• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3112064 เพ อนท เขาไม ทำก บเพ อนแบบน part2

admin79 by admin79
December 27, 2025
in Uncategorized
0
N3112064 เพ อนท เขาไม ทำก บเพ อนแบบน part2

สุดยอดรถยนต์หรูห้าอันดับแรก: การสำรวจโลกแห่งซูเปอร์คาร์มูลค่ามหาศาล

ในโลกแห่งยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วและความหรูหรา มีรถยนต์เพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรม วิศวกรรม และการออกแบบได้ รถเหล่านี้ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่เป็นงานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ และเป็นที่ปรารถนาของนักสะสมทั่วโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของซูเปอร์คาร์เหล่านี้อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การกำเนิดของเครื่องยนต์สันดาปภายในไปจนถึงยุคใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้า สมัยนิยมของ รถยนต์หรูราคาแพงที่สุดในโลก ยังคงดึงดูดความสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่สำหรับราคาที่สูงลิ่วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความพิเศษและการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับงานฝีมืออันประณีต

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกสู่โลกอันน่าทึ่งของ รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ตั้งแต่ Rolls-Royce La Rose Noire Droptail มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปจนถึง McLaren Speedtail ที่มีราคา 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เราจะสำรวจว่าอะไรทำให้รถยนต์เหล่านี้มีมูลค่ามหาศาลขนาดนั้น และอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับโลกแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งสูงสุดในตลาดนี้

Rolls-Royce La Rose Noire Droptail: 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Rolls-Royce La Rose Noire Droptail ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นผลงานชิ้นเอก เป็นการนิยามใหม่ของความหรูหราสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ การออกแบบที่แหวกแนวจากรูปแบบสี่ที่นั่งของ Rolls-Royce สู่รุ่นสองที่นั่ง พร้อมหลังคาแข็งแบบถอดได้ ทำให้สามารถขับขี่ได้ทั้งแบบเปิดประทุน (roadster) หรือแบบปิด (coupe) ที่หรูหรา การตกแต่งภายในที่ประณีตประกอบด้วยแผงโค้งที่ทำจากไม้ Black Sycamore กว่า 1,603 ชิ้น สื่อถึงแรงบันดาลใจจากดอกกุหลาบ Black Baccara สีดำอันเลื่องชื่อ สีภายนอก “True Love” สีแดงเข้ม ยิ่งเสริมให้รถคันนี้สมบูรณ์แบบราวกับงานศิลปะบนล้อ

Rolls-Royce Boat Tail: 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Rolls-Royce Boat Tail เป็นข้อพิสูจน์ถึงการผสมผสานระหว่างปริมาณและคุณภาพได้อย่างลงตัว รถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคันนี้ได้รับการออกแบบในรูปแบบ Coach-built ซึ่งเป็นรถยนต์สั่งทำพิเศษที่สร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Boat Tail ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอร์ช J-Class และ Boat Tail รุ่นดั้งเดิมในปี 1932 การเปิดตัวต่อสาธารณะครั้งแรกที่งาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este ในอิตาลี ปลายปี 2021 เผยให้เห็นเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ขนาด 6.75 ลิตร กำลัง 563 แรงม้า ทำให้เป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่แพงที่สุดในโลกประจำปีนี้

Bugatti La Voiture Noire: 18.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในปี 2019 Bugatti ได้สร้างปรากฏการณ์ทางการตลาดด้วยการเปิดตัวซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุด “La Voiture Noire” ซึ่งหมายถึง “The Black Car” การออกแบบที่เรียบง่ายแต่โดดเด่น การใช้ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่ปั้นด้วยมือ และเครื่องยนต์ Quad-turbo W16 ขนาด 8.10 ลิตร ให้กำลัง 1,500 แรงม้า พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 420 กม./ชม. Bugatti La Voiture Noire คือนิยามของสมรรถนะระดับสูงสุดที่มาพร้อมกับความงามอันเป็นอมตะ

Pagani Zonda HP Barchetta: 17.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Zonda คือรถยนต์คันแรกที่ออกจากโรงงาน Pagani Automobili แม้ว่าการผลิตควรจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ Pagani ก็ยังคงสร้างสรรค์รุ่นพิเศษของ Zonda ออกมาอย่างต่อเนื่อง Zonda HP Barchetta มีชื่อเรียกมาจากรูปทรงที่คล้าย “เรือเล็ก” (Barchetta ในภาษาอิตาเลียน) ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน ทำให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ กระจกบังลมหน้าที่เล็ก และความสูงเพียง 21 นิ้ว (0.5 เมตร) น่าเสียดายที่ Pagani Zonda HP Barchetta เป็น รถยนต์ที่แพงที่สุดที่ไม่สามารถซื้อได้ โดยผลิตเพียง 3 คันทั่วโลก ในการขายครั้งสุดท้าย ราคาอยู่ที่ 17.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

SP Automotive Chaos: 14.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

SP Automotive Chaos คือผู้เล่นหน้าใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์ นักออกแบบชาวกรีก Spyros Panopoulos ได้เปิดตัวรถยนต์ Ultra-car ที่ใช้วัสดุขั้นสูงที่สุดในโลก รุ่น “Earth Version” ที่มีกำลัง 2,048 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ 6.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่รุ่น “Zero Gravity” ยกระดับเครื่องยนต์ Quad-turbo V-10 ไปสู่กำลัง 3,065 แรงม้า สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.55 วินาที และวิ่งควอเตอร์ไมล์ได้ในเวลาไม่ถึง 7.5 วินาที พร้อมราคาที่น่าตกใจถึง 14.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Rolls-Royce Sweptail: 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Rolls-Royce Sweptail ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยเหตุผลเฉพาะเจาะจง แต่เป็นไปตามคำร้องขอจากลูกค้า รถยนต์คันนี้เคยครองตำแหน่งรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก และยังคงเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนรักรถทั่วโลก การผสมผสานความหรูหราแบบสมัยใหม่เข้ากับเสน่ห์ของยุค 1920 และ 1930 ทำให้ Sweptail เป็นรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์คลาสสิกผสมผสานกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย แม้จะมีรายละเอียดมากมาย แต่เจ้าของรถยนต์คันพิเศษนี้ยังคงเป็นปริศนา

Bugatti Chiron Profilée: 10.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bugatti Chiron Profilée ได้รับการบันทึกสถิติเป็นรถยนต์ใหม่ที่แพงที่สุดที่เคยขายได้ในการประมูล เป็นรถยนต์พิเศษเพียงคันเดียวที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความเหนือกว่าของรถยนต์หรูส่วนใหญ่ในตลาด แม้จะเป็นรุ่นที่ปรับลดความดุจากรุ่นเน้นการแข่งขันอย่าง Pur Sport แต่ Profilée ยังคงสร้างความประทับใจ ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในประมาณ 2.3 วินาที และความเร็วสูงสุดกว่า 230 ไมล์ต่อชั่วโมง (370 กม./ชม.)

Bugatti Centodieci: 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bugatti Centodieci เป็นรถยนต์ที่มีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก โดยจะผลิตออกมาเพียง 10 คันเท่านั้น ซึ่งทุกคันได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว รวมถึงนักฟุตบอลชื่อดังอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด Bugatti ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบตัวถังที่เป็นเอกลักษณ์และความสะดวกสบายหรูหรา ได้มอบทุกสิ่งที่เป็นไปได้ให้กับ Centodieci เพื่อให้เป็นรถยนต์ที่น่าจดจำและหรูหราอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ Quad-turbo W-16 ที่ให้กำลัง 1,577 แรงม้า Centodieci อาจไม่ใช่ Bugatti ที่เร็วที่สุด แต่เป็นการเร่งความเร็วที่น่าทึ่งที่สุด Bugatti Centodieci เป็นการรำลึกถึง EB110 หรือ “centodieci” ซูเปอร์คาร์ที่ผลิตในช่วงต้นยุค 90 ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง รถรุ่นนี้จึงมาเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบในด้านสมรรถนะและความหรูหรา

Mercedes-Maybach Exelero: 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การผลิตยางรถยนต์ที่สามารถทนทานต่อสภาพการใช้งานที่ต้องการมากที่สุดไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติเยอรมัน Fulda การสร้างรถยนต์ทดสอบพิเศษเพื่อทดสอบขีดจำกัดของวิศวกรรมยางรถยนต์จึงเป็นสิ่งจำเป็น Fulda ทุ่มเงินถึง 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการสร้าง Mercedes-Maybach Exelero รถยนต์รุ่นพิเศษคันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V-12 ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 690 แรงม้า และแรงบิด 752 ปอนด์-ฟุต ซึ่งพิสูจน์ได้ถึงความทนทานของยางที่ผลิตขึ้น

777 Hypercar: 7.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ขับขี่บนสนามแข่งขั้นสุดยอด 777 Hypercar คือคำตอบ เครื่องยนต์ V-8 แบบไร้ซุปเปอร์ชาร์จ ให้กำลัง 730 แรงม้า ซึ่งอาจฟังดูไม่น่าประทับใจนัก จนกว่าจะทราบว่าน้ำหนักรวมของรถทั้งคันมีเพียง 900 กิโลกรัม (1,984 ปอนด์) รถ Hypercar คันนี้จะผลิตเพียง 7 คันเท่านั้น และจะถูกเก็บไว้ที่สนาม Monza Circuit เพื่อให้เจ้าของได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ในสนามแข่งและในงานอีเวนต์พิเศษ

Pagani Huayra Codalunga: 7.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ผู้ผลิตรถยนต์สุดพิเศษเข้าใจดีว่าการตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อนักสะสม Pagani สองรายแสดงความต้องการรถยนต์พิเศษที่มีรูปทรงยาวตามแบบรถแข่งยุค 1960 Pagani ก็ตอบสนองความต้องการนั้นด้วย Pagani Huayra Codalunga ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 5 คัน ส่งผลให้ความพิเศษเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เครื่องยนต์ V-12 ให้กำลัง 828 แรงม้า พร้อมให้คุณสัมผัสสมรรถนะได้ทันที

Pagani Huayra Tricolore: 6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Pagani ได้สร้าง Huayra Tricolore ขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึง Frecce Tricolori ฝูงบินผาดแผลงของกองทัพอากาศอิตาลี โดยผลิตออกมาเพียง 3 คัน เพื่อให้เฉิดฉายบนท้องถนนราวกับเครื่องบินขับไล่บนท้องฟ้า รถรุ่นพิเศษนี้ให้กำลัง 829 แรงม้า ซึ่งสูงกว่ารุ่น BC Roadster ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว

Bugatti Divo: 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bugatti Divo ซึ่งพัฒนาต่อยอดจาก Bugatti Chiron ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันหลายประการ แต่มีรูปลักษณ์ที่แปลกตาและพิเศษยิ่งกว่า โดยจะผลิตเพียง 40 คัน และทุกคันได้ถูกจับจองไปแล้ว การอัปเกรดประกอบด้วยระบบกันสะเทือนที่ดีขึ้น โครงสร้างที่เบาลงเพื่อเพิ่มความเร็ว และครีบหลังคาใหม่ เครื่องยนต์ W-16 ขนาด 8.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ 4 ตัว ให้กำลัง 1,500 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 380 กม./ชม.

Bugatti Chiron Super Sport 300+: 5.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bugatti Chiron Super Sport 300+ ไม่เพียงแต่มีความเร็วและพละกำลังอันไร้เทียมทาน แต่ยังมาพร้อมกับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bugatti เครื่องยนต์ Quad-turbocharged W-16 ขนาด 8 ลิตร ให้กำลัง 1,577 แรงม้า รถยนต์คันนี้เป็นคันแรกที่สามารถทำลายกำแพงความเร็ว 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (483 กม./ชม.) ได้สำเร็จ ทำให้มูลค่าของรถคันนี้ไม่มีวันเสื่อมคลาย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที และความเร็วสูงสุดกว่า 300 ไมล์ต่อชั่วโมง (483 กม./ชม.) พร้อมระบบ Infotainment ที่รองรับ Apple และ Android

Pagani Imola: 5.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กำลังเครื่องยนต์กว่า 800 แรงม้า เป็นสิ่งที่ไม่ได้มีไว้สำหรับคนใจไม่ถึง หากไม่มีทีม Pagani มาช่วยควบคุมพลังอันมหาศาลนี้ Pagani Imola เป็นรุ่นผลิตจำกัดเพียง 5 คัน ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ มาพร้อมปีกหลังขนาดใหญ่ ดิฟฟิวเซอร์ และสปลิตเตอร์หน้าใหม่

Bugatti Mistral: 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในขณะที่พลังงานไฟฟ้ากำลังเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์สันดาป Bugatti Mistral คือรถยนต์รุ่นสุดท้ายที่จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ W-16 อันทรงพลัง มีการออกแบบส่วนหน้าใหม่และยกเลิกหลังคา เพื่อมุ่งสู่การเป็นรถยนต์เปิดประทุนการผลิตที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วสูงสุดที่รายงานไว้ 261 ไมล์ต่อชั่วโมง (420 กม./ชม.)

Koenigsegg CCXR Trevita: 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Koenigsegg CCXR Trevita โดดเด่นด้วยการเคลือบตัวถังด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สีขาวดุจเพชร กระบวนการผลิตที่ซับซ้อนนี้ทำให้ผลิตได้เพียง 2 คันเท่านั้น โดยมีราคาขายถึง 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นักมวยชื่อดัง Floyd Mayweather เป็นเจ้าของรถคันหนึ่ง

Pininfarina B95 Barchetta: 4.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ผุดขึ้นมามากมาย Pininfarina B95 Barchetta กำลังก้าวขึ้นมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่แพงที่สุดในโลก นี่คือรุ่นที่สองจากผู้ผลิต Hypercar รายใหม่นี้ แม้จะใช้ระบบส่งกำลังเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยเฉพาะการยกเลิกกระจกบังลมหน้า ให้ผู้ขับขี่ควบคุมการไหลของลมด้วยระบบ Aero Screen สไตล์เครื่องบินขับไล่

Bugatti Bolide: 4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bugatti Bolide คือรถยนต์ Hypercar ต้นแบบที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบปลดปล่อยจินตนาการได้อย่างเต็มที่ Bugatti ได้นำรถต้นแบบนี้มาผลิตจริง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยกำลัง 1,578 แรงม้า พร้อมองค์ประกอบการออกแบบที่ช่วยเพิ่มแรงกด (downforce) เพื่อให้ล้อเกาะติดพื้นถนนขณะโลดแล่นในสนามแข่ง

Gordon Murray T.50s: 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Gordon Murray T.50s Niki Lauda คือการยกย่องตำนานมอเตอร์สปอร์ตอย่าง Niki Lauda โดยรุ่นที่เน้นการขับในสนามแข่งนี้ ได้ลดน้ำหนักลง 200 ปอนด์ และเพิ่มกำลังอีกเกือบ 75 แรงม้า เจ้าของ 25 ท่านจะได้รับเครื่องยนต์ V-12 กำลัง 725 แรงม้า ที่สามารถหมุนได้ถึง 12,100 รอบต่อนาที

Lamborghini Veneno: 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี Lamborghini ไม่ได้ลังเลที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ Lamborghini Veneno ซึ่งพัฒนามาจาก Aventador เป็นรถยนต์ต้นแบบสำหรับการแข่งขันที่จดทะเบียนให้วิ่งบนถนนได้จริง มีการออกแบบที่ดุดันยิ่งขึ้นและสมรรถนะที่น่าทึ่ง ผลิตออกมา 4 คันในรุ่น Coupe และ 9 คันในรุ่น Roadster

Koenigsegg CC850: 3.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Koenigsegg CC850 เป็นรถยนต์ที่โดดเด่นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ ด้วยเครื่องยนต์ V-8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลัง 1,385 แรงม้า แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือระบบ Engage Shift System (ESS) ซึ่งมีเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีดได้ พร้อมคันเกียร์แบบ Gate Shifter และแป้นคลัทช์ แม้จะเป็นระบบ Shift-by-Wire แต่ประสบการณ์การขับขี่ก็ใกล้เคียงกับการขับเกียร์ธรรมดาจริง

Bugatti Chiron Pur Sport: 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การที่จะก้าวข้าม Bugatti Chiron เป็นความท้าทายที่หลายผู้ผลิตรถยนต์ต้องยอมแพ้ แต่ทีม Bugatti ได้ทำให้เป็นจริง Bugatti Chiron Pur Sport เป็นรุ่นผลิตจำกัด 60 คัน เพื่อตอบสนองลูกค้าผู้ภักดีของแบรนด์ที่ต้องการรถยนต์ที่คล่องตัวมากขึ้นจาก Chiron รุ่นประทับใจ Pur Sport ได้ตัดทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุด มีน้ำหนักเบา คล่องตัว และให้สมรรถนะที่น่าทึ่งเมื่อขับขี่เต็มกำลัง แต่ยังคงความสง่างามเมื่อขับขี่ในเมือง

Lamborghini Sian: 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Lamborghini Sian แปลว่า “สายฟ้าแลบ” ในภาษา Bolognese ซึ่งบ่งบอกถึงสมรรถนะของซูเปอร์คาร์คันนี้ ไม่เพียงแต่เป็น Lamborghini ที่ทรงพลังที่สุด แต่ยังเป็นรุ่นที่แพงที่สุดอีกด้วย ซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นจำกัดนี้ มีลูกค้าเพียง 63 รายทั่วโลก และมาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่น Sian ได้รับการออกแบบให้สามารถปรับแต่งได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา สีตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงเบาะนั่งและภายใน สามารถเลือกได้ทุกสี และสามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึง 2.8 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 347 กม./ชม.

Aspark Owl: 3.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า ก็จะเปิดประตูสู่การแข่งขัน ในขณะที่รถยนต์ราคาแพงที่สุดหลายรุ่นยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาป Aspark ผู้มาใหม่ ได้ทิ้งกรอบความคิดเดิมๆ ไปอย่างสิ้นเชิง Aspark Owl คือหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก ด้วยมอเตอร์แม่เหล็กถาวร 4 ตัว ให้กำลัง 2,012 แรงม้า และสามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึง 1.7 วินาที รูปทรงที่เพรียวบางพร้อมเส้นสายที่สง่างาม ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกับประสบการณ์การขับขี่โดยรวม

Pagani Huayra BC Roadster: 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Pagani Huayra BC Roadster ไม่เพียงแต่น่าประทับใจ แต่ยังสวยงามอย่างยิ่ง เป็นรถยนต์ที่ควรค่าแก่การชื่นชมก่อนที่จะได้สัมผัสสมรรถนะของมัน ความงามอันน่าทึ่งของรถคันนี้เกือบจะสมเหตุสมผลกับราคาที่สูงลิ่ว Pagani Huayra BC Roadster เป็นรถยนต์ที่มั่นใจในตัวเอง และมีราคาสูงขึ้นกว่าสามเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 ความเร็วอันเหลือเชื่อของรถคันนี้ส่วนหนึ่งมาจากวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งเบากว่าคาร์บอนไฟเบอร์ทั่วไป เรียกว่า Carbon-Titanium HP62 ชื่อ “BC” เป็นการอ้างอิงถึง Benny Caiola นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังชาวนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเจ้าของ Zonda คนแรกในปี 2000 และเป็นเพื่อนของ Horacio Pagani

McLaren Solus: 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โอกาสที่จะได้นั่งในรถ Formula 1 นั้นมีไม่บ่อยนัก แต่ McLaren Solus มอบประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกันอย่างยอดเยี่ยม ห้องนักบินแบบที่นั่งเดี่ยว มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัย 6 จุด และพวงมาลัยที่ควบคุมทุกอย่างได้ตามปลายนิ้ว เจ้าของแต่ละคนจะได้รับหมวกกันน็อคและอุปกรณ์ HANS ที่สั่งทำพิเศษ สะท้อนให้เห็นว่านี่ไม่ใช่รถสำหรับขับขี่ทั่วไป แต่เป็น “ปีศาจสนามแข่ง”

Aston Martin DB5 Goldfinger: 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หลังจากกว่า 50 ปีของการผลิต DB5 ดั้งเดิม Aston Martin ได้ผลิตรุ่นพิเศษ 25 คัน ที่ถอดแบบมาจากรถในภาพยนตร์อันโด่งดัง DB5 ดั้งเดิมเป็นหนึ่งในรถคลาสสิกที่ดีที่สุดที่มีอยู่ และรุ่นที่ผลิตขึ้นใหม่นี้ก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน แม้จะมีความแตกต่างในการผลิตกว่าครึ่งศตวรรษ Aston Martin ยังคงใช้วัสดุและชิ้นส่วนดั้งเดิมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จะสังเกตเห็นความแตกต่างจากอุปกรณ์เสริมสไตล์ James Bond ที่รวมถึงเครื่องพ่นควันด้านหลังและปืนกลคู่จำลองที่ด้านหน้า

W Motors Lykan Hypersport: 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

W Motors Lykan Hypersport เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่พิเศษที่สุดในโลก การทดสอบรถคันนี้จึงเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ การมี Lykan HyperSport เพียงเจ็ดคันในโลก ทำให้เป็นเรื่องยุติธรรมที่จะกล่าวว่ารถคันนี้ได้รับความสนใจและข่าวลือมากมาย โชคดีที่ข่าวลือส่วนใหญ่เป็นจริง ด้วยคุณสมบัติที่น่าทึ่งซึ่งดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด การปรากฏตัวสั้นๆ ในภาพยนตร์ Furious 7 (ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผลิตรถยนต์ทั้งหมดเจ็ดคัน) และการปรากฏตัวอย่างรวดเร็วใน Super Bowl ทำให้บริษัทรถยนต์ซูเปอร์คาร์แห่งแรกของโลกอาหรับไม่ลังเลที่จะสร้างกระแสข่าว หากคุณยังไม่แน่ใจว่ารถคันนี้แพงแค่ไหน ให้จำไว้ว่ารถคันนี้มีราคาสูงกว่า LaFerrari และ McLaren P1 รวมกัน

Bugatti Chiron: 3.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bugatti Chiron เป็นยานยนต์ที่น่าประทับใจ แต่ Bugatti Chiron Pur Sport นั้นดุดันกว่าเล็กน้อย เป็นรถที่มี “เสียงคำราม” อยู่ในตัว และสามารถทำให้ทุกบทสนทนาหยุดชะงัก ผลิตออกมาเพียง 60 คัน และแต่ละคันมาพร้อมกับรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์ตามความต้องการของเจ้าของ นอกจากนี้ยังมีราคาแพงกว่า Chiron รุ่นมาตรฐานประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Pur Sport อธิบายตัวเองว่าเป็นจุดกึ่งกลาง “ระหว่างสัตว์ร้ายและความงาม” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นชื่อที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ประเภทนี้ ออกแบบมาเพื่อการขับขี่และการแสดงสมรรถนะ เป็นรถที่เฉียบคม สมดุล และพร้อมที่จะพุ่งทะยาน

Gordon Murray T.50: 3.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Gordon Murray ผู้ที่เคยเป็นวิศวกร McLaren F1 ได้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมมานานถึงห้าสิบปี เพื่อเป็นการให้เกียรติ Gordon Murray Automotive ได้ตัดสินใจสร้างรถยนต์สำหรับวิ่งบนถนน 100 คัน (และรถยนต์สำหรับสนามแข่ง 25 คัน) สำหรับรถยนต์ Hypercar ฉลองครบรอบ รถ T.50 ที่หลายคนยกย่องว่าเป็น “ซูเปอร์คาร์อนาล็อกคันสุดท้ายที่ยอดเยี่ยม” สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ Gordon Murray ลงทุนในแบรนด์ของเขา นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็น “บทสรุป” ตามที่ Murray กล่าวไว้ว่า “เป็นหน้าสุดท้ายของเรื่องราวรถยนต์สันดาปความเร็วสูง” แท้จริงแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด และโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ Murray ตระหนักถึงสิ่งนี้โดยการออกเดินทางครั้งสุดท้ายด้วยยานพาหนะคันนี้ มีเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ V-12 ขนาดเล็ก ทรงพลัง และไร้ซุปเปอร์ชาร์จ และเพื่อเป็นการรำลึกถึง McLaren F1 อีกครั้ง ได้จัดวางตำแหน่งเบาะนั่งแบบ 3 ที่นั่งแบบดั้งเดิม Gordon Murray T.50 มีความเร็วสูงสุดที่อ้างว่าอยู่ที่ 220 ไมล์ต่อชั่วโมง (354 กม./ชม.)

Rimac Nevera Time Attack: 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หากคุณสนใจสถิติโลกของวงการมอเตอร์สปอร์ต คุณคงจะคุ้นเคยกับ Rimac Nevera เป็นอย่างดี เพื่อเฉลิมฉลองสถิติเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุดของรถยนต์รุ่นผลิต, ความเร็วสูงสุดสำหรับรถ EV ที่เร็วที่สุด, และสถิติรถยนต์ที่เร็วที่สุดอีก 20 รายการ Rimac ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษ Nevera Time Attack จำนวน 12 คัน ราคา 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นราคาที่สูงกว่ารุ่นพื้นฐานอย่างมาก แต่คุณจะสามารถประเมินมูลค่าของประวัติศาสตร์ชิ้นนี้ได้อย่างไร? การเลือกสีเขียวเข้มและดำตัดกับภายนอก ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่น และมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับรถ EV ต้นแบบของ Matt Rimac ผู้ก่อตั้ง ซึ่งสร้างขึ้นบนแชสซี BMW

Ferrari Pininfarina Sergio: 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Ferrari Pininfarina Sergio เป็นเหมือน “ความลับ” ในโลกของซูเปอร์คาร์ เนื่องจากมีเพียง 6 คันเท่านั้นที่มีอยู่ และต้องได้รับการอนุมัติพิเศษก่อนที่จะสร้างขึ้น รถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นมรดกอันทรงคุณค่า เป็นการรำลึกถึงการทำงานครบรอบ 60 ปีของ Sergio Pininfarina กับ Ferrari โดยอิงจาก Ferrari Dino Pininfarina Sergio ได้นำความนุ่มนวลและรูปทรงโค้งมนของ Dino มาสู่ยุคปัจจุบัน พร้อมด้วยกลิ่นอายของยุค 1970 และ 1980 สมรรถนะที่สูงส่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4,497 ซีซี แบบไร้ซุปเปอร์ชาร์จ พร้อมการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

Koenigsegg Jesko: 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Jesko คือ Hypercar คันแรกของเราที่ทะลุผ่านกำแพงราคา 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในด้านสมรรถนะ นี่เป็นเรื่องสมเหตุสมผล เนื่องจาก Koenigsegg Jesko เป็นหนึ่งในซูเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีราคาสูงเช่นนี้ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดน Koenigsegg ได้ออกแบบ Jesko ให้เป็นทายาทที่เหมาะสมของ Agera RS ที่สร้างประวัติการณ์ เครื่องยนต์ที่ได้รับการอัปเกรด โครงสร้างที่เบาลง และการเพิ่มคุณสมบัติด้านความสะดวกสบายที่น่าประหลาดใจ ทำให้รถคันนี้ไม่เพียงแต่เร็ว แต่ยังขับสนุกอีกด้วย เครื่องยนต์ V-8 กำลัง 1,280 แรงม้า และระบบเกียร์ 9 สปีด ถูกสร้างขึ้นภายในโรงงานของ Koenigsegg เองเพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังช่วยในการจัดการแรงกดและแรงต้าน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ตลอดเวลา แม้จะเป็นรถที่ทรงพลัง Jesko Absolut ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 330 ไมล์ต่อชั่วโมง (531 กม./ชม.) และเรายังคงต้องรอคอยสถิติอัตราเร่งอันน่าทึ่งที่รถคันทรงพลังคันนี้จะต้องสร้างขึ้น

Hennessey Venom F5 Roadster: 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Hennessey Performance Engineering ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการสมรรถนะอันน่าทึ่ง ผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันรายนี้ได้แปลงโฉมรถยนต์รุ่นผลิตทั่วไปให้กลายเป็นยานพาหนะที่เหนือกว่าสมรรถนะอย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการเปิดตัว Hennessey Venom F5 Roadster บริษัทได้ปักหลักอย่างมั่นคงบนรายชื่อ รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก Roadster เป็นรุ่นเปิดประทุนของ Venom F5 ซึ่ง Hennessey ขนานนามว่าเป็น “ซูเปอร์คาร์อเมริกัน” Hennessey ทราบดีว่าการผลิตรถ F5 Roadster จำนวน 30 คันตามแผนเดิมนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ก็ยอมให้กับลูกค้าผู้โชคดี 12 ราย ด้วยการผลิตรุ่นพิเศษ Hennessey Venom F5 Revolution Roadster ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมราคา 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่าเดิม

Aston Martin Victor: 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คำว่า “Bespoke” หรือ “สั่งทำพิเศษ” ถูกใช้บ่อยครั้งในโลกของความหรูหราในปัจจุบัน แต่เมื่อพูดถึง Aston Martin Victor คำนี้มีความหมายอย่างแท้จริง Victor เป็นรถยนต์เพียงคันเดียวที่ผลิตขึ้น และไม่น่าจะมีรุ่นซ้ำ มันคือผลลัพธ์ของการนำรถต้นแบบ Aston Martin One-77 ที่ถูกทิ้งร้างมาดัดแปลง แบรนด์ไม่สามารถละเมิดคำมั่นสัญญาที่จะจำกัดการผลิต One-77 ไว้ที่ 77 คันได้ จึงได้แปลงรถต้นแบบคันนี้ให้กลายเป็นรุ่นพิเศษที่ไม่เหมือนใคร Aston Martin Victor คือ Hypercar ที่ยุคสมัยนั้นไม่เคยมีมาก่อน เป็นการยกย่อง Victor Gauntlett ผู้ที่พาบริษัทผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายในทศวรรษ 1980

Lamborghini Sesto Elemento: 2.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้วยน้ำหนักเพียง 999 กก. (2,202 ปอนด์) Sesto Elemento ใช้คอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์ในทุกส่วนประกอบเท่าที่จะทำได้ แม้ Lamborghini จะวางแผนผลิต 20 คัน แต่มีเพียง 10 คันเท่านั้นที่ได้วิ่งบนท้องถนน แม้จะผลิตมานานกว่าทศวรรษ รถคันนี้ก็ยังคงตามทันรถยนต์ที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วย อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาที ด้วยเครื่องยนต์ V-10 ขนาด 5.2 ลิตร ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini ประกอบกับโครงสร้างที่เบาหวิว

Zenvo Aurora: 2.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Zenvo ผู้ผลิต Hypercar สัญชาติเดนมาร์ก ได้เปิดตัว Aurora รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการเข้าสู่ยุคใหม่ มันยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปขนาดใหญ่ Quad-turbo V-12 แต่ได้เพิ่มระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว เพื่อเพิ่มกำลังอีก 600 แรงม้า ผู้ซื้อทั้ง 100 รายจะได้รับเครื่องจักรที่มีกำลังรวม 1,850 แรงม้า พร้อมสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ เลือกรุ่น Tur เพื่อสัมผัสประสบการณ์ Grand Tourer ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น หรือเลือกรุ่น Agil เพื่อสมรรถนะในสนามแข่งที่สูงสุด

Czinger 21C Blackbird: 2.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Czinger ได้เปิดตัวรุ่นพิเศษสีดำเงาของ Hypercar ไฮบริดรุ่นใหม่ โดยใช้สีดำสนิทเพื่อให้เข้ากับเครื่องบินสอดแนม SR-71 Blackbird ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของอเมริกาในยุค 1960 มาสู่แพลตฟอร์มแห่งอนาคตของ Czinger จะผลิตออกมาเพียง 4 คันเท่านั้น ซึ่งเท่ากับจำนวนสมาชิกในครอบครัว Czinger และทั้งหมดได้ถูกจับจองไปแล้ว

Mercedes AMG One: 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้การผลิตรถคันนี้จะล่าช้าไปหลายเดือน แต่ในที่สุดก็มาถึง “Project One” ตามที่วิศวกร AMG เรียก ก็พร้อมแล้ว Mercedes AMG One ที่รอคอยมานาน คือระบบส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริดที่ได้แรงบันดาลใจจากรถ F1 ให้กำลัง 1,000 แรงม้า พร้อมด้วยการปรากฏตัวบนท้องถนนที่เงียบสงบอย่างยิ่ง นั่นคือจุดประสงค์หลักของ Hypercar คันนี้ การปรากฏตัวบนท้องถนน รถยนต์คันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบรถ Formula One แต่ยังคงกฎหมายที่สามารถวิ่งบนถนนได้จริง นับตั้งแต่ฤดูกาลแรกของ Formula One ในปี 1950 ผู้คนต่างมองหาวิธีที่จะนำเทคโนโลยีนั้นมาสู่ท้องถนน ด้วย AMG One ผู้ขับขี่ที่สามารถจ่ายได้ สามารถทำได้ และตอนนี้ก็มาพร้อมกับระบบไฮบริดที่ยั่งยืน ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ Mercedes อัตราเร่งที่อ้างว่าอยู่ที่ 0-200 กม./ชม. ใน 6 วินาที เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด V6 ขนาด 1.6 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ทำให้ AMG One มีความเร็วสูงสุดมากกว่า 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (217 ไมล์ต่อชั่วโมง) Mercedes-Benz กำลังทำได้ดีเยี่ยมในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในทุกรุ่น

Aston Martin Valkyrie: 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แน่นอนว่าการใช้รถคันนี้เพื่อเดินทางในชีวิตประจำวันจะทำให้คุณเป็นที่สนใจอย่างมาก แต่ตรงกันข้ามกับกรอบแนวคิดที่เน้นความเร็ว Valkyrie ถูกออกแบบมาเพื่อขับขี่บนท้องถนนจริงๆ สร้างขึ้นจากการร่วมมือระหว่าง Aston Martin และ Red Bull Racing Valkyrie สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 205 ไมล์ต่อชั่วโมง (330 กม./ชม.) พร้อมเสียงคำรามที่ทรงพลัง เป็นรถที่คุ้มค่าแก่การรอคอย เปิดตัวหลังจากแนวคิดถูกแสดงให้โลกเห็นเป็นเวลาถึง 5 ปี Valkyrie ได้รับการขนานนามว่าเป็น Hypercar คันแรกของแบรนด์ ต้องใช้เวลา 2,000 ชั่วโมงในการผลิต และมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร จะผลิตออกมาเพียง 150 คันทั่วโลก

Ferrari FXX K Evo: 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การอยู่นิ่งเฉยไม่ทำให้ก้าวไปข้างหน้าในชีวิต แต่คุณไม่ต้องบอก Ferrari เรื่องนี้ เพราะมันฝังรากอยู่ในจิตวิญญาณของซูเปอร์คาร์อิตาลีคันนี้ Ferrari FXX K Evo เป็นการพัฒนาสองขั้นที่มาจากหัวใจของ LaFerrari ให้กำลังเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับรุ่นดั้งเดิม ด้วยการปรับปรุงอากาศพลศาสตร์และระบบกันสะเทือนเพื่อรองรับแรงที่เพิ่มขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ “ดีพอ” ไม่เคยเพียงพอ

Ferrari F60 America: 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Ferrari รู้จักลูกค้าของตนเอง สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา ความต้องการที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือเครื่องยนต์ V-12 ที่ดุดันและการออกแบบแบบเปิดประทุน เมื่อถึงวันครบรอบ 60 ปีของแบรนด์ในอเมริกาเหนือ Ferrari ได้ผลิตรถยนต์พิเศษ 10 คันเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอิตาลีถึงกับใส่ลวดลายธงชาติอเมริกันแบบมีสไตล์ไว้ตรงกลางเบาะแต่ละตัว เป็นที่น่าประหลาดใจที่รถเหล่านี้ขายหมดทันที Ferrari F60 America ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันหลายอย่าง รวมถึงการตกแต่งภายในฝั่งคนขับด้วยสีแดงและฝั่งผู้โดยสารด้วยสีดำ

Koenigsegg Agera RS: 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ผลิตที่เร็วที่สุดในโลกต้องอาศัยความทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต้องได้รับการปรับแต่งอย่างเชี่ยวชาญเพื่อสมรรถนะ และถึงแม้กระนั้น หลายคันก็ยังไม่ถึงเป้า ในปี 2017 Koenigsegg Agera RS ได้เอาชนะคู่แข่งและรุ่นก่อนๆ ด้วยการทำความเร็วสูงสุดถึง 277.87 ไมล์ต่อชั่วโมง (447.19 กม./ชม.) เครื่องยนต์ V-8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลัง 1,341 แรงม้า ในแต่ละคัน จากทั้งหมด 27 คันที่ผลิต

Lamborghini Countach LPI 800-4: 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Lamborghini Countach LPI 800-4 คือรถยนต์ที่ถูกผลักดันสู่อนาคตตั้งแต่ถูกสร้างขึ้น ได้รับการออกแบบเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของรุ่นไอคอนิคในชื่อเดียวกัน Countach LPI 800-4 เป็นชื่อที่ยาวน่าจดจำ ซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นจำกัดนี้ เฉลิมฉลองการออกแบบที่ปฏิวัติวงการรถยนต์สปอร์ตสมัยใหม่ เป็นการย้อนกลับสู่ต้นกำเนิดของ Lamborghini ด้วยตัวถังและโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้แตกต่างจากรถยนต์อื่นๆ ในตลาด รถยนต์ไฮบริดคันนี้มาพร้อมกับระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ พิสูจน์ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ใช่หนทางเดียวไปข้างหน้า โดยรวมแล้ว Lamborghini จะผลิตรถยนต์รุ่นนี้จำนวน 112 คันตลอดช่วงเวลา

Pagani Utopia: 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในกรณีที่หายากของการปฏิเสธกระแสแนวโน้มสมัยใหม่ Pagani ได้ก้าวไปข้างหน้าจาก Huayra ด้วยการเปิดตัว Utopia ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลังและเกียร์ธรรมดาที่มีให้เลือก ทำให้เป็นรถยนต์ที่หาได้ยากในปัจจุบัน แทนที่จะยอมรับระบบไฟฟ้า Pagani Utopia ใช้เครื่องยนต์ V-12 ขนาด 6.0 ลิตร ที่มาจาก Mercedes-AMG ออกแบบใหม่ทั้งหมด ให้กำลัง 852 แรงม้า ใช้โครงสร้าง Carbo-Titanium ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรและตัวถังน้ำหนักเบา เพื่อให้มีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่เหมาะสมกับชื่อ “Utopia” (สรวงสวรรค์)

Bugatti Veyron Super Sport: 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bugatti ไม่ได้ผลิตรถยนต์ แต่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะสมรรถนะสูงที่ห่อหุ้มด้วยความพิเศษและความหรูหรา การออกแบบภายนอกของ Bugatti Veyron Super Sport ผสมผสานการปรับปรุงเพื่อสมรรถนะเข้ากับความงามอันน่าทึ่งได้อย่างลงตัว และใต้ฝากระโปรง เครื่องยนต์ W-16 Quad-turbocharged ขนาด 8.0 ลิตร ให้กำลัง 1,184 แรงม้า ในปี 2010 ตัวอย่างยานยนต์ที่ประณีตนี้ ได้ทำลายสถิติความเร็วของรถยนต์ผลิตด้วยการทำความเร็ว 267.856 ไมล์ต่อชั่วโมง (431.072 กม./ชม.)

Koenigsegg CCXR: 2.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ตั้งแต่เริ่มต้น Koenigsegg ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุด Koenigsegg CCR ได้สร้างความตกตะลึงให้กับโลกด้วยความเร็วที่ทำลายสถิติ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดนได้ติดตามด้วย CCX เครื่องยนต์ V-8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.7 ลิตร ที่น่าประทับใจ หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้พัฒนาต่อไปด้วยการเปิดตัว Koenigsegg CCXR CCXR ยังคงใช้เครื่องยนต์ V-8 ที่ทรงพลัง แต่เป็นหนึ่งในซูเปอร์คาร์รุ่นแรกๆ ที่ใช้เอทานอลผสม ทำให้เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และยังเพิ่มสมรรถนะอีกด้วย

Aston Martin Vulcan: 2.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คุณจะต้องเป็นคนพิเศษจริงๆ ถึงจะยอมจ่ายเงินมากกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรถยนต์ที่วิ่งบนถนนไม่ได้ พบกับ Aston Martin Vulcan: หนึ่งใน รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขับขี่ที่อื่นนอกเหนือจากสนามแข่ง หากคุณไม่เคยเห็น Hypercar คันนี้ในชีวิตจริง เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่ามันดูเพรียวบางบนสนามแข่งเพียงใด เมื่อคุณได้เห็นแล้ว คุณจะเข้าใจว่าทำไมรถคันนี้จึงเป็นที่พูดถึง (และมีราคาสูง) Vulcan ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเกียรติแก่รถยนต์ Aston Martin รุ่นอื่นๆ และจนถึงปัจจุบัน มีการผลิตเพียง 24 คันเท่านั้น หากคุณสามารถซื้อรถคันหนึ่งได้ มีเพียงบริษัทเดียวในโลกที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ทำให้รถคันนี้วิ่งบนถนนได้ นั่นคือ RML ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในอังกฤษ

Delage D12: 2.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หากคุณชื่นชอบเรื่องราวการกลับมาของแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ โปรดฟัง Delage ผู้ผลิตรถยนต์หรูสัญชาติฝรั่งเศส เริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี 1905 และได้สร้างรถแข่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 ก่อนที่จะยุติการผลิตในปี 1953 ในปี 2019 Delage Automobiles ได้ก่อตั้งขึ้นใหม่ แบรนด์ฝรั่งเศสได้ตั้งเป้าหมายในการสร้าง Delage D12 ซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่มีสมรรถนะและสไตล์ที่ล้ำยุค และพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ D12 ใช้ตำแหน่งขับขี่แบบศูนย์กลาง เพื่อควบคุมเครื่องยนต์ V-12 ขนาด 7.6 ลิตร กำลัง 990 แรงม้า ที่จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 110 แรงม้า มันให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงกับ Formula 1 มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

McLaren Speedtail: 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในฐานะรุ่นที่สี่ใน McLaren Ultimate Series, Speedtail เดินตามรอย McLaren F1, P1 และ Senna โดยไม่ได้เข้ามาแทนที่รุ่นใดรุ่นหนึ่งโดยตรง มันผสมผสานนวัตกรรมและความสง่างาม นำเสนอ McLaren ที่มีอากาศพลศาสตร์ดีที่สุดและเร็วที่สุดที่ผลิตขึ้นในขณะนั้น ตามที่คาดไว้ ระบบส่งกำลังไฮบริด V-8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร ไม่ทำให้ผิดหวังในด้านพละกำลัง และยังเพิ่มคุณสมบัติขั้นสูง เช่น กระจกปรับแสงอัตโนมัติ (electrochromic glass) ที่สามารถลดแสงสะท้อนจากแสงแดดได้เพียงกดปุ่ม

โบนัส: 1955 Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupé: 142 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

รถต้นแบบที่หายากคันนี้เป็นความสำเร็จอันน่าทึ่งในปี 1955 ด้วยความสามารถในการทำความเร็วประมาณ 180 ไมล์ต่อชั่วโมง (290 กม./ชม.) บนแพลตฟอร์มที่สง่างามซึ่งเป็นงานศิลปะที่สวยงาม แต่จากราคาที่น่าตกใจของรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลกที่ขายได้ในการประมูล เรื่องราวเบื้องหลังยังมีอีกมาก หลังจากใช้แพลตฟอร์ม 300 SLR ที่ปฏิวัติวงการสำหรับการแข่งขันที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก Mercedes-Benz ได้เก็บตัวอย่าง 9 คันเพื่อดัดแปลงให้สามารถวิ่งบนถนนได้ตามกฎหมาย จากนั้นเกิดโศกนาฏกรรม Le Mans ในปี 1955 ซึ่งทำให้ Mercedes-Benz ถอนตัวจากการแข่งขันเป็นเวลาหลายทศวรรษ และยุติโครงการ 300 SLR ทั้งหมด 1955 Mercedes-Benz 300 SLR Uhlenhaut Coupé คันนี้เป็นหนึ่งในสองคันที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ และจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงประวัติศาสตร์ตลอดไป รายได้จากการขายจะนำไปใช้สนับสนุน beVisioneers ซึ่งเป็นโครงการของ Mercedes-Benz เพื่อให้คำปรึกษาและสนับสนุนนักคิดสร้างสรรค์ด้านสิ่งแวดล้อมรุ่นเยาว์

โบนัส: 1963 Ferrari 250 GTO: 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในปี 1964 250 GTO ได้รับรางวัล Tour de France Automobile ซึ่งเป็นปีที่เก้าติดต่อกันที่ Ferrari คว้าชัยในการแข่งขันรายการนี้ มีการผลิตเพียง 36 คันระหว่างปี 1962 และ 1963 Ferrari คันนี้ซึ่งเป็นรถที่แพงที่สุดในโลก ด้วยราคาที่ไม่น่าเชื่อถึง 70,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ชนะการแข่งขัน Tour de France แต่ยังติดอันดับในการแข่งขัน Le Mans ด้วย ความเร็วสูงสุด 174 ไมล์ต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที สถิติเหล่านี้อาจไม่สามารถเทียบกับ Hypercar ในปัจจุบันได้ แต่ในช่วงยุค 60 ถือว่าเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก และหลายทศวรรษต่อมา ก็ยังคงเป็น รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก โดยทิ้งห่างคันอื่นอย่างขาดลอย บางคนเรียกสั้นๆ ว่า “ปิกัสโซแห่งโลกยานยนต์” หรือ “จอกศักดิ์สิทธิ์แห่ง Ferrari” เจ้าของรถยนต์ที่แพงที่สุดตลอดกาลในปัจจุบัน ได้แก่ Ralph Lauren นักออกแบบแฟชั่นชาวอเมริกัน, Nick Mason มือกลองวง Pink Floyd, และ Jon A. Shirley อดีตประธานและ COO ของ Microsoft

หัวใจของรถยนต์หรู

คุณเคยคิดไหมว่าอะไรคือส่วนประกอบของรถยนต์หรู? นั่นคือความแตกต่างที่แท้จริงระหว่างรถยนต์ราคาประหยัดกับรถยนต์ระดับสูง? เป็นเรื่องง่ายที่จะคิดว่าส่วนใหญ่เป็นเพียงการรับรู้แบรนด์และราคา ในอดีต คำตอบอาจจะเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ ผู้ผลิตรถยนต์กำลังยกระดับนวัตกรรมของตนเอง ด้วยโครงการริเริ่มต่างๆ เช่น ความยั่งยืน เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และการมุ่งเน้นประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น น่าพึงพอใจ และสนุกสนานอีกครั้ง รถยนต์หรูรุ่นล่าสุดและดีที่สุดคือผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริง เมื่อพิจารณาส่วนประกอบของรถยนต์หรู เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนักถึงงานฝีมือหลายปีที่นำไปสู่รถยนต์แต่ละรุ่น ในการผลิตรถยนต์ระดับสูง ผู้ผลิตรถยนต์เลือกใช้วัสดุชั้นเลิศอย่างพิถีพิถัน จ้างวิศวกรที่ดีที่สุดในโลกเพื่อออกแบบแนวคิด และทำการวิจัยเพื่อสร้างสไตล์ที่ได้รับการแสวงหาอย่างแท้จริง

คำศัพท์เฉพาะที่ควรรู้เมื่อพูดถึงรถยนต์หรู

เมื่อพูดถึงรถยนต์ระดับสูง มีคำศัพท์เฉพาะบางคำที่คุณควรรู้:

แรงม้า (Horsepower): เป็นคุณสมบัติทางกายภาพที่บ่งบอกว่าเครื่องยนต์ของรถสามารถทำอะไรให้คุณได้บ้าง หมายถึงอัตราการทำงานที่สำเร็จของการเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นผลผลิตของเครื่องยนต์ ในช่วงต้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ คำนี้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อสะท้อนจำนวนม้าที่เครื่องยนต์ของรถอาจแทนที่ (คำใบ้: เกือบตลอดเวลา ยิ่งแรงม้ามาก ยิ่งดีกว่ามาก!)
แรงบิด (Torque): ในทางฟิสิกส์ หมายถึง ‘พลังงานหมุน’ หรือแรงที่ผลักดันล้อของรถขณะที่ล้อหมุนกับพื้น หากรถมีแรงบิดสูง คุณจะได้รับพลังงานหมุนมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยให้รถมีความเร่งที่สูงขึ้น
คาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber): เป็นหนึ่งในวัสดุระดับสูงที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเมื่อพูดถึงรถยนต์ราคาแพง มันมีน้ำหนักเบา ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น และมักใช้สำหรับภายนอกของรถยนต์ราคาแพง
หนังกลับสังเคราะห์ (Synthetic Suede): หรือที่เรียกว่า Alcantara ให้สัมผัสที่นุ่มนวลราวกับไหมของภายในห้องโดยสารที่หรูหรา โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มักเกี่ยวข้องกับหนังกลับธรรมชาติ

วิธีการเลือก ทดสอบ และจัดอันดับรถยนต์ที่ดีที่สุดในตลาด

เราเริ่มต้นการค้นหา รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก ด้วยการเจาะลึกบันทึกการขายยานยนต์ตลอดทั้งปี (และทั่วโลก) เราถึงกับตรวจสอบบันทึกทางประวัติศาสตร์ โดยปรับราคาที่กล่าวถึงตามอัตราเงินเฟ้อ ผลลัพธ์คือรายชื่อซูเปอร์คาร์ที่มีประวัติยาวนานและทรงพลัง เราได้ศึกษาแต่ละคันอย่างละเอียดก่อนที่จะเลือกการจัดอันดับ รถยนต์ที่แพงที่สุด ของเรา

การเดินทางสู่โลกของ รถยนต์หรูห้าอันดับแรก ที่สุด ไม่ใช่เพียงการชื่นชมราคาที่สูงลิ่ว แต่เป็นการเข้าใจถึงการผสมผสานอันน่าทึ่งของวิศวกรรม ศิลปะ และนวัตกรรมที่ทำให้รถยนต์เหล่านี้พิเศษ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ หรือเพียงแค่อยากสัมผัสกับสุดยอดของสิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นในโลกยานยนต์ การสำรวจ รถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก เหล่านี้ คือจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ

หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์สุดยอดของโลกยานยนต์ หรือต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์หรูราคาแพงที่สุดในโลก เฉพาะเจาะจง หรือต้องการคำแนะนำในการเลือกซื้อ ซูเปอร์คาร์ราคาแพง โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเรา เราพร้อมที่จะช่วยคุณไขความลับของยานยนต์ที่น่าทึ่งเหล่านี้ และพาคุณไปสู่ขั้นตอนต่อไปในการผจญภัยของคุณในโลกแห่งความหรูหราและสมรรถนะ.

Previous Post

N3112072 เธอถอดบsาต อหน แต มไปว าเค ามอง(ไม )เห part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N3112064 เพ อนท เขาไม ทำก บเพ อนแบบน part2
  • N3112072 เธอถอดบsาต อหน แต มไปว าเค ามอง(ไม )เห part2
  • N3112076_กผอ. ไม พอใจท กภารโรงใส ดว ายน ำเหม อนเขา_part2
  • N3112074 ทำนาอย ๆม คนมาขอความช วยเหล part2
  • N3112069 อให แฟนไม แต แม แฟนร กส ดห วใจ part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.