• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3112069 อให แฟนไม แต แม แฟนร กส ดห วใจ part2

admin79 by admin79
December 27, 2025
in Uncategorized
0
N3112069 อให แฟนไม แต แม แฟนร กส ดห วใจ part2

โตโยต้า ยาริส ใหม่: การเปิดตัวที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในตลาดรถยนต์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Eco Car ที่มีการแข่งขันสูง และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละครั้งมักจะมาพร้อมกับความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ หนึ่งในโมเดลที่สร้างความฮือฮาและเป็นที่จับตามองอย่างมากคือ Toyota Yaris โฉมใหม่ ซึ่งผมเองก็เคยมีโอกาสได้สัมผัสและวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนที่รถคันนี้จะเข้าสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการ

บทวิเคราะห์เชิงลึก: จุดเริ่มต้นของความสงสัย

เมื่อราวสองปีก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ผมได้รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของ Yaris รุ่นใหม่ที่ว่ากันว่าจะมีดีไซน์ที่ “เหลี่ยมๆ ดูสปอร์ตๆ” และกระจังหน้าคล้ายกับ Mitsubishi RVR/ASX ข้อมูลนี้ทำให้ผมอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เพราะในโลกของ Eco Car โดยเฉพาะในตลาดประเทศไทย ซึ่งเกินกว่า 30-40% ของยอดขายมาจากกลุ่มผู้หญิงที่ชื่นชอบรถยนต์ที่มีเส้นสายโค้งมน น่ารัก ยิ่งนำดีไซน์ที่ดู “ดุดัน” หรือ “แมน” มากเกินไปมาใช้ ก็อาจเป็นความเสี่ยงอย่างมากในการทำตลาดให้ประสบความสำเร็จ ดังเช่นที่เคยเห็นในกรณีของ Mitsubishi Lancer EX มาแล้ว

ค่ำคืนนั้น ภาพของ Yaris ใหม่ที่ปรากฏในหัวผมคือรถ Hatchback 5 ประตูที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ใช้โครงสร้างร่วมกับ Vios รุ่นใหม่ (ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครได้เห็นตัวจริง) จินตนาการถึงเส้นสายที่อาจจะดูแข็งกระด้างและไม่น่าดึงดูดสำหรับกลุ่มเป้าหมายหลัก

ความจริงที่ปรากฏ: การเปิดตัวที่เกินคาด

เช้าวันหนึ่งในเดือนเมษายน 2013 ความกังวลของผมก็กลายเป็นจริง เมื่อภาพถ่ายจากงาน Auto Shanghai 2013 เผยให้เห็นด้านหน้าของ Yaris รุ่นใหม่ที่ดูคล้ายคลึงกับ Mitsubishi RVR/ASX หรือแม้กระทั่ง Lancer EX อย่างน่าตกใจ และชุดไฟท้ายที่มีรูปทรงประหลาดคล้าย “ก้อนน้ำมูก” ก็ยิ่งเพิ่มความไม่มั่นใจ

“จบกัน…แบบนี้ ขายผู้ชายได้ แต่ขายผู้หญิงยาก” ผมคิดในใจ “ทางเดียวที่จะรอดคือการใช้การตลาดแบบสีสัน (Colorful Marketing) พยายามหาเฉดสีตัวถังสวยๆ มานำเสนอ ไม่งั้นคงจะไปไม่รอด เพราะผู้หญิงคงไม่เหลียวแล…”

สถานการณ์ตลาดในช่วงนั้นยิ่งทำให้การเปิดตัว Yaris ใหม่เป็นเรื่องท้าทาย โครงการคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาลในช่วงปี 2011-2012 ทำให้ตลาดรถยนต์ปั่นป่วน ผู้บริโภคมีความสุข แต่ผู้ผลิตต้องเร่งกำลังการผลิต เมื่อโครงการสิ้นสุดลง กำลังซื้อในปี 2013 หดหาย รถค้างสต็อกจอดเต็มลาน ผู้ผลิตต้องงัดสารพัดโปรโมชันเพื่อระบายสต็อก กลุ่ม B-Segment และ Eco Car ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ยอดขายไม่กระเตื้องอย่างที่ควรจะเป็น

การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในช่วงเวลานี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และ Yaris ใหม่ก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับ Vios พี่น้องร่วมแพลตฟอร์ม การตัดสินใจของ Toyota ที่จะเปิดตัว Yaris ในช่วงเวลานี้ดูเหมือนเป็น “ไฟท์บังคับ” ที่เลี่ยงไม่ได้

กระแสตอบรับที่เงียบงันและสัญญาณการเปลี่ยนแปลง

เป็นไปตามคาด กระแสการพูดถึง Yaris ใหม่ใน Social Media บางตาอย่างผิดคาดเมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่ๆ ของ Toyota ในอดีต มีน้อยคนที่จะสอบถามถึงมัน ยิ่งเมื่อเทียบกับ Nissan Teana ที่เปิดตัวก่อนหน้าเพียงวันเดียว กลับกลบกระแสของ Yaris จนแทบมิด

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มไม่แน่ใจในความคิดเดิมของตัวเอง กระแสการพูดถึง Yaris ใหม่เริ่มกลับมาในโลก Social Media มากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญ จำนวน Yaris ใหม่ที่ผมเริ่มเห็นบนท้องถนนก็เพิ่มขึ้นทุกวัน นั่นแสดงว่าลูกค้าเริ่มให้การยอมรับ “น้องใหม่ หน้าตาประหลาด” คันนี้แล้ว

ไขข้อข้องใจ: อัตราเร่ง, การประหยัดน้ำมัน, และประสบการณ์ขับขี่

คำถามที่หลายคนยังคงคาใจคือเรื่องสมรรถนะ อัตราเร่งจะอืดหรือไม่? กินน้ำมันหรือเปล่า? ขับดีไหม? พวงมาลัยแก้ไขแล้วหรือยัง? ช่วงล่างเป็นอย่างไร? และที่สำคัญ “ควรจะซื้อหรือไม่?” ถ้าซื้อ “ควรเลือกรุ่นย่อยใด?” บางคนอาจสงสัยระหว่าง Yaris กับ Suzuki Swift หรือแม้กระทั่งจะเปลี่ยนใจจาก Vios มา Yaris ดีไหม?

บทความรีวิวฉบับนี้ ผมจะพยายามตอบทุกคำถามที่คาใจ แม้ว่าคำตอบบางส่วนอาจสร้างความกังขาให้คุณผู้อ่านมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อผมจะบอกว่า ตัวเลขอัตราเร่งของ Yaris ใหม่ นั้น “ไวพอกันกับ Vios” แถมยัง “ประหยัดกว่า Vios” และที่สำคัญ “ได้พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางกว่า Vios (เฉพาะด้านหลัง)”

ไม่เชื่อใช่ไหม? Yaris ก็ยังคงทำตัวเป็นรถยนต์ที่สร้างความแปลกใจให้กับลูกค้าทั่วโลกอยู่เสมอในทุกครั้งที่เปิดตัว เหมือนเช่นรุ่นแรกของมันเมื่อ 15 ปีก่อนหน้านี้

ประวัติศาสตร์ของ Yaris: จากยุโรปสู่ตลาดโลก

Toyota พยายามบุกตลาดรถยนต์ Sub-Compact Hatchback ในยุโรปมาอย่างยาวนาน เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงตระกูล Publica สู่ Toyota Starlet แม้จะทำตลาดมาเรื่อยๆ แต่ Starlet ก็ดูจะกลายเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่น่าเบื่อมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขาจึงมอบหมายให้ Sotiris Kovos นักออกแบบดาวรุ่งแห่งศูนย์ออกแบบ Toyota European Office of Creation (EPOC) ในยุโรป พยายามหาแนวทางใหม่ในการพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กเพื่อเอาใจชาวยุโรปโดยเฉพาะ

เดือนกันยายน 1997 Toyota เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล Fun ครบ 3 รุ่น ได้แก่ FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show เพื่อส่งสัญญาณว่ารถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota นับจากนั้น จะถูกผลิตขายจริง โดยมีเส้นสายที่ถอดแบบมาจากรถต้นแบบทั้ง 3 รุ่น และมาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ที่เรียกกันภายในว่า NBC (New Basic Car)

ปี 1998 Toyota เผยโฉม Yaris ออกมาครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป ปี 1999 ถือเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้คนยุโรปหันมามองแบรนด์ Toyota อย่างจริงจังอีกครั้ง

ชื่อ Yaris ถูกตั้งขึ้นอย่างน่าสนใจ Toyota จ้างนักตั้งชื่อสินค้าชื่อดังมาดูรถต้นแบบ 5 นาที และให้เวลากลับไปหาชื่อที่เหมาะสม เขาเลือกใช้ชื่อ “Yaris” โดยเหตุผลว่า “Ya” เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า “Yes” หรือ “ใช่.ตกลง” ส่วน “Charis” คือเทพีแห่งความหรูหราและความงามในตำนานกรีกโบราณ

Yaris ถูกเปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นด้วยชื่อ VITZ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ก่อนจะส่งไปทำตลาดในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยชื่อ ECHO ส่วนตัวถัง Sedan 2 และ 4 ประตู ขายในญี่ปุ่นชื่อ Platz ขณะที่ตลาดอื่นๆ ใช้ชื่อ ECHO เหมือนกัน แต่กลับเป็นเพียง 2 ตัวถังที่ขายไม่ดีนัก เพราะรุ่น Hatchback ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

Yaris รุ่นแรกประสบความสำเร็จด้านยอดขายในยุโรปและญี่ปุ่นอย่างสูง แถมยังคว้ารางวัล European Car of the Year ประจำปี 2000 ซึ่งปกติแล้วรางวัลนี้มักจะตกเป็นของรถยนต์ยุโรปเท่านั้น มีเพียง Nissan March รุ่นปี 1991 เท่านั้นที่เป็นรถญี่ปุ่นรายแรกที่ได้รับรางวัลนี้

รุ่นที่ 2 และการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย

รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2005 มีรหัสรุ่น NCP90-NCP91, NCP95 ถูกสร้างขึ้นภายใต้รหัสโครงการ 351L โดย Chief Engineer ชื่อ Kousuke Shibahara เวอร์ชันไทย เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2006 หรือเกือบ 1 ปีให้หลัง มีรหัสรุ่น NCP91R-AHPGKT ถือเป็น Yaris รุ่นแรกที่ถูกนำมาขึ้นสายการผลิตในประเทศไทย

แม้จะทำยอดขายในตลาดโลกได้ดี แต่ในเมืองไทย การตั้งราคาสูงกว่าความคาดหมายเพราะอัดออปชันมาเต็มที่ ทำให้ยอดขายช่วงแรกไม่ดีนัก จนชมรมดีลเลอร์ Toyota ในกรุงเทพฯ ต้องประชุมและเรียกร้องให้ Toyota Motor Thailand ออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้ Yaris ขายได้ในระดับเรื่อยๆ จาก 1,000 คัน/เดือน ค่อยๆ ลดลงเหลือ 900 และ 800 คัน/เดือน

รุ่นที่ 3: การตัดสินใจครั้งสำคัญของ Toyota

รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 22 ธันวาคม 2010 ที่ Yokohama คราวนี้ Toyota เลือกทำตลาด Yaris รุ่นนี้เฉพาะในญี่ปุ่น, ยุโรป, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ

ตอนแรก คนไทยคาดหวังว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป และรุ่นที่ 3 นี่แหละ ที่จะเข้ามาประกอบขายในเมืองไทย แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ทั้งหมดเป็นผลพวงจากการที่ Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมขบวนผู้ผลิตรถยนต์กลุ่มแรกที่ขอใช้สิทธิประโยชน์จากภาครัฐ ตามโครงการ Eco Car ของรัฐบาล ในช่วงสุดท้าย แม้จะไม่ได้เห็นด้วยในตอนแรก

คำถามที่ตามมาคือ คราวนี้ Toyota จะเลือกรถยนต์รุ่นใดมาทำตลาดกลุ่มนี้ดี?

ภายใต้ข้อจำกัดของโครงการ Eco Car

จากสารพัดข้อจำกัดมากมาย จนในที่สุด ก็มาลงตัวว่า ในเมื่อข้อกำหนดของโครงการ Eco Car ในเมืองไทยระบุชัดเจนว่า ต้องผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยผลิตออกจำหน่ายในประเทศใดมาก่อน ดังนั้น การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่เตรียมจะผลิตในญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งโครงการเดินหน้าไปไกลมากแล้ว มาพัฒนาเพื่อผลิตขายในเมืองไทย จึงเป็นไปไม่ได้

ครั้นจะนำ Aygo รถยนต์ที่พัฒนาร่วมกับกลุ่ม PSA Peugeot Citroen มาทำ ก็ดูจะเล็กไปสำหรับตลาดไทยที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ทางสังคมไม่แพ้คุณสมบัติด้านต่างๆ อีกทั้งยังมีข้อตกลงกับ PSA ว่าไม่สามารถผลิตขายที่อื่นนอกเหนือจากโรงงานในสาธารณรัฐเชค และไม่สามารถขายในโซนอื่นนอกจากยุโรปได้

ดังนั้น จึงเหลือทางเลือกเพียงทางเดียว นั่นคือ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดศักยภาพสูงอย่างจีน ที่ต้องการรถยนต์ Hatchback ขนาดเล็กแต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรปอย่างชัดเจน โดยใช้ Platform และโครงสร้างวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการนี้

TakeShi Matsuda : Chief Engineer ผู้พัฒนาทั้ง Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า “ความตั้งใจของเขาตอนแรกคือทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็นรุ่นเปลี่ยนโฉม Full Model Change ของ Yaris สำหรับตลาดทั่วโลกที่ไม่ใช่ในยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดเมืองไทยมีนโยบายให้ทำ Yaris รุ่นนี้เป็น Eco Car เขาจึงต้องหาทางออกให้กับสารพัดคำถามและข้อจำกัด ซึ่งเกิดขึ้นมากมาย และผลลัพธ์ก็ออกมาเป็น Yaris อย่างที่เห็นกันอยู่นี้”

Dear Qin: สัญญาณแรกจากตลาดจีน

1 ปีก่อนการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง Toyota เลือกที่จะเริ่มเกริ่นให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงการมาถึงของ Hatchback รุ่นใหม่คันนี้ ด้วยการสร้างรถยนต์ต้นแบบสีเขียวในชื่อ Toyota Dear Qin Hatchback เพื่อเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกครั้งแรก ควบคู่กับ Toyota Dear Qin Sedan สีแดงเลือดหมู ในงานแสดงรถยนต์ Beijing Automotive Show ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2012

Dear Qin ทั้ง 2 คัน เผยให้เห็นถึงแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตูรุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก ที่จะแตกต่างไปจากรถยนต์รุ่นเดิมที่ทุกคนเคยเห็นมา

การเผยโฉม Dear Qin คันสีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ที่จะต้องเปิดตัวในอีก 1 ปีต่อมา เป็นการสื่อสารให้โลกรู้ว่ารถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีน ในฐานะตลาดเป้าหมายหลักของรถคันนี้

การเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เซี่ยงไฮ้

เมื่อเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์คันนี้อยู่ที่การเอาใจลูกค้าชาวจีน พวกเขาจึงเลือกเปิดตัว Yaris รุ่นประหลาดนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai (Shanghai Automobile Industry Exhibition) ครั้งที่ 15 ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2013

แต่กว่าจะพร้อมออกสู่ตลาดจีน GAC-Toyota บริษัทร่วมทุนของ Toyota กับชาวจีน ซึ่งจะรับหน้าที่ผลิตและจำหน่าย Yaris ต้องรอถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2013 จึงจะเริ่มปล่อยข้อมูลตัวรถทั้งหมดออกมา และเริ่มส่งรถยนต์ขึ้นโชว์รูมทั่วเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ได้ ในชื่อ Yaris-L เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2013 ที่ผ่านมา

ไทย: ประเทศลำดับที่ 2 ที่ได้สัมผัส Yaris ใหม่

ไทย ถือเป็นประเทศลำดับที่ 2 ในโลกที่ Toyota เผยโฉม Yaris ใหม่รุ่นนี้ งานเปิดตัวมีขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World สี่แยกราชประสงค์

TakeShi Matsuda : Chief Engineer ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนา Vios และ Yaris สำหรับตลาดกลุ่มเอเชีย บอกว่า ในตอนแรก เขาตั้งใจสร้างรถคันนี้ให้เป็น B-Segment Hatchback ในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันของ Yaris เพื่อตลาดเอเชีย โดย “ไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น Eco Car มาตั้งแต่แรก”

ทว่า เมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดว่า สำหรับตลาดเมืองไทย รถคันนี้ต้องเข้ามาทำตลาดในฐานะ Eco Car ดังนั้น มันจึงเกิดข้อจำกัดต่างๆ มากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

Matsuda-san จึงเลือกที่จะไม่ประนีประนอมกับประเด็นเรื่องเส้นสายของตัวรถ เขาให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายใน ซึ่งต้องนั่งสบาย ไม่เบียดเสียดกัน ขณะเดียวกัน ต้องยกระดับความประหยัดน้ำมันให้เพิ่มมากขึ้น ยกระดับความเงียบในห้องโดยสาร รวมถึงการเกาะถนนชนิดที่ว่าถ้าเทียบกับรุ่นก่อนแล้ว ต้องเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

มิติภายนอก: ใหญ่ขึ้น แต่ยังคงความคล่องตัว

Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มิลลิเมตร กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร

เมื่อเปรียบเทียบกับ Yaris รุ่นก่อน ซึ่งมีตัวถังยาว 3,800 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,520 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,460 มิลลิเมตร จะพบว่า Yaris ใหม่ ยาวขึ้นกว่าเดิมถึง 315 มิลลิเมตร กว้างขึ้นแค่ 5 มิลลิเมตร แต่เตี้ยลง 45 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มิลลิเมตร

แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นตามมาคือมิติในด้านต่างๆ ของตัวรถที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลังเพิ่มขึ้นเป็น 912 มิลลิเมตร (มากกว่าเดิม 46 มิลลิเมตร) พื้นที่วางเท้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลังมีความยาวถึง 663 มิลลิเมตร (ยาวกว่าเดิม 77 มิลลิเมตร) แผงพนักพิงเบาะหลังกว้างขวางขึ้นขนาด 1,310 มิลลิเมตร (มากกว่ารุ่นเดิม 10 มิลลิเมตร) ระยะห่างจากจุดกึ่งกลางล้อหลัง – กันชนหลัง มีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 690 มิลลิเมตร (ยาวกว่ารุ่นเดิม 110 มิลลิเมตร) ทำให้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีความยาวถึง 734 มิลลิเมตร (ยาวกว่าเดิม 140 มิลลิเมตร) จนมีปริมาตรความจุถึง 326 ลิตร

เส้นสายภายนอก: การออกแบบที่น่าถกเถียง

เส้นสายภายนอกมาในสไตล์ “เฉียบคม เน้นเหลี่ยมสัน” พร้อมกระจังหน้าที่ดูคล้ายกับ Mitsubishi RVR / ASX หรือ Lancer EX เสียด้วยซ้ำ แต่เพิ่มความแตกต่างด้วยแถบสีเงินแบบ “หนวดปลาดุก” จนผมแทบอยากจะตั้งฉายารถคันนี้ว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด!”

กระจังหน้าในรุ่น G กับ E จะเป็นหนวดสีเงิน ส่วนรุ่น J และ J ECO เป็นหนวดสีดำ มือจับประตูด้านข้างรุ่น G จะเป็นโครเมียม ส่วนรุ่นอื่นๆ จะเป็นสีเดียวกับตัวถัง

ชุดไฟหน้ารุ่น G จะเป็นโคมไฟแบบโปรเจคเตอร์ ส่วนรุ่นอื่นๆ จะเป็นไฟหน้าแบบ Multi Reflector ธรรมดา

กระจกมองข้างรุ่น G, E และ J จะเป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J ECO จะเป็นสีดำ เฉพาะรุ่น G จะมีไฟเลี้ยวติดตั้งมาให้ด้วย

รายละเอียดภายนอกบางชิ้นสามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้ ตัวอย่างเช่น ครีบรีดอากาศที่เสาขอบประตู หรือมือจับประตูทั้ง 4 ชิ้น กระจกหน้าต่างคู่หน้าก็สามารถใช้ทดแทนร่วมกันได้กับ Vios กระจกบังลมหน้าในรุ่น G เป็นแบบ Acoustic Glass เสริมฟิล์มสอดแทรกเป็นไส้กลาง ช่วยลดเสียงรบกวนขณะขับขี่

ส่วนบั้นท้ายนั้น ด้วยเหตุที่ทีมออกแบบน่าจะอยากสร้างความต่อเนื่องของเส้นสายจากหน้าต่างประตูคู่หลังจรดกระจกบังลมหลัง จึงต้องมีแผงพลาสติกสีดำ Glossy มาแปะไว้ เชื่อมต่อไม่ให้เส้นสายสะดุด แล้วทำชุดไฟท้ายให้มีกรอบทรงประหลาดๆ โดยใช้กรอบท่อนล่างของ Vios ลากเส้นขึ้นไปให้ยาว ในแบบที่ไม่เหมือนใคร

เข้าใจว่าอยากทำไฟท้ายให้ฉีกแนว ล้ำอวกาศ เหมือนในรถต้นแบบ Dear Qin แต่พอออกมาจริง นอกจากจะไปละม้ายคล้ายคลึงกับไฟท้ายของ Peugeot 208 รุ่นใหม่แล้ว มันยังไปทำลายความลงตัวของงานออกแบบฝาประตูคู่หลังและบานประตูคู่หลัง จนทำให้บั้นท้ายดูแปลกๆ ประดักประเดิดในเส้นสายอย่างน่าเสียดาย

เหมือนมีใครเอาก้อนเลือดกำเดาไหลไปแปะอยู่กับไฟท้ายของ Vios ยังไงยังงั้น!

ทุกรุ่นติดตั้งใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหลังมาให้เช่นเดียวกับทับทิมสะท้อนแสงมุมกันชนด้านล่าง รวมถึงมีสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลังแทบทุกรุ่น

ส่วนแถบประดับเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียนหลัง ในรุ่น G จะเป็นแถบโครเมียม รุ่น E เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J จะเป็นสีดำ

รุ่น G จะให้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R15 ขณะที่รุ่น E จะได้ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ แต่ถ้าเป็นรุ่น J จะได้ล้อกระทะ 14 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อที่สวมยาง 175/65 R14 แต่รุ่นถูกสุด J Eco จะไม่มีแม้แต่ฝาครอบล้อมาให้เลย เป็นเพียงล้อกระทะเหล็กสีดำพร้อมยางขนาดเดียวกันกับรุ่น J คือ 175/65 R14

ภายในห้องโดยสาร: ความคุ้นเคยจาก Vios

ระบบกุญแจในรุ่น G เป็นแบบ Keyless-Entry พร้อม Push Start ส่วนรุ่น E เป็นแบบกุญแจรีโมทแบบไข แต่ในรุ่นอื่นๆ เป็นกุญแจแบบมาตรฐานของ Toyota

เมื่อเสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar กรอบช่องประตูคู่หน้า และเสาหลังคาคู่กลาง B-Pillar ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ ดังนั้น การลุกเข้า-ออกจากเบาะนั่งคู่หน้าของทั้ง 2 รุ่นจึงเหมือนกันเป๊ะ

การเข้า-ออกอาจต้องใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อย เนื่องจากเสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar ค่อนข้างลาดเอียง

แผงประตูออกแบบให้ตำแหน่งวางแขนอยู่ในระดับที่เหมาะสม มือจับประตูด้านข้างออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์มือถือชั่วคราวได้ในตัว ช่องวางของด้านล่างใส่ขวดน้ำได้สบาย

เบาะนั่งคู่หน้า เป็นเบาะผ้าสีดำ ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ เปลี่ยนแค่ลายผ้าเบาะตรงกลางจากสีน้ำเงินมาเป็นสีส้มพร้อมตะเข็บสีส้ม เพื่อเพิ่มบุคลิกสปอร์ต สัมผัสที่ได้จึงไม่ต่างจากเบาะ Vios ใหม่

โครงสร้างเบาะนั่งคู่หน้าปรับเลื่อนได้มากขึ้น ซอยจังหวะการปรับเลื่อนให้ถี่ขึ้น ส่วนเบาะคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้

ด้านหลังเบาะออกแบบให้มีส่วนเว้าเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างหัวเข่าผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะหน้า

พนักพิงศีรษะออกแบบมาให้รองรับได้สบาย ขณะที่พนักพิงหลังถูกออกแบบให้เว้าลึกเข้าไป โอบกระชับสรีระมากขึ้น ถือว่าแก้ปัญหาเบาะนั่งไม่สบายใน Yaris รุ่นเดิมได้ดี

แต่สิ่งที่ยังแก้ไม่จบคือ เบาะรองนั่งยังคงสั้นไปหน่อย ถ้าเพิ่มความยาวอีกราวๆ 10 มิลลิเมตร น่าจะช่วยให้การรองรับต้นขาขณะขับขี่ทางไกลสบายขึ้นอีกนิด

ประเด็นที่น่าตำหนิคือ เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด ปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ ที่พบใน Vios ก็โผล่มาให้เห็นใน Yaris อีกด้วย ถือเป็นการลดต้นทุนที่น่าเกลียดมาก

นอกจากนี้ ยังไม่มีที่วางแขนสำหรับคนขับมาให้เลยแม้แต่รุ่นเดียว

พื้นที่เหนือศีรษะไม่ต่างจาก Vios ใหม่ สัมผัสได้ชัดเจนว่าโปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อน

พื้นที่ห้องโดยสาร: จุดเด่นที่แท้จริง

การลุกเข้า-ออกจากประตูคู่หลัง แม้ช่องทางเข้าจะกว้างขึ้นกว่า Yaris รุ่นเดิม แต่ก็ยังต้องก้มหัวลงเพิ่มพอสมควร ไม่เช่นนั้นหัวอาจโขกกับด้านบนของกรอบทางเข้าไปเต็มๆ สภาพนี้ไม่ต่างจาก Vios ใหม่

กระจกหน้าต่างไฟฟ้าคู่หลังเลื่อนเปิดลงมาได้จนสุด แผงประตูคู่หลังมีที่วางแขนในระดับพอใช้งานได้

จุดขายสำคัญของ Yaris ใหม่ คือเบาะหลัง ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่และโอ่โถงที่สุด เบาะหลังมีพนักพิงที่รองรับแผ่นหลังรวมทั้งช่วงหัวไหล่พอสบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี

พนักศีรษะทั้ง 2 ฝั่งใช้งานได้จริง ยกเว้นพนักศีรษะตรงกลางรูปตัว L คว่ำ ที่ถ้าเป็นไปได้ ถอดออกก็ไม่เสียหาย

เบาะรองนั่งออกแบบมาได้กำลังดี แต่สั้นไปหน่อย

พื้นที่เหนือศีรษะ สำหรับคนสูง 171 ซม. จะเหลือให้สอดนิ้ว 3 นิ้วในแนวนอนได้พอดี ผมนึกเสียดายที่ไม่สามารถนำพื้นที่เหนือศีรษะแบบนี้ไปใส่ใน Vios ใหม่ได้

พื้นที่วางขานั้นใหญ่สะใจ สมกับที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ B-Segment Hatchback ตั้งแต่แรก คนตัวใหญ่อย่างผมยังสามารถนั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย

ดังนั้น ผมยืนยันได้เลยว่า พื้นที่นั่งโดยสารของ Yaris ใหม่ ใหญ่โต โอ่อ่า เป็นที่สุดในบรรดา Eco Car ที่ผลิตขายในประเทศไทย จนถึงปี 2016!

รายละเอียดอื่นๆ ภายใน

เหนือประตูทั้ง 4 บาน มีมือจับยึดเหนี่ยวจิตใจมาให้ครบทั้ง 4 ตำแหน่ง

เข็มขัดนิรภัยสำหรับเบาะแถวหลังเป็นแบบ ELR 3 จุดทุกที่นั่ง แต่สำหรับผู้โดยสารตรงกลาง ถูกติดตั้งไว้กับเสาหลังคาด้านหลังสุด (C-Pillar) ฝั่งซ้ายของตัวรถ แล้วลากสายโยงเชื่อมจุดยึดมาที่กึ่งกลางเพดานหลังคา

Matsuda-san บอกว่าในการพัฒนา มีการถกเถียงถึงประเด็นนี้เยอะ เพราะตั้งใจออกแบบให้มีเข็มขัดนิรภัย 3 จุดสำหรับผู้โดยสารตรงกลางอยู่แล้ว แต่ราคาก็ต้องถูกพอที่ลูกค้าจะจ่ายได้ แถมยังต้องออกแบบไม่ให้บดบังทัศนวิสัยขณะถอยหลัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารฝั่งซ้ายและขวามีสายล็อกป้องกันไม่ให้สายเข็มขัดเคลื่อนตำแหน่งมาในแบบใช้สายผ้าติดกระดุมแป๊ก และมีร่องสำหรับเสียบยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาตรฐาน ISOFIX มาให้

พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังในรุ่น G กับ E จะแบ่งพับแยกฝั่งซ้าย-ขวาได้ในอัตราส่วน 60:40 แต่ถ้าเป็นรุ่น J กับ J ECO เบาะหลังพับได้จริง แต่ต้องพับพนักพิงทั้งแผงลงมาเป็นก้อนเดียวกัน

ตำแหน่งก้านปลดล็อกพนักพิงเบาะไม่ได้ติดตั้งที่หัวไหล่พนักพิง แต่ติดตั้งอยู่ที่ฝานังด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง เป็นปุ่มกดลงไปเพื่อปลดล็อกแล้วพับพนักพิงลงมาได้ทันที

พื้นที่เก็บสัมภาระ: ความจุที่น่าพอใจ

ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลังใช้ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อสัญญาณกับรีโมทกุญแจ Keyless Entry แต่บางกรณี ถ้ายังติดเครื่องยนต์อยู่ อาจไม่ยอมปลดล็อกให้ จำเป็นต้องดับเครื่องยนต์ก่อน

รอบกรอบช่องทางเข้าห้องเก็บของด้านหลังบุพลาสติกมาให้เรียบร้อย ต่างจาก Eco Car หลายรุ่นที่ยังปล่อยเปลือยให้เห็นผิวเหล็กสีตัวถังรถ ฝาประตูค้ำยันด้วยโช้คอัพไฮโดรลิค 2 ต้น มีแผงบังสัมภาระ

แต่บานประตูห้องเก็บของด้านหลังนั้น ไม่มีการบุพลาสติกใดๆ มีเพียงบุผนังด้านใน และออกแบบช่องมือจับสำหรับดึงฝาประตูลงมา

ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง มีความยาว 734 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจาก Yaris รุ่นเดิมถึง 140 มิลลิเมตร มีปริมาตรความจุ 326 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง Hard Case ได้ 3 ใบ พร้อมกระเป๋าเดินทางสะพายไหล่ 1-2 ใบ ถือว่ามีความจุเยอะสุดในบรรดา Eco Car ตัวถัง Hatchback ทุกคันในบ้านเราตอนนี้

ผนังด้านข้างฝั่งซ้าย มีไฟส่องสว่างในห้องเก็บของ เปิด-ปิดได้ด้วยสวิตช์ที่ฝังมาในตัว และเมื่อยกพื้นห้องเก็บของขึ้นมา จะพบยางอะไหล่ Dunlop SP10 ขนาด 175/65 R14 อันเป็นขนาดยางมาตรฐานของรุ่น E, J และ J Eco มาให้ พร้อมเครื่องมือและแม่แรงประจำรถจากโรงงาน

คอนโซลหน้า: ความคุ้นเคยที่เหนือคาด

แผงหน้าปัดหน้าตาคุ้นๆ ก็ไม่ต้องงง เพราะยกชุดมาจาก Vios ใหม่ทั้งดุ้นเหมือนกันอย่างกับแกะ มากันครบ ไม่เว้นแม้กระทั่งแนวตะเข็บเส้นด้าย หรือ Stitch ที่เป็นลายตะเข็บหลอกๆ ด้วยวิธีปั๊มชิ้นส่วนพลาสติกขึ้นรูปให้มีลวดลายแบบที่เห็น เพื่อเพิ่มความหรูให้กับตัวรถ ก็ยังเหมือนกันชนิดที่เรียกได้ว่า พิมพ์เขียวลงประทับตรา สำเนาถูกต้อง!

เพียงแต่วัสดุการตกแต่งแตกต่างกันเล็กน้อยไปตามแต่ละรุ่นย่อย แถมวัสดุประดับบริเวณกรอบนอกชุดเครื่องเสียงยังเป็นพลาสติกพื้นผิวเรียบๆ มิได้มีพื้นผิว Texture พิเศษ

แถบโค้งต่อเนื่องจากช่องแอร์ทั้ง 2 ฝั่งเข้าหาแผงควบคุมกลางจะเป็นพลาสติกสีดำปกติ ไม่ได้ประดับด้วย Trim ดำเงา หรือสีเงินอย่างใน Vios ใหม่

ทว่า ฐานคันเกียร์ แผงมือจับประตูทั้ง 4 บาน และกรอบช่องวางโทรศัพท์มือถือใน Yaris รุ่น G ประดับด้วย Trim สีเงินแทน ช่างดูให้ชวนงุนงงจริงๆ

วัสดุบุเพดานหลังคาเป็น Recycle สีดำปกติ แต่มีแผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดมาให้ทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร แต่ไม่ยักมีไฟแต่งหน้ามาให้

ฟังก์ชันการใช้งาน: รายละเอียดที่น่าสังเกต

จากฝั่งขวามาทางซ้ายของแผงหน้าปัด ยังคงยกสลับสับเปลี่ยนกับ Vios ได้แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสวิตช์กระจกหน้าต่างไฟฟ้าทั้ง 4 บาน แบบมีสวิตช์ Auto One-Touch พร้อมสวิตช์ล็อกกระจกหน้าต่างฝั่งผู้โดยสาร และ Central Lock บนแผงประตูฝั่งคนขับ สวิตช์กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า และสวิตช์ติดเครื่องยนต์ Push Start ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับ ช่องวางแก้วแบบเลื่อนเปิด-ปิดได้

พวงมาลัยแบบ 3 ก้านพร้อมสวิตช์ Multi Function ควบคุมชุดเครื่องเสียงบนก้านพวงมาลัยฝั่งซ้าย ยกมาจาก Vios มี Grip ที่จับถนัดมือ แต่มีระยะห่างจากขอบด้านบนสุดของมาตรวัดน้อยมาก

“พวงมาลัยคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความรู้สึกดีๆ ให้ผู้คนอยากขับรถคันนั้นๆ ถ้าออกแบบให้มันดูสวยไม่ได้ เพราะมานั่งคำนึงว่าต้นทุนจะแพงไปนั้น ผมว่า เลิกทำรถขาย แล้วกลับไปอยู่บ้านเลี้ยงลูกเมียยังดีซะกว่า งกไม่เข้าเรื่องในเรื่องไร้สาระแบบนี้เนี่ยนะ?”

บนก้านสวิตช์เปิดไฟหน้า ไฟเลี้ยว และไฟสูงบนคอพวงมาลัยฝั่งขวา ไม่ต้องคลำหาสวิตช์ไฟตัดหมอกหน้า เพราะ Yaris ใหม่ไม่มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้เลยแม้แต่รุ่นเดียว

ส่วนก้านสวิตช์ใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำด้านหน้า มีระบบหน่วงเวลาและสามารถตั้งเวลาในการหน่วงให้ปัดเร็ว-ช้าได้ เฉพาะรุ่น G และ E

มาตรวัดและระบบเครื่องเสียง: การปรับแต่งที่คาดหวัง

ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลมเหมือนกัน ตำแหน่งสัญญาณไฟเตือนต่างๆ ก็เหมือนกัน ตอนกลางคืนก็เรืองแสงสีขาวเป็นหลัก แม้กระทั่ง Font ตัวเลขที่อ่านง่าย แบ่งขีดความเร็วชัดเจน

เฉพาะรุ่น G จอแสดงข้อมูลตรงกลางเปลี่ยนมาเป็นสีส้ม ตัวเลข Digital สีดำ บอกตำแหน่งเกียร์, Odometer, Trip Meter A และ B, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย และระยะทางที่น้ำมันในถังยังเหลือพอให้รถแล่นต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร

แต่ที่ยังคงต้องตำหนิคือ ลายกราฟฟิคบนพื้นหลังมาตรวัดยังคงเป็นพื้นเรียบๆ แบนๆ ไร้มิติ

ชุดเครื่องเสียงเป็นวิทยุ AM/FM พร้อมช่องใส่แผ่น CD/MP3/WMA ได้ 1 แผ่น และมีช่องเสียบ USB และ AUX ถ้าเป็นรุ่น G กับ E จะมีลำโพง 4 ชิ้น แต่ถ้าเป็นรุ่น J กับ J Eco จะมีเพียง 2 ชิ้นเท่านั้น

คุณภาพเสียงก็ไม่ต่างจาก Vios คือพอฟังได้ หน้าจอสีส้มบอกภาษาได้ทั้งอังกฤษ, ไทย, ญี่ปุ่น, แม้กระทั่งจีน!

ส่วนสวิตช์เครื่องปรับอากาศในรุ่น G เป็นแบบมีหน้าจอ Digital มาให้ ยกชุดจาก Vios เช่นกัน ให้ความเย็นสะใจตามสไตล์ DENSO แต่การใช้งานยังคงสร้างความสับสนได้ โดยเฉพาะสวิตช์ฝั่งซ้ายสุดที่รวมการเลือกความแรงพัดลม, ทิศทางลม และอุณหภูมิไว้ในสวิตช์หมุนชุดเดียวกัน

ชวนให้นึกถึงสวิตช์แบบมือบิดวงกลม 3 วงในรุ่น E, J และ J Eco ขึ้นมา ชะมัด! ใช้งานง่าย สะดวกสบาย คลำหาก็จำได้ว่าต้องหมุนต้องเปลี่ยนอะไร แต่ดันออกแบบมาไม่สวย…เฮ้อ!

ช่องวางโทรศัพท์มือถือใต้สวิตช์เครื่องปรับอากาศด้านหลังคันเกียร์ ที่ผมเคยบ่นในบทความรีวิว Vios ว่าจะทำมาให้วางมือถือแบบนี้ทำไม ก็ยังคงปรากฏตัวให้เห็นใน Yaris อีกด้วย เป็นการออกแบบที่พยายามเอาใจลูกค้า แต่ไม่ค่อยสอดคล้องกับการใช้งานจริง

กล่องเก็บของบนแผงหน้าปัดฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า (Glove Compartment) ยกมาจาก Vios เช่นกัน เอาเข้าจริง แค่ใส่คู่มือ, สมุดรับประกัน และเอกสารประกันภัย ก็ล่อเข้าไปครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดแล้ว แถมยังคงกั้นพื้นที่กล่องเก็บของฝั่งขวาไว้อีก สงสัยว่าขนาดของเครื่องปรับอากาศมันใหญ่จนต้องงอกออกมาทางด้านข้างเลยหรือ?

ในขณะที่ Vios ให้กล่องเก็บของขนาดเล็กพร้อมฝาเปิดที่พยายามจะเป็นที่วางแขนในตัว แต่ Yaris กลับไม่มีอะไรให้มาเกินกว่าเบรกมือ 1 จุด, ช่องวางแก้วสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 1 ตำแหน่ง, ช่องเสียบกล่อง CD ที่ใช้งานไม่ได้จริง

ทัศนวิสัย: ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างสัมผัสได้

ทัศนวิสัยด้านหน้าไม่ได้แตกต่างไปจาก Vios เลย แม้แต่น้อย ไม่ว่าคุณจะมองไปทางฝากระโปรงหน้า, กระจกมองข้างฝั่งขวา หรือซ้าย มุมมองจะไม่แตกต่างไปจากภาพที่คุณจะได้เห็นเมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของ Vios ใหม่

แต่ถ้าเทียบกับ Yaris รุ่นเดิมแล้ว ทัศนวิสัยด้านหน้าดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมจนสัมผัสได้!

เสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar ฝั่งขวา มีการบดบังรถที่แล่นสวนมาบนทางโค้งน้อยลงกว่า Yaris รุ่นเดิมมาก กระจกมองข้าง แม้จะให้การมองเห็นรถที่แล่นมาจากด้านหลังได้ดี แต่พื้นที่กรอบพลาสติกด้านในยังกินพื้นที่เข้ามายังขอบล่างฝั่งขวาของบานกระจกมองข้างอยู่บ้าง

เสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar ฝั่งซ้าย ยังแอบมีการบดบังรถที่แล่นสวนทางมาขณะเลี้ยวกลับอยู่บ้างในบางรูปแบบของจุดกลับรถ ถือว่าโปร่งขึ้นกว่า Yaris เดิม

กระจกมองข้างฝั่งซ้ายก็ยังมองเห็นรถคันที่แล่นตามมาได้ดี เพียงแต่ขอบกระจกด้านล่างฝั่งซ้ายอาจถูกกรอบด้านในกระจกบดบังพื้นที่เข้ามาบ้าง

แต่สำหรับทัศนวิสัยด้านหลังนั้น ในเมื่อเสาหลังคาคู่หลังมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้นึกถึงเสาหลังคาคู่หลังของ Nissan Tiida Hatchback 5 ประตู ก็ต้องทำใจว่าอาจมีการบดบังรถจักรยานยนต์ที่แล่นตามมาจากด้านหลังฝั่งซ้ายของรถได้อยู่บ้าง

รายละเอียดด้านวิศวกรรมและการทดลองขับ

เมื่อ Toyota ตัดสินใจให้ Yaris ใหม่ เปลี่ยนกลุ่มตลาดจากเดิมที่เป็น B-Segment Hatchback 1,500 ซีซี ให้ลงมาฟัดเหวี่ยงกับกลุ่ม B-Segment Eco Car Hatchback 1,200 ซีซี ทำให้ Toyota จำเป็นต้องลดขนาดเครื่องยนต์ลงมาจากเดิม เลิกใช้เครื่องยนต์รหัส 1NZ-FE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,497 ซีซี 109 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ECT-i ที่เคยใช้ร่วมกับ Vios เดิม ทิ้งไป

แล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ 3NR-FE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบเหลือแค่ 1,197 ซีซี กำลังสูงสุด 86 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร (11.0 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์รุ่นนี้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน Eco Car

ระบบขับเคลื่อน: CVT คือคำตอบเดียว

เครื่องยนต์ลูกนี้จะส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยทางเลือกที่มีเพียงแค่เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน Super CVT-i แบบเดียวเท่านั้น โดยไร้เงาของเกียร์ธรรมดา

Toyota อ้างว่าจากการสำรวจวิจัยตลาดในไทย พบว่าตลาดรถยนต์นั่งกลุ่ม Eco Car มีความต้องการเกียร์ธรรมดาไม่ถึง 5% ของยอดขายรวม ดังนั้น พวกเขาจึงมองว่าเกียร์ CVT น่าจะเป็นทางเลือกเดียวสำหรับลูกค้าชาวไทย

อย่างไรก็ตาม มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ Yaris ใหม่รุ่นเกียร์ธรรมดา อาจไม่ผ่านการทดสอบด้านมลพิษ คืออาจปล่อยก๊าซ CO2 ออกมามากกว่ารุ่น CVT จนเกินกว่าค่ากำหนดของรัฐบาล

สมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย: Yaris 1.2 ลิตร เร็วเท่า Vios 1.5 ลิตร?

จากการทดลองจับเวลา 0-100 กม./ชม. Yaris 1.2 ลิตร CVT ทำได้ 12.4 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 8.6 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับ Toyota Vios 1.5 ลิตร รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ!

“เหวอไหม?” ตัวเลขที่ออกมาทำให้ผมและน้องผู้ช่วยจับเวลาอ้าปากหวอ! Yaris 1.2 ลิตร CVT คือรถยนต์นั่งขนาดเล็กพิกัด Eco Car ประกอบในเมืองไทย ที่ทำตัวเลขอัตราเร่งได้เร็วและแรงมากที่สุดในตลาดบ้านเราตอนนี้!

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะ

อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่เย็นลงในคืนที่ทำการทดสอบ (22-23 องศาเซลเซียส) อาจมีส่วนช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น

อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: Toyota ทดเฟืองท้ายให้ Yaris ใหม่ถึง 5.833:1 ซึ่งสูงมาก ทำให้รถออกตัวได้จัดจ้าน

คุณภาพน้ำมัน: แม้จะไม่แน่ใจในคุณภาพน้ำมันที่ใช้ แต่ก็ไม่น่าจะทำให้ตัวเลขแตกต่างถึง 2 วินาที

ความเร็วสูงสุดและการขับขี่จริง

ความเร็วสูงสุดทำได้ราว 160 กม./ชม. หลังจาก 5,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์จะไต่ความเร็วต่อขึ้นไปค่อนข้างช้า

ในการขับขี่ใช้งานจริง หากเข้าใจว่านี่คือรถยนต์ 1,200 ซีซี อัตราเร่งที่มีมาให้ถือว่าเพียงพอและแรงเกินความคาดหมาย เพราะการไต่ความเร็วขึ้นไปให้แรงดึงและความว่องไวพอๆ กับ Vios ใหม่ 1,500 ซีซี

ตำแหน่งเกียร์ S จะช่วยให้เครื่องยนต์พร้อมตอบสนองการเร่งแซงได้ทันใจ ส่วนเกียร์ B มีไว้เพื่อใช้ในการช่วยขึ้นและลงเขา

การเก็บเสียงและความเงียบ:

การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีกว่าที่คิด ในช่วงความเร็วเดินทาง 100-120 กม./ชม. แทบไม่ต้องเพิ่มเสียงพูดของตัวเอง และอาจเก็บเสียงได้ดีกว่า Vios นิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่หลังจากนั้น เสียงกระแสลมจะเริ่มดังขึ้น

พวงมาลัยและช่วงล่าง: การปรับปรุงที่เห็นผล

พวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ แม้จะยังคง “ไร้ชีวิตชีวา” ในแบบพวงมาลัยไฟฟ้า แต่ก็ดีขึ้นกว่า Yaris เดิม และมีความแตกต่างจาก Vios ใหม่เล็กน้อย

การออกแบบแกนเยื้องศูนย์ช่วยให้การประคองพวงมาลัยในความเร็วสูงแม่นยำขึ้น การตอบสนองในย่านความเร็วต่ำเบาแรง หมุนได้คล่อง แต่ไม่เบาโหวงจนเกินไป

ในการขับขี่ทางตรงยาวๆ พวงมาลัยของ Yaris นิ่งและให้การบังคับควบคุมไว้ใจได้กว่า Vios

การบังคับรถขณะเข้าโค้ง ตอบสนองได้ดีในระดับที่ดี มีน้ำหนักขืนพอประมาณ เลี้ยงพวงมาลัยในโค้งได้นิ่งขึ้น

ช่วงล่าง:

ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ยกชุดจาก Vios แต่มีการปรับปรุงให้เน้นความนุ่มนวลในการดูดซับแรงสะเทือน และเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ด้วยความเร็วเดินทาง

ในช่วงความเร็วต่ำ ช่วงล่างแข็งกระด้างกว่าที่คิดเล็กน้อย แต่ไม่หนีจาก Suzuki Swift นัก การซับแรงสะเทือนตามหลุมบ่อทำได้ไม่ถึงกับดีนัก

ในความเร็วเดินทาง การทรงตัวถือว่าทำได้ดี และมาในสไตล์เดียวกับ Vios รุ่น E กับ G วิ่งตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ได้สบายๆ ลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล

เมื่อพ้นจากความเร็ว 140 กม./ชม. ไปแล้ว จนถึงช่วงความเร็วสูงสุด อาการหน้ารถดิ้นไปตามกระแสลมจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาปกติของรถยนต์ขนาดเล็ก แต่มีไม่มากนัก และการเซ็ตพวงมาลัยทำให้การควบคุมรถขณะเกิดอาการดังกล่าวทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

การเข้าโค้ง Yaris ใหม่ทำได้ดีกว่าที่คาดคิด สามารถเข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้อย่างนิ่ง สบาย ปลอดภัย

ระบบเบรก:

ระบบห้ามล้อเป็นแบบ หน้าดิสก์ – หลังดรัม ทุกรุ่นจะติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกในภาวะฉุกเฉิน (Brake Assist)

การตอบสนองของเบรกมาในสไตล์เดียวกับ Vios เบรกจิกๆ ดี หรือจะเบรกให้นุ่มนวลก็ทำได้ ผ้าเบรกจับจานเบรกไว แป้นเบรกค่อนข้างตื้น

ในช่วงความเร็วต่ำ เบรกตอบสนองไว หน้ารถจิกและหน่วงความเร็วได้มาก มั่นใจได้ว่าโอกาสเกิดอุบัติเหตุชนท้ายมีน้อย

โครงสร้างตัวถังและอุปกรณ์ความปลอดภัย:

โครงสร้างตัวถังยังคงใช้เทคโนโลยีการออกแบบให้ดูดซับแรงปะทะจากการชน GOA เหมือนเดิม และมีการออกแบบชิ้นส่วนตัวถังให้ใช้ร่วมกันได้กับ Vios ใหม่

กว่า 50% ของเหล็กที่ใช้ขึ้นรูปโครงสร้างตัวถังและพื้นแชสซีทั้งหมด ใช้เหล็ก High Strength Steel

อุปกรณ์ความปลอดภัย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS มีมาให้ครบตั้งแต่รุ่น J Eco, พนักศีรษะคู่หน้าแบบ WIL, เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด ครบทั้ง 5 ตำแหน่ง พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ แต่ยังคงปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้

การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย

Yaris ใหม่ เติมน้ำมันเบนซิน 95 Techron ที่สถานีบริการน้ำมัน Caltex ริมถนนพหลโยธิน ระยะทางที่แล่นไป 92.2 กม. เติมน้ำมันกลับ 5.54 ลิตร คำนวณแล้วได้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.64 กม./ลิตร

ตัวเลขนี้ถือว่าทำได้ดี เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะ Yaris เป็นรถยนต์นั่ง B-Segment Hatchback ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1,200 ซีซี เพื่อลงมาสู้ในพิกัด Eco Car

สรุป: Vios 5 ประตู เครื่องเล็กกว่า เกียร์ CVT แต่แรงเท่ากัน แถมประหยัดกว่า

Toyota เป็นบริษัทขนาดยักษ์ที่มักเน้นสร้างรถยนต์เพื่อมวลมหาประชาชน แต่ผลงานของพวกเขามักเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้แตกต่างสุดขั้ว

Yaris อาจไม่ใช่ผลงานที่ดีเด่นมากมายนัก และเป็นผลงานที่ออกมาภายใต้การประนีประนอมข้อจำกัดต่างๆ มากมาย จนออกมาเป็น Hatchback คันเล็ก วางเครื่องยนต์ 1,200 ซีซี Eco Car ทั้งที่วิศวกรเขาก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นในตอนแรก แต่กลับทำอัตราเร่งออกมาได้ดีเกินคาด จน Vios 1,500 ซีซี เองถึงขั้นอ้าปากหวอ

ช่วงล่างดีเทียบเท่า Suzuki Swift เทพประจำในพิกัด Eco Car แถมบางด้านยังแอบดีกว่าเสียด้วย เช่นอาการเด้งที่เกิดขึ้นเมื่อบรรทุกคนเยอะ, การเข้าโค้งต่อเนื่องยาวๆ ได้เนียนและนิ่งกว่าที่ทุกคนคิด เบรกก็จิกดี ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่ด้านหลังให้นั่งไขว่ห้างได้ แถมพื้นที่ศีรษะยังเยอะกว่า Vios พี่ด้วยซ้ำ

จุดเด่นของ Yaris อยู่ที่สมรรถนะภาพรวมเหนือความคาดหมายเล็กน้อย และมีพื้นที่ห้องโดยสารโอ่โถง จะนั่งหรือวางของก็ทำได้ดีกว่าคู่แข่งทุกคันในพิกัด Eco Car

แต่ข้อที่ควรปรับปรุงก็ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเซ็ตพวงมาลัยที่นอกจากจะต้องมีชุดปรับระยะใกล้-ห่างจากตัวคนขับกันเสียทีแล้ว ยังต้องลดอุปนิสัย “ไร้ชีวิตชีวา” เหมือน Robocop กันเสียที, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าก็ควรจะปรับระดับสูง-ต่ำมาให้ได้แล้ว, รวมถึงการเซ็ตออปชันบางอย่างที่น่าจะให้มาคุ้มค่ากับค่าตัวได้แล้ว

การเปรียบเทียบกับคู่แข่งและ Vios

ถ้าคุณกำลังชั่งใจว่าจะเลือกรถ Yaris ดีไหม? นอกจากจะสำรวจเงินในกระเป๋าแล้ว ผมอยากให้ลองมองไปยังทางเลือกอื่นๆ เพิ่มเติมกันให้รอบคอบ Yaris มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Toyota Vios Sedan 1.5 ลิตร กันเต็มๆ และมีจำนวนน้อยมากที่จะเปรียบเทียบกับ B-Segment Eco Car Sedan 1.2 ลิตร อย่าง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage

ราคาขายปลีกหน้าโชว์รูม:
Yaris ใหม่ มี 4 รุ่นย่อย ราคาตั้งแต่ 469,000 – 599,000 บาท
Vios ใหม่ ราคาตั้งแต่ 559,000 – 734,000 บาท

ดูไปดูมา Yaris สงสัยว่าจะเกิดมาเพื่อฆ่าพี่ชายตัวเอง (Vios) ตายโดยทางอ้อม เหมือนกันนะ ไม่แปลกหรอกที่มีคนเอามันไปเทียบกับ Vios มากพอๆ กับที่เอาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน

คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจ

หากคุณไม่แคร์อัตราเร่งมากนัก ไม่แคร์บุคลิกของรถท้ายตัด แต่สนใจค่าน้ำมันต่อเดือน และเลือก Yaris คุณจ่ายน้อยกว่า แต่ได้อุปกรณ์เกือบเหมือนกันกับ Vios ตัวรองๆ ลงมา

หากคุณมีดีเอ็นเอแห่งความเป็น Minimalism สูง ออปชันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขอแค่มีกระจกไฟฟ้า, พวงมาลัยเพาเวอร์, แอร์, และวิทยุ Yaris ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

แต่ถ้าคุณเกลียดเกียร์ CVT อย่างยิ่ง และคิดว่ารถเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะทนทานกว่า Vios J 4AT ราคา 589,000 บาท ที่ห่างจาก Yaris 1.2G ตัวท็อปเพียง 10,000 บาท อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า

คำถามสุดท้าย: J!MMY จะซื้อ Yaris ใหม่หรือไม่?

ตอบได้ทันทีว่า “ไม่!”

ผมรับไม่ได้กับการต้องซื้อรถยนต์ที่เต็มไปด้วยการติดตั้งชิ้นส่วนหลายชิ้นที่ไม่มีความจำเป็น ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น แต่กลับไม่ยอมหาทางตัดทอนชิ้นส่วนเหล่านั้นลง เพื่อนำต้นทุนส่วนเกินไปเพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐาน

ผมรับไม่ได้กับรถยนต์ที่ไม่มีเข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำมาให้ ผมอยากได้พวงมาลัยปรับระยะไกล-ห่างจากตัวคนขับได้ และผมไม่อยากซื้อรถที่มีงานออกแบบด้านหน้าชวนให้นึกถึง “นายจันหนวดเขี้ยว” และมีไฟท้ายที่ดูคล้าย “ก้อนเลือดกำเดาไหล”

ถ้า Toyota จะไปแก้ไขปรับปรุงใน 3 ย่อหน้าข้างบนนี้ได้ครบกันเมื่อไหร่ วันนั้นแหละ ผมอาจจะเปลี่ยนใจ ยอมซื้อ Yaris มาจอดอยู่ในบ้าน

มองหาทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ?

หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะ, ความประหยัด, พื้นที่ใช้สอย, และราคาที่เหมาะสม Toyota Yaris ใหม่ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด Eco Car แต่ก็อย่าลืมเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Suzuki Swift เพื่อให้คุณได้รถที่ตรงใจที่สุด

หากคุณสนใจ Yaris ใหม่ หรือต้องการเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ เพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของคุณ อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ หรือเข้าชมโชว์รูมใกล้บ้านท่าน เพื่อสัมผัสและทดลองขับจริง.

Previous Post

N3112080 สะไภ เอาอะไรใส ในเค กให แม สาม part2

Next Post

N3112074 ทำนาอย ๆม คนมาขอความช วยเหล part2

Next Post
N3112074 ทำนาอย ๆม คนมาขอความช วยเหล part2

N3112074 ทำนาอย ๆม คนมาขอความช วยเหล part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N3112064 เพ อนท เขาไม ทำก บเพ อนแบบน part2
  • N3112072 เธอถอดบsาต อหน แต มไปว าเค ามอง(ไม )เห part2
  • N3112076_กผอ. ไม พอใจท กภารโรงใส ดว ายน ำเหม อนเขา_part2
  • N3112074 ทำนาอย ๆม คนมาขอความช วยเหล part2
  • N3112069 อให แฟนไม แต แม แฟนร กส ดห วใจ part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.