ในโลกที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ยนตรกรรมหรูไม่ได้เป็นเพียงแค่พาหนะอีกต่อไป แต่คือสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรม วิศวกรรมที่ประณีต และปรัชญาการใช้ชีวิตที่เหนือระดับ ย้อนกลับไปในปี 1989 วงการรถยนต์ทั่วโลกต้องสั่นสะเทือนเมื่อแบรนด์น้องใหม่จากญี่ปุ่นนามว่า ‘Lexus’ สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ด้วยยอดขายถล่มทลายหลายหมื่นคันในปีแรกที่เปิดตัวในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสมรภูมิรถหรูที่เต็มไปด้วยคู่แข่งจากฝั่งยุโรป ยักษ์ใหญ่ที่เคยครองตลาดมายาวนานต่างต้องเผชิญกับยอดจำหน่ายที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ และเพียงสองปีต่อมาในปี 1991 Lexus ก็ผงาดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มรถหรูในสหรัฐอเมริกาได้อย่างรวดเร็ว
อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้? อะไรคือปรัชญาที่ผลักดันให้แบรนด์ญี่ปุ่นหน้าใหม่รายนี้ก้าวข้ามขีดจำกัด สร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เต็มเปี่ยมด้วยรายละเอียดเชิงวิศวกรรมและการออกแบบขั้นสูง จนสามารถเจาะตลาดและครองใจชนชั้นนำอเมริกันได้อย่างไร้ข้อกังขา? เพื่อคลายปมปริศนานี้ เราต้องย้อนกลับไปทำความเข้าใจวิสัยทัศน์อันกล้าหาญของบุคคลสำคัญผู้ให้กำเนิดแบรนด์ Lexus นั่นคือ เออิจิ โตโยดะ ในยุคที่ไม่มีใครเชื่อว่าญี่ปุ่นจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถหรูระดับโลกได้
เออิจิ โตโยดะ: ผู้จุดประกายความท้าทายที่เปลี่ยนโลกยานยนต์
เออิจิ โตโยดะ ไม่ใช่เพียงนักธุรกิจธรรมดา แต่คือวิศวกรและผู้มองการณ์ไกลที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ในปี 1983 เขาได้จุดประกายความท้าทายอันยิ่งใหญ่ต่อตัวเองและทีมงานด้วยคำถามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง: “เราจะสร้างรถหรูที่ดีที่สุดในโลกได้อย่างไร?” คำถามนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของ “Project F1” ซึ่งย่อมาจาก “Flagship One” โปรเจกต์ลับสุดยอดที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนารถยนต์ Lexus LS 400 ที่จะเข้ามาเขย่าบัลลังก์ตลาดรถหรูในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่และมีความต้องการสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เออิจิเข้าใจดีว่าการเจาะตลาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ความล้มเหลวจากการส่ง Toyota Crown รถหรูขนาดกลางของโตโยต้าเข้าไปจำหน่ายในอเมริกาช่วงทศวรรษ 1950 ซึ่งไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของเศรษฐีอเมริกันได้ ตลาดรถหรูในยุคนั้นเต็มไปด้วยแบรนด์ยุโรปเก่าแก่ที่แข็งแกร่ง การจะประสบความสำเร็จได้ ต้องเป็นรถที่ดีที่สุดในทุกมิติเท่านั้น ด้วยบทเรียนอันล้ำค่านี้ เออิจิจึงทุ่มเทงบประมาณมหาศาลและรวบรวมสุดยอดมันสมองจากทั่วประเทศญี่ปุ่นมาร่วมทีม Project F1 เขาคัดเลือกบุคลากรชั้นนำหลายพันคน ประกอบด้วยนักออกแบบ 60 คน ทีมวิศวกร 24 ทีม รวม 1,400 คน นักเทคนิค 2,300 คน และหน่วยสนับสนุนอีก 220 คน เพื่อมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนารถยนต์หรูที่ดีที่สุด โดยมีเป้าหมายคือการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการยานยนต์เอเชีย ที่ไม่เคยมีแบรนด์ใดสามารถทะลวงเข้าสู่ตลาดรถหรูอเมริกาได้อย่างแท้จริง
เจาะลึกทุกรายละเอียดสู่ความไร้ที่ติ: The Relentless Pursuit of Perfection
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Lexus ประสบความสำเร็จคือความใส่ใจในรายละเอียดขั้นสูงสุด ในปี 1985 ระหว่างที่ Project F1 ดำเนินไปอย่างเข้มข้น เออิจิได้นำทีมงานเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาและสำรวจตลาดอย่างเจาะลึก เขาเชื่อว่าวิธีเดียวที่จะเข้าใจลูกค้าได้อย่างแท้จริงคือการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ทีมวิศวกรของ Lexus ได้สัมภาษณ์ผู้ใช้รถหรูจากทุกแบรนด์หลายร้อยคน เพื่อค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ ไม่ชอบ และอะไรคือความต้องการที่ยังไม่มีแบรนด์ใดสามารถมอบให้ได้
ไม่เพียงแค่การฟังความคิดเห็น ทีมออกแบบของ Lexus ยังถูกส่งไปเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ที่ Laguna Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิตและรสนิยมของบรรดาเศรษฐีอเมริกันในชีวิตประจำวันอย่างใกล้ชิด ทุกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่รูปแบบการเดินทาง กิจกรรมยามว่าง ไปจนถึงความคาดหวังด้านความสะดวกสบาย ล้วนถูกเก็บรวบรวมเป็นข้อมูลอันล้ำค่าในการพัฒนารถยนต์ และเพื่อให้ได้มาซึ่ง “รถยนต์ที่ดีที่สุด” อย่างแท้จริง Project F1 ต้องใช้เวลาในการพัฒนาอย่างเข้มข้นถึง 6 ปี มีการสร้างรถต้นแบบกว่า 450 คัน และนำไปทดลองวิ่งบนสนามทดสอบทั่วโลก รวมถึงถนนจริงในทุกสภาวะ ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน ไปจนถึงแคนาดา รวมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ การทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อค้นหาข้อบกพร่องทุกจุด และแก้ไขจนไร้ที่ติ เพื่อตอบโจทย์การสร้างรถหรูที่ดีที่สุดตามปณิธานของเออิจิ
ปรัชญา “The Relentless Pursuit of Perfection” หรือ “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ไม่ได้เป็นเพียงแค่สโลแกน แต่เป็น DNA ที่เออิจิ โตโยดะ ปลูกฝังไว้ในจิตวิญญาณของ Lexus ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มทำงาน เขาเคยเปรยถึงช่วงปีแรก ๆ ในการทำงานที่ต้องทำความเข้าใจความต่างของชิ้นส่วนรถยนต์ในระดับหน่วยที่เล็กที่สุด แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็เชื่อว่าการรับรู้ความต่างเพียงเล็กน้อยเหล่านี้คือสิ่งสำคัญในการสร้างรถยนต์ที่ดีที่สุด และนี่เองได้กลายมาเป็นมาตรฐานอันเข้มงวดของการพัฒนาและสร้างยนตรกรรมหรูภายใต้แบรนด์ Lexus ที่สามารถเขย่าตลาดสหรัฐอเมริกาได้ทันทีตั้งแต่ปีแรกที่ออกจำหน่าย ด้วยสมรรถนะ คุณภาพการขับขี่ บริการหลังการขายชั้นยอด ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดจากการวิจัยและพัฒนาที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง แสวงหาความสมบูรณ์แบบที่พวกเขาเชื่อว่าไม่มีวันสิ้นสุด สิ่งที่คิดว่าดีแล้ว ยังสามารถมีสิ่งที่ดีกว่าให้พวกเขาต้องก้าวไปค้นหาอยู่เสมอ
สืบทอดมรดกสู่ยุคใหม่: Akio Toyoda และการขยายขอบเขตของ Lexus Lifestyle ในปี 2025
หน้าที่ในการสานต่อมรดกอันยิ่งใหญ่ของ Lexus ตกเป็นของ อากิโอะ โตโยดะ ทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของเออิจิ การก้าวเดินบนรอยเท้าขนาดใหญ่ที่ผู้ก่อตั้งได้สร้างไว้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเออิจิทำไว้ดีเท่าไหร่ ความกดดันที่ถาโถมมาสู่เขายิ่งมากเป็นทวีคูณ แม้ Lexus จะยังคงรักษาระดับการเป็นรถหรูที่ดีที่สุดได้อย่างไม่ลดหย่อน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีคำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับดีไซน์และความแปลกใหม่ “Lexus เป็นรถที่ดีแต่ดูน่าเบื่อ” คือคำวิจารณ์ที่อากิโอะต้องเผชิญในวันที่เข้ามาสานต่อแบรนด์
ในฐานะประธานบริษัท อากิโอะตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลแบรนด์ Lexus ด้วยตัวเอง ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นที่จะไม่ให้คำว่า “น่าเบื่อ” กับ “Lexus” อยู่ในประโยคเดียวกันอีกต่อไป ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา อากิโอะได้นำ Lexus เข้าสู่ยุคใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม ด้วยดีไซน์ที่หวือหวา สะดุดตา แต่ยังคงไว้ซึ่งความใส่ใจในทุกรายละเอียดและความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต นอกจากนี้ เขายังขยาย “นิยาม” ของ Lexus ให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ “เราต้องการสร้างแบรนด์ Lexus ให้เป็นมากกว่าแค่รถหรู แต่คือไลฟ์สไตล์” อากิโอะกล่าว
ในยุค 2025 นี้ Lexus ภายใต้การนำของอากิโอะได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างยานพาหนะอื่น ๆ ที่สะท้อนปรัชญาของแบรนด์ เช่น จักรยาน และเรือยอร์ชสุดหรู รวมถึง “INTERSECT BY LEXUS” พื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่รวมคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ และพื้นที่จัดแสดงอีเวนต์ ซึ่งสะท้อนตัวตนและปรัชญาความเป็น Lexus ในทุกรายละเอียด นับเป็นก้าวสำคัญในการนำความละเอียดพิถีพิถันและคุณภาพระดับสูงสุด ที่เออิจิสร้างไว้ให้เป็นมาตรฐานความสมบูรณ์แบบ มาสู่ประสบการณ์ที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้นอกเหนือจากในรถยนต์ ปรัชญานี้ยังคงดำเนินต่อไปในยุคปัจจุบัน โดยอากิโอะให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะช่างฝีมือระดับ “ทาคุมิ” (Takumi) ที่ต้องผ่านการฝึกฝนกว่า 60,000 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกรายละเอียดของ Lexus ยังคงเป็นเลิศ และที่สำคัญยิ่งกว่าคือการเปิดรับความคิดเห็นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ Lexus ยังคงเป็นแบรนด์ที่แสวงหา “ความสมบูรณ์แบบที่ไม่สิ้นสุด” อย่างแท้จริง
ยกระดับการเดินทางในปี 2025: ที่สุดแห่ง MPV หรูสำหรับผู้บริหารและครอบครัว
ในภูมิทัศน์ยานยนต์ปี 2025 ที่ความต้องการทั้งความสะดวกสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย และความปลอดภัยสูงสุดมารวมกัน รถยนต์ MPV ระดับพรีเมียมได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้บริหารและครอบครัวยุคใหม่ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ รถตู้หรูเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่คือพื้นที่ส่วนตัวที่เคลื่อนที่ได้ เป็นดั่ง “สำนักงานเคลื่อนที่” หรือ “ห้องนั่งเล่นสุดหรู” ที่มอบทั้งความเป็นส่วนตัว ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีเชื่อมต่อที่ครบครัน ลองมาดูกันว่าสุดยอดยนตรกรรม MPV รุ่นไหนที่ครองใจผู้ใช้งานในปัจจุบัน
Hyundai Staria: ยนตรกรรมแห่งอนาคตที่ redefine MPV
Hyundai Staria ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการ MPV หรู โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและ futuristic ราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์ไซไฟ แต่ยังคงให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานและการมอบประสบการณ์การเดินทางที่ยอดเยี่ยมในปี 2025 ด้วยห้องโดยสารที่รองรับได้สูงสุด 11 ที่นั่ง พร้อมเทคโนโลยีที่ครบครัน เหมาะทั้งสำหรับการเป็นรถตู้ครอบครัวยุคใหม่และรถตู้ผู้บริหารที่ต้องการความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ภายในถูกออกแบบให้มีทัศนวิสัยกว้างขวาง ด้วย Beltline ที่ต่ำและกระจกแบบพาโนรามิก ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและเปิดกว้าง
สิ่งที่เป็นจุดเด่นและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือระบบระบายความร้อนด้วยอินเตอร์คูลเลอร์และกังหันเทอร์โบชาร์จ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและตอบสนองได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ ช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงก์ด้านหลังยังได้รับการปรับปรุงองศาและระดับของ Shock Absorber เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่สูงสุด มอบความสบายให้ผู้โดยสารตลอดเส้นทาง
ระบบความปลอดภัย Staria ไม่เพียงนำเสนอดีไซน์ล้ำยุค แต่ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) ที่เป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ระดับพรีเมียมในปี 2025 เช่น Smart Cruise Control (SCC) ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติ (FCA), ระบบช่วยเตือนและควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา (BCA), ระบบกล้องมองภาพมุมอับสายตา, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อความอุ่นใจในการเดินทาง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (8 สปีดอัตโนมัติ)
พละกำลัง: 177 แรงม้า, แรงบิด 431 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปีล่าสุด): เริ่มต้นประมาณ 1,729,000 บาท (โปรดตรวจสอบราคาและโปรโมชั่น ณ วันที่ซื้อ เนื่องจากราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี)
Toyota Majesty: ความหรูหราที่มาพร้อมความน่าเชื่อถือ
Toyota Majesty ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับรถตู้หรู VIP และรถตู้ผู้บริหาร ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์โตโยต้า ในปี 2025 Majesty ยังคงมอบความสะดวกสบายสูงสุดด้วยที่นั่งแบบ Captain seats และ Big seats ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองความคาดหวังของรถตู้ระดับพรีเมียม
จุดเด่นของ Majesty คือการออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) ที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร และเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ที่ช่วยซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม มอบความนุ่มนวลและเงียบสงบตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ Majesty ยังเป็นรถตู้หรูรุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ASEAN NCAP (ปี 2560 – 2563) ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพและความปลอดภัยที่เหนือกว่า
ระบบความปลอดภัย ครบครันด้วยระบบมาตรฐานและระบบความปลอดภัยเชิงรุก เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor), ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert), กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor), ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) และถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ GD ดีเซล 2.8 ลิตร (6 สปีดอัตโนมัติ)
พละกำลัง: 163 แรงม้า, แรงบิด 420 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปีล่าสุด): เริ่มต้นประมาณ 1,709,000 บาท
Toyota Alphard / Vellfire: Iconic MPV ที่ครองใจคนทั่วโลก
Toyota Alphard และ Vellfire ยังคงเป็น MPV หรูที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดปี 2025 เป็นทั้งรถตู้ครอบครัว รถตู้ผู้บริหาร และรถตู้ที่ดาราหรือบุคคลสำคัญเลือกใช้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม โฉบเฉี่ยว และความพรีเมียมที่สัมผัสได้ ภายในห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ที่ชาร์จไฟแบบ Wireless Charger, ไฟอ่านหนังสือส่วนตัว, เบาะนั่งแบบ Seat Ventilator & Heater พร้อมระบบนวดหลังไฟฟ้า และกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล ทำให้ทุกการเดินทางเป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและเพลิดเพลิน
ระบบความปลอดภัย Alphard มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบ ด้วย Toyota Safety Sense ที่ประกอบด้วย ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert), ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control), ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่กลางเลน (Lane Tracing Assist), กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) และระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ (TPMS)
ชนิดเครื่องยนต์: เบนซิน 2.5 ลิตร + ไฮบริด / เบนซิน 3.5 ลิตร V6
พละกำลัง: (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
จำนวนที่นั่ง: 7 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปีล่าสุด): เริ่มต้นประมาณ 3,838,000 บาท (สำหรับตลาดมือสองก็เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูง)
Lexus LM300h: สุดยอด Luxury MPV ที่เน้นความส่วนตัวและเหนือระดับ
Lexus LM300h คือนิยามของ “Luxury MPV” ที่แท้จริง สำหรับผู้บริหารที่ต้องการความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความเป็นส่วนตัวขั้นสูงสุด ดีไซน์กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่โดดเด่นบ่งบอกถึงความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ภายในห้องโดยสารเน้นความสะดวกสบายเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรุ่น Executive 4 ที่นั่ง ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็น “ห้องรับแขกเคลื่อนที่” ที่มอบประสบการณ์ระดับเฟิร์สคลาส
จุดเด่นของ LM300h คือเบาะนวดบริเวณต้นขา หลัง และไหล่ พร้อมวัสดุเสริมความนุ่มที่รองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี รวมถึงระบบระบายอากาศและทำความร้อน นอกจากนี้ยังมีหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว บริเวณผนังกั้นห้องโดยสาร ระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mark Levinson ช่องเชื่อมต่อหลากหลายชนิด และตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตร ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหรูที่เคลื่อนที่ได้
ระบบความปลอดภัย ครบครันด้วย Lexus Safety System+ ที่รวมระบบป้องกันก่อนการชนและลดความรุนแรงจากการปะทะ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบติดตามช่องทางวิ่ง, ระบบช่วยเปลี่ยนเลนพร้อมสัญญาณเตือนมุมอับสายตา, สัญญาณเตือนด้านท้ายรถขณะถอยหลัง และถุงลมนิรภัย SRS หลายตำแหน่ง
ชนิดเครื่องยนต์: เบนซิน 2.5 ลิตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (Hybrid)
พละกำลัง: เครื่องยนต์ 152 แรงม้า, มอเตอร์หน้า 143 แรงม้า, มอเตอร์หลัง 68 แรงม้า
จำนวนที่นั่ง: 4 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปีล่าสุด): เริ่มต้นประมาณ 5,500,000 บาท (ในตลาดรถยนต์มือสองก็เป็นรุ่นที่หายากและมีราคาดี)
Mercedes-Benz V-Class: ความอเนกประสงค์ในแบบฉบับเยอรมันพรีเมียม
Mercedes-Benz V-Class คือ MPV ที่ผสมผสานความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว สามารถเป็นได้ทั้งรถตู้ครอบครัว รถตู้สำหรับติดต่อธุรกิจ หรือแม้แต่รถตู้สำหรับการผจญภัย ด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive ผู้โดยสารจึงมั่นใจได้ว่าจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายที่สุด ในปี 2025 V-Class ยังคงยืนหยัดในฐานะตัวเลือกพรีเมียมที่เน้นคุณภาพและดีไซน์แบบเบนซ์
เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ส่วนที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 เป็น Luxury Captain Seat แยกซ้าย-ขวา ปรับด้วยไฟฟ้าและหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน มอบความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง
ระบบความปลอดภัย V-Class อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานและขั้นสูงตามแบบฉบับของ Mercedes-Benz อาทิ ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า, ม่านถุงลมนิรภัย, ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้า (Attention Assist), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist), โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ADAPTIVE ESP®, ระบบรักษาการทรงตัวกรณีมีลมขวางปะทะ (Crosswind Assist) และกล้องแสดงภาพแบบรอบทิศทาง 360º
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 1,950 ซีซี
พละกำลัง: 190 แรงม้า, แรงบิด 440 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 7 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปีล่าสุด): ประมาณ 5,400,000 บาท
Volkswagen Caravelle T6 Touring: ห้องโดยสารกว้างขวางที่สุดพร้อมนวัตกรรมอากาศบริสุทธิ์
Volkswagen Caravelle T6 Touring ยังคงเป็น Luxury Van ที่น่าสนใจในตลาดปี 2025 ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่พิถีพิถัน และมอบพื้นที่ภายในที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม MPV หรู สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วยเทคโนโลยี และที่โดดเด่นคือการติดตั้งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศระดับ Hospital Grade เพื่อมอบอากาศบริสุทธิ์และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยตลอดการเดินทาง ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบันวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติมากมาย
เบาะนั่งใช้หนังแท้ Dakota หรือ Nappa คุณภาพสูงมาตรฐานเดียวกับโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลก รูปทรงของเบาะ VIP Seat ถูกออกแบบให้รองรับสรีระของคนเอเชียเป็นพิเศษ พร้อมการควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าที่ทันสมัยและสะดวกสบายสูงสุด ทำให้ทุกเส้นทางเป็นช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายอย่างแท้จริง
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Commonrail 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่
พละกำลัง: 180 แรงม้า, แรงบิด 400 นิวตันเมตร
จำนวนที่นั่ง: 8 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปีล่าสุด): เริ่มต้นประมาณ 4,010,000 บาท
KIA Carnival: MPV อเนกประสงค์ดีไซน์ล้ำสมัยที่ไม่เหมือนใคร
KIA Carnival ได้รับการยอมรับอย่างสูงในฐานะ MPV อเนกประสงค์ที่ผสมผสานดีไซน์คล้ายรถ PPV หรือ SUV เข้ากับฟังก์ชันการใช้งานแบบรถตู้ผู้บริหารอย่างลงตัว ด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ในปี 2025 Carnival ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับครอบครัวและผู้บริหารที่ต้องการความโดดเด่นและประสิทธิภาพครบครัน
Carnival มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Normal, Sport, Eco และ Smart เพื่อให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย และระบบความปลอดภัยแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้เป็นรถตู้หรู 11 ที่นั่งที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นใจและสะดวกสบายสูงสุด
ระบบความปลอดภัย KIA Carnival อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยที่ก้าวล้ำ อาทิ ระบบป้องกันการชนและช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (FCA-JT), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนพร้อมดึงพวงมาลัยกลับ (Lane Keeping Assist), ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (Lane Following Assist), ระบบตรวจจับรถในมุมอับสายตา (Blind Spot Collision-Avoidance Assist), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติพร้อมสัญญาณเตือนเมื่อมีรถด้านหลังขณะถอย (Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist), Smart Cruise Control (SCC) และกล้องมองภาพรอบคัน (Surround View Monitor)
ชนิดเครื่องยนต์: เครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2
พละกำลัง: 202 แรงม้า, แรงบิด 45 กิโลกรัม-เมตร
จำนวนที่นั่ง: 11 ที่นั่ง
ราคา (รุ่นปีล่าสุด): เริ่มต้นประมาณ 2,144,000 บาท
อนาคตของการเดินทางที่หรูหราและยั่งยืน
จากปรัชญา “ความสมบูรณ์แบบไม่สิ้นสุด” ของ Lexus ที่ได้กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถหรู สู่ MPV พรีเมียมหลากหลายรุ่นที่ redefining ประสบการณ์การเดินทางในปี 2025 เราเห็นได้ว่ายนตรกรรมในปัจจุบันไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่ความเร็วและแรงม้าอีกต่อไป แต่คือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่ประณีต ความสะดวกสบายสูงสุด และความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เหนือระดับของทั้งผู้บริหารและครอบครัวยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง เทคโนโลยีเชื่อมต่อที่ครบครัน ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ หรือแม้แต่นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ รถยนต์เหล่านี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าในประสบการณ์และไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนใคร และแน่นอนว่า ตลาดรถยนต์มือสองเองก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถตู้หรูเหล่านี้ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมคุณภาพที่ได้รับการการันตี.

