Ford Everest: ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่มาตรฐานใหม่ของ PPV ไทย
ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของเซกเมนต์ PPV (Pick-up Passenger Vehicle) ไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่า Ford Everest รุ่นล่าสุด กลับทำในสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง ด้วยการผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะที่ทรงพลัง และความหรูหราที่เทียบเคียงได้กับ SUV ระดับพรีเมียม จนกลายเป็น “Poorman’s Range Rover” แห่งวงการรถยนต์ไทย บทความนี้ จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ Everest ให้คุณเห็นภาพรวมของรถยนต์คันนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ขุมพลังและสมรรถนะ: ความแรงที่มาพร้อมน้ำหนัก
หลายคนอาจสงสัยว่า เหตุใด Ford Everest 3.2 ลิตร 6AT 4×4 จึงดูเหมือนจะพ่ายแพ้คู่แข่งอย่าง Mitsubishi Pajero Sport ที่มีพละกำลังน้อยกว่า ปัจจัยหลักอยู่ที่น้ำหนักตัวที่มากถึง 2,480 กิโลกรัม ประกอบกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วที่เพิ่มภาระเข้าไปอีก แต่เมื่อมองที่สมรรถนะจริง Everest 3.2 ลิตร ก็ยังคงมอบอัตราเร่งที่น่าพอใจในช่วงออกตัว 0-60 กม./ชม. แม้ในช่วง 70 กม./ชม. จะมีอาการหน่วงเล็กน้อย ซึ่งหากแก้ไขได้ ตัวเลข 0-100 กม./ชม. จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 ก็ทำผลงานได้ตามความคาดหวัง แม้ตัวเลขอาจดูอืดอาด แต่ในสภาพการขับขี่จริง โดยเฉพาะในเมือง Everest 2.2 ลิตร ก็ให้ความรู้สึกคล่องตัวเพียงพอ เพียงแต่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องเรียนรู้จังหวะการเร่งแซงสักหน่อย โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ความเร็วสูง หรือต้องการเร่งแซงอย่างฉับพลัน การกดคันเร่งลึกเกินครึ่ง จะช่วยให้รถตอบสนองได้ดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
การเก็บเสียง: ห้องโดยสารที่เงียบสงบเหนือความคาดหมาย
Ford Everest โดดเด่นอย่างมากในด้านการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร สามารถรักษาความเงียบสงบได้จนถึงระดับความเร็ว 140 กม./ชม. นี่คือผลลัพธ์จากการใช้วัสดุซับเสียงคุณภาพสูง ร่วมกับเทคโนโลยี Active Noise Cancellation ที่ใช้ไมโครโฟน 3 จุดในการรับเสียงรบกวน และสร้างคลื่นเสียงตรงกันข้ามเพื่อหักล้าง ทำให้ห้องโดยสารเงียบสงัดอย่างน่าทึ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่บางรายอาจรู้สึกถึงเสียงสะท้อนในห้องโดยสารเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากระบบนี้
ระบบบังคับเลี้ยว: ความแม่นยำที่มาพร้อมความเบา
Ford Everest เป็น PPV รุ่นแรกในไทยที่ใช้ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPAS) เพื่อรองรับระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Parking Assist) ในช่วงความเร็วต่ำ พวงมาลัยของรุ่น 3.2 ลิตร ให้ความรู้สึกหนืดขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงเบา สบายมือ ส่วนรุ่น 2.2 ลิตร นั้น เบากว่าอย่างเห็นได้ชัด จนแทบจะใช้นิ้วเดียวหมุนได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ขับขี่บางท่านรู้สึกว่าเบาเกินไปเล็กน้อย แม้ว่าในความเร็วสูง ระบบจะหนืดขึ้นจริง แต่ยังคงความแม่นยำและต่อเนื่องในการบังคับเลี้ยวได้เป็นอย่างดี
ช่วงล่าง: ความหนึบแน่นที่สร้างความมั่นใจ
ระบบช่วงล่างของ Ford Everest ได้รับการเซ็ตอัพมาอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะรุ่น 3.2 ลิตร ที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น มั่นคง แม้จะใช้ล้อขนาด 20 นิ้วก็ตาม ในช่วงความเร็วสูง ช่วงล่างยังคงยึดเกาะถนนได้อย่างยอดเยี่ยม ให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งต่างๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
ส่วนรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 ให้ความรู้สึกแน่นหนึบเช่นกัน แต่อาจมีการสะเทือนจากพื้นผิวถนนที่ขรุขระบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วยังคงมอบความมั่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด Everest 3.2 ลิตร ถือว่ามีช่วงล่างที่ดีที่สุดในกลุ่ม PPV ที่ผลิตในประเทศไทย
ระบบเบรก: นุ่มนวล หนักแน่น และปลอดภัย
ระบบเบรกของ Everest เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ABS, EBD, Brake Assist, ESP และ Traction Control ให้ความมั่นใจในการหยุดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีระยะเหยียบที่ค่อนข้างยาว และการตอบสนองที่นุ่มนวลในช่วงแรก แต่อย่าลืมว่านี่คือรถ PPV ที่มีน้ำหนักมาก การออกแบบช่วงแป้นเบรกเช่นนี้ เพื่อให้สามารถเบรกได้อย่างนุ่มนวลในการจราจรติดขัด และยังคงประสิทธิภาพในการหยุดรถจากความเร็วสูงได้อย่างดีเยี่ยม
ความปลอดภัย: อุ่นใจด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
Ford Everest ได้รับการอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น Adaptive Cruise Control, Collision Mitigation, Lane Departure Warning, Lane Keeping Aid, BLIS (Blind Spot Information System) และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ซึ่งทั้งหมดนี้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ได้อย่างมาก
นอกจากนี้ ระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety) ก็จัดเต็มเช่นกัน ด้วยถุงลมนิรภัยสูงสุด 7 ใบ เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด และจุดยึดเบาะ ISOFIX ทำให้ Everest ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ANCAP และ 4 ดาว จาก ASEAN NCAP
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ความสมดุลระหว่างสมรรถนะและความประหยัด
แม้จะเป็นรถ PPV ที่มีน้ำหนักมาก แต่ Ford Everest ก็สามารถทำตัวเลขการประหยัดน้ำมันได้น่าพอใจ โดยรุ่น 3.2 ลิตร 4×4 ทำได้ 11.16 กม./ลิตร และรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 ทำได้ 12.59 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าน่าประทับใจเมื่อพิจารณาถึงสมรรถนะและน้ำหนักตัวของรถ
ปัญหาประจำรุ่น: การปรับปรุงที่ต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ Ford Everest ก็มีปัญหา Defect ที่ได้รับการรายงานเข้ามาบ้าง แต่ Ford ได้แสดงความพยายามในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาไฟไหม้ในออสเตรเลีย การสั่นสะเทือนที่แป้นคันเร่ง ปัญหาระบบไฟฟ้า เสียงกระพือบริเวณหลังคา และปัญหาอื่นๆ ซึ่งหลายปัญหาก็ได้รับการแก้ไขแล้ว หรือมีแนวทางในการแก้ไขที่ชัดเจน
สรุป: มาตรฐานใหม่ของ PPV ไทย
Ford Everest ไม่ใช่แค่ PPV ทั่วไป แต่คือรถยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ของตลาด ด้วยการอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะที่เหนือกว่า การขับขี่ที่มั่นใจ และห้องโดยสารที่หรูหราเทียบเคียง SUV ระดับพรีเมียม แม้จะมีข้อด้อยบางประการ เช่น น้ำหนักตัวที่มาก หรือปัญหาศูนย์บริการ แต่โดยรวมแล้ว Ford Everest คือคำตอบสำหรับผู้ที่มองหารถ PPV ที่ครบเครื่องที่สุดในตลาดปัจจุบัน
หากคุณกำลังมองหา PPV ที่มอบทั้งสมรรถนะ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายเหนือระดับ Ford Everest คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม ลองเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่จริง และค้นพบว่าเหตุใด Everest จึงกลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้างเช่นนี้

