ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทร็ค 3.2: พลังแกร่ง ดีไซน์สะดุดตา ตัวเลือกที่ใช่สำหรับชีวิตยุคใหม่
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถกระบะไทยมาอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในชื่อที่ยืนหยัดอย่างสง่างามเสมอ คือ ฟอร์ด เรนเจอร์ โดยเฉพาะรุ่น Wildtrak 3.2 ซึ่งไม่เพียงแต่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันทรงพลัง แต่ยังมอบสมรรถนะที่เกินความคาดหมาย จนกลายเป็นที่พูดถึงและปรารถนาของผู้คนหลากหลายกลุ่ม
หลายคนอาจคิดว่ารถกระบะดีไซน์ดุดันเช่นนี้ จะเป็นที่ชื่นชอบเฉพาะกลุ่มผู้ชาย แต่จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัส ผมพบว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ Wildtrak ดึงดูดใจผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะคุณแม่บ้านที่มีครอบครัว ซึ่งมองเห็นถึงความอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การเดินทางในเมือง ไปจนถึงการบรรทุกสัมภาระสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่
รูปลักษณ์ภายนอก: ความดุดันที่มาพร้อมความสง่างาม
เมื่อพูดถึง Ford Ranger Wildtrak 3.2 สิ่งแรกที่สะดุดตาคือดีไซน์ที่ผสมผสานความบึกบึนและสง่างามได้อย่างลงตัว ตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำเข้ม ตัดกับชายล่างสีบรอนซ์ โลโก้และชื่อรุ่นที่เด่นชัด บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว โคมไฟหน้าขนาดใหญ่รับกับความแข็งแกร่งของตัวรถ การใช้สีดำในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรอบกระจกมองข้าง มือจับประตู ไปจนถึงสปอร์ตบาร์ท้ายกระบะ ยิ่งเสริมให้ Ford Ranger Wildtrak ดูสปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น
โป่งล้อทั้งสี่ถูกออกแบบให้เน้นเส้นสายที่ดูบึกบึนแข็งแรง คู่กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วจากโรงงาน บันไดข้างที่ได้รับการออกแบบมาอย่างลงตัว ไม่เกะกะ แต่ยังคงใช้งานได้จริง และออปชันพิเศษอย่างไฟส่องสว่างข้างตัวรถที่ซ่อนอยู่ใต้กระจกมองข้าง ยิ่งเพิ่มความหรูหราสะดวกสบาย เปรียบเสมือนฟีเจอร์ที่พบในรถยนต์นั่งระดับพรีเมียม
ด้านท้ายรถ โลโก้ Ford และสัญลักษณ์ RANGER ขนาดใหญ่ ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน โดยในรุ่น Wildtrak พิเศษ จะเปลี่ยนสีฝาปิดกระบะท้ายและกันชนหลังเป็นสีดำทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากรุ่นปกติที่ใช้โครเมียม การติดตั้งกล้องมองหลังพร้อมเซ็นเซอร์ถอยจอด 4 จุด ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ โดยเฉพาะในการเข้าจอดในพื้นที่จำกัด
ภายในห้องโดยสาร: ออปชันจัดเต็มเพื่อความสะดวกสบาย
ก้าวเข้าสู่ภายใน Ford Ranger Wildtrak 3.2 คุณจะพบกับออปชันที่จัดเต็มเพื่อความสะดวกสบายอย่างแท้จริง ระบบสั่งงานด้วยเสียง ระบบบลูทูธ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ช่องต่อ AUX/USB และสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ล้วนอำนวยความสะดวกในการใช้งาน แต่ในช่วงแรก อาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับปุ่มควบคุมต่างๆ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว
การตกแต่งภายในเน้นโทนสีดำเป็นหลัก ตัดด้วยสีเงินเมทัลลิกบนคอนโซลกลาง กรอบมาตรวัด และครอบเกียร์ สร้างบรรยากาศสปอร์ตทันสมัย ส่วนมาตรวัด เครื่องเสียง และหน้าจอ MID ที่ใช้สีฟ้าเป็นหลัก ทำให้ภายในดูไม่เรียบจนเกินไป การตัดเย็บเบาะหนังสีดำสลับด้ายสีส้ม พร้อมปักชื่อรุ่น Wildtrak เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สร้างความรู้สึกสปอร์ตและหรูหรา
เบาะนั่งคู่หน้ามีขนาดใหญ่ นั่งสบาย รองรับสรีระได้ดี แม้การขับขี่ระยะทางไกลก็ไม่รู้สึกเมื่อยล้า สำหรับผู้ที่มีรูปร่างเล็ก ปีกเบาะอาจไม่โอบกระชับมากนัก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการใช้งาน
เบาะนั่งด้านหลังมีความกว้างขวาง เพียงพอสำหรับผู้โดยสารที่มีความสูง 178 ซม. โดยที่เข่าไม่ติดเบาะ และยังมีพื้นที่เหนือศีรษะเหลือเฟือ ความชันของพนักพิงหลังได้รับการออกแบบมาให้นั่งสบาย ลดอาการเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่หลายคนกังวลในรถกระบะ 4 ประตู
ขุมพลังและสมรรถนะ: พลังดิบที่พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่
Ford Ranger Wildtrak 3.2 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล TDCi 3.2 ลิตร VG Turbo พร้อม Intercooler ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และแรงบิด 470 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ 1,750-2,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดสปอร์ต (Ds) ที่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้
เครื่องยนต์มอบพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป และการบรรทุกสัมภาระ การตอบสนองของคันเร่งทำได้ดี แม้จะมีอาการหน่วงเล็กน้อยก่อนที่รถจะพุ่งออกไป การใช้ความเร็ว 110-130 กม./ชม. ทำได้สบาย และการเร่งแซงเพียงแค่คิกดาวน์ หรือเพิ่มน้ำหนักคันเร่งเล็กน้อย ก็สามารถแซงได้อย่างมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ในบางจังหวะ การทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อาจไม่ตอบสนองตามที่ผู้ขับขี่คาดหวัง เช่น เมื่อต้องการเร่งแซงที่ความเร็ว 120 กม./ชม. เกียร์อาจไม่เปลี่ยนลงมาทันที ทำให้การแซงต้องลุ้นอยู่บ้าง ซึ่งอาจเกิดจากการตั้งโปรแกรมของเกียร์ที่เน้นการใช้แรงบิดสูงสุดเพื่อความประหยัด
จากการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. พร้อมผู้โดยสาร 4 คน และสัมภาระน้ำหนักรวมประมาณ 300 กก. Ford Ranger Wildtrak 3.2 ทำเวลาเฉลี่ยได้ที่ 12.49 วินาที ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับรถกระบะขนาดนี้
พวงมาลัยถูกเซ็ตมาให้มีความหนืดเล็กน้อย ช่วยลดอาการเหนื่อยล้าจากการขับขี่ทางไกล และเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมรถ จากการทดสอบขับขี่ระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ ไปกลับ พบว่าไม่รู้สึกเมื่อยล้าเลย ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับน้ำหนักพวงมาลัย เบาะนั่ง ช่วงล่าง และสมรรถนะโดยรวมของรถ ที่ถูกปรับจูนมาเพื่อการเดินทางไกลโดยเฉพาะ
ช่วงล่างของ Ford Ranger Wildtrak 3.2 ถูกเซ็ตมาให้นุ่มนวล แต่ยังคงความแน่นหนึบสไตล์ฟอร์ด มีอาการเด้งบ้างเล็กน้อยตามธรรมชาติของรถกระบะที่ออกแบบเผื่อการบรรทุก แต่มีการซับแรงกระแทกไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้รู้สึกมั่นคงและไม่เกิดอาการตึงตังที่ทำให้เมื่อยล้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
สำหรับการเดินทางที่ความเร็ว 120 กม./ชม. และมีการเร่งความเร็วสูงสุดถึง 160 กม./ชม. อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 10 กม./ลิตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ยอมรับได้สำหรับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่และน้ำหนักของรถ เมื่อพิจารณาถึงสมรรถนะที่ได้รับกลับมา
สรุป: ตัวเลือกที่ใช่สำหรับชีวิตยุคใหม่
Ford Ranger Wildtrak 3.2 คือรถกระบะ 4 ประตูอเนกประสงค์ที่หล่อ เท่ และมาพร้อมออปชันครบครันตั้งแต่โรงงาน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่เราอยากแนะนำ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถที่ตอบสนองทุกความต้องการในการใช้งาน ทั้งในเมือง นอกเมือง และการเดินทางไกล
หากคุณกำลังมองหารถกระบะที่ผสมผสานทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และความสะดวกสบายอย่างลงตัว Ford Ranger Wildtrak 3.2 คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม ให้โอกาสทดลองขับ แล้วคุณจะพบว่ารถคันนี้ใช่สำหรับคุณหรือไม่
สัมผัสประสบการณ์จริงกับ Ford Ranger Wildtrak 3.2 ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดใกล้บ้านคุณ เพื่อค้นพบว่ารถกระบะคันนี้ จะยกระดับการเดินทางและไลฟ์สไตล์ของคุณไปสู่ขั้นไหน

