• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3012002 อายท กต เลยท งล กเพ อไปหาผ วใหม หล อและรวย part2

admin79 by admin79
December 28, 2025
in Uncategorized
0
N3012002 อายท กต เลยท งล กเพ อไปหาผ วใหม หล อและรวย part2

Volvo S60: นิยามใหม่แห่งยนตรกรรมซีดานหรู สู่การขับขี่ที่เหนือกว่า

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มาเกือบหนึ่งทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์หรูเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง และหนึ่งในผู้เล่นที่ยังคงยืนหยัดและพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้งคือ Volvo โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัว Volvo S60 เจเนอเรชั่นที่ 3 ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการยกระดับนิยามของรถซีดานพรีเมียมให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการผสมผสานสมรรถนะอันทรงพลัง การออกแบบที่สง่างาม และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่

Volvo S60: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างศิลปะและการวิศวกรรม

Volvo S60 โฉมใหม่นี้ ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นผลงานศิลปะที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างปรัชญาการออกแบบของสวีเดนที่เน้นความเรียบง่ายแต่หรูหรา กับวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูง จากประสบการณ์ของผม การออกแบบภายนอกของ S60 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Volvo ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่โดดเด่น เส้นสายที่คมชัดมากขึ้น ให้ความรู้สึกสปอร์ตและดุดันยิ่งกว่าเดิม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์

สิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนถึงความใส่ใจ เช่น ไฟหน้า LED รูปทรง “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor’s Hammer) ที่ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังให้ทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยมในทุกสภาพแสง กระจังหน้าแบบใหม่พร้อมโลโก้ “Iron Mark” ขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและมีระดับ ในขณะที่เส้นสายของตัวรถที่ลากยาวไปจนถึงด้านท้าย ประกอบกับไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED ยิ่งเสริมให้ S60 ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัย การมีตัวเลือกของล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ ขนาด 18 และ 19 นิ้ว ยิ่งเปิดโอกาสให้เจ้าของรถได้แสดงออกถึงสไตล์ของตนเองได้อย่างเต็มที่

ภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบาย และเปี่ยมด้วยเทคโนโลยี

เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Volvo S60 ผมสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดและการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง การตกแต่งภายในที่เน้นโทนสีเรียบหรูด้วย Metal Décor Inlays อลูมิเนียม ให้ความรู้สึกทันสมัยและมีระดับ ระบบไฟ Ambient Light ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีสันได้ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสอดคล้องกับอารมณ์ของผู้ขับขี่

สิ่งที่ทำให้ Volvo S60 โดดเด่นในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมเซดาน คือการให้ความสำคัญกับสุขภาวะของผู้โดยสาร ระบบกรองอากาศ Clean Zone ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ของ Volvo สามารถดักจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภายในห้องโดยสารบริสุทธิ์สะอาดราวกับอากาศบริสุทธิ์ของสวีเดน ซึ่งในยุคที่ผู้คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น นี่คือจุดขายที่สำคัญอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ระบบ Infotainment ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ระบบ Sensus Navigation พร้อมข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ และการควบคุมด้วยเสียง ทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสุนทรียภาพทางดนตรี ระบบเสียง Harman Kardon คุณภาพสูง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ 600 วัตต์ และลำโพง 14 ตัว รวมถึงซับวูฟเฟอร์ จะมอบประสบการณ์เสียงที่สมจริงและทรงพลัง ที่สำคัญ ระบบ Head-Up Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่สำคัญบนกระจกบังลมหน้า ช่วยลดการละสายตาจากถนนได้อย่างมาก ซึ่งเป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ผมเห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน

ขุมพลัง Plug-in Hybrid T8 Twin Engine: สมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด

ในด้านสมรรถนะ Volvo S60 T8 Twin Engine ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ถือเป็นที่สุดของเทคโนโลยี Plug-in Hybrid จาก Volvo การผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่ใช้ระบบอัดอากาศทั้งเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง สร้างพละกำลังรวมกว่า 407 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 640 นิวตันเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการตอบสนองทุกรูปแบบการขับขี่ ตั้งแต่การเร่งแซงอย่างฉับพลัน ไปจนถึงการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันในโหมดไฟฟ้า

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้ภายใน 4.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ S60 ในฐานะรถยนต์สมรรถนะสูงอย่างแท้จริง ขณะที่อัตราการปล่อย CO2 เพียง 42 กรัม/กิโลเมตร สะท้อนถึงความใส่ใจของ Volvo ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวโน้มสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2025

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด มอบการยึดเกาะถนนและความมั่นคงในทุกสภาวะเส้นทาง ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Geartronic พร้อม Paddle Shift ยังช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้น สำหรับรุ่น R-Design ผมมองว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา สมรรถนะ และความสปอร์ต

IntelliSafe: เกราะป้องกันที่เหนือกว่าทุกการเดินทาง

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Volvo เป็นที่ยอมรับและไว้วางใจ คือระบบความปลอดภัย IntelliSafe ซึ่งเป็นมากกว่าแค่ระบบช่วยเหลือ แต่เป็นการผนวกเทคโนโลยีป้องกันและปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างครอบคลุม

City Safety: ระบบนี้เป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยในเมือง โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน และสัตว์ขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการชน หรือลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หรือสภาพการจราจรติดขัด ระบบทำงานได้ดีเยี่ยมที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม.
Pilot Assist: ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัตินี้ ช่วยควบคุมทั้งพวงมาลัยและรักษาตำแหน่งรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ทำงานได้ถึงความเร็ว 130 กม./ชม. ซึ่งช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ในการเดินทางไกลได้อย่างมาก
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ และกล้อง 360°: ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายดาย
Active Bending Headlights (ABL): ระบบไฟหน้าแบบปรับตามการหมุนของพวงมาลัย ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในทางโค้งได้อย่างมีนัยสำคัญ
High-Pressure Cleaning: ระบบฉีดน้ำแรงดันสูงทำความสะอาดไฟหน้า ช่วยให้ทัศนวิสัยดีเยี่ยมแม้ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย

จากประสบการณ์ของผม ระบบความปลอดภัยของ Volvo ไม่ใช่แค่การตลาด แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงปรัชญาของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์เป็นอันดับแรก

ตัวเลือกที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Volvo S60 T8 Twin Engine AWD มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Crystal White Premium Metallic, Onyx Black Metallic, Fusion Red Metallic และสีใหม่ล่าสุด “Pebble Grey Metallic” ซึ่งแต่ละสีล้วนสะท้อนความสง่างามของตัวรถได้เป็นอย่างดี

รุ่น Momentum: มาพร้อมราคาเริ่มต้น 2,190,000 บาท เป็นตัวเลือกที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ Volvo S60 ในระดับพรีเมียม
รุ่น R-Design: ราคา 2,590,000 บาท เน้นความสปอร์ตและความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ R-Design ด้วยการตกแต่งภายในและภายนอกที่แตกต่าง รวมถึงออปชันที่เพิ่มเข้ามาเพื่อตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น

คำเชิญชวนสู่ประสบการณ์ Volvo S60

Volvo S60 ไม่ใช่แค่รถยนต์ซีดานหรู แต่คือการประกาศเจตนารมณ์ของ Volvo ในการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการออกแบบ หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่สะท้อนถึงรสนิยม ความสำเร็จ และความใส่ใจในรายละเอียด ผมขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์จริงของ Volvo S60 ที่โชว์รูม Volvo ทั่วประเทศ เพื่อค้นหาว่าทำไม Volvo S60 จึงเป็นนิยามใหม่แห่งยนตรกรรมซีดานหรูที่คุณไม่ควรพลาด

Rolls-Royce Spectre: นิยามใหม่แห่งความหรูหราบนผืนน้ำแห่งอนาคต

ในโลกแห่งยนตรกรรมที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง Rolls-Royce ได้ประกาศศักดาอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Rolls-Royce Spectre รถยนต์ไฟฟ้าอัลตรา-ลักชัวรีคันแรกของแบรนด์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเป็นการยกระดับนิยามของความหรูหรา ความสง่างาม และสมรรถนะ สู่มิติใหม่ที่เหนือจินตนาการ

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความยิ่งใหญ่

Rolls-Royce Spectre ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่คือผลงานประติมากรรมเคลื่อนที่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอชท์สปอร์ตสุดหรู การออกแบบภายนอกสะท้อนถึงความประณีตในทุกรายละเอียด ตั้งแต่กระจังหน้า “Pantheon Grille” ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนรถยนต์ Rolls-Royce เสริมด้วยไฟ LED 22 ดวง ที่ส่องสว่างเป็นประกายในยามค่ำคืน สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามและโดดเด่น

“Spirit of Ecstasy” สัญลักษณ์นางฟ้าแห่ง Rolls-Royce ถูกปรับให้มีลักษณะลู่ลมยิ่งขึ้น หลังจากการออกแบบและทดสอบในอุโมงค์ลมกว่า 830 ชั่วโมง ส่งผลให้ Spectre มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำถึง 0.25cd ซึ่งถือเป็นรถยนต์ที่มีอากาศพลศาสตร์ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce

การออกแบบไฟหน้าแบบแยกส่วนยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ ผสมผสานกับเส้นสายตัวถังอันเฉียบคม นำสายตาไปสู่ด้านหลังสไตล์ Fastback ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถคลาสสิกและเรือยอชท์แข่ง ผนวกกับเส้นตัวถังบริเวณข้างประตู (Waft Line) ที่ให้ความรู้สึกราวกับเรือกำลังลอยเหนือผิวน้ำ สะท้อนถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลราวกับ “Magic Carpet Ride”

ภายในที่เหนือกว่าทุกคำนิยาม

ภายในห้องโดยสารของ Rolls-Royce Spectre คือโลกแห่งความหรูหราที่สร้างขึ้นตามความต้องการเฉพาะบุคคล (Bespoke) การติดตั้ง “Starlight Doors” ที่มีดวงดาวระยิบระยับกว่า 4,796 ดวง เป็นการสร้างบรรยากาศที่พิเศษและน่าประทับใจอย่างแท้จริง หรือหากต้องการความหรูหราแบบคลาสสิก แผงไม้ “Canadel Panelling” ที่ผลิตขึ้นด้วยมือจากไม้ชั้นเลิศก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

แผงแดชบอร์ดเรืองแสง “Illuminated Fascia” บริเวณฝั่งผู้โดยสารที่สลักชื่อ ‘SPECTRE’ ล้อมรอบด้วยประกายดาวกว่า 5,000 ดวง คืออีกหนึ่งความประณีตที่บ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด เบาะคู่หน้าก็สามารถปรับแต่งสีสันให้เข้ากับความชอบส่วนตัวได้อย่างอิสระ

ขุมพลังไฟฟ้าที่ทรงพลังและเงียบสงบ

Rolls-Royce Spectre ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 584 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาด 102 kWh สามารถเดินทางได้ไกลสูงสุด 530 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

ระบบชาร์จไฟรองรับทั้งแบบ AC 22 kW และ DC 195 kW ทำให้การชาร์จเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว สามารถชาร์จไฟ 10-80% ในเวลาเพียง 34 นาที หรือวิ่งได้ 100 กิโลเมตร หลังจากการชาร์จเพียง 9 นาที

เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

Spectre มาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่ เช่น ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน และ Adaptive Cruise Control ระบบกักเก็บพลังงานจากการเบรก (Brake Mode) ช่วยให้การขับขี่แบบ Single-pedal driving เป็นไปได้อย่างราบรื่น และระบบช่วงล่าง “Planar” ที่ได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถัน สร้างประสบการณ์ “Magic Carpet Ride” ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce

Rolls-Royce Spectre เปิดให้จองในราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท (รวมภาษี) ไม่รวมออปชั่น พร้อมการรับประกันตัวรถ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

Bentley Continental GT: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ ความหรูหรา และศิลปะการขับขี่

ในโลกของยนตรกรรมระดับ Ultra-Luxury คงไม่มีชื่อใดที่จะโดดเด่นและทรงอิทธิพลเท่า Bentley และเมื่อพูดถึง Bentley Continental GT ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือไอคอนแห่งความหรูหรา สไตล์ผู้ดีอังกฤษที่ผสมผสานสมรรถนะอันเหนือชั้นได้อย่างลงตัว

ดีไซน์อันเป็นอมตะ: ความสง่างามที่เหนือกาลเวลา

Bentley Continental GT 2019 ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่สะท้อนถึงความคลาสสิกแต่แฝงด้วยความทันสมัย การออกแบบภายนอกได้รับอิทธิพลจากเส้นสายที่โค้งมนแต่คมชัด ให้ความรู้สึกถึงพลังและความสง่างามที่ไม่เคยตกยุค โครงสร้างตัวถังที่ผลิตด้วยกระบวนการ “Super Formed” ไม่เพียงแต่ทำให้รถดูสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิไอเสียอีกด้วย

สมรรถนะเหนือขีดจำกัด: หัวใจ W12 TSI ที่ทรงพลัง

ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของ Bentley Continental GT คือเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 635 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล ส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 สปีด ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและเฉียบคม

เทคโนโลยีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยในการควบคุมและรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ทำให้ Bentley Continental GT มอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นคงและปลอดภัยในทุกสภาพเส้นทาง พร้อมกันนี้ ระบบ “Dual-mass Flywheel” ยังช่วยลดอาการสั่นสะเทือนภายในเครื่องยนต์ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลเหนือใคร

ภายในหรูหรา: ความใส่ใจในทุกรายละเอียด

เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Bentley Continental GT ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความหรูหราที่พิถีพิถันในทุกตารางนิ้ว การเลือกใช้วัสดุหนังแท้คุณภาพสูง การตัดเย็บที่ประณีต และตัวเลือกของพรมที่มีถึง 15 เฉดสี สะท้อนถึงความพิเศษและไม่เหมือนใคร

แผงหน้าปัทม์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ แสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบถ้วนและทันสมัย ระบบปรับ Drive Mode ที่มีให้เลือก 3 ระดับ ได้แก่ Sport, Comfort และ Bentley Mode ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับสมดุลระหว่างสมรรถนะและความนุ่มนวลได้ตามต้องการ

Bentley Continental GT ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือการเดินทางสู่ประสบการณ์อันหรูหราและเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่หาได้ยากยิ่ง

Maserati Ghibli Nerissimo Edition: นิยามใหม่แห่งสปอร์ตซีดานสไตล์อิตาเลียน

Maserati แบรนด์ยนตรกรรมสัญชาติอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะที่เร้าใจ และความหรูหราสไตล์อิตาเลียน ได้นำเสนอ Ghibli Nerissimo Edition รุ่นพิเศษที่เน้นความดุดันและสง่างามในโทนสีดำสนิท

ดีไซน์สีดำสนิท: ความดุดันที่แฝงด้วยความหรูหรา

Ghibli Nerissimo Edition โดดเด่นด้วยตัวถังสีดำเงาดูฉ่ำลึก ผสานกับโลโก้ตรีศูล, กรอบกระจังหน้า และโลโก้สัญลักษณ์บริเวณเสา C ที่เป็นโครเมียมรมดำ มือจับประตู, กรอบหน้าต่าง และปลายท่อไอเสียล้วนพ่นสีดำสนิท ปิดท้ายด้วยล้อแม็กลายพิเศษสีเดียวกัน ยิ่งเสริมให้ Ghibli Nerissimo Edition ดูดุดันและลึกลับน่าค้นหา

สมรรถนะอันเร้าใจ: ขุมพลังดีเซล V6

ภายใต้ความงามสง่า Ghibli Nerissimo Edition ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล V6 สูบ ที่ให้กำลัง 275 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 6.3 วินาที พร้อมเสียงคำรามอันเร้าใจจากท่อไอเสียแบบสปอร์ต

นอกจากนี้ Maserati ยังมี Ghibli และ Levante ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล V6 สูบ เทอร์โบคู่ 275 แรงม้า เป็นรุ่นพื้นฐาน เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

Maserati Ghibli Nerissimo Edition คือนิยามใหม่ของสปอร์ตซีดานที่ผสมผสานความหรูหรา สไตล์อิตาเลียน และสมรรถนะอันเร้าใจได้อย่างลงตัว

Rolls-Royce Spectre: ทะเลแห่งอนาคต ความหรูหราไร้มล้อ

ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า Rolls-Royce ได้ประกาศความยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว Rolls-Royce Spectre รถยนต์ไฟฟ้าอัลตรา-ลักชัวรีคันแรก ที่ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคต แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความหรูหรา สุนทรียภาพ และสมรรถนะที่เหนือใคร

ประติมากรรมเคลื่อนที่: แรงบันดาลใจจากท้องทะเล

Spectre คือผลงานศิลปะชิ้นเอกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอชท์สปอร์ตสุดหรู การออกแบบภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้า “Pantheon Grille” ขนาดมหึมา ผสานกับไฟ LED 22 ดวง ที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน สร้างออร่าแห่งความสง่างามและน่าเกรงขาม

“Spirit of Ecstasy” สัญลักษณ์นางฟ้าแห่ง Rolls-Royce ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความลู่ลมยิ่งขึ้น หลังจากการทดสอบในอุโมงค์ลมอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ Spectre มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.25cd ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของอากาศพลศาสตร์ในประวัติศาสตร์ของแบรนด์

เส้นสายตัวถังอันเฉียบคม สไตล์ Fastback ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอชท์แข่ง ผสมผสานกับ “Waft Line” ที่ให้ความรู้สึกราวกับเรือลอยเหนือผิวน้ำ สื่อถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลราวกับ “Magic Carpet Ride”

โลกแห่งความสุขภายใน: Bespoke คือนิยาม

ภายในห้องโดยสารของ Spectre คือสวรรค์แห่งความหรูหราที่สร้างขึ้นตามความต้องการเฉพาะตัว “Starlight Doors” พร้อมดวงดาวกว่า 4,796 ดวง มอบบรรยากาศที่น่าทึ่ง หรือจะเลือกแผงไม้ “Canadel Panelling” ที่ผลิตขึ้นด้วยมือ ก็ให้ความรู้สึกถึงความคลาสสิกและประณีต

แผงแดชบอร์ดเรืองแสง “Illuminated Fascia” สลักชื่อ ‘SPECTRE’ พร้อมประกายดาวกว่า 5,000 ดวง คืออีกหนึ่งความใส่ใจในรายละเอียดที่ไม่ธรรมดา เบาะนั่งก็สามารถปรับแต่งสีสันได้ตามความชอบส่วนตัว

พลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด

Spectre ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 584 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.5 วินาที แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 102 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 530 กม. (WLTP)

ระบบชาร์จไฟ AC 22 kW และ DC 195 kW ทำให้การเติมพลังเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ระบบช่วงล่าง “Planar” คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่มอบประสบการณ์ขับขี่อันไร้ที่ติ

Rolls-Royce Spectre คืออนาคตแห่งความหรูหรา ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือการเดินทางสู่ประสบการณ์อันน่าจดจำ

Volvo S60: นิยามใหม่แห่งสมรรถนะและความหรูหราสำหรับตลาดไทย

ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มาเกือบ 10 ปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นของตลาดรถยนต์พรีเมียมในประเทศไทย และการเปิดตัว Volvo S60 เจเนอเรชั่นที่ 3 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่น่าจับตามอง ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะระดับสูง การออกแบบที่โดดเด่น และเทคโนโลยีแห่งอนาคต

Volvo S60: การกลับมาที่เหนือกว่าเดิม

Volvo S60 โฉมใหม่นี้ ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้าง Scalable Product Architecture (SPA) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับ Volvo V60 อันโด่งดัง ส่งผลให้ตัวรถมีความยาว 4,761 มม. กว้าง 1,850 มม. และสูง 1,432 มม. พร้อมฐานล้อที่ยาวถึง 2,872 มม. ทำให้ภายในห้องโดยสารมีความโอ่อ่ากว้างขวางมากยิ่งขึ้น

การออกแบบที่สะท้อนพลังและความสง่างาม

ภายนอกของ Volvo S60 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความเฉียบคมและดุดันมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ของ Volvo ไฟหน้า LED ทรง “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor’s Hammer) อันเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ผสานกับกระจังหน้าใหม่พร้อมโลโก้ “Iron Mark” ขนาดใหญ่ ทำให้ตัวรถดูทรงพลังและมีระดับ

เส้นสายของตัวรถที่ลากยาวไปถึงด้านท้าย ประกอบกับไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED และตัวอักษร Volvo สีเงินประทับบนฝากระโปรงท้าย ยิ่งเสริมให้ S60 ดูสปอร์ตและทันสมัยมากขึ้น การมีตัวเลือกของล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ ทั้งแบบ 5 – Y Spoke Black Diamond Cut ขนาด 18 นิ้ว และ 5 – Triple Spoke Black Diamond Cut ขนาด 19 นิ้ว เปิดโอกาสให้เจ้าของรถสามารถปรับแต่งสไตล์ของตนเองได้อย่างเต็มที่

ภายในที่หรูหรา สะดวกสบาย และเปี่ยมด้วยเทคโนโลยี

ภายในห้องโดยสารของ Volvo S60 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหราและความสะดวกสบาย การตกแต่งด้วย Metal Décor Inlays อลูมิเนียมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนถึงความประณีต และระบบไฟ Ambient Light ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีสันได้ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสอดคล้องกับสไตล์ของผู้ขับขี่

หัวเกียร์ดีไซน์พิเศษที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ (Dynamic Versatility) รวมถึงเบาะนั่งหนังแท้คุณภาพสูงในรุ่น R-Design ที่ตกแต่งด้วยหนัง R-Design Fine Nappa Perforated Leather Upholstery ในเฉดสี Charcoal และรุ่น Momentum ที่มีให้เลือกในเฉดสี Charcoal และ Maroon Brown มอบสัมผัสที่นุ่มสบายและหรูหรา

สิ่งที่ผมประทับใจเป็นพิเศษคือระบบกรองอากาศ Clean Zone ที่สามารถดักจับละอองฝุ่นและเกสรดอกไม้ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ช่วยให้ภายในห้องโดยสารสะอาดบริสุทธิ์ สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สดชื่นและดีต่อสุขภาพ

เทคโนโลยี Infotainment ที่มาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว ระบบ Sensus Navigation พร้อมข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ และการควบคุมด้วยเสียง ทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสุนทรียภาพทางดนตรี ระบบเสียง Harman Kardon คุณภาพสูง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ 600 วัตต์ และลำโพง 14 ตัว รวมถึงซับวูฟเฟอร์ จะมอบประสบการณ์เสียงที่สมจริงและทรงพลัง

ระบบ Head-Up Display ที่แสดงข้อมูลสำคัญบนกระจกบังลมหน้า ช่วยลดการละสายตาจากถนนได้อย่างมาก ซึ่งเป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญอย่างยิ่ง

ขุมพลัง Plug-in Hybrid T8 Twin Engine: สมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด

Volvo S60 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มาพร้อมขุมพลัง Plug-in Hybrid T8 Twin Engine 2.0 ลิตร รหัส B4204T35 ที่ผสานการทำงานของเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังสูงสุดรวม 407 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Geartronic พร้อม Paddle Shift

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 4.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมของ S60 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ มอบการยึดเกาะถนนและความมั่นคงในทุกสภาวะ

IntelliSafe: เกราะป้องกันที่เหนือกว่าทุกการเดินทาง

Volvo ขึ้นชื่อในเรื่องระบบความปลอดภัย IntelliSafe ที่เป็นมากกว่าแค่ระบบช่วยเหลือ แต่เป็นการผสานเทคโนโลยีป้องกันและปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างครอบคลุม

City Safety: ระบบนี้สำคัญยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมือง ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน หรือสัตว์ขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการชน หรือลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรหนาแน่น
Pilot Assist: ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ช่วยควบคุมพวงมาลัยและรักษาตำแหน่งรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ทำงานได้ถึงความเร็ว 130 กม./ชม. ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการเดินทาง
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ และกล้อง 360°: ทำให้การจอดรถในที่แคบเป็นเรื่องง่าย
Active Bending Headlights (ABL): ระบบไฟหน้าแบบปรับตามการหมุนของพวงมาลัย เพิ่มทัศนวิสัยในทางโค้ง
High-Pressure Cleaning: ระบบฉีดน้ำแรงดันสูงทำความสะอาดไฟหน้า เพื่อทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม

ตัวเลือกที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

Volvo S60 T8 Twin Engine AWD มีให้เลือก 4 โทนสี ได้แก่ Crystal White Premium Metallic, Onyx Black Metallic, Fusion Red Metallic และสีใหม่ล่าสุด “Pebble Grey Metallic”

รุ่น Momentum: ราคา 2,190,000 บาท มอบความคุ้มค่าสูงสุด สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ Volvo S60 ในระดับพรีเมียม
รุ่น R-Design: ราคา 2,590,000 บาท เน้นความสปอร์ตและบุคลิกที่โดดเด่น ด้วยการตกแต่งภายในและภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์

คำเชิญชวนสู่ประสบการณ์ Volvo S60

Volvo S60 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์อันสง่างาม สมรรถนะอันทรงพลัง เทคโนโลยีล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยที่เป็นเลิศ หากคุณกำลังมองหารถยนต์ซีดานพรีเมียมที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิต ผมขอเชิญชวนให้มาสัมผัสประสบการณ์จริงของ Volvo S60 ที่โชว์รูม Volvo เพื่อค้นหาว่าทำไม Volvo S60 จึงเป็นนิยามใหม่แห่งยนตรกรรมซีดานหรูที่คุณไม่ควรมองข้าม

Rolls-Royce Spectre: นิยามใหม่แห่งความหรูหราบนผืนน้ำแห่งอนาคต

ในโลกแห่งยนตรกรรมที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง Rolls-Royce ได้ประกาศศักดาอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Rolls-Royce Spectre รถยนต์ไฟฟ้าอัลตรา-ลักชัวรีคันแรกของแบรนด์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังเป็นการยกระดับนิยามของความหรูหรา ความสง่างาม และสมรรถนะ สู่มิติใหม่ที่เหนือจินตนาการ

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความยิ่งใหญ่

Rolls-Royce Spectre ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่คือผลงานประติมากรรมเคลื่อนที่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอชท์สปอร์ตสุดหรู การออกแบบภายนอกสะท้อนถึงความประณีตในทุกรายละเอียด ตั้งแต่กระจังหน้า “Pantheon Grille” ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนรถยนต์ Rolls-Royce เสริมด้วยไฟ LED 22 ดวง ที่ส่องสว่างเป็นประกายในยามค่ำคืน สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามและโดดเด่น

“Spirit of Ecstasy” สัญลักษณ์นางฟ้าแห่ง Rolls-Royce ถูกปรับให้มีลักษณะลู่ลมยิ่งขึ้น หลังจากการออกแบบและทดสอบในอุโมงค์ลมกว่า 830 ชั่วโมง ส่งผลให้ Spectre มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำถึง 0.25cd ซึ่งถือเป็นรถยนต์ที่มีอากาศพลศาสตร์ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Rolls-Royce

การออกแบบไฟหน้าแบบแยกส่วนยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ ผสมผสานกับเส้นสายตัวถังอันเฉียบคม นำสายตาไปสู่ด้านหลังสไตล์ Fastback ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถคลาสสิกและเรือยอชท์แข่ง ผนวกกับเส้นตัวถังบริเวณข้างประตู (Waft Line) ที่ให้ความรู้สึกราวกับเรือกำลังลอยเหนือผิวน้ำ สะท้อนถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลราวกับ “Magic Carpet Ride”

ภายในที่เหนือกว่าทุกคำนิยาม

ภายในห้องโดยสารของ Rolls-Royce Spectre คือโลกแห่งความหรูหราที่สร้างขึ้นตามความต้องการเฉพาะบุคคล (Bespoke) การติดตั้ง “Starlight Doors” ที่มีดวงดาวระยิบระยับกว่า 4,796 ดวง เป็นการสร้างบรรยากาศที่พิเศษและน่าประทับใจอย่างแท้จริง หรือหากต้องการความหรูหราแบบคลาสสิก แผงไม้ “Canadel Panelling” ที่ผลิตขึ้นด้วยมือจากไม้ชั้นเลิศก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

แผงแดชบอร์ดเรืองแสง “Illuminated Fascia” บริเวณฝั่งผู้โดยสารที่สลักชื่อ ‘SPECTRE’ ล้อมรอบด้วยประกายดาวกว่า 5,000 ดวง คืออีกหนึ่งความประณีตที่บ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด เบาะคู่หน้าก็สามารถปรับแต่งสีสันให้เข้ากับความชอบส่วนตัวได้อย่างอิสระ

ขุมพลังไฟฟ้าที่ทรงพลังและเงียบสงบ

Rolls-Royce Spectre ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 584 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาด 102 kWh สามารถเดินทางได้ไกลสูงสุด 530 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

ระบบชาร์จไฟรองรับทั้งแบบ AC 22 kW และ DC 195 kW ทำให้การชาร์จเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว สามารถชาร์จไฟ 10-80% ในเวลาเพียง 34 นาที หรือวิ่งได้ 100 กิโลเมตร หลังจากการชาร์จเพียง 9 นาที

เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

Spectre มาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่ เช่น ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน และ Adaptive Cruise Control ระบบกักเก็บพลังงานจากการเบรก (Brake Mode) ช่วยให้การขับขี่แบบ Single-pedal driving เป็นไปได้อย่างราบรื่น และระบบช่วงล่าง “Planar” ที่ได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถัน สร้างประสบการณ์ “Magic Carpet Ride” ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce

Rolls-Royce Spectre เปิดให้จองในราคาเริ่มต้น 31.8 ล้านบาท (รวมภาษี) ไม่รวมออปชั่น พร้อมการรับประกันตัวรถ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

Bentley Continental GT: สุนทรีย์แห่งการขับขี่ที่เหนือกาลเวลา

ในโลกของยนตรกรรมระดับ Ultra-Luxury ชื่อของ Bentley คือสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา ประณีต และสมรรถนะที่ไร้ที่ติ และเมื่อเอ่ยถึง Bentley Continental GT ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือยานยนต์ที่สะท้อนถึงความภาคภูมิใจในความเป็นอังกฤษ ผสมผสานกับเทคโนโลยีชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ดีไซน์อันเป็นอมตะ: สง่างามเหนือกาลเวลา

Bentley Continental GT 2019 คือผลงานศิลปะที่คงความคลาสสิกแต่แฝงด้วยความทันสมัย เส้นสายตัวถังที่โค้งมนแต่เฉียบคม ให้ความรู้สึกถึงพละกำลังและความสง่างามที่ยากจะเลียนแบบ โครงสร้างตัวถังที่ผลิตด้วยเทคนิค Super Formed ไม่เพียงแต่ทำให้รถดูสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ได้อย่างน่าทึ่ง

หัวใจ W12 TSI: สมรรถนะที่เร้าใจไม่สิ้นสุด

ภายใต้ฝากระโปรงหน้าของ Bentley Continental GT คือเครื่องยนต์ W12 TSI ขนาด 6.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 635 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล ส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 สปีด ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่นและฉับไว

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยควบคุมและรักษาเสถียรภาพการทรงตัว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่มั่นคงและปลอดภัยในทุกสภาวะเส้นทาง ระบบ Dual-mass Flywheel ยังช่วยลดอาการสั่นสะเทือนภายในเครื่องยนต์ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลเหนือระดับ

ภายในหรูหรา: สัมผัสแห่งความประณีต

ห้องโดยสารของ Bentley Continental GT คือโลกแห่งความหรูหราที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน การเลือกใช้วัสดุหนังแท้คุณภาพสูง การตัดเย็บที่ประณีต และตัวเลือกของพรมที่มีให้เลือกหลากหลายเฉดสี สะท้อนถึงความพิเศษและไม่เหมือนใคร

แผงหน้าปัทม์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ แสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างครบถ้วนและทันสมัย ระบบปรับ Drive Mode ที่มีให้เลือก 3 ระดับ ได้แก่ Sport, Comfort และ Bentley Mode ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับสมดุลระหว่างสมรรถนะและความนุ่มนวลได้ตามต้องการ

Bentley Continental GT ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือการเดินทางสู่ประสบการณ์อันหรูหรา เปี่ยมด้วยสมรรถนะ และความภาคภูมิใจที่หาได้ยากยิ่ง

Maserati Ghibli Nerissimo Edition: สปอร์ตซีดานดำสนิท สไตล์อิตาเลียน

Maserati แบรนด์ยนตรกรรมสัญชาติอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะที่เร้าใจ และความหรูหรา ได้นำเสนอ Ghibli Nerissimo Edition รุ่นพิเศษ ที่เน้นความดุดันและสง่างามในโทนสีดำสนิท

ดีไซน์สีดำสนิท: เสน่ห์แห่งความลึกลับ

Ghibli Nerissimo Edition โดดเด่นด้วยตัวถังสีดำเงา ผสานกับโลโก้ตรีศูล, กรอบกระจังหน้า และโลโก้สัญลักษณ์บริเวณเสา C ที่เป็นโครเมียมรมดำ มือจับประตู, กรอบหน้าต่าง และปลายท่อไอเสียล้วนพ่นสีดำสนิท ปิดท้ายด้วยล้อแม็กลายพิเศษสีเดียวกัน ยิ่งเสริมให้ Ghibli Nerissimo Edition ดูดุดันและน่าค้นหา

ขุมพลังดีเซล V6: สมรรถนะที่เร้าใจ

ภายใต้ความงามสง่า Ghibli Nerissimo Edition ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล V6 สูบ ที่ให้กำลัง 275 แรงม้า และแรงบิด 600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 6.3 วินาที พร้อมเสียงคำรามอันเร้าใจจากท่อไอเสียแบบสปอร์ต

นอกจากนี้ Maserati ยังมี Ghibli และ Levante ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล V6 สูบ เทอร์โบคู่ 275 แรงม้า เป็นรุ่นพื้นฐาน เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

Maserati Ghibli Nerissimo Edition คือนิยามใหม่ของสปอร์ตซีดานที่ผสมผสานความหรูหรา สไตล์อิตาเลียน และสมรรถนะอันเร้าใจได้อย่างลงตัว

Rolls-Royce Spectre: ประตูสู่ยุคใหม่แห่งความหรูหราไฟฟ้า

Rolls-Royce ได้เปิดศักราชใหม่แห่งยนตรกรรมด้วยการเปิดตัว Rolls-Royce Spectre รถยนต์ไฟฟ้าอัลตรา-ลักชัวรีคันแรก ที่ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคต แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความหรูหรา สุนทรียภาพ และสมรรถนะที่เหนือใคร

งานออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเล

Spectre คือผลงานศิลปะชิ้นเอกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอชท์สปอร์ตสุดหรู การออกแบบภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้า “Pantheon Grille” ขนาดมหึมา ผสานกับไฟ LED 22 ดวง ที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน สร้างออร่าแห่งความสง่างามและน่าเกรงขาม

“Spirit of Ecstasy” สัญลักษณ์นางฟ้าแห่ง Rolls-Royce ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความลู่ลมยิ่งขึ้น หลังจากการทดสอบในอุโมงค์ลมอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ Spectre มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.25cd ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของอากาศพลศาสตร์ในประวัติศาสตร์ของแบรนด์

เส้นสายตัวถังอันเฉียบคม สไตล์ Fastback ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือยอชท์แข่ง ผสมผสานกับ “Waft Line” ที่ให้ความรู้สึกราวกับเรือลอยเหนือผิวน้ำ สื่อถึงการขับขี่ที่นุ่มนวลราวกับ “Magic Carpet Ride”

ภายในห้องโดยสาร: สวรรค์แห่ง Bespoke

ภายในห้องโดยสารของ Spectre คือสวรรค์แห่งความหรูหราที่สร้างขึ้นตามความต้องการเฉพาะตัว “Starlight Doors” พร้อมดวงดาวกว่า 4,796 ดวง มอบบรรยากาศที่น่าทึ่ง หรือจะเลือกแผงไม้ “Canadel Panelling” ที่ผลิตขึ้นด้วยมือ ก็ให้ความรู้สึกถึงความคลาสสิกและประณีต

แผงแดชบอร์ดเรืองแสง “Illuminated Fascia” สลักชื่อ ‘SPECTRE’ พร้อมประกายดาวกว่า 5,000 ดวง คืออีกหนึ่งความใส่ใจในรายละเอียดที่ไม่ธรรมดา เบาะนั่งก็สามารถปรับแต่งสีสันได้ตามความชอบส่วนตัว

พลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด

Spectre ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 584 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.5 วินาที แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 102 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 530 กม. (WLTP)

ระบบชาร์จไฟ AC 22 kW และ DC 195 kW ทำให้การเติมพลังเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ระบบช่วงล่าง “Planar” คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่มอบประสบการณ์ขับขี่อันไร้ที่ติ

Rolls-Royce Spectre คืออนาคตแห่งความหรูหรา ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือการเดินทางสู่ประสบการณ์อันน่าจดจำ

Volvo S60: ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ซีดานหรูในไทย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่า 10 ปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของรถยนต์หรูอย่างใกล้ชิด และการเปิดตัว Volvo S60 เจเนอเรชั่นที่ 3 ในประเทศไทยนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญ ที่สะท้อนถึงความตั้งใจของ Volvo ในการนำเสนอยนตรกรรมที่ผสมผสานสมรรถนะ ความปลอดภัย และความหรูหราได้อย่างลงตัว

Volvo S60: ดีไซน์ที่โดดเด่น สมรรถนะที่เหนือกว่า

Volvo S60 โฉมใหม่นี้ ได้รับการออกแบบบนพื้นฐานโครงสร้าง Scalable Product Architecture (SPA) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มอบความแข็งแกร่งและพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง เส้นสายภายนอกถูกปรับให้มีความเฉียบคมและดุดันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟหน้า LED รูปทรง “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor’s Hammer) อันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงความทันสมัยและทรงพลัง ในขณะที่กระจังหน้าใหม่พร้อมโลโก้ “Iron Mark” ก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูหรูหรามีระดับ

การออกแบบส่วนท้ายที่เน้นเส้นสายยาวต่อเนื่อง ประกอบกับไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED และตัวอักษร Volvo สีเงินบนฝากระโปรงท้าย ยิ่งเสริมให้ S60 ดูสปอร์ตและปราดเปรียว การมีตัวเลือกของล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ ขนาด 18 และ 19 นิ้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งสไตล์ของตนเองได้อย่างเต็มที่

ภายในห้องโดยสาร: ความสบายที่เหนือระดับ

ภายในของ Volvo S60 คือบทพิสูจน์ของความใส่ใจในรายละเอียดและการสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า การตกแต่งด้วย Metal Décor Inlays อลูมิเนียมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสานกับระบบไฟ Ambient Light ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีสันได้ สร้างบรรยากาศที่หลากหลายและสอดคล้องกับอารมณ์ของผู้ขับขี่

ระบบกรองอากาศ Clean Zone คืออีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญ ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องโดยสาร เปรียบเสมือนการได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากสวีเดน

เทคโนโลยี Infotainment ที่ครบครัน ประกอบด้วยจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ระบบ Sensus Navigation พร้อมข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ และการควบคุมด้วยเสียง ทำให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น ระบบเสียง Harman Kardon คุณภาพสูง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ 600 วัตต์ และลำโพง 14 ตัว มอบประสบการณ์เสียงที่สมจริงและทรงพลัง

ระบบ Head-Up Display ที่แสดงข้อมูลสำคัญบนกระจกบังลมหน้า ช่วยลดการละสายตาจากถนนได้อย่างมาก ซึ่งเป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญอย่างยิ่ง

ขุมพลัง Plug-in Hybrid T8 Twin Engine: พลังที่สมดุล

Volvo S60 T8 Twin Engine ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่ใช้ระบบอัดอากาศทั้งเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง สร้างพละกำลังรวมกว่า 407 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 640 นิวตันเมตร ตัวเลขสมรรถนะที่น่าประทับใจนี้ มาพร้อมกับอัตราการปล่อย CO2 ที่ต่ำเพียง 42 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Volvo ในการพัฒนายานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้ภายใน 4.4 วินาที แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ S60 ในฐานะรถยนต์สมรรถนะสูง ในขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า มอบการยึดเกาะถนนและความมั่นคงในทุกสภาวะเส้นทาง

IntelliSafe: ความปลอดภัยที่เหนือกว่า

Volvo ขึ้นชื่อในเรื่องระบบความปลอดภัย IntelliSafe ที่ผสานเทคโนโลยีการป้องกันและปกป้องอย่างครอบคลุม

City Safety: ระบบป้องกันการชนอัจฉริยะที่ทำงานได้ดีเยี่ยมในสภาพการจราจรในเมือง
Pilot Assist: ระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ในการเดินทางไกล
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ และกล้อง 360°: ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่าย
Active Bending Headlights (ABL): เพิ่มทัศนวิสัยในทางโค้ง

ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Volvo S60 T8 Twin Engine AWD มีให้เลือก 4 โทนสี ได้แก่ Crystal White Premium Metallic, Onyx Black Metallic, Fusion Red Metallic และสีใหม่ล่าสุด “Pebble Grey Metallic”

รุ่น Momentum: ราคา 2,190,000 บาท มอบความคุ้มค่าสูงสุด สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ Volvo S60 ในระดับพรีเมียม
รุ่น R-Design: ราคา 2,590,000 บาท สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสปอร์ตและบุคลิกที่โดดเด่น

สัมผัสประสบการณ์ Volvo S60

Volvo S60 ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ซีดานหรูในประเทศไทย หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ผสมผสานสมรรถนะ ความปลอดภัย ความหรูหรา และเทคโนโลยีแห่งอนาคต เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ผมขอเชิญชวนให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์จริงของ Volvo S60 ที่โชว์รูม Volvo ใกล้บ้านคุณ เพื่อค้นหาว่าทำไม Volvo S60 จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ.

Previous Post

N3012003 เม อร าผ ชายคนน อใคร โจรถ งก บต องเอาของท ขโมยไปมาค #พ คตอนจบ part2

Next Post

N3012011 เศรษฐ สอนบทเร ยนให บสาวโลภมากคนน จนเธอต องเร มค ดใหม part2

Next Post
N3012011 เศรษฐ สอนบทเร ยนให บสาวโลภมากคนน จนเธอต องเร มค ดใหม part2

N3012011 เศรษฐ สอนบทเร ยนให บสาวโลภมากคนน จนเธอต องเร มค ดใหม part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0401058 เม อร กเก าไม ไปเร มต นท บร กคร งใหม part2
  • N0401071 หลงเช อผ ดคน เก อบได จมก บกองหน #ตอนจบ part2
  • N0401056 อวดม เพราะกล วเส ยหน แต มไปว าจะเส ยคนใกล part2
  • N0401069 เพราะความละเลย านเลยเก อบพ part2
  • N0401072 ตอนล กเด กเล ยงด อย างด พอล กโตกล บไม อยากด แลพ อแม part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.