ในโลกแห่งยนตรกรรมหรูหราที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและนวัตกรรม สิ่งหนึ่งที่ยังคงโดดเด่นคือการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่หยุดยั้ง แบรนด์รถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่คือสัญลักษณ์ของวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้ใช้งาน บทความนี้จะพาคุณย้อนรอยการเดินทางอันน่าทึ่งของ Lexus แบรนด์รถยนต์หรูจากญี่ปุ่นที่พลิกโฉมวงการยานยนต์โลก ไปจนถึงการสำรวจเทรนด์และสุดยอดยานยนต์ MPV ระดับพรีเมียมที่ครองใจผู้บริหารและครอบครัวหรูในปี 2025
การถือกำเนิดของตำนาน: เมื่อ Lexus ท้าทายขนบเดิม
ปี 1989 วงการรถยนต์หรูในสหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ที่ไม่คาดฝัน เมื่อแบรนด์น้องใหม่จากญี่ปุ่นนามว่า “Lexus” เปิดตัวสู่ตลาดโลก และทำยอดขายได้หลายหมื่นคันในปีแรก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแบรนด์ยุโรปที่เป็นเจ้าตลาดมายาวนาน เพียงสองปีต่อมาในปี 1991 Lexus ก็ทะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งของกลุ่มรถหรูในอเมริกา ความสำเร็จอันรวดเร็วนี้สร้างคำถามที่น่าสนใจ: อะไรคือเบื้องหลังของความสำเร็จนี้? ทำไมแบรนด์หน้าใหม่จากเอเชียจึงสามารถสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยวิศวกรรมและการออกแบบขั้นสูงมาท้าชนกับยักษ์ใหญ่ยุโรปได้?
คำตอบนำเราย้อนกลับไปที่บุคคลสำคัญผู้เป็นดั่งรากฐานของ Lexus: คุณเออิจิ โตโยดะ ในปี 1983 คุณเออิจิได้จุดประกายความท้าทายอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเองและทีมงาน: “เราจะสร้างรถยนต์หรูที่ดีที่สุดในโลก” นี่คือจุดกำเนิดของ “โครงการ F1” ซึ่งย่อมาจาก “Flagship One” มีเป้าหมายเพื่อพัฒนารถยนต์ Lexus LS 400 ที่จะบุกตลาดรถหรูขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในสหรัฐอเมริกา
คุณเออิจิรู้ดีว่าภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในยุค 1950s โตโยต้าเคยพยายามนำรถยนต์ Crown ซึ่งเป็นรถหรูขนาดกลางเข้าสู่ตลาดอเมริกามาแล้ว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตลาดรถหรูในดินแดนลุงแซมนั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ดุเดือด และมีเพียงรถยนต์ที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถดึงดูดใจเศรษฐีอเมริกันได้ ด้วยบทเรียนในอดีต โครงการ F1 จึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วยงบประมาณมหาศาล และระดมทีมงานระดับหัวกะทิหลายพันคนมาร่วมงาน ประกอบด้วยนักออกแบบ 60 คน, ทีมวิศวกร 24 ทีม รวม 1,400 คน, นักเทคนิค 2,300 คน และหน่วยสนับสนุนอีก 220 คน ทั้งหมดนี้ทุ่มเทเพื่อวิจัยและพัฒนารถยนต์หรูที่ดีที่สุด เพื่อเป้าหมายในการเจาะตลาดที่ไม่เคยมีแบรนด์เอเชียใดทำสำเร็จมาก่อน
เจาะลึกทุกรายละเอียด: หัวใจของ ‘การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด’
ในปี 1985 ในขณะที่โครงการ F1 ดำเนินไปอย่างเข้มข้น คุณเออิจิได้นำทีมงานไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาและสำรวจตลาดอย่างใกล้ชิด เขาเชื่อว่าการจะเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง ต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา ทีมวิศวกรได้เชิญผู้ใช้รถยนต์หรูจากหลากหลายแบรนด์หลายร้อยคนมาสัมภาษณ์ เพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง สิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ และสิ่งที่ยังไม่มีแบรนด์ใดมอบให้
ไม่เพียงแค่การฟังเสียงลูกค้า ทีมออกแบบของ Lexus ยังถูกส่งไปเช่าบ้านอาศัยอยู่ที่ Laguna Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิตและรสนิยมของบรรดาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งจะเป็นลูกค้าในอนาคตของ Lexus ทุกรายละเอียด ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงสำคัญ ถูกรวบรวมเป็นข้อมูลในการพัฒนารถยนต์
โครงการ F1 ใช้เวลาในการพัฒนาอย่างเข้มข้นยาวนานถึง 6 ปี สร้างรถต้นแบบกว่า 450 คัน และทดลองวิ่งบนสนามทดสอบทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งหรือถนนปกติ ในทุกสภาพอากาศและทุกสภาวะ ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน ไปจนถึงแคนาดา รวมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ การทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้มีเป้าหมายเดียวคือการค้นหาจุดบกพร่องให้พบและแก้ไขให้หมดจด จนไร้ที่ติ เพื่อตอบโจทย์การสร้างรถยนต์หรูที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง
ความใส่ใจในรายละเอียดขั้นสุดแบบไม่ปล่อยผ่านนี้ ได้กลายเป็นสโลแกนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Lexus: “The Relentless Pursuit of Perfection” หรือ “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” นี่คือดีเอ็นเอที่ถูกส่งต่อมาจากคุณเออิจิ โตโยดะ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มทำงานในฐานะวิศวกรหนุ่ม เขาพยายามอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ในระดับที่เล็กที่สุด แม้จะยอมรับว่า “มันยากมากที่ผมจะรับรู้ความต่างหนึ่งในร้อยส่วนของมิลลิเมตร” แต่เขาก็เชื่อว่าการรับรู้ถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเหล่านี้คือสิ่งสำคัญในการสร้างรถยนต์ที่ดีที่สุด
ผลลัพธ์ของความมุ่งมั่นนี้คือ Lexus LS 400 ที่สร้างความสั่นสะเทือนในตลาดรถหรูอเมริกาตั้งแต่ปีแรกที่ออกจำหน่าย ด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยม คุณภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น และบริการหลังการขายระดับพรีเมียม ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาที่ไม่รู้จักพอ เพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบที่พวกเขาเชื่อว่า “อะไรที่คิดว่าดีแล้ว ยังสามารถมีสิ่งที่ดีกว่าให้พวกเขาต้องก้าวไปหาเสมอ” การถือกำเนิดของ Lexus จึงเป็นเหมือนผลงานชิ้นโบแดงที่เออิจิทุ่มสุดตัวและฝากไว้ในช่วงท้ายของการทำงาน
จากรถยนต์สู่ไลฟ์สไตล์: วิสัยทัศน์ของ Akio Toyoda ในยุคใหม่
รอยเท้าขนาดใหญ่ที่คุณเออิจิทิ้งไว้ ได้ส่งต่อมายัง อากิโอะ โตโยดะ หลานชายผู้เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งเข้ามาสานต่อความท้าทายนี้ แม้ Lexus จะยังคงรักษามาตรฐานความเป็นรถยนต์หรูที่ดีที่สุดไว้ได้อย่างไม่ลดหย่อน แต่ในยุคหลัง แบรนด์ก็ต้องเผชิญกับคำถามและเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับดีไซน์ที่ “ดีแต่ดูน่าเบื่อ”
คุณอากิโอะในฐานะประธานบริษัท ตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลแบรนด์ Lexus ด้วยตัวเอง ในงานแถลงข่าวเปิดตัว LC 500h รถยนต์สปอร์ตคูเป้รุ่นใหม่ล่าสุด คุณอากิโอะสร้างความประหลาดใจด้วยการอ่านคอมเมนต์ด้านลบของ Lexus ให้สื่อมวลชนฟัง ซึ่งสะท้อนแนวคิดพื้นฐานที่คุณเออิจิได้สร้างไว้: การรับฟังทุกความต้องการเพื่อแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุดให้กับลูกค้า
“ผมมุ่งมั่นที่จะทำให้แน่ใจว่า คำว่า ‘น่าเบื่อ’ กับ ‘Lexus’ จะไม่อยู่ในประโยคเดียวกันอีกต่อไป” คุณอากิโอะประกาศ ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา เขาได้นำ Lexus เข้าสู่ยุคใหม่ของการออกแบบที่พลิกโฉม ด้วยดีไซน์ที่หวือหวา โฉบเฉี่ยว และสะดุดตามากขึ้น แต่ยังคงใส่ใจในทุกรายละเอียดและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิต พร้อมทั้งขยายนิยามของ Lexus ให้เป็นมากกว่าแค่รถยนต์
“เราต้องการสร้างแบรนด์ Lexus ให้เป็นมากกว่าแค่รถหรู แต่คือไลฟ์สไตล์” ภายใต้การนำของคุณอากิโอะ Lexus ก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างยานพาหนะอื่นๆ เช่น จักรยาน และเรือยอชต์ รวมถึง INTERSECT BY LEXUS ซึ่งเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่รวมคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรี และร้านขายสินค้า ที่สะท้อนตัวตนและปรัชญาของ Lexus ในทุกรายละเอียด สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าความละเอียด พิถีพิถัน และความใส่ใจในคุณภาพแบบทุกตารางนิ้ว ที่คุณเออิจิสร้างไว้เป็นมาตรฐานความสมบูรณ์แบบ ได้ถูกต่อยอดออกมานอกตัวรถ สู่ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้
ความ “สง่างาม” (The gracefulness) คือสิ่งที่ คุณอากิโอะให้คำจำกัดความเมื่อถูกถามถึงสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดเกี่ยวกับการออกแบบของ Lexus แบรนด์หรูส่วนใหญ่มักพูดถึงความเหนือระดับ คุณภาพชั้นยอด หรือสมรรถนะสูง แต่ Lexus มุ่งมั่นที่จะมอบความสง่างามสำหรับทุกคนที่ได้ขับขี่หรือเห็นยานยนต์ของพวกเขา และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาและอบรมบุคลากรที่จะสร้าง Lexus ให้ก้าวหน้า รวมถึงการเปิดรับความคิดเห็นจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง เพราะนี่คือแนวคิดที่หยั่งรากลึกในแบรนด์ Lexus ตั้งแต่วันแรกที่ยังไม่มีใครรู้จัก จนถึงวันนี้ที่ Lexus กลายเป็นแบรนด์รถยนต์หรูระดับโลกที่เข้าไปนั่งในใจของผู้คนมากมาย
สุดยอดยนตรกรรม MPV แห่งปี 2025: นิยามใหม่ของรถตู้ VIP และรถครอบครัวหรู
ในโลกยานยนต์ปี 2025 ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ความหรูหราไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในรถเก๋งซีดานหรือ SUV อีกต่อไป แต่ได้ขยายมาสู่กลุ่มรถตู้ MPV (Multi-Purpose Vehicle) ซึ่งกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้บริหารระดับสูง ดารา นักธุรกิจ และครอบครัวหรูที่ต้องการทั้งความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว และภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ยานยนต์กลุ่มนี้ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านดีไซน์ ประสิทธิภาพ และระบบอำนวยความสะดวก เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับอย่างแท้จริง ลองมาทำความรู้จักกับสุดยอดยนตรกรรม MPV ที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมในปี 2025 กัน
Hyundai Staria:
Hyundai Staria เป็นรถตู้หรูที่พลิกโฉมดีไซน์ของ MPV ในตลาดอย่างสิ้นเชิง ด้วยรูปลักษณ์แห่งอนาคตที่ล้ำสมัยและโดดเด่น มันคือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเป็นทั้งรถตู้ครอบครัวและรถตู้ผู้บริหาร ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางพร้อมที่นั่งสูงสุด 11 ที่นั่ง Staria มาพร้อมเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน การออกแบบภายในคำนึงถึงทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่และความสะดวกสบายสูงสุดของผู้โดยสาร ด้วย Beltline ที่ต่ำและกระจกพาโนรามิกขนาดใหญ่ ทำให้ห้องโดยสารรู้สึกโปร่งโล่งและกว้างขวาง
ในปี 2025 Staria ยังคงได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ที่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมเทคโนโลยีอินเตอร์คูลเลอร์และกังหันเทอร์โบชาร์จ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ และมอบพละกำลังที่ 177 แรงม้า แรงบิด 431 นิวตันเมตร ระบบช่วงล่างแบบมัลติ-ลิงก์ด้านหลังถูกปรับจูนเพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบความปลอดภัยของ Staria จัดเต็มด้วย Smart Cruise Control (SCC), Forward Collision Avoidance Assist (FCA), Blind Spot Collision-Avoidance Assist (BCA) และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อความอุ่นใจสูงสุด
Toyota Majesty:
Toyota Majesty คือรถตู้หรู VIP ระดับพรีเมียมที่ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริหารและนักธุรกิจ ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับความสะดวกสบายที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความคาดหวังสูงสุดของรถตู้ระดับพรีเมียม ที่นั่งแบบ Captain seats และ Big seats มอบความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูงสุดของโตโยต้า
จุดเด่นของ Majesty คือการออกแบบเครื่องยนต์วางหน้า (Semi-Bonnet) ที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร และเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ที่ช่วยซับแรงสั่นสะเทือน ทำให้การเดินทางนุ่มนวลและเงียบสงบยิ่งขึ้น Majesty ยังเป็นรถตู้หรูรุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ASEAN NCAP (ในช่วงปี 2560–2563) ในปี 2025 Majesty ยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซล GD 2.8 ลิตร ที่รองรับน้ำมันดีเซล B20 ให้พละกำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมที่นั่ง 11 ตำแหน่ง ระบบความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบ Pre-Collision System, Lane Departure Alert, Dynamic Radar Cruise Control และถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ระบบ T-CONNECT TELEMATICS ยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชัน GEO-FENCING, FIND MY CAR และ SOS EMERGENCY SERVICE
Toyota Alphard / Vellfire:
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Toyota Alphard และ Vellfire คือรถตู้ VIP ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล พวกเขาคือสัญลักษณ์ของความหรูหรา เป็นทั้งรถตู้ครอบครัว รถตู้ผู้บริหาร และรถตู้ที่เหล่าดาราชื่อดังเลือกใช้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามและดูแพง แม้จะมีราคาที่สูงกว่ารุ่นอื่นในตลาด แต่ความครบครันของเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง ทำให้ Alphard/Vellfire เป็นตัวเลือกที่ยากจะปฏิเสธ
ภายใน Alphard เพียบพร้อมไปด้วย Wireless Charger, ไฟอ่านหนังสือบริเวณเบาะนั่งแถวหลัง, เบาะนั่งแบบ Seat Ventilator & Heater พร้อมระบบนวดหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro และกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล สำหรับปี 2025 รุ่นไฮบริดยังคงเป็นที่นิยม ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ผสมผสานระบบไฮบริด ให้กำลัง 150 แรงม้า (สำหรับรุ่น 2.5 HV) และรุ่น 3.5 VIP ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 296 แรงม้า ระบบความปลอดภัยสมบูรณ์แบบด้วย Toyota Safety Sense ได้แก่ Pre-Collision System, Lane Departure Alert, Dynamic Radar Cruise Control และ Lane Tracing Assist พร้อมกล้องมองรอบคันและระบบ T-CONNECT TELEMATICS ที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน
Lexus LM300h:
Lexus LM300h ถูกยกให้เป็น “Luxury MPV” ที่แท้จริง เป็นรถตู้ผู้บริหารที่มอบประสบการณ์การเดินทางระดับเฟิร์สคลาส กระจังหน้าขนาดใหญ่บ่งบอกถึงความทรงพลังและโดดเด่น ภายในห้องโดยสารเน้นความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวสูงสุด โดยเฉพาะรุ่น Exclusive 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเบาะนวดบริเวณต้นขา หลัง และไหล่ ใช้วัสดุเสริมความนุ่มเป็นพิเศษ รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม พร้อมระบบระบายอากาศและทำความร้อน และระบบเลื่อนเบาะอัตโนมัติ
จุดเด่นของ LM300h คือหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว บริเวณผนังกั้นห้องโดยสาร ระบบเครื่องเสียงพรีเมียมรอบทิศทางจาก Mark Levinson และตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตร ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านหรูเคลื่อนที่ ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบไฮบริด ให้กำลังรวมที่น่าประทับใจ ระบบความปลอดภัยครอบคลุมทั้ง Pre-Collision System, Adaptive Cruise Control, Lane Tracing Assist และถุงลมนิรภัย SRS หลายตำแหน่ง
Mercedes-Benz V-Class:
Mercedes-Benz V-Class เป็น MPV อเนกประสงค์ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการเป็นรถตู้ครอบครัว รถตู้สำหรับติดต่อธุรกิจ และรถตู้เพื่อการผจญภัย ระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive มั่นใจได้ว่าผู้โดยสารจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและสบายที่สุด ที่นั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง ส่วนที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังแถวที่ 1 เป็น Luxury Captain Seat แยกซ้าย-ขวา ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน
V-Class ยังคงรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดตามแบบฉบับ Mercedes-Benz ด้วยถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า, ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง, ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist), โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ADAPTIVE ESP® และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360º รวมถึงเซ็นเซอร์ช่วยจอด PARKTRONIC ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1,950 ซีซี ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร
Volkswagen Caravelle T6 Touring:
Volkswagen Caravelle T6 Touring เป็น Luxury Van อีกรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่พิถีพิถันและมีพื้นที่กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม มาพร้อมความสะดวกสบายและเทคโนโลยีครบครัน และที่โดดเด่นคือการติดตั้งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศระดับ Hospital Grade เพื่อมอบอากาศบริสุทธิ์และสุขอนามัยตลอดการเดินทาง ซึ่งได้รับการทดสอบและรับรองจากสถาบันวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติมากมาย
เบาะนั่งใช้หนังแท้ Dakota หรือ Nappa คุณภาพสูงตามมาตรฐานโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก รูปทรงของเบาะ VIP Seat ออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระของคนเอเชียโดยเฉพาะ พร้อมควบคุมการทำงานต่างๆ ด้วยระบบไฟฟ้าที่ทันสมัยและใช้งานสะดวกสบาย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Commonrail ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร มีที่นั่ง 8 ตำแหน่ง
KIA Carnival:
KIA Carnival ได้รับการจัดให้เป็นรถตู้อเนกประสงค์ MPV ที่มีรูปลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยดีไซน์ภายนอกที่คล้ายรถ PPV หรือ SUV แต่มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติที่ทำงานผ่าน Smart Key ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะให้ความรู้สึกเหมือนได้รถสองคันในคันเดียว ภายในดีไซน์เหมือนรถตู้ผู้บริหารหรือรถตู้ที่ดาราชอบใช้ มีที่นั่งสูงสุด 11 ตำแหน่ง Carnival มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Normal, Sport, Eco และ Smart พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน
เครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2 มอบพละกำลัง 202 แรงม้า แรงบิด 45 กิโลกรัม-เมตร ระบบความปลอดภัยของ KIA Carnival ที่เหนือชั้น ได้แก่ Forward Collision-Avoidance Assist Junction Turning (FCA-JT), Lane Keeping Assist, Lane Following Assist (LFA), Blind Spot Collision-Avoidance Assist (BCA) และ Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist (RCCA) รวมถึง Smart Cruise Control (SCC) และกล้องมองภาพรอบคัน Surround View Monitor (SVM) เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจและปลอดภัยสูงสุด
บทสรุป: ความหรูหราที่ไม่มีวันสิ้นสุด
จากวิสัยทัศน์อันกล้าหาญของคุณเออิจิ โตโยดะ ผู้ให้กำเนิด Lexus ที่มุ่งมั่นสร้าง “รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก” สู่การสานต่อมรดก “การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ของคุณอากิโอะ โตโยดะ ที่ขยายนิยามของความหรูหราให้ครอบคลุมถึงไลฟ์สไตล์ และการมาถึงของยานยนต์ MPV ระดับพรีเมียมที่หลากหลายในปี 2025 ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง
ความหรูหราในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของวัสดุราคาแพงหรือสมรรถนะที่แรงจัด แต่คือประสบการณ์ที่เหนือกว่า ความใส่ใจในทุกรายละเอียด นวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารที่ต้องการความสง่างามและความเป็นส่วนตัว หรือครอบครัวที่มองหาความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด ยนตรกรรมหรูเหล่านี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางที่ไม่สิ้นสุดในการนิยามคำว่า “ความสมบูรณ์แบบ” ครั้งแล้วครั้งเล่า
