• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N1612032 ตได เพราะโดนด [ตอน part2

admin79 by admin79
December 11, 2025
in Uncategorized
0
N1612032 ตได เพราะโดนด [ตอน part2

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมหน้าตลาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากยุคทองของรถยนต์สันดาปภายใน สู่การเติบโตของกลุ่ม Eco Car และไฮบริด และในปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดกับการระเบิดของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของผู้ผลิตยานยนต์จึงเป็นหัวใจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ผันผวนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีศึกษาของ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการปรับตัวที่ประสบความสำเร็จ ควบคู่ไปกับการแข่งขันอันดุเดือดของแบรนด์ EV ใหม่ๆ ที่เข้ามาเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาด

การปรับหมากเชิงกลยุทธ์ของค่ายญี่ปุ่น: โตโยต้า ยาริส เอทีฟ กับบทบาทผู้พลิกเกม

ย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ Eco Car เฟส 2 ที่มอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีสรรพสามิต 12% และสำหรับรถยนต์ไฮบริดที่ปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัม/กม. ได้รับภาษีเพียง 4% พร้อมเงื่อนไขการนับยอดผลิตรถไฮบริดรวมกับ Eco Car เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิต 100,000 คันต่อปีภายในปีที่ 4 เพื่อรับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล

ภายใต้แรงผลักดันนี้ ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ต่างต้องพิจารณาปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ของตนอย่างจริงจัง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะยุติการผลิต Toyota Vios เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ซึ่งเสียภาษีสรรพสามิตสูงถึง 20% เพื่อเปิดทางและทุ่มเททรัพยากรให้กับรถยนต์ที่ตอบโจทย์โครงสร้างภาษีใหม่และแนวโน้มตลาด นั่นคือ All New Toyota Yaris Ativ เจเนอเรชันใหม่ โดยเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร และเตรียมนำเสนอขุมพลังไฮบริดตามมา ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรุ่น แต่เป็นการยกระดับคุณค่าและประสบการณ์ของผู้ใช้งานในกลุ่ม Subcompact Sedan อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ กลายเป็นจุดสนใจของตลาดอย่างแท้จริง

การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความชาญฉลาดในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพราะไม่ใช่เพียง โตโยต้า เท่านั้นที่ปรับตัว แบรนด์คู่แข่งอย่างฮอนด้าก็ได้ยุติการผลิต Honda Jazz เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรในไทยเช่นกัน โดยหันมาเน้น Honda City ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่อยู่ในโครงการ Eco Car เฟส 2 และรุ่นไฮบริด e:HEV ขณะที่นิสสันก็ยุติการผลิต Nissan March เพื่อมาทุ่มเทให้ Nissan Almera 1.0 เทอร์โบ ซึ่งทั้งหมดนี้คือการตอบรับทิศทางนโยบายรัฐและการแข่งขันด้านประสิทธิภาพที่เข้มข้นขึ้นในตลาดรถยนต์ไทย

เจาะลึกความสำเร็จของ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ: ผู้กุมหัวใจคนไทย

เมื่อพูดถึงความสำเร็จในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก คงปฏิเสธไม่ได้ว่า โตโยต้า ยาริส เอทีฟ เจเนอเรชันใหม่ คือหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุด การเปิดตัวในปี 2022 ด้วยแนวคิด “Beloved Car” หรือ “รถยนต์ที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน” โตโยต้าได้ทำการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าชาวไทยอย่างละเอียดลึกซึ้ง เพื่อสร้างสรรค์รถยนต์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลิตภัณฑ์ที่ดี ประสบการณ์การขับขี่ที่ดี และการขับเคลื่อนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการเป็นเจ้าของที่ง่ายดาย หรือ “Affordable” นับเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ประสบความสำเร็จอย่างสูง

ด้านดีไซน์ภายนอก โตโยต้า ยาริส เอทีฟ มาพร้อมรูปลักษณ์สไตล์ Fastback ที่กำลังเป็นที่นิยมในรถยุโรป มอบความสปอร์ตและความหรูหราที่โดดเด่นเหนือกว่ารถในเซกเมนต์เดียวกัน ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศเพียง 0.284 ไฟหน้า Full LED และไฟท้าย Full LED Light-guiding พร้อมไฟเลี้ยว Sequential ที่ติดตั้งในรุ่นท็อป ยิ่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมียมและทันสมัย การออกแบบนี้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่อีกด้วย

ภายในห้องโดยสาร โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ได้รับการยกระดับอย่างก้าวกระโดด ด้วยการเลือกใช้วัสดุตกแต่งคุณภาพสูง การติดตั้งเบรกมือไฟฟ้า (EPB) พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มักพบในรถยนต์ราคาสูงกว่า นอกจากนี้ยังมีไฟ Ambient Light ปรับได้ถึง 64 เฉดสี หน้าปัด Full Digital TFT ขนาด 7 นิ้ว และเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างบรรยากาศที่หรูหราและมอบความสะดวกสบายในระดับพรีเมียม ที่สำคัญคือ พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางและเบาะนั่งที่ออกแบบมาเพื่อความสบายของผู้โดยสารด้านหลัง ทำให้ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ เหมาะสมอย่างยิ่งกับการเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัวและผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอย

ในส่วนของสมรรถนะ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร Dual VVT-iE 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 94 แรงม้า พร้อมแรงบิด 110 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ที่เน้นความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 23.3 กม./ลิตร ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญในยุคที่ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงยังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อ ระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นใหม่ช่วยให้การขับขี่คล่องตัว ทัศนวิสัยกว้างไกล และควบคุมพวงมาลัยได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่การจราจรหนาแน่นของเมืองใหญ่

ด้านความปลอดภัย โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไม่ได้มองข้าม ด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense (เฉพาะรุ่นย่อยที่กำหนด) ที่ครอบคลุมระบบป้องกันการชนด้านหน้า (PCS), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ (LDA), ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam) รวมถึงระบบช่วยเตือนความปลอดภัยอื่นๆ เช่น BSM, RCTA และ Panoramic View Monitor ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ให้กับผู้ใช้งาน โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ได้รับการประกอบที่โรงงานเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งใช้มาตรฐานการผลิตระดับโลก และยังผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายใน 35 ประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ได้รับการยอมรับ

จากข้อมูลยอดขาย พบว่า โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้า First Jobber พนักงานบริษัท และผู้ที่ต้องการรถยนต์คันแรก ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย เริ่มต้นที่ 539,000 บาท (สำหรับรุ่น SPORT) ไปจนถึงรุ่นท็อปสุด Premium Luxury ที่ 689,000 บาท ทำให้ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดในกลุ่ม Subcompact Sedan ได้อย่างงดงาม และยังคงเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในตลาด Eco Car ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

การมาของยานยนต์ไฟฟ้า (EV): คลื่นลูกใหม่ที่ถาโถมเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไทย (2025 Trends)

ขณะที่ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ กำลังกุมตลาด Eco Car อย่างเหนียวแน่น ตลาดรถยนต์ไทยก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคลื่นของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่พัดเข้ามาอย่างรุนแรง ในปี 2025 เราคาดการณ์ว่าตลาด EV จะยังคงขยายตัวอย่างก้าวกระโดด แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการ “นโยบายรัฐสนับสนุน EV” ที่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ EV3.0 หรือ EV3.5 ที่มอบเงินอุดหนุน ลดภาษีนำเข้า และลดภาษีสรรพสามิต ส่งผลให้ “ราคา รถยนต์ไฟฟ้า” ในประเทศไทยสามารถแข่งขันได้มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ผู้เล่นหน้าใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีน ได้เข้ามาสร้าง “การแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า” อย่างดุเดือด แบรนด์อย่าง BYD, NETA, GAC AION, ORA Good Cat, MG และ Changan ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น ตั้งแต่กลุ่ม Subcompact ไปจนถึง SUV และ Sedan ระดับพรีเมียม ด้วยกลยุทธ์การตั้งราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อม “โปรโมชั่นรถ EV” ที่น่าสนใจมากมาย เช่น เงินส่วนลดพิเศษ ฟรี Home Charger พร้อมติดตั้ง ขยายการรับประกันแบตเตอรี่และตัวรถเป็น 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร รวมถึงข้อเสนอ “สินเชื่อรถยนต์” อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ หรือ “ประกันภัยรถยนต์” ชั้น 1 ฟรี

BYD: แบรนด์ที่สร้างปรากฏการณ์ในไทย ด้วยรุ่น Dolphin, ATTO 3 และ SEAL ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ด้วยราคาที่แข่งขันได้และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Blade Battery ที่เป็นเอกลักษณ์ การเสนอ “บริการหลังการขาย” และ “บำรุงรักษารถยนต์” ที่ครอบคลุม รวมถึงการขยายเครือข่าย “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” อย่างรวดเร็ว ทำให้ BYD ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาด EV ของไทยได้อย่างรวดเร็ว
NETA: กับ NETA V และ NETA V-II ที่เน้นการเข้าถึงง่าย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่า 5 แสนบาท (หลังหักส่วนลด) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองใช้ “ยานยนต์พลังงานใหม่” ในงบประมาณจำกัด
GAC AION: เข้ามาพร้อม AION Y Plus ที่ชูจุดเด่นด้านพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางเป็นพิเศษ และ AION Y Plus 410 Premium ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับครอบครัวในราคาที่คุ้มค่า
ORA Good Cat: “รถยนต์ไฟฟ้า” สไตล์ Retro ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยดีไซน์น่ารักและฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย ทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบในประเทศ (New ORA Good Cat Pro, Ultra, Pro GT) ที่เข้ามาเพิ่มทางเลือกและราคาที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
MG: นำเสนอ MG ZS EV และ MG4 EV ซึ่งมีทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบไทย ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการขับขี่ที่โดดเด่น และ MG4 XPOWER ที่มอบสมรรถนะสูงเป็นพิเศษ ทำให้ MG ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่หลากหลาย
CHANGAN: กับ Deepal L07 และ Deepal S07 ที่นำเสนอ “เทคโนโลยีความปลอดภัยรถยนต์” และฟีเจอร์อัจฉริยะที่ล้ำสมัย ด้วยดีไซน์ที่หรูหราและประสิทธิภาพการขับขี่ที่น่าประทับใจ

การแข่งขันของแบรนด์ EV เหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ราคาหรือโปรโมชั่น แต่ยังรวมถึง “นวัตกรรมยานยนต์” ด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ระยะทางขับขี่ “สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” ที่ครอบคลุม และ “บริการหลังการขาย” ที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน แม้ว่าความกังวลเรื่องการชาร์จหรือราคาแบตเตอรี่อาจจะยังคงมีอยู่บ้าง แต่ผู้ผลิตต่างพยายามนำเสนอ “โซลูชันการขับขี่” แบบครบวงจรเพื่อลดข้อจำกัดเหล่านี้

อนาคตตลาดรถยนต์ไทย 2025: การอยู่ร่วมกันของสองขั้วอำนาจ

มองไปข้างหน้าถึงปี 2025 ตลาดรถยนต์ไทยจะยังคงเป็นสมรภูมิที่น่าจับตา ผมในฐานะผู้มีประสบการณ์ในวงการนี้ เชื่อว่าเราจะเห็นการอยู่ร่วมกันของ “รถยนต์ประหยัดพลังงาน” ทั้งในกลุ่ม Eco Car และไฮบริด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของตลาด กับ “ยานยนต์พลังงานใหม่” อย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

“ยอดขายรถยนต์” โดยรวมจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่สัดส่วนของแต่ละประเภทจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน “โตโยต้า ยาริส เอทีฟ” จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในกลุ่ม Subcompact Sedan และ Eco Car ด้วยคุณค่าที่มอบให้ในเรื่องความคุ้มค่า ความทนทาน และ “บริการหลังการขาย” ที่แข็งแกร่งผ่าน “โชว์รูม โตโยต้า” และ “ศูนย์บริการรถยนต์” ทั่วประเทศ ทำให้ยังคงเป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับ “รถยนต์ครอบครัว” และผู้ที่ต้องการความประหยัดในการใช้งานประจำวัน

ในขณะเดียวกัน ตลาด EV จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แรงหนุนจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น การผลิตในประเทศที่เพิ่มขึ้น (ทำให้ราคา EV มีเสถียรภาพและเข้าถึงง่ายขึ้น) และความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น การแข่งขันด้าน “การซื้อขายรถยนต์” ในกลุ่ม EV จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ไม่เพียงแต่ระหว่างแบรนด์จีนด้วยกันเอง แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นและยุโรปที่จะต้องเร่งนำเสนอ “รถยนต์รุ่นใหม่” ในกลุ่ม EV เพื่อไม่ให้ตกขบวน

ความท้าทายสำหรับผู้บริโภคจะอยู่ที่การตัดสินใจเลือกระหว่างความคุ้มค่าระยะยาวของ EV กับความเชื่อมั่นและเครือข่ายบริการของรถยนต์สันดาปหรือไฮบริด คำว่า “ลงทุนรถยนต์” จึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้านมากขึ้น ทั้งเรื่องราคาซื้อ ประหยัดพลังงาน ค่า “บำรุงรักษารถยนต์” และราคาขายต่อในอนาคต

โดยสรุปแล้ว อนาคตของ “ตลาดรถยนต์ไทย” ในปี 2025 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างนวัตกรรมดั้งเดิมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากทางเลือกที่หลากหลายและ “โซลูชันการขับขี่” ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง

ก้าวสู่ประสบการณ์ยานยนต์ใหม่กับเราวันนี้

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยโอกาส ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหา “รถยนต์ประหยัดพลังงาน” อย่าง โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ที่พิสูจน์แล้วถึงคุณค่าและประสิทธิภาพ หรือกำลังสนใจ “ยานยนต์พลังงานใหม่” อย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะเปลี่ยนโลกของการเดินทาง ทุกวันนี้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายและข้อเสนอที่น่าสนใจมากมาย เพื่อให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนในรถยนต์คันต่อไป

อย่าพลาดโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ เราขอเชิญชวนให้คุณเข้ามาสัมผัสและทดลองขับ “รถยนต์รุ่นใหม่” ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นที่ “โชว์รูม โตโยต้า” ใกล้บ้านคุณ หรือเยี่ยมชมศูนย์บริการรถยนต์ของแบรนด์อื่นๆ เพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการ “ซื้อขายรถยนต์” ที่จะช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูล “สินเชื่อรถยนต์” “ประกันภัยรถยนต์” และ “บำรุงรักษารถยนต์” เพื่อให้คุณได้ครอบครองยานยนต์ที่ใช่ในแบบของคุณ เพราะการเดินทางของคุณคือความสำคัญของเราเสมอ.

Previous Post

N1612049 หญ งม ตำหน [ตอนจบ] part2

Next Post

N1612044 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2

Next Post
N1612044 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2

N1612044 มาคลายเคร ยดก นหน อยนะค part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.