All-New BMW Series 5: นวัตกรรมยานยนต์ที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่สู่ยุคใหม่
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์ระดับพรีเมียมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดยั้ง และในปี 2011 นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจับตามอง ด้วยการเปิดตัว All-New BMW Series 5 ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก การออกแบบภายใน ไปจนถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การกลับมาของ Series 5 รหัสตัวถัง F10 นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงรุ่นเดิม แต่คือการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซกเมนต์รถยนต์ซีดานหรู ที่ผสานความสปอร์ต สมรรถนะ และความประณีตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
การออกแบบที่สะท้อนDNA แห่งความสปอร์ตและความหรูหรา
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาเมื่อแรกเห็น BMW Series 5 ใหม่ คือการออกแบบภายนอกที่ยังคงเอกลักษณ์ของ BMW ไว้อย่างชัดเจน แต่ได้รับการปรับปรุงให้มีความโฉบเฉี่ยวและสง่างามยิ่งขึ้น เส้นสายที่พลิ้วไหวตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านท้าย สะท้อนถึงความปราดเปรียวของรถสปอร์ต ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยความภูมิฐานของรถยนต์ระดับผู้บริหาร การออกแบบนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นพี่อย่าง Series 7 และ Series 3 ผสมผสานกับเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของ Series 5 GT ทำให้เกิดเป็นดีไซน์ที่ลงตัว ไม่ซ้ำใคร
การเพิ่มฐานล้อให้ยาวที่สุดในกลุ่มเดียวกันถึง 2,968 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 80 มิลลิเมตรจากรุ่นเดิม) ไม่เพียงแต่ส่งผลให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่เพิ่มขึ้น 13 มิลลิเมตร แต่ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของรถให้ดูสง่างามและมั่นคงยิ่งขึ้น มิติตัวถังที่ยาว 4,899 มิลลิเมตร กว้าง 1,790 มิลลิเมตร และสูง 1,475 มิลลิเมตร ทำให้ BMW Series 5 F10 ดูโดดเด่นบนท้องถนน
ภายในที่ยกระดับประสบการณ์ผู้ขับขี่
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายใน BMW Series 5 ใหม่ สิ่งที่สัมผัสได้ทันทีคือการออกแบบที่เน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง (Driver-Oriented Cockpit) แผงคอนโซลกลางที่จัดวางอย่างลงตัว สะดวกต่อการใช้งาน มาตรวัดสไตล์คลาสสิก 4 จุด บนหน้าปัดมอบข้อมูลที่ชัดเจนและอ่านง่าย ขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราด้วยวัสดุคุณภาพสูงที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ
พื้นที่ภายในที่กว้างขวางขึ้น ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระยะสั้นในเมือง หรือการเดินทางไกล ความจุสัมภาระท้ายรถ 520 ลิตร พร้อมความสามารถในการปรับพับเบาะหลังแบบ 40:20:40 ยิ่งเพิ่มความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
สมรรถนะที่เหนือกว่า ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ
หัวใจสำคัญของ BMW Series 5 ใหม่ คือเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 รุ่น และดีเซล 3 รุ่น ซึ่งล้วนแต่ให้พละกำลังที่ยอดเยี่ยม พร้อมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจ
เครื่องยนต์ดีเซล:
520d: เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 5 ลิตร/100 กม.
525d: เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบดีเซล ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 236 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 6.2 ลิตร/100 กม.
530d: เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบดีเซล ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 6.3 ลิตร/100 กม.
เครื่องยนต์เบนซิน:
523i: เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร NA ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 238 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 7.6 ลิตร/100 กม.
528i: เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 7.8 ลิตร/100 กม.
535i: เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลัง 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 8.5 ลิตร/100 กม.
550i: เครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo 4.4 ลิตร ให้กำลัง 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 10.4 ลิตร/100 กม.
ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ซึ่งในรุ่น 550i จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนรุ่นอื่นๆ สามารถเลือกเป็นออปชั่นได้ นอกจากนี้ยังมีระบบเกียร์ 8 จังหวะ Sport Automatic ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ผ่าน Paddle Shift บนพวงมาลัย เพิ่มความสนุกในการขับขี่
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
All-New BMW Series 5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ระบบ Drive Dynamic Control (DDC) ช่วยปรับโหมดการขับขี่ได้หลากหลาย ทั้ง Normal, Comfort, Sport และ Sport+ ซึ่งส่งผลต่อการตอบสนองของพวงมาลัย คันเร่ง ระบบเกียร์ และระบบควบคุมเสถียรภาพ
เทคโนโลยีการสร้างพลังงานจากการเบรค (Brake Energy Regeneration) ช่วยชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ในขณะเบรค ซึ่งเป็นการประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับรุ่น 520d ยังมาพร้อมกับระบบ Auto Start-Stop ที่ช่วยดับเครื่องยนต์ขณะจอดนิ่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีออปชั่นมากมายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย อาทิ Head-Up Display, Night Vision พร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า, ระบบแจ้งเตือนเมื่อขับออกนอกช่องทางจราจร, กล้องมองรอบคัน 360 องศา และระบบ iDrive เจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7 นิ้ว หรือออปชั่น 10.2 นิ้ว สำหรับระบบนำทาง
BMW Series 5 ใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ที่ได้รับการปรับโฉม แต่คือการนิยามความหมายใหม่ของรถยนต์ซีดานหรู ที่ผสมผสานสมรรถนะอันเร้าใจ ความหรูหราสง่างาม และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ BMW ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ที่มองหาสิ่งที่ดีที่สุด
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่สะท้อนตัวตนของผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ และก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยี All-New BMW Series 5 คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด อย่ารอช้า! สัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูม BMW ทั่วประเทศ เพื่อค้นพบยนตรกรรมที่เหนือระดับอย่างแท้จริง.

