถึงความชอบส่วนตัว ล้วนถูกเก็บรวบรวมเป็นข้อมูลอันมีค่าในการพัฒนารถยนต์
โปรเจกต์ F1 ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างจริงจังถึง 6 ปี สร้างรถต้นแบบกว่า 450 คัน และนำไปทดสอบวิ่งบนสนามทดสอบทั่วโลก รวมถึงบนถนนจริงในทุกสภาวะ ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน ไปจนถึงแคนาดา รวมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ การทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้มีจุดประสงค์เดียวคือการค้นหาจุดบกพร่องทุกจุด เพื่อแก้ไขให้ไร้ที่ติ และบรรลุเป้าหมายในการสร้างรถหรูที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง
ดีเอ็นเอแห่งความใส่ใจ: จาก เออิจิ สู่ เลกซัส
หากไม่มี เออิจิ โตโยดะ เลกซัสอาจไม่เป็นเลกซัสอย่างทุกวันนี้ ปรัชญา “The Relentless Pursuit of Perfection” หรือ “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่เป็นดีเอ็นเอที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของแบรนด์ ซึ่งมีรากฐานมาจากตัวตนของเออิจิเอง ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มทำงานในธุรกิจครอบครัว
ในฐานะวิศวกรเครื่องกลหนุ่มที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยโตเกียว เออิจิเข้ามาทำงานในโรงงานทอผ้าก่อนจะย้ายมาช่วยญาติอย่าง คิอิจิโร โตโยดะ ในธุรกิจยานยนต์ ด้วยวัยที่ยังน้อยและประสบการณ์ที่จำกัด เออิจิพยายามอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจทุกรายละเอียดของสิ่งที่เขากำลังสร้าง “มันยากมากที่ผมจะรับรู้ความต่างหนึ่งในร้อยส่วนของมิลลิเมตร” เขากล่าวถึงช่วงแรกของการทำงาน เพราะเขาเชื่อว่าการรับรู้ถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเหล่านี้คือสิ่งสำคัญในการสร้างรถยนต์ที่ดีที่สุด
ความใส่ใจในระดับที่เล็กที่สุดนี้ได้กลายมาเป็นมาตรฐานในการพัฒนาและผลิตรถยนต์หรูภายใต้แบรนด์เลกซัส ซึ่งส่งผลสะเทือนตลาดรถหรูในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปีแรกที่ออกจำหน่าย Lexus LS 400 สร้างความประทับใจด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น คุณภาพการขับขี่ที่นุ่มนวล และบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ เพราะสำหรับเลกซัสแล้ว อะไรที่คิดว่าดีแล้วก็ยังสามารถมีสิ่งที่ดีกว่าให้พวกเขาต้องก้าวไปหาเสมอ
อากิโอะ โตโยดะ: นิยามใหม่ของความหรูหราในยุค 2025
หลังจาก เออิจิ โตโยดะ เกษียณอายุ หน้าที่ในการสานต่อตำนานเลกซัสตกเป็นของ อากิโอะ โตโยดะ หลานชายผู้เป็นทายาทรุ่นที่ 3 รอยเท้าอันยิ่งใหญ่ที่ เออิจิ ทิ้งไว้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะก้าวตาม ยิ่งผู้ก่อตั้งทำไว้ดีเพียงใด ความกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ อากิโอะ ยิ่งทวีคูณ แม้ว่าเลกซัสจะยังคงรักษามาตรฐานการเป็นรถหรูที่ดีที่สุดไว้ได้ แต่ในช่วงหลังแบรนด์ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงดีไซน์ที่ “ดีแต่ดูน่าเบื่อ”
ในฐานะประธานบริษัท อากิโอะ ตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลแบรนด์เลกซัสด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ในงานแถลงข่าวเปิดตัว LC 500h รถยนต์สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุด อากิโอะสร้างความประหลาดใจด้วยการอ่านคอมเมนต์ด้านลบของเลกซัสให้สื่อมวลชนฟัง ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดพื้นฐานที่เขารับช่วงต่อจาก เออิจิ คือการรับฟังทุกความต้องการเพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุดให้กับลูกค้า
“ผมมุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่า คำว่า ‘น่าเบื่อ’ กับ ‘เลกซัส’ จะไม่อยู่ในประโยคเดียวกันอีกต่อไป” อากิโอะกล่าว
ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา อากิโอะได้นำพาเลกซัสเข้าสู่มิติใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม ด้วยดีไซน์ที่หวือหวาและสะดุดตายิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความใส่ใจในทุกรายละเอียดและความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต นอกจากนี้ เขายังขยายขอบเขตของเลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ “เราต้องการสร้างแบรนด์เลกซัสให้เป็นมากกว่าแค่รถหรู แต่คือไลฟ์สไตล์” เขาให้คำนิยาม
ภายใต้การนำของ อากิโอะ เลกซัสก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างสรรค์ยานพาหนะอื่น ๆ เช่น จักรยาน และเรือยอชต์ รวมถึง INTERSECT BY LEXUS ซึ่งเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่รวมคาเฟ่ ร้านอาหาร และบาร์ ที่จัดแสดงอีเวนต์และจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ เพื่อสะท้อนตัวตนและปรัชญาความเป็นเลกซัสในทุกมิติ ในปี 2025 นี้ เลกซัสยังคงมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน การเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connected Car) และการปรับแต่งประสบการณ์เฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมที่ผสานความหรูหราเข้ากับความรับผิดชอบต่อสังคม
ความละเอียด พิถีพิถัน และความใส่ใจในคุณภาพทุกตารางนิ้วที่ เออิจิ สร้างไว้ให้เป็นมาตรฐานความสมบูรณ์แบบของเลกซัส ได้รับการต่อยอดโดย อากิโอะ ด้วยการนำสิ่งเหล่านั้นออกมานอกเหนือจากตัวรถ สู่ไลฟ์สไตล์ที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เลกซัสได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านกิจกรรม Lexus Cultural Experience ที่พาสื่อมวลชนทั่วโลกไปสัมผัสเบื้องหลังวิธีคิดและการสร้างรถยนต์ของเลกซัสถึงศูนย์การออกแบบและโรงงานผลิตในประเทศญี่ปุ่น โดยช่างฝีมือระดับ “ทาคุมิ” (Takumi) ที่ผ่านการฝึกฝนกว่า 60,000 ชั่วโมง ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการรังสรรค์รถยนต์เลกซัสทุกคันให้ไร้ที่ติ
ความสง่างามที่ไม่สิ้นสุด: อนาคตของเลกซัสและการตอบรับจากผู้คน
เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุดเกี่ยวกับการออกแบบของเลกซัส อากิโอะตอบสั้นๆ ว่า “ความสง่างาม” (The gracefulness) เขาอธิบายว่า แม้แบรนด์หรูส่วนใหญ่มักจะพูดถึงความเหนือระดับ คุณภาพชั้นยอด หรือสมรรถนะสูง แต่เขาต้องการให้เลกซัสมีความสง่างามสำหรับทุกคนที่ได้ขับขี่หรือเห็นยานยนต์ของพวกเขา “แต่ผมไม่ได้บอกว่า ณ จุดนี้ เราบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้วอย่างสมบูรณ์” เขากล่าวเสริม ซึ่งตอกย้ำถึงปรัชญาการแสวงหาความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีที่สิ้นสุด
สิ่งที่จะทำให้เลกซัสบรรลุวัตถุประสงค์นั้นสำหรับอากิโอะคือการพัฒนาและอบรมบุคลากรที่จะสร้างเลกซัสให้ก้าวไปข้างหน้า และที่สำคัญยิ่งกว่าคือการเปิดรับความคิดเห็นจากผู้คน “ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วเราควรจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างไร” คือสิ่งที่เขาพูดถึงเสมอ เพราะนี่คือแนวคิดที่หยั่งรากลึกในแบรนด์เลกซัส ตั้งแต่วันที่โลกยังไม่รู้จักว่าเลกซัสคืออะไร จนกระทั่งวันนี้ที่เลกซัสกลายเป็นแบรนด์รถหรูที่เข้าไปนั่งในหัวใจของผู้คน อันเป็นผลมาจากการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุด
ยานยนต์หรูเพื่อการเดินทาง: รถตู้ VIP และรถตู้ครอบครัวสุดหรูปี 2025
นอกเหนือจากรถยนต์ซีดานและ SUV ที่หรูหราแล้ว ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่ารถตู้ VIP, รถตู้ผู้บริหาร และรถตู้ครอบครัว ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ ที่ความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ประเภทนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงรุ่นเด่นที่ยังคงครองใจผู้ใช้งาน ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงไปจนถึงครอบครัวขนาดใหญ่
Hyundai Staria: ดีไซน์ล้ำสมัย ผสานความอเนกประสงค์สำหรับทุกการเดินทาง
Hyundai Staria ยังคงเป็นหนึ่งในรถตู้หรูที่มาแรงอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ด้วยดีไซน์ที่ล้ำยุคและโดดเด่นสะดุดตา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเป็นรถตู้ครอบครัวขนาดใหญ่ หรือรถตู้ผู้บริหารที่ต้องการความแตกต่าง ด้วยที่นั่งมากถึง 11 ที่นั่ง Staria มอบพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและโปร่งสบาย การออกแบบภายในเน้นทัศนวิสัยของคนขับและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ด้วย Beltline ที่ต่ำและกระจกพาโนรามาขนาดใหญ่ ทำให้ห้องโดยสารรู้สึกเปิดกว้างเป็นพิเศษ
ในปี 2025 นี้ Staria ยังคงโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ที่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มอบพละกำลัง 177 แรงม้า แรงบิด 431 นิวตันเมตร พร้อมการปรับปรุงระบบระบายความร้อนและเทอร์โบชาร์จเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในรอบเครื่องยนต์ต่ำ นอกจากนี้ ระบบช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงก์ด้านหลังที่ปรับองศาและระดับของ Shock Absorber ยังคงเป็นจุดเด่นที่มอบความนุ่มนวลในการขับขี่ที่เหนือกว่า
ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน: Hyundai Staria มาพร้อมระบบความปลอดภัย SmartSense ที่ล้ำสมัย อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง (SCC), ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติ (FCA), ระบบช่วยเตือนและควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา (BCA), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อความอุ่นใจสูงสุด
ราคา Hyundai Staria ในปี 2025:
Hyundai Staria รุ่น S: ราคาประมาณ 1,729,000 บาท
Hyundai Staria รุ่น SEL: ราคาประมาณ 1,999,000 บาท
สำหรับผู้ที่มองหารถตู้ Hyundai Staria มือสอง ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาด
Toyota Majesty: ความหรูหราสง่างามและมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
Toyota Majesty ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับรถตู้หรู VIP หรือรถตู้ระดับพรีเมียมสำหรับผู้บริหาร ด้วยดีไซน์ที่สง่างามและเป็นเอกลักษณ์ ความสะดวกสบายในการโดยสารคือหัวใจสำคัญ ด้วยที่นั่งแบบ Captain Seats และ Big Seats ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความคาดหวังของรถตู้ระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง
จุดเด่นของ Majesty คือการออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) ที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารได้อย่างยอดเยี่ยม และระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับเซ็ตใหม่เพื่อซับแรงสั่นสะเทือน มอบความนุ่มสบายตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ Toyota Majesty ยังคงเป็นรถตู้หรูรุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ASEAN NCAP (ในช่วงปี 2560–2563) ซึ่งยังคงเป็นเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัยสูงสุดของรถรุ่นนี้
สมรรถนะและราคา: มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล GD 2.8 ลิตร รองรับน้ำมันดีเซล B20 ให้พละกำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร
Toyota Majesty 2.8 Standard 6AT: ราคาประมาณ 1,709,000 บาท
Toyota Majesty 2.8 Premium 6AT: ราคาประมาณ 1,899,000 บาท
Toyota Majesty 2.8 Grande 6AT: ราคาประมาณ 2,199,000 บาท
Toyota Majesty มือสอง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น
Toyota Alphard / Vellfire: Iconic MPV ที่ครองใจคนดังและผู้บริหาร
Toyota Alphard และ Vellfire ยังคงเป็นรถตู้ VIP ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดรถยนต์หรูของไทยในปี 2025 เป็นทั้งรถตู้ครอบครัว, รถตู้ผู้บริหาร และรถตู้ที่ดาราหลายคนเลือกใช้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่าและดูหรูหรา แม้จะมีราคาที่สูงกว่าคู่แข่งในบางรุ่น แต่ความพรั่งพร้อมด้านเทคโนโลยีและความสะดวกสบายภายในก็ทำให้ Alphard เป็นตัวเลือกที่ยากจะปฏิเสธ
ภายในห้องโดยสาร 7 ที่นั่งของ Alphard เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger), ไฟอ่านหนังสือส่วนตัว, เบาะนั่งแบบ Seat Ventilator & Heater พร้อมระบบนวดหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro และกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล ทำให้ทุกการเดินทางกลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ
ขุมพลังที่หลากหลาย: Alphard / Vellfire มีเครื่องยนต์หลายทางเลือก ได้แก่ เบนซิน 2.5 ลิตร, ไฮบริด 2.5 ลิตร (150 แรงม้า) และเบนซิน 3.5 ลิตร V6 (296 แรงม้า) ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและนุ่มนวล
Toyota Alphard Vellfire 2.5: ราคาประมาณ 3,838,000 บาท
Toyota Alphard 2.5 HV: ราคาประมาณ 3,968,000 บาท
Toyota Alphard 3.5 VIP: ราคาประมาณ 5,458,000 บาท
Toyota Alphard มือสอง ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาด ด้วยความน่าเชื่อถือของแบรนด์และคุณภาพที่ยังคงยอดเยี่ยม
Lexus LM300h: สุนทรียภาพแห่งการเดินทางส่วนตัวระดับเฟิร์สคลาส
Lexus LM300h คือสุดยอดของ Luxury MPV ที่ถูกยกให้เป็น “รถตู้ผู้บริหาร” อย่างแท้จริงในปี 2025 ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ประกาศถึงความสง่างามและความทรงพลัง การออกแบบที่เหนือชั้นและโดดเด่น มูนรูฟ 2 บานช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งและรับแสงธรรมชาติให้ห้องโดยสาร
LM300h เน้นความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยเฉพาะรุ่น Exclusive 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเบาะนวดบริเวณต้นขา หลัง และไหล่ วัสดุเสริมความนุ่มของเบาะรองรับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมระบบระบายอากาศและทำความร้อน นอกจากนี้ยังมีหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว บริเวณผนังกั้นกลางห้องโดยสาร ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mark Levinson รอบทิศทาง และตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตร ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนตัว
เครื่องยนต์และราคา: Lexus LM300h ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังรวมที่สมดุลและประหยัดเชื้อเพลิง
Lexus LM300h Executive 4-Seater: ราคาประมาณ 6,500,000 บาท
Lexus LM300h Executive 7-Seater: ราคาประมาณ 5,500,000 บาท
Lexus LM300h มือสอง ยังเป็นที่หมายปองของกลุ่มผู้บริหารที่ต้องการความหรูหราและเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุด
Mercedes-Benz V-Class: ความอัจฉริยะแห่งยนตรกรรมหรูจากเยอรมนี
Mercedes-Benz V-Class ยังคงเป็นรถตู้ที่ตอบโจทย์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ครอบครัว, รถตู้สำหรับติดต่อธุรกิจ หรือแม้แต่รถตู้เพื่อการผจญภัย ด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive ผู้โดยสารจึงมั่นใจได้ว่าจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายที่สุด
ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 เป็น Luxury Captain Seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้าและหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน ทำให้ V-Class เป็นตัวเลือกที่หรูหราและครบครันที่สุดจากค่ายดาวสามแฉก
ขุมพลังและราคา: มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 1,950 ซีซี ให้พละกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร
Mercedes-Benz V-Class V 250 d Exclusive: ราคาประมาณ 5,400,000 บาท
Mercedes-Benz V-Class มือสอง ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในตลาดรถหรู
Volkswagen Caravelle T6 Touring: ที่สุดของพื้นที่และความบริสุทธิ์
Volkswagen Caravelle T6 Touring ยังคงเป็น Luxury Van ที่น่าสนใจ ด้วยดีไซน์ห้องโดยสารที่พิถีพิถันและมีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม มาพร้อมความสะดวกสบายและเทคโนโลยีครบครัน และในปี 2025 นี้ ยังคงโดดเด่นด้วยนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศระดับ Hospital Grade ที่ได้รับการทดสอบและรับรองจากสถาบันชั้นนำระดับนานาชาติมากมาย มอบอากาศบริสุทธิ์และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตลอดการเดินทาง
เบาะนั่งใช้หนังแท้ Dakota หรือ Nappa คุณภาพสูงมาตรฐานเดียวกับโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก รูปทรงเบาะ VIP Seat ออกแบบตามสรีระของคนเอเชีย พร้อมระบบควบคุมการทำงานต่าง ๆ ด้วยไฟฟ้าที่ทันสมัยและใช้งานสะดวกสบาย
เครื่องยนต์และราคา: ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Commonrail ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้พละกำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
Volkswagen Caravelle T6 Touring: ราคาประมาณ 4,010,000 บาท
Volkswagen Caravelle T6 Touring SE: ราคาประมาณ 4,110,000 บาท
Volkswagen Caravelle มือสอง ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ที่ต้องการรถตู้ขนาดใหญ่และสะดวกสบาย
KIA Carnival: MPV อเนกประสงค์ที่ฉีกทุกกรอบดีไซน์
KIA Carnival ยังคงเป็นรถตู้อเนกประสงค์ MPV ที่มีหน้าตาไม่เหมือนใคร และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ด้วยการผสมผสานดีไซน์ที่ดูคล้ายรถ PPV หรือ SUV แต่มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งานได้รถสองคันในคันเดียว ภายในได้รับการออกแบบอย่างหรูหราเหมือนรถตู้ผู้บริหารหรือรถตู้ที่ดาราชอบใช้
Carnival มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Normal, Sport, Eco และ Smart พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย และระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
ขุมพลังและราคา: มาพร้อมเครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2 ให้พละกำลัง 202 แรงม้า แรงบิด 45 กิโลกรัม-เมตร
KIA Carnival รุ่น EX: ราคาประมาณ 2,144,000 บาท
KIA Carnival รุ่น SXL: ราคาประมาณ 2,495,000 บาท
KIA Carnival มือสอง ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวใหญ่และผู้ที่มองหารถตู้ดีไซน์โดดเด่น
บทสรุป
จากจุดเริ่มต้นของวิสัยทัศน์อันท้าทายของ เออิจิ โตโยดะ สู่การนำพาเลกซัสให้เป็นมากกว่ายานยนต์หรูภายใต้การบริหารของ อากิโอะ โตโยดะ แบรนด์เลกซัสได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุด” คือหัวใจสำคัญที่ไม่เพียงสร้างความสำเร็จในอดีต แต่ยังคงขับเคลื่อนให้แบรนด์ก้าวไปข้างหน้าในโลกยานยนต์ปี 2025 ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเน้นย้ำเรื่องความหรูหราอย่างยั่งยืน เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า หรือการสร้างสรรค์ประสบการณ์ส่วนบุคคล
ในขณะเดียวกัน ตลาดรถตู้ VIP และรถตู้ครอบครัวสุดหรูก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความหรูหราในการเดินทาง แต่ละรุ่นที่เราได้วิเคราะห์ไป ล้วนนำเสนอจุดเด่นและปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนให้เห็นว่าในยุคปัจจุบัน ยานยนต์ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนตัวตน และการลงทุนที่คุ้มค่าในความสุขและประสบการณ์การเดินทางของผู้ใช้งานทุกคน

