BMW Series 5: การกลับมาของความหรูหราและสมรรถนะที่เหนือชั้น
ในโลกยานยนต์ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันดุเดือด การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่น สมรรถนะอันทรงพลัง และเทคโนโลยีล้ำสมัย คือสิ่งสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างและดึงดูดใจผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียม ที่ผู้ซื้อคาดหวังมากกว่าแค่การเดินทาง แต่คือประสบการณ์อันน่าประทับใจในทุกมิติ
BMW Series 5 โฉมใหม่ รหัสตัวถัง F10 คือหนึ่งในรถยนต์ที่สามารถตอบสนองความคาดหวังเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ (All-New) ที่มาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ซีดานหรูระดับไฮเอนด์
ดีไซน์ที่สืบทอดและก้าวไปข้างหน้า: ความลงตัวที่ลงลึก
เมื่อแรกเห็น BMW Series 5 ใหม่ สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือดีไซน์ที่ถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Series 3, Series 7 และ Series 5 GT ที่เคยเผยโฉมไปก่อนหน้านี้ การออกแบบนี้ไม่ได้เป็นการลอกเลียนแบบ แต่เป็นการผสาน DNA ของแบรนด์ BMW เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ Series 5 ใหม่ มีภาพลักษณ์ที่ดูสง่างาม ปราดเปรียว และแฝงด้วยความสปอร์ตในทุกมุมมอง
ขนาดที่ใหญ่ขึ้นของตัวถัง คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เสริมความโดดเด่นให้กับ Series 5 ใหม่ ด้วยฐานล้อยาวที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกันที่ 2,968 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 80 มิลลิเมตร ส่งผลให้มิติความยาวของรถอยู่ที่ 4,899 มิลลิเมตร (จากเดิม 4,841 มิลลิเมตร) การขยายฐานล้อนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสง่างามให้กับตัวรถ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลังที่เพิ่มขึ้นถึง 13 มิลลิเมตร สร้างความรู้สึกโปร่งสบาย ไม่รู้สึกอึดอัดแม้เดินทางไกล
ภายในห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น แผงคอนโซลกลางถูกปรับปรุงให้รองรับการใช้งานของผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น มาตรวัดสไตล์คลาสสิก 4 จุดบนแผงหน้าปัดยังคงเอกลักษณ์ของ BMW ไว้ ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีความจุมากถึง 520 ลิตร และยังสามารถปรับพับเบาะหลังได้ในสัดส่วน 40:20:40 เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่
สมรรถนะที่เหนือกว่า: พลังที่ตอบสนองทุกการขับขี่
หัวใจสำคัญของ BMW Series 5 ใหม่ คือเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดจด โดยมีให้เลือกหลากหลายทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้บริโภค
เครื่องยนต์ดีเซล:
520d: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. และประหยัดน้ำมันถึง 5 ลิตร/100 กม.
525d: เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 236 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 6.2 ลิตร/100 กม.
530d: เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 6.3 ลิตร/100 กม.
เครื่องยนต์เบนซิน:
523i: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 238 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 7.6 ลิตร/100 กม.
528i: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 7.8 ลิตร/100 กม.
535i: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลัง 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 8.5 ลิตร/100 กม.
550i: เครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo ขนาด 4.4 ลิตร ให้กำลัง 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ประหยัดน้ำมัน 10.4 ลิตร/100 กม.
ระบบส่งกำลังได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เช่นกัน โดยรุ่น 550i จะมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และเป็นออปชั่นสำหรับรุ่นอื่นๆ ที่มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ นอกจากนี้ยังมีเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Sport Automatic ที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเองผ่าน Paddle Shift บนพวงมาลัย
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะที่เหนือชั้น
BMW Series 5 ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมาย เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่และความปลอดภัยให้ถึงขีดสุด
Drive Dynamic Control (DDC): ระบบปรับโครงสร้างตัวถังที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกระบบการขับขี่ได้ 4 โหมด คือ Normal, Comfort, Sport และ Sport+ ซึ่งแต่ละโหมดจะปรับการตอบสนองของพวงมาลัย ลิ้นปิดเปิดน้ำมัน การเข้าเกียร์ ระบบควบคุมเสถียรภาพ และ damper ให้เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่
ระบบสร้างพลังงานจากการเบรก: ระบบนี้จะทำการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ขณะที่เครื่องยนต์ทำงานเกินความจำเป็น เช่น ขณะหยุดรถ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน
ระบบ Auto Start-Stop: ระบบเปิด-ปิดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ ที่ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มีในรุ่น 520d เป็นรุ่นแรกในตระกูล Series 5)
ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า Servotronic: เป็นครั้งแรกที่ Series 5 ใช้ระบบพวงมาลัยแบบนี้ ซึ่งให้การควบคุมที่แม่นยำและตอบสนองได้ดี
เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความบันเทิง
นอกเหนือจากสมรรถนะและระบบความปลอดภัย Series 5 ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความบันเทิงในการเดินทาง
จอแสดงผล Head-Up Display: แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ความเร็วรถ ให้อยู่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่
ระบบ Night Vision พร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า: ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและตรวจจับสิ่งกีดขวาง
ระบบแจ้งเตือนเมื่อขับออกนอกช่องทางจราจร: ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ระบบกล้องมองรอบคัน 360 องศา: อำนวยความสะดวกในการเข้าจอดได้อย่างแม่นยำ
iDrive เจเนอเรชั่นที่ 4: ระบบควบคุมมัลติมีเดียที่ใช้งานง่าย มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว (มาตรฐาน) และออปชั่นหน้าจอขนาด 10.2 นิ้ว ที่มีฟังก์ชันการใช้งานครบครันเช่นเดียวกับใน Series 7 รุ่นล่าสุด
สรุป
BMW Series 5 ใหม่ คือยนตรกรรมที่ผสานความหรูหรา สมรรถนะอันเหนือชั้น และเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างลงตัว การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของ BMW ในการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ซีดานระดับพรีเมียม ด้วยดีไซน์ที่สง่างาม สมรรถนะที่เร้าใจ และความใส่ใจในทุกรายละเอียด Series 5 ใหม่ พร้อมแล้วที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าความคาดหวังให้กับทุกท่าน
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่สะท้อนรสนิยม ความสำเร็จ และให้ประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ BMW Series 5 ใหม่ คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม เชิญสัมผัสประสบการณ์อันน่าทึ่งนี้ได้ที่โชว์รูม BMW ทั่วประเทศ แล้วคุณจะพบว่า “ที่สุดแห่งการขับเคลื่อน” นั้นเป็นอย่างไร

