ปอร์เช่ เผยโฉมยนตรกรรมสุดหรู ขับเคลื่อนอนาคตแห่งยานยนต์ ณ งานมหกรรม Fast Auto Show Thailand 2018
ในวงการยานยนต์ระดับพรีเมียม การปรากฏตัวของปอร์เช่ในงานมหกรรมยานยนต์ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่บ่งบอกถึงความก้าวหน้าและทิศทางของอุตสาหกรรม ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS) ในฐานะผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หนึ่งเดียวในประเทศไทย ได้นำทัพยนตรกรรมสุดหรูที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เข้าร่วมงาน Fast Auto Show Thailand 2018 ณ Hall EH106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2561 โดยครั้งนี้ ปอร์เช่ได้นำเสนอสุดยอดรถยนต์หลากหลายรุ่น นำโดย 911 GT3, 911 Carrera, 718 Cayman, 718 Boxster และ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo ที่มาพร้อมความหรูหราและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อีกทั้งยังได้อวดโฉม Cayman GT4 Club Sport MR รถแข่งสายพันธุ์แท้ภายใต้สังกัด AAS Motorsport เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แห่งสมรรถนะที่เหนือกว่า
ข้อเสนอสุดพิเศษ ฉลอง 70 ปีปอร์เช่: สัมผัสประสบการณ์เยอรมนีสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปีแห่งตำนานปอร์เช่ AAS ได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน โดยผู้ที่โชคดีจะได้เข้าร่วมกิจกรรม Porsche Memorable German Heritage Trip เพื่อสัมผัสประสบการณ์อันน่าจดจำ ณ ประเทศเยอรมนี ลุ้นรับสิทธิ์ทดลองขับรถยนต์ปอร์เช่ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามของ Black Forest พร้อมเยี่ยมชมโรงงานและพิพิธภัณฑ์ปอร์เช่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ข้อเสนอนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของปอร์เช่ในการส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ปอร์เช่ยังได้ยืนยันถึงความน่าเชื่อถือในการรับประกันจากโรงงานนานสูงสุด 2+7 ปี สำหรับรถยนต์ปอร์เช่ที่ซื้อผ่าน AAS เท่านั้น
แคมเปญ “ซื้อรถ ชิงรถ ชิงทอง” ตอกย้ำความคุ้มค่า
นอกเหนือจากข้อเสนอพิเศษแล้ว งาน Fast Auto Show Thailand 2018 ยังจัดแคมเปญ “ซื้อรถ ชิงรถ ชิงทอง” ที่มอบโอกาสให้ผู้จองรถภายในงานได้รับคูปองสิทธิ์ลุ้นรางวัลสร้อยคอทองคำถึง 7 รางวัลต่อวัน และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทำการส่งมอบรถยนต์แล้ว ผู้ซื้อยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลรถยนต์มูลค่า 476,000 บาท ซึ่งแคมเปญนี้เป็นการเพิ่มคุณค่าและความน่าสนใจให้กับการตัดสินใจซื้อรถยนต์ปอร์เช่ภายในงาน
ยุคใหม่แห่งยานยนต์: รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และบทบาทของ Mercedes-Benz
ในช่วงเวลาที่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย แบรนด์รถยนต์หรูระดับโลกอย่าง Mercedes-Benz ได้ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อผลักดันแบรนด์ EQ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เน้นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
Mercedes-Benz EQ: ความหวังใหม่สำหรับตลาดไทย
ย้อนกลับไปในปี 2555 Mercedes-Benz ประเทศไทย ได้สร้างปรากฏการณ์ในวงการรถหรูด้วยการเปิดตัว E 300 BlueTEC Hybrid ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ซึ่งเป็นการแนะนำเทคโนโลยี Hybrid ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รู้จักและเกิดความสนใจ หลังจากนั้น Mercedes-Benz ได้ทยอยติดตั้งเครื่องยนต์ Hybrid ในรถยนต์หลากหลายรุ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ตระหนักถึงประโยชน์ด้านการประหยัดน้ำมันและการรักษาสิ่งแวดล้อม การก่อตั้งแบรนด์ EQ ขึ้นมานั้นเป็นการแสดงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2559 Mercedes-Benz ได้ตอกย้ำความสำคัญของแบรนด์ EQ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์กลุ่ม Plug-in Hybrid อย่างเต็มรูปแบบ โดยนำเสนอในรถยนต์ Sedan เกือบทุกรุ่น และ SUV บางรุ่นในตลาดประเทศไทย เพื่อตอบรับกระแสความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
ประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับยุคแห่งรถยนต์ไฟฟ้า
นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยืนยันถึงความพร้อมของตลาดไทยในการรองรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยระบุว่า “ประเทศไทยมีความพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเทียบกับประเทศอื่นที่ใกล้เคียง เราถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ เลยทีเดียว” การขยายตัวของ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การสนับสนุนจากภาครัฐ และความเข้าใจของผู้บริโภค ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Mercedes-Benz เชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดไทย
“การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ Mercedes-Benz จะไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่คือการชูจุดเด่นเรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่อีกยุคหนึ่งของยานยนต์ ผ่านการทำรถยนต์ให้ฉลาด และกลายเป็น Connected Car เต็มรูปแบบ” นี่คือวิสัยทัศน์ที่สะท้อนถึงการมองไปข้างหน้าของ Mercedes-Benz ที่ไม่ใช่เพียงแค่การผลิตรถยนต์ แต่คือการสร้างระบบนิเวศน์ของยานยนต์แห่งอนาคต
Mercedes-Benz ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า
เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์รถยนต์ไฟฟ้าให้ประสบความสำเร็จ Mercedes-Benz ไม่เพียงแต่รอคอยการเติบโตของสถานีชาร์จสาธารณะ แต่ยังลงทุนด้วยตนเอง โดยได้ดำเนินการติดตั้ง สถานีชาร์จกว่า 200 จุดทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและโรงแรมชั้นนำ นอกจากนี้ ยังเตรียมเดินสายการผลิต โรงงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2562 เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต การลงทุนเชิงรุกนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงของ Mercedes-Benz ในการเป็นผู้นำยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
The New C-Class: นิยามใหม่แห่งสมรรถนะและความหรูหรา
ในส่วนของตลาดรถยนต์พรีเมียมที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง Mercedes-Benz ได้เปิดตัว The New C-Class รุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมการออกแบบอันโดดเด่นและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เทียบเคียงได้กับรถยนต์ในตระกูล The S-Class โดยรุ่นใหม่นี้มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ The C 220 d Avantgarde ราคา 2,349,000 บาท, The C 220 d Exclusive ราคา 2,690,000 บาท และ The C 220 d AMG Dynamic ราคา 2,890,000 บาท
ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังว่า การเปิดตัว The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศทั้ง 3 รุ่น จะช่วยให้การเติบโตของรุ่น C-Class ในไทยเติบโตเพิ่มขึ้นอีก และยังจะสามารถเจาะตลาดลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นเพิ่มขึ้น เพราะรถยนต์รุ่นออกใหม่มีออปชั่นรองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่”
The New C-Class ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีที่หาได้ยากในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน เช่น สัญญาณเตือนกันรถชน ซึ่งปกติมีเฉพาะใน S-Class เพื่อยกระดับความปลอดภัยและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า
การแข่งขันในตลาดรถยนต์หรู: การเติบโตและความมั่นใจ
สำหรับภาพรวมยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปี ตลาดรถยนต์หรูโดยรวมมีการเติบโตถึง 12-13% และ Mercedes-Benz ก็เติบโตในระดับเดียวกับตลาดรวม คาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์หรูทั้งปีจะเติบโตประมาณ 10% “ในส่วนการแข่งขันด้านราคานั้น เป็นเรื่องของผู้แทนจำหน่าย แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่มีแนวคิดที่จะทำเช่นนั้น เพราะเรามีบริการหลังการขาย มีเน็ตเวิร์ค ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้” นี่คือจุดยืนที่สะท้อนถึงความมั่นใจในคุณค่าของแบรนด์ที่เหนือกว่าเพียงแค่ราคา
ดีไซน์ภายนอก: ความสปอร์ตและสง่างาม
The new C-Class รุ่นประกอบในประเทศ ได้รับการปรับโฉมใหม่ ผสมผสานคุณสมบัติอัจฉริยะและความเร้าใจเข้าไว้ด้วยกัน รุ่น The C 220 d Avantgarde มาพร้อมกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ 5 ก้านคู่ รุ่น The C 220 d Exclusive โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบคลาสสิกพร้อมตราสัญลักษณ์บนฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอย multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่น The C 220 d AMG Dynamic เสริมความสปอร์ตด้วยกระจังหน้า diamond grille สีเงิน ตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 19 นิ้ว พร้อมชุดแต่ง AMG Bodystyling
เทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED: ความสว่างและความปลอดภัยเหนือระดับ
รุ่น The C 220 d Exclusive และ The C 220 d AMG Dynamic มาพร้อมเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED ซึ่งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ The C-Class ประกอบด้วยหลอด LED 84 หลอดต่อโคม สามารถปรับการทำงานได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และปรับความเข้มแสงให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบ ระบบนี้ยังรวมถึงระบบไฟส่องสว่างสำหรับสี่แยก วงเวียน การขับขี่ในเมือง และสภาพอากาศเลวร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบ ULTRA RANGE Highbeam สามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร ซึ่งยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่เวลากลางคืน
ดีไซน์ภายใน: ความหรูหราสไตล์สปอร์ต ผสานเทคโนโลยีจาก S-Class
ห้องโดยสารของ The new C-Class ได้รับการออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต โครงสร้างต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว รุ่น Avantgarde มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น Touch Control ส่วนรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าพร้อมระบบปรับระดับและน้ำหนักตามความเร็ว โดยรุ่น AMG Dynamic เสริมด้วยดีไซน์สปอร์ตท้ายตัด เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO ในรุ่น Avantgarde และ Exclusive ส่วนรุ่น AMG Dynamic ใช้เบาะหนังแบบสปอร์ต และเบาะหลังทุกรุ่นสามารถพับได้แบบ 1/3 และ 2/3
All-Digital Instrument Display และ MB Audio 20: ประสบการณ์ผู้ขับขี่ที่ชาญฉลาด
The new C-Class นำเทคโนโลยีจาก The S-Class มาสู่ห้องโดยสาร ด้วย All-Digital Instrument Display ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ คือ Classic, Progressive และ Sport และหน้าจอมัลติมีเดีย MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว ควบคุมระบบต่างๆ ผ่าน Touchpad รวมถึงรองรับ Apple CarPlay™, ระบบถอยจอดอัตโนมัติ และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ (เฉพาะรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic)
Ambient Lighting และ AIR-BALANCE Package: สุนทรียภาพแห่งการเดินทาง
เพื่อยกระดับสุนทรียภาพในการเดินทาง ระบบ Ambient Lighting ที่สามารถปรับได้ถึง 64 สี มอบบรรยากาศที่หลากหลายในห้องโดยสาร และสำหรับรุ่น The C 220 d Exclusive มาพร้อม AIR-BALANCE package ที่ช่วยฟอกอากาศและมอบกลิ่นหอมที่คัดสรรมาอย่างดี เช่นเดียวกับใน The S-Class เพื่อประสบการณ์ความสบายสูงสุด
ระบบเทคโนโลยีและความปลอดภัย: มาตรฐาน S-Class สู่ C-Class
The new C-Class มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุดที่คล้ายคลึงกับ S-Class อาทิ ESP®, ABS, ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, Active Brake Assist, Cruise Control, ATTENTION ASSIST, PARKTRONIC และ Active Parking Assist
นอกจากนี้ยังรองรับ Apple CarPlay™ & Android Auto, Bluetooth และเพิ่มความสะดวกสบายด้วย Distance Pilot DISTRONIC, Surround view camera (เฉพาะรุ่น AMG Dynamic), ระบบแผนที่นำทาง (เฉพาะรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic) และ Reversing camera (เฉพาะรุ่น Avantgarde และ Exclusive)
Audi Centre Thailand: ศูนย์กลางยานยนต์สุดล้ำแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทย มียอดขายเฉลี่ย 30,000-40,000 คันต่อปี โดยมีแบรนด์ยุโรปอย่าง Mercedes-Benz, BMW และ Volvo เป็นผู้นำ ขณะที่ Audi กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Audi ประเทศไทย ได้ลงทุนกว่าพันล้านบาท เปิด Audi Centre Thailand สำนักงานใหญ่ โชว์รูม และศูนย์บริการครบวงจรที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่บนถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา
กฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร อาวดี้ ประเทศไทย กล่าวว่า “ตามแผนกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุกเพื่อสร้างแบรนด์อาวดี้ในประเทศไทย ส่งผลให้อาวดี้มีการยกระดับการทำงานทุกส่วน ทั้งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ และการยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขาย”
Audi Q8: SUV แห่งอนาคต เปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน
เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด Audi Q8 SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล Q Family ได้รับการเปิดตัวเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมาในรุ่น Audi Q8 55 TFSI quattro S line ราคาจำหน่าย 6,799,000 บาท ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดสมรรถนะสูง เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร 340 แรงม้า ผสานเทคโนโลยี Mild Hybrid 48 โวลต์ ช่วยเพิ่มความประหยัดและเสริมการทำงานของระบบ Start-Stop ให้ราบรื่นยิ่งขึ้น
ระบบขับเคลื่อน quattro: ความมั่นใจในทุกสภาวะ
Audi Q8 มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ระบบนี้จะกระจายแรงบิดไปยังล้อหน้าและหลังในอัตราส่วน 40:60 และสามารถปรับการกระจายแรงบิดได้อย่างอิสระตามสภาพการขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่มั่นใจในการควบคุมรถยนต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งบนเส้นทางโค้ง หรือถนนที่เปียกลื่น
Lamborghini Urus: Super SUV คันแรกของโลก สร้างนิยามใหม่ของยานยนต์หรู
Lamborghini Urus Super SUV คันแรกของโลก ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยบริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขายอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย Urus ผสานดีเอ็นเอของ Lamborghini ทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตที่เหนือระดับ พร้อมความสามารถในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดีไซน์ภายนอก: เอกลักษณ์ Lamborghini สู่ SUV
Urus ยังคงเอกลักษณ์ของ Lamborghini ด้วยรูปทรงปราดเปรียว เส้นสายลาดลง ช่องรับอากาศรูปตัว Y และไฟหน้า LED ที่เพรียวบาง ประตูไร้กรอบ และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 21 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร: สปอร์ตหรูหรา สัมผัสแห่งเทคโนโลยี
ห้องโดยสารภายในสะท้อนเอกลักษณ์ Lamborghini ด้วยดีไซน์ทรงหกเหลี่ยม มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ Lamborghini Infotainment System-LIS, Apple CarPlay™, Android Auto, ระบบสั่งการด้วยเสียง, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์แบบไร้กุญแจ, โหมดการขับขี่ EGO Mode ที่ปรับเปลี่ยนคาแรคเตอร์ของรถได้หลากหลาย
สมรรถนะเหนือชั้น: เครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo 650 แรงม้า
Urus ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร Twin-Turbo ให้กำลังสูงสุด 650 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม.
ระบบ Tamburo: 6 โหมดการขับขี่ เพื่อทุกสภาวะ
ระบบ Tamburo นำเสนอ 6 โหมดการขับขี่ ได้แก่ STRADA, SPORT, CORSA, NEVE (หิมะ), TERRA (ออฟโรด) และ SABBIA (ทราย) พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ครบครัน
Mercedes-AMG: สมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด
Mercedes-Benz ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสมรรถนะสูงด้วยแบรนด์ Mercedes-AMG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2017 Mercedes-Benz ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถใหม่ถึง 10 โมเดล 18 รุ่นย่อย และทำยอดขายรวม 14,484 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ครองอันดับ 1 ในกลุ่มรถยนต์หรู 17 ปีติดต่อกัน
Motor Expo 2018: การเปิดตัวสุดอลังการของ Mercedes-AMG
ในงาน Motor Expo 2018 Mercedes-Benz ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว 2 รุ่น AMG ใหม่ ได้แก่ CLS 53 4MATIC+ ราคา 7.09 ล้านบาท และ GT S ราคา 14.9 ล้านบาท พร้อมทั้งอวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA เพื่อชิมลางตลาดไทย
นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร Mercedes-Benz (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตอกย้ำความเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม โดยภายในบูธได้แบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แบรนด์รถยนต์หรูอย่าง เมอร์เซเดส-มายบัค, รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และแบรนด์เทคโนโลยีอย่าง อีคิว พาวเวอร์”
Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ และ GT S: นิยามใหม่แห่งสมรรถนะ
CLS 53 4MATIC+ ผสานเครื่องยนต์ 435 แรงม้า กับดีไซน์สปอร์ตหรู ในราคา 7,090,000 บาท ส่วน Mercedes-AMG GT S คูเป้ที่ใช้อลูมิเนียมน้ำหนักเบา พร้อมเครื่องยนต์ V8 Biturbo และเกียร์ 7 สปีด ในราคา 14,900,000 บาท
Bangkok International Motor Show 2018: ยลโฉมยานยนต์แห่งอนาคต
งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี ได้รวบรวมยนตรกรรมใหม่จากค่ายรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก เพื่อนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ล่าสุด
Audi A7 Sportback และ A8 L: ความหรูหราสง่างาม
Audi ได้นำ A7 Sportback เก๋งพรีเมียมเจนใหม่ และ A8 L Luxury Sedan มาจัดแสดง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ที่ผสมผสานดีไซน์อันโดดเด่น สมรรถนะที่น่าประทับใจ และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
BMW 5 Series Touring, M5, M4 CS: สมรรถนะที่เร้าใจ
BMW นำเสนอ 5 Series Touring รถหรู 5 ประตู, M5 เจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยี และ M4 CS รุ่นพิเศษ เพื่อเอาใจผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์สมรรถนะสูง
Ford Ranger Raptor: กระบะสายพันธุ์โหด
Ford Ranger Raptor กระบะพันธุ์แกร่ง ถูกนำมาจัดแสดงเพื่อเผยราคาค่าตัว พร้อมดึงดูดผู้ที่มองหารถกระบะที่พร้อมลุยทุกสภาพถนน
Honda Civic Hatchback และ Clarity Fuel Cell: นวัตกรรมเพื่ออนาคต
Honda นำเสนอ Civic Hatchback สีแดง Rallye Red และ Clarity Fuel Cell ยานยนต์พลังงานไฮโดรเจน เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ด้านนวัตกรรมยานยนต์
Hyundai IONIQ EV และ H-1 Black Series: ทางเลือกที่หลากหลาย
Hyundai มอบทางเลือกที่หลากหลายด้วย IONIQ EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% และ H-1 Black Series รถตู้สุดพิเศษ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
Isuzu MU-X THE ICONIC: อเนกประสงค์สำหรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
Isuzu นำเสนอ New ISUZU MU-X THE ICONIC รถยนต์อเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
Jaguar F-PACE และ Land Rover Discovery: ความหรูหราสไตล์อังกฤษ
Jaguar และ Land Rover ส่ง NEW JAGUAR F-PACE และ New Land Rover Discovery มาเพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์สไตล์อังกฤษ
Kia Stinger และ Soul EV: ความสปอร์ตและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Kia นำเสนอ Stinger เก๋งพรีเมียมหรู และ Soul EV ยานยนต์ไฟฟ้า 100% เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่าง
Lexus LS, NX, CT: ความประณีตเหนือระดับ
Lexus สร้างความประทับใจด้วย LS เจเนอเรชั่นที่ 5, NX และ CT ที่มาพร้อมดีไซน์หรูหราและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
Mazda CX-5: ดีไซน์ Kodo สไตล์สปอร์ต
Mazda นำเสนอ Mazda CX-5 SUV รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมดีไซน์ Kodo อันเป็นเอกลักษณ์ และเทคโนโลยี Skyactiv
Mitsubishi Triton Athlete และ Xpander: ความแกร่งและความอเนกประสงค์
Mitsubishi เสริมทัพด้วย Triton Athlete ที่ตกแต่งพิเศษ และ Xpander อเนกประสงค์รุ่นใหม่ เพื่อตอบโจทย์ตลาด
Nissan Leaf, Note e-Power, Navara MY 2018: เทคโนโลยีเพื่ออนาคต
Nissan นำเสนอ Leaf ยานยนต์ไฟฟ้า 100%, Note e-Power ซีรีส์ไฮบริด และ Navara MY 2018 ที่มาพร้อมออปชั่นใหม่
Subaru XV และ Impreza: สมรรถนะและความปลอดภัย
Subaru เปิดตัว XV เจเนอเรชั่นที่สอง และ Impreza ที่สร้างขึ้นบน Subaru Global Platform เพื่อมอบสมรรถนะและความปลอดภัยสูงสุด
Suzuki Ciaz: Eco Car ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น
Suzuki นำเสนอ Ciaz ที่เพิ่มออปชั่นช่องแอร์ด้านหลัง พร้อมราคาที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น
Toyota C-HR และ Hilux Revo: การออกแบบที่โดดเด่น
Toyota สร้างความน่าสนใจด้วย C-HR Crossover น้องใหม่ และ Hilux Revo รุ่นปรับโฉม เพื่อดึงดูดสายตาผู้บริโภค
Volvo XC60: เทคโนโลยีและความปลอดภัย สไตล์สแกนดิเนเวีย
Volvo ปิดท้ายด้วย XC60 เจเนอเรชั่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง และดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวีย
Porsche Panamera: ยกระดับประสบการณ์ Gran Turismo
Porsche Panamera ไม่ใช่เพียงแค่รถหรู แต่คือการผสมผสานระหว่างรถสปอร์ต GT และซีดานคันใหญ่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น พร้อมความสบายในระดับสูงสุด ด้วยดีไซน์ที่สวยงามขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผสมผสานเส้นสายของ 911 เข้ากับความสง่างามของซีดานหรู
เทคโนโลยีสุดล้ำ: ระบบขับเคลื่อน, ภายใน และความปลอดภัย
Panamera มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 และ V8 ใหม่ล่าสุด ระบบส่งกำลัง PDK 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ PTM ที่ชาญฉลาด ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ให้เรียบหรู ทันสมัย ด้วย Porsche Advanced Cockpit จอกลางขนาด 12.3 นิ้ว และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย
สัมผัสประสบการณ์ Porsche Panamera: เลือกสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ
Panamera 4 E-Hybrid (และ Executive): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดน้ำมันในชีวิตประจำวัน สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 51 กม. พร้อมมอบอัตราเร่งที่น่าทึ่ง
Panamera 4 S (และ Executive): คือรถสายกลางที่สมดุลที่สุด มอบสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความคล่องตัว และความนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ
Panamera Turbo (และ Executive): สำหรับผู้ที่ต้องการที่สุดแห่งสมรรถนะและความหรูหรา ด้วยเครื่องยนต์ V8 550 แรงม้า มอบประสบการณ์ Gran Turismo ที่เหนือระดับ
Porsche Panamera คือยนตรกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Porsche ในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ผสมผสานสมรรถนะสปอร์ตเข้ากับความหรูหราได้อย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่สามารถมอบทั้งความเร้าใจในการขับขี่ และความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล Panamera คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม
เชิญสัมผัสยนตรกรรมแห่งอนาคตและข้อเสนอสุดพิเศษ ณ บูธปอร์เช่ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ หรือติดต่อ AAS ออโต้ เซอร์วิส เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายทดลองขับได้แล้ววันนี้

