• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2512045 ตไม นก นไป (ละครส น) part2

admin79 by admin79
December 18, 2025
in Uncategorized
0
N2512045 ตไม นก นไป (ละครส น) part2

ปอร์เช่ (Porsche) ปลุกกระแสยานยนต์หรูในประเทศไทย: การเปิดตัวโมเดลใหม่สู่ตลาดพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ

ในโลกแห่งยานยนต์หรูที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ปอร์เช่ (Porsche) ยังคงยืนหยัดในฐานะแบรนด์ชั้นนำที่สามารถสร้างความตื่นเต้นและดึงดูดใจผู้หลงใหลในสมรรถนะและความหรูหราได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศไทย ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจะสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท AAS Autoservice จำกัด (AAS) ในฐานะผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ได้นำเสนอยนตรกรรมที่น่าจับตามอง สู่สายตาของนักเลงรถชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการจัดงานมหกรรมยานยนต์ที่สำคัญ

การปรากฏตัวของตำนานแห่งสมรรถนะ: Porsche 911 GT3, 911 Carrera, 718 Cayman, 718 Boxster และ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo

งาน “มหกรรม Fast Auto Show Thailand 2018” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ถือเป็นเวทีสำคัญที่ AAS ได้นำทัพรถยนต์ปอร์เช่ (Porsche) หลากหลายรุ่นมาจัดแสดง เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยมีไฮไลท์สำคัญที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อย่างมาก นำโดย Porsche 911 GT3 ที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งรถแข่งอย่างแท้จริง, Porsche 911 Carrera ตำนานแห่งสปอร์ตคาร์ที่ยังคงความนิยมไม่เสื่อมคลาย, Porsche 718 Cayman และ Porsche 718 Boxster ที่มอบประสบการณ์ขับขี่แบบสปอร์ตในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น, และ Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo ซาลูนสปอร์ต 4 ประตู ที่ผสมผสานสมรรถนะอันน่าทึ่งเข้ากับความหรูหราและประโยชน์ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การปรากฏตัวของ Porsche Cayman GT4 Club Sport MR ภายใต้สังกัดทีม AAS Motorsport ยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของปอร์เช่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ที่พร้อมจะยกระดับการแข่งขันให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น

แคมเปญสุดพิเศษฉลอง 70 ปีปอร์เช่: สัมผัสเยอรมนีสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปีแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของปอร์เช่ (Porsche) AAS ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับลูกค้าที่จองรถยนต์ปอร์เช่ภายในงาน โดยมีสิทธิ์ลุ้นเข้าร่วมแคมเปญ “Porsche Memorable German Heritage Trip” กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะพาผู้โชคดีสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ (Porsche) ในบรรยากาศสุดยิ่งใหญ่ ณ Black Forest ประเทศเยอรมนี พร้อมการเยี่ยมชมโรงงานและพิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ (Porsche) อย่างเป็นส่วนตัว โอกาสนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ปอร์เช่ (Porsche)

การรับประกันสุดพิเศษ: ความอุ่นใจเหนือระดับจากโรงงานปอร์เช่ (Porsche)

AAS ให้ความสำคัญสูงสุดกับความมั่นใจของลูกค้า โดยรถยนต์ปอร์เช่ (Porsche) ที่จำหน่ายโดย AAS เท่านั้น ที่จะได้รับการรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ (Porsche) โดยตรง เป็นระยะเวลานานสูงสุดถึง 2+7 ปี ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและความทนทาน พร้อมการบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานระดับโลก

โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย: ลุ้นโชคทองและรถยนต์มูลค่าสูง

นอกเหนือจากข้อเสนอพิเศษเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ (Porsche) โดยตรงแล้ว AAS ยังได้เข้าร่วมแคมเปญ “ซื้อรถ ชิงรถ จองรถ ชิงทอง” ที่จัดขึ้นภายในงาน Fast Auto Show Thailand 2018 สำหรับผู้ที่จองรถยนต์ปอร์เช่ (Porsche) ภายในงาน จะได้รับสิทธิ์ในการลุ้นโชคสร้อยคอทองคำจำนวน 7 รางวัลต่อวัน และยังมีสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัลใหญ่เป็นรถยนต์มูลค่า 476,000 บาท หลังจากการส่งมอบรถยนต์

การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่: รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กับอนาคตยานยนต์ในประเทศไทย

ปัจจุบัน กระแสความสนใจใน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังทวีความร้อนแรงทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ค่ายรถยนต์หรูระดับโลกอย่าง Mercedes-Benz จะทุ่มเททรัพยากรเพื่อพัฒนาและผลักดันแบรนด์ EQ ให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

Mercedes-Benz EQ: ความหวังใหม่และทิศทางอนาคต

Mercedes-Benz ได้เริ่มบุกเบิกตลาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ รถยนต์ Plug-in Hybrid ในไทยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเปิดตัวรุ่น E 300 BlueTEC Hybrid ในงาน Motor Expo ครั้งที่ 29 เมื่อปี 2555 ซึ่งถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการรถหรู และทำให้ผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น หลังจากนั้น Mercedes-Benz ได้ทยอยติดตั้งระบบ Hybrid ในรถยนต์รุ่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เริ่มเข้าใจถึงประโยชน์ด้านการประหยัดน้ำมันและผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

เพื่อความชัดเจนในการทำตลาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ รถยนต์ Plug-in Hybrid ค่ายดาวสามแฉกได้จัดตั้งแบรนด์ EQ ขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อ Mercedes-Benz เริ่มทำตลาด รถยนต์ Plug-in Hybrid อย่างจริงจังในปี 2559 โดยการนำเสนอในรถยนต์ Sedan เกือบทุกรุ่น และ SUV บางรุ่น เพื่อตอบรับทิศทางความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมองหาเทคโนโลยีแห่งอนาคต

ประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับยุคยานยนต์ไฟฟ้า

การขยายตัวของสถานีชาร์จ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และความเข้าใจของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ Mercedes-Benz เชื่อมั่นว่าตลาดไทยมีความพร้อมอย่างยิ่งสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่า “ประเทศไทยมีความพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว”

Mercedes-Benz ไม่ได้มองว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นเพียงยานพาหนะ แต่คือการก้าวข้ามสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง รถยนต์ให้ฉลาด และกลายเป็น Connected Car อย่างเต็มรูปแบบ

การลงทุนเพื่ออนาคต: สถานีชาร์จและโรงงานแบตเตอรี่

เพื่อสนับสนุนการทำตลาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด Mercedes-Benz ได้ติดตั้งสถานีชาร์จกว่า 200 จุดทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและโรงแรมต่างๆ นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมเดินสายการผลิตโรงงานแบตเตอรี่สำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2562 เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

สรุป: สู่ยุคแห่งความยั่งยืนและอัจฉริยะ

Mercedes-Benz มุ่งมั่นผลักดัน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ แม้ว่าในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง แต่ทิศทางในอนาคต การขยายตัวของการใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในวงกว้าง จะไม่ใช่แค่การสนับสนุนจากแบรนด์หรู แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายแบรนด์รถยนต์ เพื่อสร้างระบบนิเวศยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีอันชาญฉลาดอย่างแท้จริง

Mercedes-Benz C-Class รุ่นประกอบในประเทศ: ผสานความหรูหรา สมรรถนะ และเทคโนโลยีสู่กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่

The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศ ได้รับการปรับโฉมใหม่ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานคุณสมบัติอัจฉริยะและความเร้าใจในการขับขี่ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยมีการนำเสนอใน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ The C 220 d Avantgarde ราคา 2,349,000 บาท, The C 220 d Exclusive ราคา 2,690,000 บาท และ The C 220 d AMG Dynamic ราคา 2,890,000 บาท

นายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังว่า การเปิดตัว The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศทั้ง 3 รุ่นนี้ จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของ C-Class ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นได้มากขึ้น เพราะรถยนต์รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมออปชั่นที่ตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบครัน”

ออปชั่นที่ Mercedes-Benz ใส่เข้ามาใน The new C-Class ถือเป็นจุดเด่นที่หาไม่ได้ในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน ตัวอย่างเช่น ระบบสัญญาณเตือนกันรถชน (Collision Prevention Assist) ซึ่งปกติแล้วจะมีอยู่ในรถยนต์รุ่น S-Class เท่านั้น

ภาพรวมตลาดรถยนต์หรูและการเติบโตของ Mercedes-Benz

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ตลาดรวมรถยนต์หรูมีการเติบโตประมาณ 12-13% และ Mercedes-Benz ก็เติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์หรูทั้งปี 2561 จะเติบโตประมาณ 10%

ในส่วนของการแข่งขันด้านราคา “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่มีแนวคิดที่จะแข่งขันด้านราคาโดยตรง แต่เราเน้นที่บริการหลังการขายและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้” นายฟรังค์ กล่าวเสริม

การออกแบบภายนอก: ความโดดเด่นที่สืบทอดดีเอ็นเอของ Mercedes-Benz

The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศ โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะท้อนความสง่างามและความสปอร์ต:

The C 220 d Avantgarde: มาพร้อมกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม และตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz พร้อมล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว
The C 220 d Exclusive: โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบคลาสสิก พร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอยแบบ Multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว
The C 220 d AMG Dynamic: เสริมความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าแบบ Diamond Grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ พร้อมกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling

โคมไฟหน้าและหลังได้รับการออกแบบใหม่โดยใช้เส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมใช้วัสดุคุณภาพสูงเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีไฟหน้า LED High Performance ในรุ่น Avantgarde และเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED ในรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic ซึ่งมาพร้อมระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam เป็นครั้งแรกใน C-Class โดยหลอดไฟ LED 84 หลอดต่อโคม สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ปรับความเข้มแสงอัตโนมัติตามสภาพการจราจร และส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร

สำหรับรุ่น The C 220 d AMG Dynamic ยังเสริมด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

การออกแบบภายใน: ความหรูหราสไตล์สปอร์ตที่ผสานเทคโนโลยีขั้นสูง

ห้องโดยสารของ The new C-Class ได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต ด้วยโครงสร้างที่ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว:

พวงมาลัย: รุ่น Avantgarde มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ส่วนรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic ใช้พวงมาลัยพร้อมระบบปรับไฟฟ้าและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ สำหรับรุ่น AMG Dynamic จะเพิ่มพวงมาลัยสปอร์ตท้ายตัดพร้อมปุ่มควบคุม Touch Control
เบาะนั่ง: รุ่น Avantgarde และ Exclusive หุ้มด้วยหนัง ARTICO ส่วนรุ่น AMG Dynamic หุ้มด้วยหนังแบบสปอร์ต เบาะหลังทุกรุ่นสามารถพับได้แบบ 1/3 และ 2/3
เทคโนโลยีจาก S-Class: The new C-Class นำเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานมาจาก S-Class โดยเฉพาะระบบ All-Digital Instrument Display หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ (Classic, Progressive, Sport)
หน้าจอมัลติมีเดีย: ขนาด 10.25 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ควบคุมระบบต่างๆ ด้วย Touchpad รองรับ Apple CarPlay™, ระบบถอยจอดอัตโนมัติ และระบบนำทาง 3 มิติ (เฉพาะรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic)
ระบบไฟ Ambient Lighting: ปรับสีได้ถึง 64 สี เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทาง
AIR BALANCE package: ในรุ่น Exclusive ช่วยฟอกอากาศและปรับอากาศให้มีกลิ่นหอมเหมือนใน S-Class ยกระดับความสบายสูงสุด

ระบบเทคโนโลยีและความปลอดภัย: เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ชั้นนำ

The new C-Class มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุดที่คล้ายคลึงกับระบบใน S-Class ซึ่งช่วยเสริมความปลอดภัยและยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น:

ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP®)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist
ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system)
ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
ระบบ DYNAMIC SELECT (Sport, Sport+ และ Comfort)
ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay™ & Android Auto
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth
ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) (เฉพาะรุ่น AMG Dynamic)
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera) (เฉพาะรุ่น AMG Dynamic)
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system (เฉพาะรุ่น AMG Dynamic)
ระบบแผนที่นำทาง (เฉพาะรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic)
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera) (เฉพาะรุ่น Avantgarde และ Exclusive)

ราคาจำหน่าย:

C 220 d Avantgarde: 2,349,000 บาท
C 220 d Exclusive: 2,690,000 บาท
C 220 d AMG Dynamic: 2,890,000 บาท

Audi ประเทศไทย: ก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์หรู ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่

ตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทย ซึ่งมียอดขายเฉลี่ยประมาณ 30,000 – 40,000 คันต่อปี มีรถยนต์ยุโรปอย่าง Mercedes-Benz, BMW และ Volvo เป็นเจ้าตลาดที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ในขณะที่ Audi (อ่านว่า อาวดี้) ถือเป็นแบรนด์รถยนต์หรูที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ

Audi Centre Thailand: ศูนย์กลางแห่งอนาคตของ Audi ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ Audi ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น Audi ได้ตัดสินใจลงทุนกว่าพันล้านบาท เปิดสำนักงานใหญ่, โชว์รูม และศูนย์บริการ หรือ Audi Centre Thailand ที่ครบวงจร ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยอาคารดีไซน์ล่าสุดแบบ Terminal Concept ตั้งอยู่ย่านเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพื่อเป็นแลนด์มาร์คและพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของ Audi

นายกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร Audi ประเทศไทย กล่าวว่า “ตามแผนกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุกเพื่อสร้างแบรนด์ Audi ในประเทศไทย ส่งผลให้อาวดี้มีการยกระดับการทำงานทุกส่วน ทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงการยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขาย”

Audi Centre Thailand ขนาด 6 ชั้น 2 อาคาร บนพื้นที่ 3 ไร่ ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานของแบรนด์ Audi ที่มีความครบวงจร ทั้งโชว์รูม ศูนย์บริการ และศูนย์ซ่อมสี-ตัวถังที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสะท้อนความจริงจังในการปักหมุดสร้างแบรนด์ของ Audi ในประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก Audi AG โดยมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

เป้าหมายยอดขายและการผลิตในอนาคต

นายกฤษฎา ล่ำซำ กล่าวเสริมว่า “ปีนี้ Audi มียอดขายกว่า 600 คันแล้ว และการเปิดศูนย์แห่งใหม่ รวมถึงในต่างจังหวัด จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และทำให้ยอดขายในปีนี้ถึง 1,200 คันตามเป้าหมายที่วางไว้ได้”

นายไมเคิล ฟริช ผู้อำนวยการอาวุโสส่วนงานขายต่างประเทศ ของ Audi กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ หาก Audi มียอดขายถึงระดับ 5,000 คันต่อปี ก็มีความเป็นไปได้ที่จะพูดคุยถึงแผนการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศ แต่ระหว่างนี้จะใช้การนำเข้าเป็นหลัก”

Audi กับอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า

สำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Plug-in Hybrid นายไมเคิล ฟริช เชื่อว่า “ประเทศไทยมีโอกาสในการทำตลาด ผู้บริโภคให้การตอบรับ และรัฐบาลให้การสนับสนุน คาดว่าในปีหน้า Audi จะนำรถยนต์ทั้ง EV และ Plug-in Hybrid เข้ามาทำตลาด”

เปิดตัว Audi Q8: SUV แห่งตระกูล Q Family ที่แรกในอาเซียน

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่รอคอยการมาของ SUV แห่งตระกูล Q Family Audi ได้ชิงเปิดตัว Audi Q8 เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รุ่นที่นำเข้ามาคือ Audi Q8 55 TFSI quattro S line ราคาจำหน่าย 6,799,000 บาท

Audi Q8 ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดสมรรถนะสูง ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ผสานเทคโนโลยี Mild Hybrid ที่ใช้ระบบกระแสไฟฟ้า 48 โวลต์ เทคโนโลยี Mild Hybrid นี้ช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนในลักษณะ “Coasting Phase” (การปล่อยให้รถวิ่งไปเองโดยไม่ใช้เครื่องยนต์) ได้ยาวนานขึ้น และเสริมการทำงานของระบบ Start-Stop ให้มีความราบรื่นจนผู้ขับขี่แทบไม่รู้สึกถึงการติด-ดับของเครื่องยนต์

ระบบขับเคลื่อน quattro: ความมั่นใจในทุกสถานการณ์

Audi Q8 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกมายาวนานกว่า 38 ปี โดยระบบนี้จะกระจายแรงบิดไปยังล้อหน้าและหลังในรูปแบบ 40:60 แต่สามารถปรับการกระจายแรงบิดได้อย่างอิสระตามสภาพการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจในการควบคุมรถยนต์ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเส้นทางโค้ง หรือบนถนนที่เปียกลื่น สอดคล้องกับปรัชญาของ Audi ที่ว่า “พละกำลังจะไร้ค่าโดยสิ้นเชิงหากขาดการควบคุม”

Mercedes-Benz ประเทศไทย: ผู้นำตลาดรถหรูต่อเนื่อง 17 ปี

ในปี 2560 Mercedes-Benz ประเทศไทย ได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 14,484 คัน ครองอันดับ 1 ของกลุ่มรถยนต์หรูในไทยเป็นปีที่ 17 ติดต่อกัน โดยได้เปิดตัวรถใหม่ถึง 10 โมเดล 18 รุ่นย่อย และสร้างสถิติใหม่ในงาน Motor Expo 2017 ด้วยยอดจองรถในงานกว่า 2,701 คัน ติด Top 5 แบรนด์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน

การแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Mercedes-Benz ประเทศไทย:

Mercedes-Benz แบ่งผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศออกเป็น 6 กลุ่มหลัก โดยแต่ละกลุ่มมียอดขายและรุ่นย่อยที่แตกต่างกัน:

Compact Car (23.4%): 3,386 คัน (CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic, GLA 200 Urban, GLA 250 AMG Dynamic)
Luxury Car (46.1%): 6,672 คัน (C 350e, E 350e, E 220d Estate AMG Dynamic, S 350d, S 500e, Mercedes-Maybach S560)
SUV (17.7%): 2,556 คัน (GLC, GLE, GLS, G 350d)
Dream Cars (11.6%): 1,685 คัน (C Coupe’, C Cabriolet, SLC, E Coupe’, E Cabriolet, SL, S Coupe’, S Cabriolet)
Mercedes-AMG (0.7%): 105 คัน (ตระกูล 45, 43, 63, GT S, GT C Roadster, GT R)
Van (0.5%): 70 คัน (Vito, V 250d)

Mercedes-Benz ประเทศไทย: รุกตลาดปี 2018 อย่างเต็มกำลัง

ในปี 2561 Mercedes-Benz ประเทศไทย วางแผนเปิดตัวรถใหม่ 10 รุ่น โดยเริ่มต้นด้วยการรุกตลาดแบรนด์ Mercedes-AMG อย่างจริงจัง ด้วยการส่ง Mercedes-AMG C43 Coupe’ รุ่นประกอบในประเทศ เป็นครั้งแรก

Mercedes-AMG: ประสิทธิภาพเหนือระดับที่สร้างความสั่นสะเทือนในตลาด

ภายใต้การนำของ Mr. Roland Folger ประธาน/CEO คนใหม่ Mercedes-Benz ประเทศไทย ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้เผยโฉม Mercedes-AMG C43 Coupe’ รุ่นปรับปรุงใหม่ พร้อมเพิ่มกำลังเป็น 390 แรงม้า ในราคาที่น่าสนใจ ตามมาด้วย AMG E63 S 4MATIC และ C200 Coupe’

Mercedes-AMG Driving Experience 2018: ปลดปล่อยสมรรถนะในสนามแข่งระดับโลก

เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และความเข้าใจในสมรรถนะของ Mercedes-AMG Mercedes-Benz/AMG ได้จัดงาน “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยงานนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กินเวลาหลายวัน เชิญสื่อมวลชนและลูกค้า VIP เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ Mercedes-AMG อย่างใกล้ชิด

บทเรียนจากสนามแข่ง: ทักษะการขับขี่ที่เหนือกว่าพลังเครื่องยนต์

ประสบการณ์การขับขี่ในสนามแข่ง ช่วยให้สื่อมวลชนได้เรียนรู้ทักษะการขับขี่ที่สำคัญ ตั้งแต่ทฤษฎีการเข้าโค้ง, การขับแบบ Motorkhana, การทดสอบระบบ ESP, ไปจนถึงการเบรกและหักหลบอย่างเฉียบคม ตัวอย่างเช่น การเรียนรู้ “Racing Line” หรือ “Apex” ที่ถูกต้องในแต่ละโค้ง ซึ่งสามารถส่งผลต่อความเร็วที่ทำได้ในสนามอย่างมีนัยสำคัญ หรือการทำความเข้าใจการทำงานของระบบ ESP ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การขับขี่รถยนต์ Mercedes-AMG: ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม

แม้ว่าบางรุ่น เช่น E63 S 4MATIC และ GT C จะมีจำนวนจำกัดและสื่อมวลชนได้รับสิทธิ์ในการขับขี่เพียงไม่กี่ท่าน แต่ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ Mercedes-AMG ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดก็ตาม ล้วนแต่เป็นโอกาสอันล้ำค่าที่ได้สัมผัสถึงสุดยอดสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ Mercedes-Benz ทุ่มเทพัฒนามาอย่างยาวนาน

Maserati ประเทศไทย: ยนตรกรรมสไตล์อิตาลีสุดหรู สู่ Motor Expo 2018

Maserati ประเทศไทย ได้นำยนตรกรรม 4 รุ่นจากประเทศอิตาลี มาร่วมจัดแสดงในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” (THE 35th THAILAND MOTOR EXPO 2018) โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ Maserati Ghibli S GranSport ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V6 สูบ เทอร์โบคู่ 430 แรงม้า

Maserati Ghibli S GranSport: เอกลักษณ์แห่งดีไซน์และสมรรถนะ

Ghibli S GranSport โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมแนวตั้ง สอดรับกับสัญลักษณ์ตรีศูลอันเป็นเอกลักษณ์ของ Maserati เครื่องยนต์เบนซิน V6 สูบ เทอร์โบคู่ 430 แรงม้า ที่ 5,750 รอบ/นาที แรงบิด 580 นิวตันเมตร ที่ 2,250-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที

ห้องโดยสารภายในออกแบบตามแนวคิด Seamless Cabin Concept ที่กว้างขวาง เบาะหนังแท้ทรงสปอร์ต วัสดุคุณภาพสูงจากอิตาลี พร้อมระบบ Infotainment รุ่นล่าสุด รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ควบคุมผ่าน Rotary Controller และหน้าจอสัมผัส 8.4 นิ้ว พร้อมระบบเสียง Harman Kardon

เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย

Maserati Ghibli S GranSport มาพร้อมไฟหน้า Adaptive Matrix LED และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่หลากหลาย เช่น Adaptive Cruise Control, Forward Collision Warning, Blind Spot Alert และ Surround View Camera

Maserati Ghibli: ทางเลือกหลากหลายสำหรับผู้ที่หลงใหลในสมรรถนะ

Maserati Ghibli ที่จำหน่ายในประเทศไทย มี 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ (เบนซิน และ ดีเซล) แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Ghibli Diesel 275 แรงม้า (ราคา 7.39 ล้านบาท), Ghibli Diesel GranLusso (7.79 ล้านบาท), Ghibli GranLusso 350 แรงม้า (8.99 ล้านบาท) และ Ghibli S GranSport 430 แรงม้า (9.99 ล้านบาท) นอกจากนี้ ยังมี Maserati Levante เริ่มต้นที่ 7.59 ล้านบาท และ Maserati Quattroporte เริ่มต้นที่ 10.9 ล้านบาท

Lamborghini Urus: Super SUV คันแรกของโลก เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

Lamborghini Urus Super SUV คันแรกของโลก ได้รับการเปิดตัวอย่างสมศักดิ์ศรีแบรนด์รถยนต์ระดับโลกในประเทศไทย โดยบริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย

Lamborghini Urus: DNA แห่ง Lamborghini ในร่าง SUV

Urus ถ่ายทอด DNA แห่ง Lamborghini ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตที่เหนือระดับ สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกสภาพการขับขี่ นับเป็นการเปิดเซกเมนต์ใหม่ในตลาดรถยนต์ Luxury ในฐานะ Super SUV ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ดีไซน์ภายนอก: ความปราดเปรียวและดุดันตามสไตล์ Lamborghini

Urus มาพร้อมการออกแบบรูปทรงและเส้นสายที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Lamborghini อย่างแท้จริง ทั้งรูปทรงด้านหน้าที่ปราดเปรียว ลาดลง ช่องรับอากาศรูปตัว Y ไฟหน้า LED เพรียวบาง ประตูแบบไร้กรอบ และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 21 นิ้ว

ห้องโดยสารภายใน: สปอร์ตหรูหรา สะท้อนเอกลักษณ์

ภายในห้องโดยสารสะท้อนเอกลักษณ์ Lamborghini ด้วยดีไซน์ทรงหกเหลี่ยม ช่องระบายอากาศ ที่จับประตู และที่วางแก้ว Urus ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการขับขี่และความสะดวกสบาย เช่น พวงมาลัยสามก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ระบบ Infotainment Lamborghini (LIS) รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ เบาะนั่งปรับไฟฟ้า และโหมดการขับขี่ EGO Mode ที่ปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของรถได้ตามความพึงพอใจของผู้ขับขี่

สมรรถนะระดับ Super SUV: เครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo 650 แรงม้า

Urus มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร Twin-Turbo ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,250 – 4,500 รอบ/นาที มีสมรรถนะสูงสุดในรถ SUV ระดับเดียวกัน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชั่วโมง ในเวลา 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 305 กม./ชั่วโมง

ระบบ Tamburo: 6 โหมดการขับขี่เพื่อทุกสภาพถนน

ระบบ Tamburo ให้เลือก 6 โหมดการขับขี่: STRADA (ทั่วไป), SPORT (มั่นคง แม่นยำ), CORSA (สมรรถนะสูงสุด), NEVE (หิมะ), TERRA (ออฟโรด), SABBIA (ทราย)

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS: ความปลอดภัยและสุนทรียภาพสูงสุด

Urus มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เทคโนโลยีเฉพาะของ Lamborghini ให้ความมั่นคง ปลอดภัย และสุนทรียภาพสูงสุด

ราคาจำหน่ายและการบริการ

Lamborghini Urus มีราคาเริ่มต้นที่ 23,420,000 บาท พร้อมบริการหลังการขายและซ่อมบำรุงครบวงจร 5 ปี พบตัวจริงได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35

Mercedes-Benz ประเทศไทย: ส่งท้ายปี 2018 ด้วย AMG CLS 53 4MATIC+ และ GT S พร้อมโชว์รถต้นแบบ EQA

Mercedes-Benz ประเทศไทย ปิดท้ายปี 2018 ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ AMG 2 รุ่นใหม่ คือ CLS 53 4MATIC+ ราคา 7.09 ล้านบาท และ GT S ราคา 14.9 ล้านบาท เอาใจคนไทยที่ชื่นชอบความหรูหราพ่วงสมรรถนะสูง พร้อมจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA เพื่อสำรวจตลาดไทยในงาน Motor Expo 2018

การนำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก

นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ภายในบูธได้แบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์ Mercedes-Benz ในกลุ่ม Compact Car, Contemporary, Luxury, Dream Car, SUV รวมถึงแบรนด์ Mercedes-Maybach, Mercedes-AMG และ EQ Power เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสผลิตภัณฑ์แต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิด”

Mercedes-AMG: การเติบโตที่น่าจับตามอง

แบรนด์ Mercedes-AMG มีความสำคัญอย่างยิ่ง และมีอัตราการเติบโตถึงประมาณ 400% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยงาน Motor Expo ครั้งนี้เป็นการสานต่อความร้อนแรงของรถกลุ่มนี้ หลังจากการทดสอบสมรรถนะครบทั้งตระกูลเป็นครั้งแรกในไทย

ไฮไลท์: Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG GT S

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+: ผสมผสานเครื่องยนต์ 435 แรงม้า รูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และอัตราการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม ดีไซน์ภายในและภายนอกหรูหรา มีความหลากหลาย และเข้ากับรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ ราคาจำหน่าย 7,090,000 บาท
Mercedes-AMG GT S: รถยนต์คูเป้ตัวถังน้ำหนักเบาแบบ Spaceframe เครื่องยนต์ V8 Biturbo เกียร์คลัทช์ 7 สปีด เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็วและแรง ราคาจำหน่าย 14,900,000 บาท

Mercedes-Benz EQA Concept: วิสัยทัศน์แห่งยานยนต์ไฟฟ้าคอมแพค

Mercedes-Benz EQA Concept รถยนต์ต้นแบบไฟฟ้า 100% แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ EQ ที่จะนำมาใช้ในรถกลุ่มคอมแพค ผสานความคล่องตัวกับระยะทางขับขี่ที่ยาวไกล (ประมาณ 400 กิโลเมตร) เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ย้ำเตือนความมุ่งมั่นของ Mercedes-Benz ในการเดินทางแห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทัพรถยนต์ Mercedes-AMG ครบครันที่สุดในงาน

Mercedes-Benz ได้นำรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG กว่า 8 รุ่น มาจัดแสดง ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพคในรุ่น 45, รถซาลูนรุ่นประกอบในประเทศ, รถสไตล์คูเป้รุ่น 43, รุ่น 53 ที่เพิ่งเปิดตัว, รุ่น 63 และตระกูล AMG GT (GT S, GT C, GT R) ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยนำมาจัดแสดงในประเทศไทย

ปัจจุบัน Mercedes-AMG มีจำหน่ายในประเทศไทยรวม 13 รุ่น

ภาพรวมตลาดรถยนต์ปี 2561: การเตรียมพร้อมของค่ายรถยนต์ต่างๆ

งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี เป็นเวทีสำคัญที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้นำเสนอเทคโนโลยียานยนต์และรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างเต็มที่:

Audi: เตรียมส่ง Audi A7 Sportback และ Audi A8 L รถยนต์นั่งพรีเมี่ยมเจนใหม่
BMW: นำเสนอ BMW 5 Series Touring, BMW M5, และ BMW M4 CS รถสปอร์ตสมรรถนะสูง
Chevrolet: เปิดตัวรุ่นพิเศษ Chevrolet Colorado Centennial Edition
Ford: คาดว่าจะเผยราคา Ford Ranger Raptor กระบะพันธุ์โหด
Honda: นำเสนอ Honda Civic Hatchback และ Honda Clarity Fuel Cell ยานยนต์ไฮโดรเจน
Hyundai: เปิดตัว Hyundai IONIQ EV รถยนต์ไฟฟ้า และ Hyundai H-1 Black Series รถตู้รุ่นพิเศษ
ISUZU: ส่ง New ISUZU MU-X THE ICONIC อเนกประสงค์หรูพิเศษ
Jaguar: เปิดตัว NEW JAGUAR E-PACE อเนกประสงค์สไตล์สปอร์ต
KIA: นำเสนอ KIA Grand Carnival Facelift และ KIA Stinger รถเก๋งพรีเมี่ยม
Mazda: อัพเดท Mazda 3 MY 2018 และคาดว่าจะมี CX-5 รุ่นใหม่
Mercedes-Benz: เตรียมพบกับ Mercedes-Benz S-Class รุ่นประกอบไทย, All New Mercedes-Benz CLS, Mercedes-Benz GLC Coupe และ Mercedes-Benz E 200 Coupé AMG Dynamic
Mitsubishi: คาดว่าจะเผยโฉม Mitsubishi Pajero Sport Limited Edition และ Mitsubishi Triton Athlete Mega Cab Plus
Nissan: เปิดตัว Nissan GT-R และ Nissan Leaf ยานยนต์ไฟฟ้า 100%, Nissan Note e-Power และ Nissan Navara MY 2018
Suzuki: นำเสนอ All New Suzuki Swift Sport Hatchback และ Suzuki Ciaz ที่เพิ่มออปชั่น
Toyota: แนะนำ Toyota Alphard – Vellfire Facelift และคาดว่าจะโชว์ Toyota C-HR
Volvo: เปิดตัว Volvo XC60 เจนใหม่

Porsche Panamera: สุดยอด Gran Turismo ที่เหนือกว่าทุกคำนิยาม

Porsche Panamera ไม่ใช่เพียงรถหรู แต่คือการผสมผสานความเป็นรถสปอร์ต GT และซีดานคันใหญ่เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น การออกแบบที่สวยงาม และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย Panamera ได้รับการยกย่องว่าเป็น “Sports Car of its segment” อย่างแท้จริง

การออกแบบภายนอก: ความงามสง่าที่สืบทอด DNA ของ 911

Panamera เจเนอเรชั่นใหม่ (971) ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ภายนอกให้สวยงามน่ามองยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสัดส่วนที่ดูเตี้ย แบน กว้าง และการออกแบบไฟท้ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 911 ทำให้ Panamera ใหม่ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น

ห้องโดยสาร: ความหรูหรา ทันสมัย และอัจฉริยะ

ภายในห้องโดยสารของ Panamera ใหม่ โดดเด่นด้วยการออกแบบ Porsche Advanced Cockpit ที่เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย และลดจำนวนปุ่มควบคุมลง โดยใช้หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เป็นศูนย์กลางในการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ระบบวัสดุและการตกแต่งภายในล้วนใช้วัสดุคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมียม

เทคโนโลยีล้ำสมัย: การเชื่อมต่อและการควบคุมที่เหนือกว่า

Panamera ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย เช่น ระบบนำทางแบบจอใหญ่, กล้องรอบคัน 5 มุมมอง, ระบบ Traffic Jam Assist, และระบบ Infotainment ที่ใช้งานง่าย ควบคู่ไปกับมาตรวัดดิจิทัลที่ให้ข้อมูลครบถ้วน

ขุมพลังอันทรงพลัง: V6 และ V8 ที่ตอบสนองทุกความต้องการ

Panamera 4 E-Hybrid: เครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดและสมรรถนะที่น่าทึ่ง
Panamera 4S: เครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 440 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที คือตัวเลือกที่สมดุลระหว่างสมรรถนะและความคล่องตัว
Panamera Turbo: เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที มอบพละกำลังระดับซูเปอร์คาร์

ระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง: ความแม่นยำและการควบคุมที่เหนือกว่า

Panamera ทุกรุ่นใช้ระบบส่งกำลัง PDK คลัตช์คู่ 8 จังหวะ ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ PTM (Porsche Traction Management) และช่วงล่างแบบ Air Suspension ที่สามารถปรับระดับความสูงและปรับความหนืดได้ ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสถานการณ์

การขับขี่: ประสบการณ์ Gran Turismo ที่สมบูรณ์แบบ

Porsche Panamera มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ คือความรู้สึกของรถสปอร์ตคันโตที่ขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว เกาะถนนได้อย่างมั่นคง แม้ในความเร็วสูง และให้ความสบายในการเดินทางไกล

การเลือกรุ่นที่ใช่สำหรับคุณ:

Panamera 4 E-Hybrid: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัดและสมรรถนะที่ดีในราคาที่เข้าถึงได้มากที่สุด
Panamera 4S: คือตัวเลือกที่สมดุลที่สุด มอบสมรรถนะที่สนุกสนาน ความคล่องตัว และความสบายในการเดินทาง
Panamera Turbo: สำหรับผู้ที่ต้องการสุดยอดสมรรถนะ พละกำลัง และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ

Porsche Panamera: ยนตรกรรมที่สะท้อนรสนิยมและความสำเร็จ

Porsche Panamera ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จ รสนิยม และความหลงใหลในสมรรถนะ หากคุณกำลังมองหายานยนต์ที่ผสมผสานความเป็นสปอร์ต ความหรูหรา และเทคโนโลยีชั้นนำเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ Porsche Panamera คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม

เปิดประสบการณ์สัมผัส Porsche Panamera ได้แล้ววันนี้ที่ AAS Autoservice

หากคุณมีความสนใจใน Porsche Panamera หรือต้องการสัมผัสประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ Porsche รุ่นอื่นๆ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ที่ AAS Autoservice ตัวแทนจำหน่าย Porsche อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อให้ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้มอบคำแนะนำและบริการที่ดีที่สุดแก่คุณ.

Previous Post

N2512052 ไม แต งงานไม แต ทำน ยแบบน บไม ได (ละครส น) part2

Next Post

N2512035 แม วต วแสบ ละครส นต องมนต part2

Next Post
N2512035 แม วต วแสบ ละครส นต องมนต part2

N2512035 แม วต วแสบ ละครส นต องมนต part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.