• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2512047 ำเส (ละครส น) part2

admin79 by admin79
December 18, 2025
in Uncategorized
0
N2512047 ำเส (ละครส น) part2

Alpine A290: จิตวิญญาณ Hot Hatch แห่งอนาคต ผสมผสานสไตล์รถแข่ง กับเทคโนโลยีไฟฟ้า

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มาเกือบหนึ่งทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการก้าวเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่ไม่เพียงแต่เป็นเพียงทางเลือกที่รักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น และเมื่อพูดถึง Alpine แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องสมรรถนะและความสปอร์ตระดับตำนาน การเปิดตัว Alpine A290 ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Hot Hatch ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

Alpine A290 ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าธรรมดา แต่เป็นการผสมผสานจิตวิญญาณของรถแข่ง Formula 1 และรถสปอร์ต GT เข้ากับแพลตฟอร์ม EV อันทันสมัย โดยมีหัวใจหลักคือการวางตำแหน่งผู้ขับขี่ให้อยู่กึ่งกลางห้องโดยสาร สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าหลงใหล เปรียบเสมือนนักแข่งรถมืออาชีพที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยท่ามกลางสนามแข่ง

แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง สู่ดีไซน์ที่เร้าใจ

Alpine A290 ได้รับการออกแบบโดยดึงเอา DNA ของรถแข่ง Alpine มาใช้เต็มพิกัด ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกไปจนถึงรายละเอียดภายในห้องโดยสาร แม้ตัวรถจะมีขนาดกะทัดรัด เพียง 159.4 นิ้ว (4.05 เมตร) แต่กลับโดดเด่นด้วยล้อขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว ที่ดูลงตัวกับสัดส่วนของรถ สร้างภาพลักษณ์ที่ทรงพลังและปราดเปรียว

จุดเด่นที่สะดุดตาที่สุดคือการจัดวางตำแหน่งผู้ขับขี่ให้อยู่กึ่งกลางห้องโดยสาร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจาก McLaren F1 ตำแหน่งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความแปลกใหม่ แต่ยังช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่จะรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ราวกับกำลังควบคุมเครื่องจักรสมรรถนะสูง นอกจากนี้ เบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีทที่โอบกระชับสรีระ ก็ถูกออกแบบมาเพื่อมอบความสบายและรองรับสรีระของผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยได้แรงบันดาลใจจากเบาะนั่งของรถ Formula 1

พวงมาลัยของ A290 ก็ได้รับการถ่ายทอดดีไซน์มาจากมอเตอร์สปอร์ตเช่นกัน ด้วยรูปทรงแปดเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมปุ่ม “Override” ที่สามารถปลดปล่อยพละกำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าได้นาน 10 วินาที มอบการเร่งแซงที่เหนือกว่าใคร นอกจากนี้ พวงมาลัยยังอัดแน่นไปด้วยปุ่มควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับนักขับ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าระบบ ABS ที่มีถึง 11 ระดับ, การควบคุมวิทยุ, หรือการจำกัดความเร็วในพิทเลน

เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสมรรถนะสูงสุด

Alpine A290 มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ Wet, Dry, และ Full ซึ่งแต่ละโหมดจะปรับการตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าที่ติดตั้งมาให้ ปลดล็อกสมรรถนะสูงสุดตามสภาพการณ์ขับขี่ Alpine ระบุว่าปุ่ม Override ที่พวงมาลัย จะถูกส่งต่อไปยังรถที่ผลิตจริง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับสมรรถนะอันเร้าใจอย่างเต็มที่

สำหรับรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับระบบส่งกำลังและการจัดการพลังงานในรุ่นที่วางจำหน่ายจริง อาจมีการปรับปรุงเพิ่มเติมจากรุ่นต้นแบบที่จัดแสดง แต่สิ่งที่แน่นอนคือ Alpine A290 จะยังคงไว้ซึ่งหัวใจของรถยนต์ที่มอบความสนุกสนานในการขับขี่ และการตอบสนองที่เฉียบคมตามแบบฉบับของ Alpine

การก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ Alpine

การเปิดตัว Alpine A290 เป็นเครื่องยืนยันถึงทิศทางในอนาคตของแบรนด์ Alpine ที่จะก้าวไปสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยไม่ทิ้งจิตวิญญาณแห่งรถแข่งที่สืบทอดมา การผสานเทคโนโลยี EV เข้ากับดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ทำให้ A290 เป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีศักยภาพที่จะจุดประกายความสนใจให้กับผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มอบทั้งสมรรถนะ ความสนุก และสไตล์ที่แตกต่าง

ตลาดรถยนต์ลักชัวรีและซูเปอร์คาร์: ความท้าทายและโอกาสในปี 2025

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมและซูเปอร์คาร์ ผมมองว่าปี 2568 นี้ เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ลักชัวรีและซูเปอร์คาร์ในประเทศไทย

แนวโน้มภาษีใหม่: การปรับตัวของตลาด

ประเด็นสำคัญที่กำลังจะส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ คือแนวโน้มการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตรขึ้นไป โดยเฉพาะเครื่องยนต์ V8 ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาของภาครัฐ แม้ว่าผลกระทบโดยตรงต่อแบรนด์อย่าง Maserati อาจจะไม่มากเท่าผู้ผลิตรายอื่น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลสะเทือนไปทั่วทั้งวงการ

มาเซราติ ประเทศไทย: มองการณ์ไกลสู่ปี 2025

คุณปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ มาเซราติ ประเทศไทย ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า แม้การปรับภาษีดังกล่าวอาจไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแบรนด์ Maserati มากนัก แต่ก็คาดว่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ลักชัวรีคาร์และซูเปอร์คาร์ในปี 2569 ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเร่งกำลังซื้อในปี 2568 นี้เอง

สิ่งที่น่าจับตาคือ ผู้ประกอบการที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์กลุ่มพลังงานไฟฟ้าในพอร์ตโฟลิโอ อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากกว่า เนื่องจากจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นราคาจำหน่ายโดยประมาณ 25% เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากประสบการณ์ในสิงคโปร์ที่เคยใช้มาตรการภาษีลักษณะนี้ ตลาดใช้เวลาประมาณหนึ่งปีครึ่งในการปรับตัว ซึ่งในประเทศไทย เราต้องจับตาดูต่อไปว่าผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจะเป็นเช่นไร

กลุ่มลูกค้าที่หันมาสนใจ EV มากขึ้น

สิ่งที่น่าเป็นสัญญาณที่ดีคือ การที่ลูกค้าในกลุ่มอายุ 35-45 ปี เริ่มให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้า 100% มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Maserati MC20, Gran Turismo และ Grecale ที่มีเวอร์ชันไฟฟ้าให้เลือก และได้รับความนิยมอย่างสูง สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับเทคโนโลยีใหม่และความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจชะลอตัว: ผลกระทบต่อตลาดรถมือสอง

อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันยังคงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดรถกลุ่มนี้ขยายตัวได้ช้าลง นอกจากนี้ การนำรถคันเดิมมาขายต่อก็ค่อนข้างยาก เนื่องจากลูกค้ายังต้องการเก็บเงินสดไว้ ส่งผลให้ตลาดรถมือสองหดตัวตามไปด้วย

Maserati Gran Cabrio: นิยามใหม่ของความหรูหราและสมรรถนะ

ล่าสุด Maserati ได้เปิดตัว Gran Cabrio ใหม่ ซึ่งมีทั้งรุ่น Trofeo เครื่องยนต์ Nettuno อันทรงพลัง และรุ่น Folgore ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ในราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการรุกตลาดรถยนต์หรูที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายสำหรับลูกค้า

Great Wall Motor (GWM): สู่การท้าชน Ferrari ด้วย Supercar สัญชาติจีน

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าการที่ GWM กำลังพัฒนารถซูเปอร์คาร์เพื่อท้าชนแบรนด์ระดับโลกอย่าง Ferrari ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่น่าสนใจของการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์จีน

GWM Zixin Auto: ความทะเยอทะยานสู่ตลาด Hypercar

ภาพทีเซอร์รถซูเปอร์คาร์ที่ GWM เผยแพร่ในช่วงฉลองครบรอบ 35 ปีของบริษัท บ่งชี้ถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ในการก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงระดับสูงสุด การลงทุนในโครงการนี้บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวของ GWM ที่ต้องการพิสูจน์ศักยภาพในทุกเซกเมนต์

การพัฒนาภายใต้ Ultra Luxury Vehicle Business Group

การจัดตั้ง Ultra Luxury Vehicle Business Group ภายใต้การนำของคุณ Wei Jianjun สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังในการพัฒนารถยนต์ระดับไฮเอนด์นี้ โดยมีการสรรหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในระดับนานาชาติเข้ามาเสริมศักยภาพด้านการออกแบบและวิศวกรรม

เป้าหมายสมรรถนะท้าชน Ferrari SF90

ข้อมูลที่ว่า GWM มี Ferrari SF90 เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการพัฒนา ยิ่งตอกย้ำถึงความทะเยอทะยานของแบรนด์ โดยคาดการณ์ว่ารถรุ่นนี้จะใช้เครื่องยนต์ V8 Twin-turbo 4.0 ลิตร พร้อมระบบ Plug-in Hybrid (PHEV) ที่ให้กำลังรวมกว่า 1,000 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 3 วินาที และความเร็วสูงสุดเกิน 350 กม./ชม. หากเป็นไปตามนี้จริง GWM จะสามารถแข่งขันกับซูเปอร์คาร์ยุโรปได้อย่างสมศักดิ์ศรี

ราคาที่เข้าถึงได้: กลยุทธ์สำคัญของ GWM

สิ่งที่น่าสนใจคือการตั้งราคาที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2 ล้านหยวน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของราคา Ferrari SF90 ในประเทศจีน นี่คือกลยุทธ์ที่ GWM ใช้มาโดยตลอด คือการนำเสนอเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ระดับโลก แต่ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่า

ก้าวสำคัญของ GWM ในตลาด Supercar

การเข้าสู่ตลาด Supercar ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางครั้งสำคัญของ GWM ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านรถ SUV และรถกระบะ นี่คือการแสดงออกถึงความพร้อมที่จะแข่งขันในทุกเซกเมนต์ของตลาด และยังสะท้อนเทรนด์ของผู้ผลิตรถยนต์จีนที่กำลังขยายขีดความสามารถไปสู่กลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง

Mercedes-Benz: กลยุทธ์การแบ่งเซกเมนต์เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ

ในฐานะผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับตลาดรถยนต์พรีเมียม ผมเห็นว่า Mercedes-Benz กำลังดำเนินกลยุทธ์การแบ่งเซกเมนต์และสร้างแบรนด์ย่อยที่ชัดเจน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างแบรนด์ย่อย: Mercedes-AMG, Mercedes-EQ, Mercedes-Maybach

การเปิดตัว Mercedes-AMG สำหรับตลาดรถสมรรถนะสูง, Mercedes-EQ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และล่าสุด Mercedes-Maybach สำหรับกลุ่ม Ultra Luxury ถือเป็นการจัดโครงสร้างทางการตลาดที่ชาญฉลาด การมีตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์ในการทำตลาดเฉพาะกลุ่มเหล่านี้ ช่วยให้แบรนด์สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงจุด และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

Mercedes-Maybach: การเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่

การแต่งตั้งผู้จำหน่าย 4 รายสำหรับ Mercedes-Maybach โดยเฉพาะ เช่น เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป, ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์, สตาร์แฟลก แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะผลักดันแบรนด์ Maybach ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น

Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium และ S 580 4MATIC Premium

การเปิดตัว Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium และ Mercedes-Maybach S 580 4MATIC Premium เป็นการตอกย้ำถึงการมุ่งเน้นที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความหรูหราสูงสุด และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ

การปรับตำแหน่งทางการตลาดของ Maybach

ผมมองว่า การปรับตำแหน่งทางการตลาดของ Maybach ให้มีราคาอยู่ระหว่าง S-Class และรถกลุ่ม Super Luxury เป็นก้าวที่สำคัญ ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม S-Class ที่ต้องการยกระดับขึ้นมาได้ง่ายขึ้น เป็นบันไดให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถขยับมาสู่แบรนด์ Maybach ได้

การผลิต Maybach ในไทย: โอกาสครั้งสำคัญ

แผนการประกอบ Mercedes-Maybach ในประเทศไทย (CKD) โดยจะเป็นหนึ่งในสองประเทศแรกของโลกที่ผลิตรุ่น Plug-in Hybrid ควบคู่ไปกับจีน นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าชาวไทยสามารถเข้าถึง Maybach ได้ง่ายขึ้น ด้วยการลดภาระภาษีนำเข้า การเริ่มส่งมอบรถภายในไตรมาสแรกของปี 2566 เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Mercedes-Benz ที่มีต่อตลาดประเทศไทย

Volvo S90: การปรับปรุงที่เน้นความหรูหราและเทคโนโลยี

การปรับโฉม (Minor Change) ครั้งที่สองของ Volvo S90 ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Volvo ในการรักษาความสดใหม่และเพิ่มคุณสมบัติที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

การออกแบบภายนอก: ความสง่างามเหนือกาลเวลา

การปรับดีไซน์กระจังหน้าทรง 8 เหลี่ยมใหม่ พร้อมตราสัญลักษณ์ Iron Mark และไฟหน้า Matrix LED รูปทรง Thor’s Hammer แบบรมดำ ช่วยเพิ่มความหรูหราและทันสมัยให้กับ S90 ด้านท้ายรถยังได้รับการปรับปรุงให้มีความสง่างามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการย้ายตำแหน่งป้ายทะเบียนมาอยู่ที่ฝาท้าย

การออกแบบภายใน: เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อประสบการณ์ที่เหนือกว่า

ภายในห้องโดยสารได้รับการอัปเกรดอย่างเห็นได้ชัด ด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 11.2 นิ้ว พร้อม Google Built-in ที่ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Google Maps, Google Assistant และ Spotify เป็นไปอย่างราบรื่น ระบบ Sensus Connect ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS และ Android

ระบบเสียง Bowers & Wilkins: มอบประสบการณ์เสียงระดับคอนเสิร์ตฮอลล์

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงเพลง ระบบเครื่องเสียง Premium Sound by Bowers & Wilkins พร้อมลำโพง 19 ตัวรอบห้องโดยสาร และแอมพลิฟายเออร์ 1,400 วัตต์ 12-แชนเนล มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและมิติเสียงที่สมจริง ราวกับกำลังนั่งฟังดนตรีสดในคอนเสิร์ตฮอลล์

ขุมพลัง Plug-in Hybrid T8: สมรรถนะที่เหนือกว่าพร้อมความประหยัด

หัวใจสำคัญของการปรับโฉมครั้งนี้คือขุมพลัง T8 Plug-in Hybrid AWD ซึ่งผสานเครื่องยนต์เบนซิน Twin Engine 2.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 462 แรงม้า และแรงบิด 709 นิวตันเมตร สามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 98.2 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที และอัตราประหยัดน้ำมันที่น่าประทับใจถึง 71.4 กิโลเมตรต่อลิตร

ความปลอดภัยระดับสูง: เทคโนโลยี Pilot Assist และระบบช่วยเหลือการขับขี่

Volvo S90 ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยอันแข็งแกร่งของ Volvo ด้วยระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Pilot Assist, ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้างขณะถอยหลัง พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ และระบบช่วงล่างแบบถุงลม Four-C Air Suspension ที่ปรับการทำงานตามโหมดการขับขี่

Lamborghini Urus SE: การปฏิวัติ Super SUV ด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid

การเปิดตัว Lamborghini Urus SE ถือเป็นก้าวสำคัญของ Lamborghini ในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Super SUV

Super SUV Plug-in Hybrid รุ่นแรกของ Lamborghini

Urus SE คือ Super SUV Plug-in Hybrid รุ่นแรกของ Lamborghini ที่ผสานขุมพลังเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo 4.0 ลิตร เข้ากับระบบส่งกำลังไฟฟ้า มอบกำลังรวมสูงสุดถึง 800 CV และแรงบิด 950 Nm โดดเด่นด้วยระยะทางวิ่งโหมดไฟฟ้า (EV Mode) ได้ไกลกว่า 60 กม. และลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 80%

สมรรถนะเหนือระดับ: ประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้คู่แข่ง

Urus SE มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยระบบเวคเตอร์แรงบิดไฟฟ้าตามแนวยาวรูปแบบใหม่ และระบบเฟืองท้ายไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อกระจายแรงบิดได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 312 กม./ชม. ยืนยันถึงสมรรถนะที่แท้จริงของ Lamborghini

การออกแบบที่เน้นพลศาสตร์และสุนทรียศาสตร์

ดีไซน์ของ Urus SE ได้รับการปรับปรุงให้เน้นพลศาสตร์มากขึ้น ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวสะท้อนความเป็นรถสปอร์ต และองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มแรงกดดาวน์ฟอร์ซ เช่น สปอยเลอร์หลังที่ทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์หลัง การออกแบบส่วนท้ายยังได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Gallardo เพื่อความลงตัวและความสง่างาม

เทคโนโลยีล้ำสมัยภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารยังคงไว้ซึ่งปรัชญา “Feel like a pilot” ด้วยการผสมผสานการตกแต่งหรูหราเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย จอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ Lamborghini Infotainment System (LIS) และระบบวัดระยะสำหรับรุ่น SE ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับตัวรถ

โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย: ตอบสนองทุกสไตล์

Urus SE มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Strada, Sport, Corsa (สำหรับท้องถนนและสนามแข่ง) รวมถึง Neve, Sabbia และ Terra (สำหรับพื้นผิวที่แตกต่างกัน) ผสานการทำงานร่วมกับระบบ EV Drive, Hybrid, Performance และ Recharge เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

ZEEKR: แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชัวรี ที่พร้อมบุกตลาดไทย

ZEEKR แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม-ลักชัวรีจากประเทศจีน กำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดประเทศไทย ด้วยการนำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำในงาน Bangkok International Motor Show 2025

การจัดแสดงยานยนต์ไฮไลท์

ZEEKR จะนำทัพยานยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจมาจัดแสดงในงาน ได้แก่ ZEEKR X (Premium Compact SUV), ZEEKR 009 (Luxury MPV EV) ในรุ่น 6 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง, ZEEKR 001 FR (Shooting Brake สมรรถนะสูง) และ Concept Car ภายใต้ชื่อ ZEEKR Group

เปิดรับจองสิทธิ์รุ่นใหม่: ZEEKR 7X และ ZEEKR 009 รุ่นมอเตอร์เดี่ยว 7 ที่นั่ง

ไฮไลท์สำคัญคือการเปิดรับจองสิทธิ์สำหรับ ZEEKR 7X (Luxury SUV) และ ZEEKR 009 รุ่นมอเตอร์เดี่ยว 7 ที่นั่ง (Luxury MPV) ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดไทยที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มอบทั้งความหรูหรา ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย

กลยุทธ์ “Imagine Beyond”: สู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืน

ZEEKR มุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตแห่งการขับขี่ที่ยั่งยืน ด้วยแนวคิด “Imagine Beyond” ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่เทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

โปรโมชั่นสุดพิเศษ: ดึงดูดใจลูกค้า

เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้า ZEEKR ยังได้มอบโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถยนต์ภายในงาน ซึ่งรวมถึงการรับฟรี Wallbox, สายชาร์จฉุกเฉิน, ประกันภัยชั้นหนึ่ง, ค่าจดทะเบียน, บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน, ค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษา และการรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่

Denza Z: การก้าวสู่โลกซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าของ BYD

Denza แบรนด์ในเครือ BYD กำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัว Denza Z ซึ่งคาดว่าจะเป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาท้าชนกับซูเปอร์คาร์จากยุโรป

เทคโนโลยี Steer-by-Wire และ DiSus-M

Denza Z จะมาพร้อมเทคโนโลยี Steer-by-Wire ที่ทำให้พวงมาลัยสามารถพับเก็บได้ และระบบช่วงล่าง DiSus-M ซึ่งเป็นการควบคุมช่วงล่างแม่เหล็กไฟฟ้าที่พัฒนาโดย BYD เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น

ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจาก Lamborghini และ McLaren

การออกแบบของ Denza Z ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini และ McLaren เพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่สปอร์ต ดุดัน และน่าดึงดูด

การเปิดตัวในตลาดออสเตรเลียและแผนการผลิต

BYD ยืนยันการเปิดตัวแบรนด์ Denza ในตลาดออสเตรเลีย โดยจะเน้นทำตลาด SUV แบบ Plug-in Hybrid ก่อน ส่วน Denza Z คาดว่าจะเข้าสู่สายการผลิตจริงในปี 2026

MG IM6: ยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะ พร้อมบุกตลาดไทยในเดือนมีนาคม 2568

MG ประเทศไทย เตรียมสร้างความฮือฮาในตลาดรถยนต์ไทย ด้วยการเปิดตัว NEW MG IM6 ยนตรกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม ที่พร้อมจะเข้ามาเปลี่ยนโฉมวงการยานยนต์ไทย

ความร่วมมือ 3 ยักษ์ใหญ่: SAIC MOTOR, Zhangjiang Hi-Tech, และ Alibaba Group

IM6 ถือเป็นผลผลิตจากความร่วมมือของ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งรวมเอาความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรถยนต์ เทคโนโลยีขั้นสูง และความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล เข้าไว้ด้วยกัน

แนวคิด “Intelligence in Motion”: ยกระดับประสบการณ์การขับขี่

ภายใต้แนวคิด “Intelligence in Motion” IM6 มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติประสบการณ์การขับขี่ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย โดยวางรากฐานการพัฒนาบน 3 เสาหลัก คือ Intelligent Driving Experience, Futuristic Safety Technology, และ Advanced Electrification

รางวัลการันตีความเป็นเลิศด้านการออกแบบและความปลอดภัย

IM6 ได้รับรางวัล Red Dot Design Award และ Product Design Award จากการออกแบบที่โดดเด่น และยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก C-NCAP ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพและความปลอดภัย

ความสำเร็จในตลาดจีน: ยอดขายทะลุ 70,000 คัน

IM6 ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในตลาดจีน ด้วยยอดขายสะสมกว่า 70,000 คัน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อรถ e-SUV ไฟฟ้าขนาดกลางถึงใหญ่รุ่นนี้

MG IM6: ทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคชาวไทย

การเปิดตัว NEW MG IM6 ในประเทศไทย จะเป็นการยกระดับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมให้ทัดเทียมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัยให้กับผู้บริโภคชาวไทย

Avatr 11 รุ่นปรับโฉมใหม่: SUV อัจฉริยะระดับหรู พร้อมเทคโนโลยีจาก Huawei

Avatr แบรนด์รถยนต์อัจฉริยะภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Changan Automobile, CATL และ Huawei เปิดตัว Avatr 11 รุ่นปรับโฉมใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศจีน พร้อมด้วยรุ่นพิเศษ Dark Knight ที่เน้นสมรรถนะ

เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะจาก Huawei: Qiankun ADS

Avatr 11 มาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ Qiankun ADS จาก Huawei ที่ใช้ LiDAR 3 จุด ช่วยให้รถสามารถนำทางแบบอัตโนมัติจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ

รุ่น Max: อุปกรณ์มาตรฐานระดับพรีเมียม

รุ่น Max มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานระดับพรีเมียม เช่น ระบบเสียง Bowers & Wilkins, สปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟ, ประตูดูดไฟฟ้า และเบาะหน้า Zero-gravity

รุ่นพิเศษ Dark Knight: ช่วงล่าง KONI สมรรถนะสูง

รุ่นพิเศษ Dark Knight โดดเด่นด้วยช่วงล่างสมรรถนะสูงจาก KONI ที่ปกติจะพบได้ในรถหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ

Mercedes-Maybach S 580 e: ความหรูหราประกอบในประเทศ พร้อมทางเลือก Plug-in Hybrid

Mercedes-Maybach S 580 e รุ่นประกอบในประเทศ (CKD) เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Mercedes-Benz ในการขยายตลาดรถยนต์ระดับ Ultra Luxury ในประเทศไทย

ขุมพลัง Plug-in Hybrid: ประสิทธิภาพและยั่งยืน

S 580 e ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่ผสานเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เทอร์โบ กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 510 แรงม้า สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร (WLTP)

การออกแบบที่สะท้อนความหรูหราเหนือกาลเวลา

การออกแบบภายนอกยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Maybach ด้วยกระจังหน้าโครเมียม, ไฟหน้า Digital Light และไฟท้าย LED พิเศษ ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกครบครัน

การปรับตำแหน่งทางการตลาด: ขยายฐานลูกค้า

การปรับตำแหน่งทางการตลาดของ Maybach ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ช่วยขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรที่ต้องการรถประจำตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง

Volvo S90: การปรับปรุงที่เน้นความหรูหราและเทคโนโลยี

การปรับโฉม (Minor Change) ครั้งที่สองของ Volvo S90 ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Volvo ในการรักษาความสดใหม่และเพิ่มคุณสมบัติที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

การออกแบบภายนอก: ความสง่างามเหนือกาลเวลา

การปรับดีไซน์กระจังหน้าทรง 8 เหลี่ยมใหม่ พร้อมตราสัญลักษณ์ Iron Mark และไฟหน้า Matrix LED รูปทรง Thor’s Hammer แบบรมดำ ช่วยเพิ่มความหรูหราและทันสมัยให้กับ S90 ด้านท้ายรถยังได้รับการปรับปรุงให้มีความสง่างามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการย้ายตำแหน่งป้ายทะเบียนมาอยู่ที่ฝาท้าย

การออกแบบภายใน: เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อประสบการณ์ที่เหนือกว่า

ภายในห้องโดยสารได้รับการอัปเกรดอย่างเห็นได้ชัด ด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 11.2 นิ้ว พร้อม Google Built-in ที่ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Google Maps, Google Assistant และ Spotify เป็นไปอย่างราบรื่น ระบบ Sensus Connect ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS และ Android

ระบบเสียง Bowers & Wilkins: มอบประสบการณ์เสียงระดับคอนเสิร์ตฮอลล์

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงเพลง ระบบเครื่องเสียง Premium Sound by Bowers & Wilkins พร้อมลำโพง 19 ตัวรอบห้องโดยสาร และแอมพลิฟายเออร์ 1,400 วัตต์ 12-แชนเนล มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและมิติเสียงที่สมจริง ราวกับกำลังนั่งฟังดนตรีสดในคอนเสิร์ตฮอลล์

ขุมพลัง Plug-in Hybrid T8: สมรรถนะที่เหนือกว่าพร้อมความประหยัด

หัวใจสำคัญของการปรับโฉมครั้งนี้คือขุมพลัง T8 Plug-in Hybrid AWD ซึ่งผสานเครื่องยนต์เบนซิน Twin Engine 2.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 462 แรงม้า และแรงบิด 709 นิวตันเมตร สามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 98.2 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที และอัตราประหยัดน้ำมันที่น่าประทับใจถึง 71.4 กิโลเมตรต่อลิตร

ความปลอดภัยระดับสูง: เทคโนโลยี Pilot Assist และระบบช่วยเหลือการขับขี่

Volvo S90 ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยอันแข็งแกร่งของ Volvo ด้วยระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Pilot Assist, ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้างขณะถอยหลัง พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ และระบบช่วงล่างแบบถุงลม Four-C Air Suspension ที่ปรับการทำงานตามโหมดการขับขี่

Lamborghini Urus SE: การปฏิวัติ Super SUV ด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid

การเปิดตัว Lamborghini Urus SE ถือเป็นก้าวสำคัญของ Lamborghini ในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Super SUV

Super SUV Plug-in Hybrid รุ่นแรกของ Lamborghini

Urus SE คือ Super SUV Plug-in Hybrid รุ่นแรกของ Lamborghini ที่ผสานขุมพลังเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo 4.0 ลิตร เข้ากับระบบส่งกำลังไฟฟ้า มอบกำลังรวมสูงสุดถึง 800 CV และแรงบิด 950 Nm โดดเด่นด้วยระยะทางวิ่งโหมดไฟฟ้า (EV Mode) ได้ไกลกว่า 60 กม. และลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 80%

สมรรถนะเหนือระดับ: ประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้คู่แข่ง

Urus SE มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น ด้วยระบบเวคเตอร์แรงบิดไฟฟ้าตามแนวยาวรูปแบบใหม่ และระบบเฟืองท้ายไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อกระจายแรงบิดได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 312 กม./ชม. ยืนยันถึงสมรรถนะที่แท้จริงของ Lamborghini

การออกแบบที่เน้นพลศาสตร์และสุนทรียศาสตร์

ดีไซน์ของ Urus SE ได้รับการปรับปรุงให้เน้นพลศาสตร์มากขึ้น ด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวสะท้อนความเป็นรถสปอร์ต และองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มแรงกดดาวน์ฟอร์ซ เช่น สปอยเลอร์หลังที่ทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์หลัง การออกแบบส่วนท้ายยังได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Gallardo เพื่อความลงตัวและความสง่างาม

เทคโนโลยีล้ำสมัยภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารยังคงไว้ซึ่งปรัชญา “Feel like a pilot” ด้วยการผสมผสานการตกแต่งหรูหราเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย จอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ Lamborghini Infotainment System (LIS) และระบบวัดระยะสำหรับรุ่น SE ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับตัวรถ

โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย: ตอบสนองทุกสไตล์

Urus SE มาพร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง Strada, Sport, Corsa (สำหรับท้องถนนและสนามแข่ง) รวมถึง Neve, Sabbia และ Terra (สำหรับพื้นผิวที่แตกต่างกัน) ผสานการทำงานร่วมกับระบบ EV Drive, Hybrid, Performance และ Recharge เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

บทสรุป

ปี 2568 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวในอุตสาหกรรมยานยนต์ การมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงอย่าง Alpine A290, การรุกตลาดซูเปอร์คาร์ของ GWM, การปรับกลยุทธ์ของ Mercedes-Benz, การพัฒนาเทคโนโลยีของ Volvo, และการก้าวสู่ยุคใหม่ของ Lamborghini และ ZEEKR ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอนาคตที่น่าตื่นเต้นของวงการยานยนต์โลกและประเทศไทย

หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่หลงใหลในนวัตกรรมยานยนต์ และมองหาประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าใคร การติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้!

Previous Post

N2512035 แม วต วแสบ ละครส นต องมนต part2

Next Post

N2512031 ความโลภทำให กลายเป นคนโง part2

Next Post
N2512031 ความโลภทำให กลายเป นคนโง part2

N2512031 ความโลภทำให กลายเป นคนโง part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.