ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยหยุดนิ่งของตลาดรถยนต์มาอย่างใกล้ชิด และเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2025 นี้ ภาพรวมของโลกยานยนต์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ จากที่เคยเป็นเพียงพาหนะขับเคลื่อน ตลาดรถยนต์ได้กลายเป็นเวทีแห่งนวัตกรรม ความยั่งยืน และประสบการณ์เฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง บทความนี้จะพาทุกท่านดำดิ่งสู่ภูมิทัศน์ยานยนต์แห่งปี 2025 ทั้งในระดับสากลและในประเทศไทย พร้อมเจาะลึกแบรนด์เด่น โมเดลยอดนิยม และเทคโนโลยีที่จะกำหนดอนาคตการเดินทางของเรา
ภูมิทัศน์ตลาดโลก: ยุคแห่งการพลิกโฉมครั้งใหญ่
ปี 2025 ได้ตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน นั่นคือการที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นกระแสหลักที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและยอดขาย แบรนด์ใหม่ๆ ที่เน้น EV ล้วนผงาดขึ้นมาท้าทายยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม ขณะเดียวกัน บรรดาผู้เล่นเก่าแก่ก็เร่งปรับตัวด้วยการลงทุนมหาศาลในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ
จากการสำรวจและจัดอันดับโดยสถาบันวิเคราะห์ยานยนต์ชั้นนำระดับโลกในปี 2025 พบว่า แบรนด์ที่โดดเด่นไม่ใช่เพียงแค่ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่นำเสนอเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย ประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหนือกว่า และความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน
ดาวเด่นแห่งยุคใหม่: แบรนด์หน้าใหม่ที่เน้นนวัตกรรม EV อย่างเต็มตัว รวมถึง Genesis ที่ได้พิสูจน์ตัวเองจากความสำเร็จในช่วงแรก และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำด้านความพึงพอใจและเทคโนโลยีที่ไร้รอยต่อ พวกเขาไม่ใช่แค่ผลิตรถหรู แต่ยังสร้างแพลตฟอร์มการเดินทางที่เข้าใจผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้ง ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เชื่อมต่อกับชีวิตประจำวันได้ง่ายดาย และระบบขับขี่อัจฉริยะที่มอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายอย่างแท้จริง
ยักษ์ใหญ่ผู้ปรับตัว: แบรนด์อย่าง Mercedes-Benz, BMW, Audi และ Lexus ยังคงแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์พรีเมียม โดยเน้นการผสมผสานความหรูหราเข้ากับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและไฮบริดปลั๊กอิน พวกเขาลงทุนในวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ระดับ Level 3 ที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้น
พลังของเทสลา: Tesla ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาด EV ด้วยนวัตกรรมแบตเตอรี่และระบบ Autopilot ที่ก้าวหน้า แต่การแข่งขันจากแบรนด์ดั้งเดิมและแบรนด์ใหม่จากเอเชียก็เริ่มรุนแรงขึ้น ทำให้ Tesla ต้องเร่งพัฒนาและขยายผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
ความท้าทายสำหรับบางแบรนด์: แม้จะมีความพยายามในการปรับตัว แต่แบรนด์ที่เคยประสบปัญหาด้านความน่าเชื่อถือหรือการปรับตัวช้า เช่น บางแบรนด์ในเครือ Stellantis ยังคงเผชิญกับความท้าทายในตลาด EV ที่มีการแข่งขันสูง
การจัดอันดับยอดเยี่ยมแห่งปี 2025: เกณฑ์ที่เข้มข้นกว่าเดิม
ในปี 2025 นี้ การเลือก “สุดยอดรถแห่งปี” ไม่ได้พิจารณาแค่สมรรถนะและความน่าเชื่อถือ แต่ยังรวมถึงการบูรณาการเทคโนโลยี AI ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และการเตือนการชนด้านหน้า (FCW) กลายเป็นมาตรฐานที่คาดหวัง
หมวดหมู่ที่น่าจับตา:
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กยอดเยี่ยม: ตกเป็นของแบรนด์ที่เน้นการออกแบบล้ำสมัยและระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ
เอสยูวีหรูไฟฟ้าขนาดกลาง: แบรนด์ยุโรปยังคงครองความเป็นผู้นำ ด้วยการผสมผสานความสง่างามเข้ากับเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้าขั้นสูง
ปิกอัพไฟฟ้าขนาดเต็ม: แบรนด์อเมริกันยังคงเป็นเจ้าตลาด ด้วยปิกอัพที่ทรงพลังและมีนวัตกรรมสำหรับการใช้งานหลากหลาย
รถยนต์ซีดานไฟฟ้าพรีเมียม: แม้ตลาดซีดานจะหดตัว แต่ซีดานไฟฟ้าหรูยังคงเป็นที่ต้องการสำหรับผู้ที่มองหาความสบายและสมรรถนะ
แบรนด์ที่สร้างผลงานได้ดี: Toyota ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในหลายเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริดและ Fuel Cell ที่พวกเขายังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี พร้อมกับการขยายไลน์อัพ EV ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้
เทรนด์ยอดนิยม: SUV, EV และการเดินทางอัจฉริยะ
กระแสความนิยมในรถยนต์ SUV และ Crossover ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยเฉพาะกลุ่ม SUV ไฟฟ้าที่นำเสนอพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า การเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้ตลาดรถยนต์มือสองกลุ่ม EV เริ่มคึกคักมากขึ้นเช่นกัน
รถซีดาน: จากอดีตสู่นิชที่ยั่งยืน: ยอดขายรถซีดานในหลายประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2025 แต่ก็ไม่ใช่ว่าไร้อนาคต ซีดานระดับพรีเมียมและซีดานไฟฟ้ายังคงเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่คล่องตัว การออกแบบที่ปราดเปรียว และความหรูหราที่โดดเด่น แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มนี้มักจะนำเสนอเทคโนโลยีห้องโดยสารอัจฉริยะ และการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ
ตัวอย่างซีดานยอดนิยมในปี 2025 (สมมติ):
Chevrolet Volt EV: เป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ของซีดานไฟฟ้ายอดนิยม ด้วยระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้นและการชาร์จที่รวดเร็ว
Hyundai IONIQ 7 (EV Sedan): นำเสนอดีไซน์ล้ำยุคและเทคโนโลยีแบตเตอรี่Solid-State ที่เพิ่มประสิทธิภาพอย่างก้าวกระโดด
Nissan Altima e-POWER: ซีดานไฮบริดที่เน้นสมรรถนะและการประหยัดเชื้อเพลิงด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
Ford Nova (EV Sedan): การกลับมาของซีดาน Ford ในรูปแบบไฟฟ้า ที่เน้นความสปอร์ตและเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง
Toyota Mirai (Fuel Cell Sedan): ยังคงเป็นผู้นำในเทคโนโลยี Fuel Cell ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเหมาะกับการเดินทางระยะไกล
Honda Accord Hybrid-e: ซีดานไฮบริดที่ได้รับความไว้วางใจมานาน ด้วยการปรับโฉมให้ทันสมัยและประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่า
Mazda 6e (EV): ซีดานไฟฟ้าจาก Mazda ที่ยังคงเอกลักษณ์ด้านการขับขี่ที่สนุกสนาน และการออกแบบ Kodo ที่สวยงาม
Kia K5 EV: ซีดานไฟฟ้าดีไซน์โฉบเฉี่ยวจากเกาหลีใต้ ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่
Subaru Legacy Hybrid AWD: ซีดานไฮบริดขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นความปลอดภัยและสมรรถนะในทุกสภาพถนน
Mercedes-Benz C-Class EQ (EV): การนำเสนอซีดาน C-Class ในรูปแบบไฟฟ้าเต็มตัว ที่ยังคงความหรูหราและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ Mercedes-Benz
แบรนด์รถยนต์หรู: การแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น
ในปี 2025 ตลาดรถยนต์หรูยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แบรนด์อย่าง Mercedes-Benz, BMW และ Audi ยังคงเป็นสามเสาหลัก แต่ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงจาก Tesla และแบรนด์หรู EV หน้าใหม่
Mercedes-Benz: ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำยอดขายรถหรูระดับโลก โดยมีตลาดยุโรปและจีนเป็นกลไกสำคัญ พวกเขานำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ Compact Car ไปจนถึง S-Class EQ ที่เป็นตัวแทนของความหรูหราแห่งอนาคต
BMW: ยังคงโดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ และการนำเสนอนวัตกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า i-Series ที่ขยายไลน์อัพอย่างรวดเร็ว
Tesla: มูลค่าแบรนด์ของ Tesla พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 พวกเขาไม่ได้แค่ขายรถ แต่ขาย “วิสัยทัศน์แห่งอนาคต” ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
มูลค่าแบรนด์: ความยั่งยืนและนวัตกรรมคือหัวใจ
จากการจัดอันดับ Global BrandZ ในปี 2025 พบว่าแบรนด์ที่สามารถรักษาหรือเพิ่มมูลค่าได้สำเร็จคือผู้ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน การลงทุนในเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และการสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคที่น่าประทับใจ
Toyota: ยังคงเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุด ด้วยภาพลักษณ์ด้านคุณภาพ ความทนทาน และความมุ่งมั่นในหลากหลายเทคโนโลยีขับเคลื่อน (ICE, Hybrid, EV, Fuel Cell)
Tesla: กระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ด้วยนวัตกรรมที่พลิกโฉมวงการ และการสร้างกลุ่มลูกค้าที่ภักดี
แบรนด์หรูยุโรป: Mercedes-Benz และ BMW ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำ โดยเน้นการลงทุนในแพลตฟอร์ม EV และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ
ไฮเปอร์คาร์แห่งอนาคต: พลังบริสุทธิ์และเทคโนโลยีสุดขีด
ในปี 2025 ไฮเปอร์คาร์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรที่เร็วที่สุดอีกต่อไป แต่เป็นผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่ผสมผสานความเร็ว แรง และเทคโนโลยีแห่งอนาคตเข้าด้วยกัน หลายรุ่นเป็นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ หรือไฮบริดที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งกำหนดนิยามใหม่ของสมรรถนะ และความพิเศษเฉพาะตัว
Bugatti Aurora: ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่ล้ำหน้า พร้อมดีไซน์ที่ผสมผสานความคลาสสิกของ Bugatti เข้ากับอากาศพลศาสตร์แห่งอนาคต ให้พละกำลังที่เกินจินตนาการและอัตราเร่งที่ทำลายสถิติ
Ferrari LaFerrari 2.0 (EV/Hybrid): ทายาทของ LaFerrari ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดขั้นสุดยอด หรืออาจเป็นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เน้นการใช้วัสดุรีไซเคิลและนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่เบาเป็นพิเศษ
McLaren P1000 (EV Hypercar): พัฒนาจาก P1 GTR ด้วยเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ก้าวหน้าที่สุด น้ำหนักเบาจากคาร์บอนไฟเบอร์เกรดพิเศษ และระบบจัดการแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ให้สมรรถนะสูงสุด
Aston Martin Valkyrie AMR Pro (2025 edition): เวอร์ชันที่อัปเกรดจากเดิม ด้วยการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์และระบบส่งกำลังไฮบริดที่ทรงพลังยิ่งขึ้น มอบประสบการณ์การขับขี่แบบรถแข่ง F1 ที่ถูกกฎหมายบนท้องถนน
Rimac Nevera II: ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าจากโครเอเชีย ที่ยังคงสร้างความประหลาดใจด้วยพละกำลังและเทคโนโลยี AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ในทุกสภาพ
Koenigsegg Gemera Hybrid Ultimate: ไฮเปอร์คาร์ 4 ที่นั่งที่ยังคงความพิเศษด้วยระบบส่งกำลังไฮบริดสุดล้ำ ให้ความเร็วที่บ้าคลั่งแต่ยังใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
Mercedes-AMG Project ONE (Gen 2): การนำเทคโนโลยี F1 มาสู่ถนนอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดที่ซับซ้อนและพละกำลังที่ใกล้เคียงกับรถแข่ง
Lotus Evija Ultimate: ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าจากอังกฤษที่ยังคงเน้นปรัชญา “Simplify, then add lightness” ด้วยดีไซน์ที่ลื่นไหลและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง
Pagani Utopia R: ไฮเปอร์คาร์ที่เน้นประสบการณ์การขับขี่แบบอนาล็อก ด้วยเครื่องยนต์ V12 ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ แต่ผสานรวมเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับความประณีตดั้งเดิม
Ken Okuyama Kode60 (EV concept): รถต้นแบบที่อาจกลายเป็นไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เน้นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง และใช้วัสดุขั้นสูง
ตลาดรถยนต์ไทยปี 2025: EV คืออนาคตที่ชัดเจน
งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 42 ในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในตลาดไทย ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด แซงหน้ารถยนต์สันดาปภายในอย่างเห็นได้ชัด ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของที่ต่ำลง และการเข้าถึงสถานีชาร์จที่สะดวกสบายขึ้น
ตัวเลขที่น่าสนใจ:
ยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) คิดเป็นกว่า 50% ของยอดจองทั้งหมดในงาน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้บริโภคไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV
รถ SUV และ Crossover ไฟฟ้า ยังคงเป็นเซ็กเมนต์ยอดนิยม เนื่องจากตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัว และการใช้งานที่หลากหลาย
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ มียอดจองที่น่าจับตา แสดงถึงการเติบโตของธุรกิจ SME ที่หันมาใช้ EV เพื่อลดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แบรนด์ที่มาแรงในไทย:
BYD, NETA, MG: แบรนด์จากจีนยังคงครองส่วนแบ่งตลาด EV ที่สำคัญ ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
Mercedes-Benz, BMW, Volvo: แบรนด์รถยนต์หรูยังคงทำยอดขายได้ดีในกลุ่ม EV พรีเมียม โดยเน้นการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงและการบริการหลังการขายที่เหนือกว่า
Toyota, Honda: ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นก็เร่งขยายไลน์อัพ EV ในไทยอย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาด
ความสำคัญของงานมอเตอร์โชว์: งานแสดงรถยนต์ยังคงเป็นเวทีสำคัญในการกระตุ้นยอดขาย และเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด แม้แคมเปญส่งเสริมการขายจะถูกกระจายไปยังโชว์รูมทั่วประเทศ แต่บรรยากาศและการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยในงานก็ยังคงดึงดูดผู้คนได้จำนวนมาก
Mercedes-Benz GLA-Class 2025: นิยามใหม่ของ Premium Compact EV
สำหรับ Mercedes-Benz GLA-Class ในปี 2025 ได้ถูกพัฒนาไปอีกขั้นสู่การเป็น Premium Compact SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ หรือ Plug-in Hybrid เจเนอเรชันใหม่ ที่ผสานความหรูหราเข้ากับประสิทธิภาพด้านพลังงานและความอัจฉริยะอย่างลงตัว
ดีไซน์ที่ล้ำสมัย: GLA 2025 มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ปรับปรุงใหม่หมดจด เน้นความลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มระยะทางวิ่งของ EV ไฟหน้า Digital Light ความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชันฉายภาพกราฟิกบนพื้นถนน กันชนหน้า-หลังที่ออกแบบใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวและบ่งบอกความเป็น EV ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมกระจังหน้าแบบปิดที่ซ่อนเซ็นเซอร์และกล้องสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ
ห้องโดยสารแห่งอนาคต: ภายในห้องโดยสารคือการปฏิวัติสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วยหน้าจอ MBUX Hyperscreen ที่ครอบคลุมแผงหน้าปัดทั้งหมด มอบประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อ และการแสดงผลข้อมูลที่ปรับแต่งได้ วัสดุภายในเน้นความยั่งยืน เช่น หนังสังเคราะห์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล หรือเส้นใยจากธรรมชาติ เบาะนั่ง Ergonomic ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์พร้อมฟังก์ชันนวดและระบบระบายอากาศ ระบบแสง Ambient Light ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอารมณ์และสถานการณ์การขับขี่
สมรรถนะ EV อันเหนือชั้น: GLA รุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (e.g., EQA 300 หรือ EQA 4MATIC) มาพร้อมแบตเตอรี่เจเนอเรชันใหม่ที่ให้ระยะทางวิ่งเกิน 600 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และรองรับการชาร์จเร็ว DC กำลังสูง (Ultra-fast charging) ที่สามารถเติมพลังงานจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที มอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังที่ตอบสนองทันใจ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC Electric ที่ให้การยึดเกาะถนนและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม
ความปลอดภัยและ AI: GLA 2025 มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ระดับ Level 2+ หรือใกล้เคียง Level 3 ที่สามารถควบคุมการขับขี่ในสถานการณ์ที่กำหนดได้ เช่น การขับขี่บนทางหลวง ระบบจอดรถอัตโนมัติด้วยรีโมท (Remote Parking Pilot) และระบบป้องกันการชนอัจฉริยะที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์สถานการณ์เสี่ยงล่วงหน้า กล้อง 360 องศา และเซ็นเซอร์รอบคันทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารและผู้ใช้ถนน
Mercedes-AMG EQA 55 4MATIC+: สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะขั้นสุด Mercedes-AMG ได้นำเสนอ EQA 55 4MATIC+ ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พละกำลังรวมกว่า 500 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึง 4 วินาที ช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL ปรับแต่งพิเศษเพื่อการขับขี่ที่ดุดัน และระบบเบรกเซรามิกประสิทธิภาพสูง นี่คือการรวมพลังของความหรูหรา ประสิทธิภาพ EV และจิตวิญญาณแห่ง AMG อย่างแท้จริง
ก้าวต่อไปกับนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
ปี 2025 เป็นปีที่โลกยานยนต์ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีไฟฟ้า ความอัจฉริยะ และความยั่งยืนกำลังกำหนดทิศทางใหม่ของการเดินทาง แบรนด์ต่างๆ แข่งขันกันด้วยนวัตกรรม และผู้บริโภคก็ได้รับประโยชน์จากตัวเลือกที่หลากหลายและประสบการณ์ที่เหนือกว่า
อนาคตของยานยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการขับเคลื่อนจากจุด A ไปจุด B อีกต่อไป แต่เป็นการเดินทางที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และชีวิตประจำวันของเราอย่างแยกไม่ออก
เราขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันน่าตื่นเต้นนี้ เตรียมพร้อมสำหรับการขับขี่ในมิติใหม่ที่ยั่งยืน ปลอดภัย และอัจฉริยะยิ่งกว่าเดิม เพราะยานยนต์แห่งอนาคตได้มาถึงแล้ว และพร้อมที่จะเปลี่ยนโลกของเราตลอดไป

