ปี 1989 วงการยานยนต์ทั่วโลกต้องสั่นสะเทือนเมื่อแบรนด์รถยนต์น้องใหม่จากญี่ปุ่นนามว่า ‘เลกซัส’ ก้าวเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา และสร้างปรากฏการณ์ยอดขายถล่มทลายในพริบตา แบรนด์หรูฝั่งยุโรปซึ่งเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนานต่างต้องเผชิญกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากนั้นเพียงสองปี เลกซัสก็ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตลาดรถหรูในสหรัฐอเมริกาอย่างไม่น่าเชื่อ เรื่องราวความสำเร็จนี้ไม่ใช่แค่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ แต่มันคือการประกาศศักดาแห่งปรัชญาที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการแสวงหาความสมบูรณ์แบบ ซึ่งยังคงเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์เลกซัสและกำหนดทิศทางของยนตรกรรมหรูในอนาคต
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมจะพาคุณย้อนรอยกลับไปดูจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้ และวิเคราะห์ว่าปรัชญาแห่งความสมบูรณ์แบบได้ขยายขอบเขตจากรถยนต์หรูส่วนบุคคลไปสู่ตลาดรถตู้ VIP ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2025 ได้อย่างไร พร้อมเจาะลึกถึงรุ่นยอดนิยมที่กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริหารและครอบครัวยุคใหม่
จุดกำเนิดแห่งความท้าทาย: โปรเจกต์ F1 และ “รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก”
ทุกสิ่งเริ่มต้นในปี 1983 เมื่อ เออิจิ โตโยดะ ผู้นำที่มองการณ์ไกลแห่งโตโยต้า ได้จุดประกายความคิดที่กล้าหาญ: “เราจะสร้างรถยนต์หรูที่ดีที่สุดในโลก” โจทย์นี้ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับญี่ปุ่นที่ในขณะนั้นยังไม่มีใครเชื่อว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาท้าทายแบรนด์รถหรูยุโรปที่มีประวัติยาวนานได้ โปรเจกต์ลับรหัส “F1” (Flagship One) จึงถูกก่อตั้งขึ้น เพื่อเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์ Lexus LS 400 สำหรับบุกตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสนามแข่งที่ดุเดือดของยนตรกรรมหรู
เออิจิ โตโยดะ รู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประสบการณ์ในทศวรรษ 1950s ที่เคยส่ง Toyota Crown เข้าไปทำตลาดกลับล้มเหลว ตลาดอเมริกาเต็มไปด้วยคู่แข่งที่แข็งแกร่ง และมีมาตรฐานสูงลิบลิ่ว เศรษฐีอเมริกันจะไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อรถที่ “ดีพอใช้” เท่านั้น แต่ต้องการ “รถยนต์ที่ดีที่สุด” ด้วยเหตุนี้ โปรเจกต์ F1 จึงได้รับงบประมาณและทรัพยากรบุคคลอย่างมหาศาล ประกอบด้วยนักออกแบบกว่า 60 คน, ทีมวิศวกร 24 ทีมรวม 1,400 คน, นักเทคนิค 2,300 คน และหน่วยสนับสนุนอีก 220 คน ทั้งหมดนี้ถูกระดมมาเพื่อการวิจัยและพัฒนารถยนต์ที่ไม่เคยมีแบรนด์เอเชียใดทำสำเร็จมาก่อน
ความใส่ใจในทุกรายละเอียด: รากฐานแห่งนวัตกรรมและการบริการหลังการขายรถหรู
ปรัชญาสำคัญของ เออิจิ โตโยดะ คือ “การรู้จักลูกค้าอย่างแท้จริง” ในปี 1985 ทีมงาน Lexus ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาตลาดอย่างเจาะลึก ไม่ใช่แค่การสำรวจข้อมูล แต่เป็นการ “เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา” วิศวกรได้สัมภาษณ์ผู้ใช้รถหรูหลายร้อยคนจากหลากหลายแบรนด์ เพื่อค้นหาความต้องการที่ซ่อนอยู่ ทั้งสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบและไม่พอใจในรถคันปัจจุบัน สิ่งที่ยังไม่มีใครมอบให้ นักออกแบบบางคนถูกส่งไปเช่าบ้านอยู่ที่ Laguna Beach รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฝ้าสังเกตวิถีชีวิต รสนิยม และพฤติกรรมการใช้รถของเศรษฐีชาวอเมริกันอย่างใกล้ชิด
ทุกรายละเอียดเล็กน้อยถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนา LS 400 โปรเจกต์ F1 ใช้เวลาพัฒนานานถึง 6 ปี สร้างรถต้นแบบกว่า 450 คัน วิ่งทดสอบบนสนามแข่งและถนนจริงทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน และแคนาดา รวมระยะทางกว่า 4.3 ล้านไมล์ เพื่อค้นหาจุดบกพร่องและแก้ไขให้ “ไร้ที่ติ” ความใส่ใจในระดับอนุภาคนี้เองที่ เออิจิ ได้หล่อหลอมมาตั้งแต่สมัยเริ่มทำงานในโรงงานทอผ้า และต่อมาในฐานะวิศวกรเครื่องกลที่พยายามทำความเข้าใจชิ้นส่วนรถยนต์แม้เพียงความต่างระดับหนึ่งในร้อยของมิลลิเมตร ความหลงใหลในความสมบูรณ์แบบนี้ได้กลายเป็น “ดีเอ็นเอ” ของ Lexus และถูกผนวกเข้ากับสโลแกนอันโด่งดัง “The Relentless Pursuit of Perfection” (การแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด)
ผลลัพธ์คือ Lexus LS 400 สร้างความตกตะลึงให้กับตลาดด้วยสมรรถนะรถยนต์ที่เหนือกว่า คุณภาพการขับขี่ที่นุ่มนวลเงียบสงบ และที่สำคัญคือ บริการหลังการขายรถหรู ที่เป็นเลิศ ซึ่งเกิดจากการวิจัยและพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้ Lexus ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่ดี แต่เป็นรถยนต์ที่มอบประสบการณ์เหนือระดับ ทำให้ Lexus ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์หรูที่อยู่ในใจคนอย่างรวดเร็ว
อากิโอะ โตโยดะ: การก้าวข้ามสู่ไลฟ์สไตล์หรูที่ไม่ใช่แค่รถยนต์
เมื่อ อากิโอะ โตโยดะ หลานชายของ เออิจิ เข้ามารับช่วงต่อ เลกซัสยังคงรักษามาตรฐานความหรูหราไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็เผชิญกับคำวิจารณ์ว่า “เลกซัสเป็นรถที่ดี แต่ดูน่าเบื่อ” อากิโอะตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี และด้วยจิตวิญญาณแห่งการแสวงหาความสมบูรณ์แบบที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เขาจึงตัดสินใจเข้ามากุมบังเหียนดูแลแบรนด์ Lexus ด้วยตัวเอง
ตั้งแต่ปี 2011 อากิโอะได้นำพา Lexus เข้าสู่ยุคใหม่ของการออกแบบที่โดดเด่นและกล้าหาญขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยดีไซน์ที่หวือหวา สะดุดตา แต่ยังคงไว้ซึ่งความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดและขั้นตอนการผลิต ที่สำคัญคือ อากิโอะได้ขยายคำนิยามของ Lexus ให้ “เป็นมากกว่าแค่รถยนต์” เขามุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์ Lexus ให้เป็น ไลฟ์สไตล์หรู ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ในทุกมิติ
ภายใต้การนำของอากิโอะ เลกซัสไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างรถยนต์ แต่ได้ขยายไปสู่ยานพาหนะอื่น ๆ เช่น จักรยาน และเรือยอชต์ รวมถึงการสร้างสรรค์พื้นที่ไลฟ์สไตล์อย่าง INTERSECT BY LEXUS ซึ่งเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ ที่สะท้อนตัวตนและปรัชญาของ Lexus อย่างชัดเจนในทุกรายละเอียด ความใส่ใจในคุณภาพรถยนต์ที่ละเอียด พิถีพิถัน และสมบูรณ์แบบที่ เออิจิ โตโยดะ สร้างไว้ ได้ถูกต่อยอดโดย อากิโอะ ให้นำสิ่งเหล่านั้นออกมาจากรถยนต์ สู่ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและสัมผัสได้
ความสง่างาม (The gracefulness) คือคำที่ อากิโอะ โตโยดะ ใช้เพื่ออธิบายถึงสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในการออกแบบของ Lexus แม้แบรนด์หรูอื่น ๆ จะเน้นเรื่องความเหนือระดับ คุณภาพชั้นยอด หรือสมรรถนะสูง แต่ Lexus จะต้องมอบความสง่างามให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้ที่ได้เห็นยนตรกรรมของพวกเขา สิ่งนี้สะท้อนถึงการไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและอบรมช่างฝีมือระดับ “ทาคุมิ” ที่ต้องผ่านการฝึกฝนกว่า 60,000 ชั่วโมง รวมถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ “รถยนต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม” เสมอ ไม่ว่า เทคโนโลยีรถยนต์ จะก้าวไปไกลแค่ไหน ปรัชญาแห่งความสมบูรณ์แบบของ Lexus ก็จะไม่มีวันสิ้นสุด
การปฏิวัติวงการยานยนต์หรูในปี 2025: ยุคทองของรถตู้ VIP และ MPV ระดับพรีเมียม
จากวิสัยทัศน์เริ่มต้นของ Lexus ที่มุ่งมั่นสร้างรถยนต์หรูส่วนบุคคลที่ดีที่สุด ปัจจุบันตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในปี 2025 นี้ ความต้องการ รถตู้ VIP และ รถตู้ผู้บริหาร ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้มองหารถที่แค่ใหญ่และมีที่นั่งเยอะ แต่ต้องการความสะดวกสบายระดับ First-Class, ภายในรถหรู ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน, เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง, และที่สำคัญคือประสบการณ์การเดินทางที่ไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือเพื่อครอบครัว รถตู้ครอบครัว ก็ได้ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นยานยนต์หรูที่สะท้อนสถานะและรสนิยม
แนวโน้มที่ชัดเจนในปี 2025 คือการผสมผสานระหว่างความหรูหราเข้ากับประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม รถหรูไฟฟ้า และระบบไฮบริดกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดนี้ ผู้ผลิตต่าง ๆ แข่งขันกันนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความยั่งยืน
ในตลาดรถตู้ VIP และ MPV พรีเมียมที่กำลังเติบโตอย่างร้อนแรง มีหลายรุ่นที่โดดเด่นและเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน:
Lexus LM300h / LM500h: สุนทรียะแห่งห้องโดยสาร First-Class
Lexus LM ยืนหยัดในฐานะสุดยอดแห่ง Luxury MPV ที่สุดของความหรูหราและความเป็นส่วนตัว ไม่เพียงแค่เป็นรถยนต์ แต่คือห้องรับรองเคลื่อนที่ที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางระดับ First-Class โดยเฉพาะรุ่น Executive 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเบาะนั่งแบบ Captain Seat ที่มีระบบนวดบริเวณต้นขา หลัง และไหล่, ระบบระบายอากาศและทำความร้อน, และระบบเลื่อนเบาะอัตโนมัติ วัสดุเสริมความนุ่มของเบาะรองรับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม มอบความสบายสูงสุด
สิ่งที่ทำให้ Lexus LM เหนือกว่าคือผนังกั้นห้องโดยสารที่ติดตั้งหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 26 นิ้ว พร้อมระบบเครื่องเสียงพรีเมียม Mark Levinson รอบทิศทาง และตู้แช่เครื่องดื่มขนาด 14 ลิตร เสมือนยกห้องนั่งเล่นสุดหรูมาไว้บนรถ ความปลอดภัยรถยนต์ ก็ถูกจัดเต็มด้วยระบบป้องกันก่อนการชน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, และระบบติดตามช่องทางวิ่ง ราคา Lexus LM ที่เริ่มต้นจากหลัก 5 ล้านบาทไปจนถึงกว่า 6.5 ล้านบาทในรุ่นท็อป สะท้อนถึงคุณภาพและประสบการณ์ที่หาใดเปรียบได้ ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการ MPV หรู ที่สุดในทุกมิติ
Toyota Alphard / Vellfire: ไอคอนแห่งรถตู้ VIP สำหรับทุกคน
Toyota Alphard และ Vellfire ยังคงเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึง รถตู้ VIP ที่เป็นทั้ง รถตู้ครอบครัว และรถตู้ผู้บริหาร ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามและห้องโดยสารขนาด 7 ที่นั่งที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและ เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ทันสมัย โดยเฉพาะรุ่นล่าสุด (Gen 40 series) ที่เน้นระบบขับเคลื่อนไฮบริดเป็นหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและความเงียบสงบในห้องโดยสาร
ฟีเจอร์เด่นประกอบด้วยที่ชาร์จไร้สาย, ไฟอ่านหนังสือสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง, เบาะนั่งพร้อมระบบระบายอากาศและทำความร้อน, ระบบนวดหลังไฟฟ้า Air Lumba Pro และระบบ T-CONNECT TELEMATICS ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งาน ฟีเจอร์ความปลอดภัยของ Alphard ไม่แพ้ใครด้วย Toyota Safety Sense ครบชุด เช่น ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert), และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับลดความเร็วได้ (Dynamic Radar Cruise Control) ราคา Alphard เริ่มต้นที่ประมาณ 3.8 ล้านบาท และรุ่นท็อปอาจสูงถึง 5.5 ล้านบาท
Hyundai Staria: ดีไซน์ล้ำอนาคตกับความสะดวกสบายที่เหนือชั้น
Hyundai Staria คือ รถตู้ล้ำสมัย ที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ เสมือนยานอวกาศเคลื่อนที่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารและครอบครัวยุคใหม่ที่มองหาความแตกต่าง ห้องโดยสารขนาด 11 ที่นั่ง ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งด้วยกระจกแบบพาโนรามิก และการออกแบบที่เน้นทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมสำหรับคนขับ
ในด้านสมรรถนะ Staria มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตรที่ได้รับการปรับปรุงให้มีแรงบิดสูงในรอบต่ำ และช่วงล่างมัลติ-ลิงก์ด้านหลังที่มอบความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ของ Staria คือจุดเด่นที่สำคัญ ด้วย Smart Cruise Control, Forward Collision Avoidance Assist, Blind Spot Collision-Avoidance Assist, และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ทำให้มั่นใจได้ในทุกการเดินทาง ราคา Hyundai Staria เริ่มต้นที่ 1.7 ล้านบาทไปจนถึง 2 ล้านบาท ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาด
Toyota Majesty: รถตู้พรีเมียมที่ตอบโจทย์ผู้บริหาร
Toyota Majesty เป็น รถตู้พรีเมียม อีกรุ่นที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริหาร ด้วย ดีไซน์รถหรู และความสะดวกสบายที่ลงตัว โดยเฉพาะที่นั่งแบบ Captain Seats และ Big Seats ที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางที่ผ่อนคลาย ห้องโดยสารวางเครื่องยนต์ด้านหน้า (Semi-Bonnet) ช่วยลดเสียงรบกวนภายใน และช่วงล่างที่ปรับมาเพื่อซับแรงสั่นสะเทือน ทำให้การเดินทางราบรื่น
จุดเด่นของ Majesty คือการเป็น รถตู้หรู รุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ความปลอดภัย 5 ดาว จาก ASEAN NCAP (ปี 2560 – 2563) ด้วยระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม อาทิ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา, และถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง ราคา Toyota Majesty เริ่มต้นที่ 1.7 ล้านบาท และรุ่น Grande อยู่ที่ประมาณ 2.2 ล้านบาท
Mercedes-Benz V-Class: ความหรูหราสไตล์เยอรมัน
Mercedes-Benz V-Class คือการผสมผสานความหรูหราของแบรนด์เยอรมันเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานของรถตู้ได้อย่างลงตัว เหมาะทั้งสำหรับ รถตู้ครอบครัว และการติดต่อธุรกิจ ด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะ Mercedes-Benz Intelligent Drive ที่ช่วยให้ผู้โดยสารมั่นใจในความปลอดภัยและสบายตลอดการเดินทาง
เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ ส่วนที่นั่ง Luxury Captain Seat แถวหลังปรับด้วยไฟฟ้า มีระบบนวดหลัง ระบบระบายอากาศ และระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบแยกโซน มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1,950 ซีซี ที่ให้พละกำลัง 190 แรงม้า ความปลอดภัยรถยนต์ เป็นหัวใจสำคัญของ Mercedes-Benz ด้วยถุงลมนิรภัยรอบคัน, ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ, และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ราคา Mercedes-Benz V-Class รุ่น V 250 d Exclusive อยู่ที่ประมาณ 5.4 ล้านบาท
KIA Carnival: MPV อเนกประสงค์ในดีไซน์ SUV-MPV
KIA Carnival สร้างความฮือฮาด้วยการเป็น รถตู้เอนกประสงค์ ที่มีดีไซน์ภายนอกคล้ายรถ SUV ผสมกับ MPV แต่มาพร้อมประตูสไลด์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ทำให้ดูทันสมัยและไม่เหมือนใคร ภายในห้องโดยสารออกแบบมาอย่างหรูหราเทียบเท่า รถตู้ผู้บริหาร หรือรถที่ดาราชื่นชอบ มี 11 ที่นั่ง พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย (Normal, Sport, Eco, Smart)
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2 ที่ให้พละกำลัง 202 แรงม้า พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ แบบจัดเต็ม เช่น ระบบป้องกันการชนและช่วยหยุดรถอัตโนมัติที่ทางแยก, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบตรวจจับรถในมุมอับสายตา, และกล้องมองภาพรอบคัน ราคา KIA Carnival เริ่มต้นที่ 2.1 ล้านบาทถึง 2.5 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
บทสรุป: การแสวงหาความสมบูรณ์แบบที่ไม่สิ้นสุดในยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า
เรื่องราวของ Lexus คือบทพิสูจน์ว่าความมุ่งมั่นในการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอย่างไม่สิ้นสุด สามารถเปลี่ยนแปลงวงการและสร้างมาตรฐานใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง รถหรู ที่สั่นสะเทือนตลาด หรือการขยายแบรนด์ไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่ครอบคลุม Lexus ยังคงเดินหน้าพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเข้ามาของ รถหรูไฟฟ้า และนวัตกรรมยานยนต์ที่เน้นความยั่งยืน
ในปี 2025 นี้ ตลาดรถตู้ VIP และ MPV พรีเมียมกำลังเฟื่องฟูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Lexus LM ที่มอบประสบการณ์ First-Class ไร้เทียมทาน, Toyota Alphard / Vellfire ที่เป็นไอคอนแห่งความหรูหราและความน่าเชื่อถือ, Hyundai Staria ที่มาพร้อมดีไซน์แห่งอนาคต, Toyota Majesty ที่เน้นความปลอดภัยและคุ้มค่า, Mercedes-Benz V-Class กับความหรูหราแบบเยอรมัน, หรือ KIA Carnival ที่เป็น MPV อเนกประสงค์สุดล้ำ ทุกแบรนด์ต่างแข่งขันกันนำเสนอ ประสบการณ์ขับขี่รถหรู และการบริการที่เหนือระดับ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่มองหาสุดยอดแห่งการเดินทาง
ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จิตวิญญาณแห่ง “The Relentless Pursuit of Perfection” จะยังคงเป็นแรงผลักดันให้แบรนด์เหล่านี้ก้าวไปข้างหน้า สร้างสรรค์นวัตกรรม และมอบสิ่งที่ “ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เพราะในโลกของยนตรกรรมหรู ความสมบูรณ์แบบคือการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด.

