โตโยต้า ยาริส ใหม่: การกลับมาของอีโคคาร์ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรม
ในโลกยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การปรากฏตัวของรถยนต์รุ่นใหม่แต่ละคัน มักจะมาพร้อมกับความคาดหวังและคำวิจารณ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์อีโคคาร์ (ECO Car) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย และวันนี้ เรามีโอกาสได้สัมผัสกับ Toyota Yaris รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ และการวางตำแหน่งทางการตลาด
เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว มีการพูดถึง Yaris รุ่นใหม่ว่าจะมาพร้อมดีไซน์ที่ดูเหลี่ยมคม สปอร์ต และมีกระจังหน้าที่ชวนให้นึกถึง Mitsubishi RVR หรือ ASX ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักสำหรับตลาดรถยนต์อีโคคาร์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มักชื่นชอบรถยนต์ที่มีเส้นสายโค้งมน น่ารักมากกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เคยได้ยินมาก็กลายเป็นความจริง เมื่อภาพถ่ายจากงาน Auto Shanghai 2013 เผยให้เห็น Yaris รุ่นใหม่ที่มีดีไซน์ด้านหน้าคล้ายคลึงกับรถที่ถูกกล่าวถึง และชุดไฟท้ายที่มีลักษณะเฉพาะตัว
การเปิดตัว Yaris รุ่นใหม่ในขณะนั้น เป็นช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไทยกำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก จากผลกระทบของโครงการคืนภาษีรถคันแรกที่สิ้นสุดลง ทำให้กำลังซื้อลดลงอย่างฮวบฮาบ รถยนต์ค้างสต็อกจำนวนมาก และต้องมีการจัดโปรโมชันพิเศษเพื่อระบายสต็อกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม B-Segment และ ECO Car ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุด
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ การเปิดตัว Yaris รุ่นใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นที่น่าสังเกตว่า กระแสการพูดถึง Yaris ในโลกโซเชียลมีเดียค่อนข้างบางตาในช่วงแรก เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นใหม่รุ่นอื่นๆ ของ Toyota ในอดีต อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เราเริ่มเห็น Yaris ใหม่วิ่งอยู่บนท้องถนนมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคเริ่มให้การยอมรับรถยนต์คันใหม่ที่มีดีไซน์แตกต่างนี้แล้ว
คำถามสำคัญที่หลายคนยังคงคาใจ คือ Yaris ใหม่มีอัตราเร่งเป็นอย่างไร ประหยัดน้ำมันแค่ไหน ขับขี่ดีไหม พวงมาลัยแก้ไขแล้วหรือยัง ช่วงล่างเป็นอย่างไร และควรเลือกซื้อรุ่นย่อยใด หรือแม้กระทั่งการเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Suzuki Swift หรือการตัดสินใจเปลี่ยนใจจาก Vios มา Yaris
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของ Toyota Yaris ใหม่ ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา การออกแบบทางวิศวกรรม ประสบการณ์การขับขี่ สมรรถนะ ไปจนถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพื่อให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ครบถ้วนที่สุด
ประวัติความเป็นมา: ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ตลาดโลก
Toyota มีความพยายามบุกตลาดรถยนต์ Sub-Compact Hatchback ในยุโรปมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคของ Toyota Starlet ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ทำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนจะขาดความน่าสนใจไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ Toyota จึงได้มอบหมายให้ Sotiris Kovos นักออกแบบดาวรุ่งจากศูนย์ออกแบบ Toyota European Office of Creation (EPOC) ในยุโรป ค้นหาแนวทางใหม่ในการพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กเพื่อเอาใจชาวยุโรปโดยเฉพาะ
เดือนกันยายน ปี 1997 Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล Fun 3 รุ่น ได้แก่ FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า รถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota นับจากนั้น จะมีเส้นสายการออกแบบที่ถอดแบบมาจากรถยนต์ต้นแบบเหล่านี้ และมาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)
ในปี 1998 Toyota ได้เผยโฉม Yaris อย่างเป็นทางการครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป ปี 1999 ถือเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้คนยุโรปหันมามองแบรนด์ Toyota อีกครั้งอย่างจริงจัง ชื่อ “Yaris” มาจากการตั้งชื่อที่แปลก โดย Toyota ได้จ้างนักตั้งชื่อสินค้าชื่อดัง ซึ่งหลังจากได้เห็นรถคันจริง เขาได้เลือกใช้ชื่อ “Yaris” โดยมีเหตุผลมาจากคำว่า “Ya” ในภาษาเยอรมันที่แปลว่า “Yes” หรือ “ใช่” และคำว่า “Charis” ซึ่งเป็นเทพีแห่งความหรูหราและความงามในตำนานกรีกโบราณ
Yaris ได้ถูกเปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นด้วยชื่อ VITZ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ก่อนจะส่งไปทำตลาดในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยชื่อ ECHO ส่วนตัวถัง Sedan 2 และ 4 ประตู ได้ใช้ชื่อ Platz ในญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดอื่นๆ ใช้ชื่อ ECHO เช่นกัน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่ารุ่น Hatchback ที่ขายดิบขายดี
Yaris รุ่นแรกประสบความสำเร็จด้านยอดขายในยุโรปและญี่ปุ่นอย่างสูง และยังคว้ารางวัล European Car of the Year ประจำปี 2000 ซึ่งปกติแล้ว รางวัลนี้มักจะเป็นของรถยนต์ยุโรปเท่านั้น
รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2005 และเวอร์ชันไทยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2006 ถือเป็น Yaris รุ่นแรกที่ถูกนำมาขึ้นสายการผลิตในประเทศไทย แม้ว่ายอดขายในตลาดโลกจะยังคงดีอยู่ แต่ในไทย ด้วยการตั้งราคาที่ค่อนข้างสูง และออปชันที่ให้มามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ยอดขายช่วงแรกไม่ดีนัก จนทางชมรมดีลเลอร์ Toyota ในกรุงเทพมหานคร ต้องมีการประชุมและเรียกร้องให้ Toyota Motor Thailand ออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย
รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2010 Toyota เลือกทำตลาด Yaris รุ่นนี้ในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ในตอนแรก คนไทยคาดหวังว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป หรือรุ่นที่ 3 จะเข้ามาประกอบขายในไทย แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ECO Car ของรัฐบาลในช่วงสุดท้าย แม้จะไม่เห็นด้วยในตอนแรก
การพัฒนา Yaris ใหม่ สู่ตลาด ECO Car:
จากข้อจำกัดมากมายในการเข้าร่วมโครงการ ECO Car ของรัฐบาล ซึ่งกำหนดให้ต้องผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยจำหน่ายในประเทศใดมาก่อน การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่เตรียมผลิตในญี่ปุ่นและยุโรปมาพัฒนาต่อจึงเป็นไปไม่ได้ ส่วน Aygo ที่พัฒนาร่วมกับกลุ่ม PSA Peugeot Citroen ก็ดูเล็กเกินไปสำหรับตลาดไทย และมีข้อตกลงในการผลิตและจำหน่ายที่จำกัด
ดังนั้น ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ คือ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดศักยภาพสูงอย่างจีน ซึ่งต้องการรถยนต์ Hatchback ขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรปอย่างชัดเจน โดยใช้ Platform และโครงสร้างวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการ ECO Car
TakeShi Matsuda หัวหน้าวิศวกรผู้พัฒนา Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า ความตั้งใจแรกของเขาคือการทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็นการเปลี่ยนโฉม (Full Model Change) สำหรับตลาดทั่วโลก ยกเว้นยุโรปและญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดไทยมีนโยบายให้ทำ Yaris รุ่นนี้เป็น ECO Car เขาจึงต้องหาทางออกให้กับข้อจำกัดมากมายที่เกิดขึ้น
การเปิดตัวและดีไซน์ที่สร้างความแปลกตา:
1 ปีก่อนการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง Toyota ได้เริ่มสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการมาถึงของ Hatchback รุ่นใหม่นี้ ด้วยการสร้างรถยนต์ต้นแบบชื่อ Toyota Dear Qin Hatchback เปิดตัวครั้งแรกควบคู่กับ Toyota Dear Qin Sedan ในงาน Beijing Automotive Show เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2012 Dear Qin ทั้ง 2 คัน ได้เผยแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตูรุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก ซึ่งจะแตกต่างจากรถยนต์รุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง การเผยโฉม Dear Qin คันสีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ เป็นการสื่อสารให้โลกรู้ว่า รถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนในฐานะตลาดเป้าหมายหลัก
เมื่อพิจารณาว่าเป้าหมายในการพัฒนารถคันนี้อยู่ที่การเอาใจลูกค้าชาวจีน พวกเขาจึงเลือกเปิดตัว Yaris รุ่นนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai 2013 ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2013 ก่อนจะเริ่มจำหน่ายจริงในจีนในชื่อ Yaris-L วันที่ 1 กันยายน 2013
ประเทศไทยเป็นประเทศลำดับที่ 2 ของโลก ที่ Toyota เผยโฉม Yaris ใหม่นี้ โดยมีงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World
TakeShi Matsuda กล่าวว่า ในตอนแรก เขาไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น ECO Car มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดให้ทำตลาดในฐานะ ECO Car สำหรับตลาดไทย จึงเกิดข้อจำกัดต่างๆ ขึ้นมากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นอย่างดีที่สุด โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายในที่นั่งสบาย ไม่เบียดเสียด พร้อมทั้งยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบในห้องโดยสาร และการเกาะถนนให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
มิติตัวถังและการออกแบบภายนอก:
Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มิลลิเมตร กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับ Yaris รุ่นก่อน จะพบว่า Yaris ใหม่ ยาวขึ้นกว่าเดิม 315 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 5 มิลลิเมตร เตี้ยลง 45 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มิลลิเมตร
เส้นสายภายนอกมาในสไตล์เฉียบคม เน้นเหลี่ยมสัน พร้อมกระจังหน้าที่ดูคล้ายกับ Mitsubishi RVR/ASX หรือ Lancer EX เสียด้วยซ้ำ แต่เพิ่มความแตกต่างด้วยแถบสีเงินที่ชวนให้นึกถึง “หนวดปลาดุก” จนผู้เขียนบทความเดิมถึงกับตั้งฉายาให้ว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด!” กระจังหน้าในรุ่น G และ E จะเป็นแถบสีเงิน ส่วนรุ่น J และ J ECO เป็นสีดำ มือจับประตูในรุ่น G เป็นโครเมียม ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็นสีเดียวกับตัวถัง
ชุดไฟหน้ารุ่น G เป็นแบบโปรเจคเตอร์ ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็นแบบ Multi Reflector ธรรมดา กระจกมองข้างรุ่น G, E, J เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J ECO เป็นสีดำ เฉพาะรุ่น G ที่มีไฟเลี้ยวติดตั้งมาให้ด้วย
รายละเอียดภายนอกบางชิ้นสามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้ เช่น ครีบรีดอากาศที่เสาขอบประตู ใกล้กระจกมองข้าง หรือมือจับประตูทั้ง 4 ชิ้น กระจกหน้าต่างคู่หน้าก็สามารถใช้ทดแทนร่วมกันได้กับ Vios กระจกบังลมหน้าในรุ่น G เป็นแบบ Acoustic Glass ที่ช่วยลดเสียงรบกวนขณะขับขี่
ส่วนบั้นท้ายนั้น ทีมออกแบบอาจต้องการสร้างความต่อเนื่องของเส้นสายจากหน้าต่างประตูคู่หลังจรดกระจกบังลมหลัง จึงใช้แผงพลาสติกสีดำ Glossy มาเชื่อมต่อ และทำชุดไฟท้ายที่มีกรอบทรงประหลาด โดยใช้กรอบท่อนล่างของ Vios ลากเส้นขึ้นไปให้ยาว ในแบบที่ไม่เหมือนใคร
ผู้เขียนบทความเดิมระบุว่า เข้าใจว่าทีมออกแบบต้องการให้ไฟท้ายฉีกแนว ล้ำอวกาศเหมือนในรถต้นแบบ Dear Qin แต่พอออกมาจริง นอกจากจะคล้ายคลึงกับไฟท้ายของ Peugeot 208 รุ่นใหม่แล้ว ยังทำลายความลงตัวของงานออกแบบฝาประตูคู่หลัง และบานประตูคู่หลัง ทำให้บั้นท้ายดูแปลกประหลาด น่าเสียดายยิ่ง
ทุกรุ่นติดตั้งใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหลัง รวมถึงทับทิมสะท้อนแสงมุมกันชนด้านล่าง และมีสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลังมาให้เกือบทุกรุ่น
ส่วนแถบประดับเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียนหลัง ในรุ่น G เป็นโครเมียม รุ่น E เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J เป็นสีดำ
รุ่น G จะได้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 185/60 R15 ขณะที่รุ่น E จะได้ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อ ถ้าเป็นรุ่น J จะได้ล้อกระทะ 14 นิ้วพร้อมฝาครอบล้อที่สวมยาง 175/65 R14 แต่รุ่นถูกสุด J Eco จะไม่มีแม้แต่ฝาครอบล้อมาให้เลย
ภายในห้องโดยสาร: ความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอย
ระบบกุญแจในรุ่น G เป็นแบบ Keyless-Entry และ Push Start ส่วนรุ่น E เป็นกุญแจรีโมทแบบไข ในขณะที่รุ่น J และ J ECO เป็นกุญแจแบบมาตรฐาน
เมื่อพิจารณาจากเสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar กรอบช่องประตูคู่หน้า และเสาหลังคาคู่กลาง B-Pillar ที่ยกชุดมาจาก Vios ทำให้การขึ้น-ลงเบาะนั่งคู่หน้าของทั้งสองรุ่นมีความเหมือนกัน การเข้า-ออกประตูหน้าอาจต้องใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อย เนื่องจากเสา A-Pillar ค่อนข้างลาดเอียง
แผงประตูด้านข้างออกแบบให้ตำแหน่งวางแขนอยู่ในระดับที่เหมาะสม มือจับประตูด้านข้างออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์มือถือชั่วคราวได้ มือจับเปิดประตูด้านในรถของรุ่น G เป็นพลาสติกชุบโครเมียม
เบาะนั่งคู่หน้าเป็นเบาะผ้าสีดำ ยกมาจาก Vios ใหม่ เปลี่ยนแค่ลายผ้าตรงกลางเป็นสีส้ม โครงสร้างเบาะนั่งสามารถปรับเลื่อนได้มากขึ้น และซอยจังหวะในการปรับเลื่อนถี่ขึ้น เบาะคนขับสามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้
ด้านหลังเบาะออกแบบให้มีส่วนเว้าเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างเข่าผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะหน้า พนักพิงศีรษะของเบาะหน้าออกแบบมารองรับได้สบาย ส่วนพนักพิงหลังถูกออกแบบให้เว้าลึก โอบกระชับสรีระมากขึ้น ถือเป็นการแก้ไขปัญหาเบาะนั่งไม่สบายใน Yaris รุ่นเดิมได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม จุดที่ยังคงต้องปรับปรุงคือ เบาะรองนั่งยังคงสั้นไปหน่อย และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด ปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ ซึ่งเป็นจุดที่น่าตำหนิอย่างมากเมื่อเทียบกับออปชันอื่นๆ ที่ให้มา
พื้นที่เหนือศีรษะไม่แตกต่างจาก Vios ใหม่ และสัมผัสได้ชัดเจนว่ามีพื้นที่โปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อน
การลุกเข้า-ออกประตูคู่หลัง แม้ว่าช่องทางเข้าจะกว้างขึ้นกว่า Yaris รุ่นเดิม แต่ผู้เขียนบทความเดิมยังคงต้องก้มหัวลงเพิ่มจากระดับปกติ เพื่อไม่ให้ศีรษะโขกกับกรอบทางเข้า
เบาะหลังเป็นจุดขายสำคัญของ Yaris ใหม่ มีพื้นที่กว้างขวางและโอ่โถงที่สุด เบาะหลังมีพนักพิงที่รองรับได้สบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี พนักศีรษะทั้ง 2 ฝั่งใช้งานได้จริง ยกเว้นพนักศีรษะตรงกลางรูปตัว L คว่ำที่อาจต้องถอดออก
เบาะรองนั่งออกแบบมาได้กำลังดี แต่สั้นไปหน่อย พื้นที่เหนือศีรษะสำหรับคนสูง 171 ซม. จะเหลือพื้นที่ว่างประมาณ 3 นิ้วมือ
ส่วนพื้นที่วางขานั้นใหญ่สะใจ สมกับที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ B-Segment Hatchback ตั้งแต่แรก ผู้เขียนบทความเดิมสามารถนั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย
ดังนั้น ผู้เขียนบทความยืนยันว่า พื้นที่นั่งโดยสารของ Yaris ใหม่ใหญ่โตโอ่อ่าที่สุดในบรรดา ECO Car ทุกคันที่ผลิตขายในประเทศไทยจนถึงปี 2016
เหนือประตูทั้ง 4 บานมีมือจับยึดเหนี่ยวจิตใจมาให้ครบทุกตำแหน่ง
เข็มขัดนิรภัยสำหรับเบาะหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ทุกที่นั่ง แต่สำหรับผู้โดยสารตรงกลางถูกติดตั้งไว้กับเสาหลังคาด้านหลังสุด C-Pillar ฝั่งซ้ายของตัวรถ แล้วลากสายโยงเชื่อมจุดยึดมาที่กึ่งกลางเพดานหลังคา
เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารฝั่งซ้ายและขวามีสายล็อกป้องกันไม่ให้สายเข็มขัดเคลื่อนตำแหน่ง และมีร่องสำหรับเสียบยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาตรฐาน ISOFIX มาให้
พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังในรุ่น G และ E สามารถแบ่งพับแยกฝั่งซ้าย-ขวาได้ในอัตราส่วน 60:40 แต่ถ้าเป็นรุ่น J และ J ECO เบาะหลังพับได้จริง แต่ต้องพับพนักพิงทั้งแผงลงมาเป็นก้อนเดียวกัน
ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลังใช้ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อสัญญาณกับรีโมทกุญแจ Keyless Entry แต่บางกรณีอาจไม่ยอมปลดล็อกให้หากยังติดเครื่องยนต์อยู่
รอบกรอบช่องทางเข้าห้องเก็บของด้านหลังบุพลาสติกมาให้เรียบร้อย ต่างจาก ECO Car หลายรุ่นที่ปล่อยเปลือยให้เห็นผิวเหล็กสีตัวถังรถ
ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีความยาว 734 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจาก Yaris รุ่นเดิมถึง 140 มิลลิเมตร มีปริมาตรความจุ 326 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลางแบบ Hard Case ได้ 3 ใบ พร้อมกระเป๋าเดินทางแบบสะพายไหล่ 1-2 ใบ ถือว่ามีความจุเยอะที่สุดในบรรดา ECO Car ตัวถัง Hatchback ทุกคันในบ้านเราตอนนี้
ผนังด้านข้างฝั่งซ้ายมีไฟส่องสว่างในห้องเก็บของ และเมื่อยกพื้นห้องเก็บของขึ้นมา จะพบยางอะไหล่พร้อมเครื่องมือและแม่แรงประจำรถจากโรงงาน
แผงหน้าปัดและระบบความบันเทิง:
แผงหน้าปัดมีดีไซน์คุ้นตา โดยยกชุดมาจาก Vios ใหม่ทั้งดุ้น ทั้งแนวตะเข็บเส้นด้ายลายตะเข็บหลอกๆ ด้วยการปั้มชิ้นส่วนพลาสติกขึ้นรูป วัสดุการตกแต่งแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย
แถบโค้งต่อเนื่องจากช่องแอร์ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง เข้าหาแผงควบคุมกลางเป็นพลาสติกสีดำปกติ ไม่ได้ตกแต่งด้วย Trim ดำเงา หรือสีเงินเหมือนใน Vios ใหม่
ทว่า ฐานคันเกียร์ แผงมือจับประตูทั้ง 4 บาน และกรอบช่องวางโทรศัพท์มือถือใน Yaris รุ่น G ตกแต่งด้วย Trim สีเงิน
วัสดุบุเพดานหลังคาเป็นสีดำปกติ แต่มีแผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดมาให้ทั้งฝั่งคนขับและโดยสาร แต่ไม่มีไฟแต่งหน้ามาให้
สวิตช์กระจกหน้าต่างไฟฟ้าทั้ง 4 บานเป็นแบบ Auto One-Touch พร้อมสวิตช์ล็อกกระจกหน้าต่างฝั่งผู้โดยสาร และ Central Lock บนแผงประตูฝั่งคนขับ สวิตช์กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า และสวิตช์ติดเครื่องยนต์ Push Start ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับ
พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ Multi Function ควบคุมชุดเครื่องเสียงบนก้านพวงมาลัยฝั่งซ้าย ยกมาจาก Vios มี Grip ที่จับถนัดมือ แต่มีระยะห่างจากขอบด้านบนสุดของมาตรวัดน้อยมาก
บนก้านสวิตช์เปิดไฟหน้า ไฟเลี้ยว และไฟสูงบนคอพวงมาลัยฝั่งขวา ไม่มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้เลยแม้แต่รุ่นเดียว
ส่วนก้านสวิตช์ใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำด้านหน้า มีระบบหน่วงเวลาและตั้งเวลาหน่วงได้เฉพาะรุ่น G และ E
ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลม ตำแหน่งสัญญาณไฟเตือนต่างๆ เหมือนกัน ตอนกลางคืนเรืองแสงสีขาวเป็นหลัก Font ตัวเลขอ่านง่าย แบ่งขีดความเร็วชัดเจน ลวดลาย Graphic บนพื้นหลังถูกออกแบบโดยใช้โทนสีแดงเป็นหลัก เพื่อเพิ่มบุคลิก Sport
เฉพาะรุ่น G จอแสดงข้อมูลตรงกลางเป็นสีส้ม ตัวเลข Digital สีดำ บอกตำแหน่งเกียร์ ระยะทางรวม Odometer, Trip Meter A และ B, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย และระยะทางที่น้ำมันในถังยังเหลือ
อย่างไรก็ตาม ลายกราฟฟิคบนพื้นหลังของมาตรวัดยังคงเป็นพื้นเรียบๆ แบนๆ ไร้มิติ
ชุดเครื่องเสียงเป็นวิทยุ AM/FM พร้อมช่องใส่แผ่น CD/MP3/WMA ได้ 1 แผ่น และมีช่องเสียบ USB และ AUX ถ้าเป็นรุ่น G และ E จะมีลำโพง 4 ชิ้น ถ้าเป็นรุ่น J และ J ECO จะมีเพียง 2 ชิ้น คุณภาพเสียงไม่ต่างจากใน Vios คือพอฟังได้ หน้าจอสีส้ม รองรับภาษาอังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น และจีน
สวิตช์เครื่องปรับอากาศในรุ่น G เป็นแบบมีหน้าจอ Digital ยกชุดจาก Vios ให้ความเย็นสะใจ แต่การใช้งานยังคงสับสน โดยเฉพาะสวิตช์ฝั่งซ้ายสุดที่รวมการหมุนเลือกความแรงพัดลม ทิศทางลม และอุณหภูมิ ไว้ในสวิตช์หมุนชุดเดียวกัน
สวิตช์แบบมือบิด วงกลม 3 วง ในรุ่น E, J, และ J ECO ใช้งานง่าย สะดวกสบาย แต่การออกแบบไม่สวย
ช่องวางโทรศัพท์มือถือใต้สวิตช์เครื่องปรับอากาศด้านหลังคันเกียร์ ถูกมองว่าเป็นการออกแบบที่พยายามเอาใจลูกค้า แต่ไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง เพราะหากเจอถนนขรุขระ อาจทำให้โทรศัพท์หล่นลงมาได้
กล่องเก็บของบนแผงหน้าปัดฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า (Glove Compartment) ยกมาจาก Vios เช่นกัน แต่พื้นที่ภายในค่อนข้างจำกัด
ในขณะที่ Vios ให้กล่องเก็บของขนาดเล็กพร้อมฝาเปิดที่พยายามเป็นที่วางแขน แต่ Yaris กลับไม่มีอะไรให้มาเกินกว่าเบรกมือ 1 จุด ช่องวางแก้วน้ำสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 1 ตำแหน่ง และช่องเสียบกล่อง CD ที่ใช้งานได้ไม่จริง
ทัศนวิสัย:
ทัศนวิสัยด้านหน้าไม่แตกต่างจาก Vios เลย แม้แต่น้อย การมองไปทางฝากระโปรงหน้า กระจกมองข้างฝั่งขวา หรือซ้าย มุมมองไม่แตกต่างไปจาก Vios ใหม่ แต่ถ้าเทียบกับ Yaris รุ่นเดิม ทัศนวิสัยด้านหน้าดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมจนสัมผัสได้
เสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar ฝั่งขวา มีการบดบังรถที่แล่นสวนมาบนทางโค้งน้อยลง กระจกมองข้าง แม้ให้การมองเห็นรถที่แล่นมาจากด้านหลังได้ดี แต่พื้นที่กรอบพลาสติกด้านในแอบกินพื้นที่เข้ามายังขอบล่างฝั่งขวาของบานกระจกมองข้างเล็กน้อย
เสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar ฝั่งซ้าย ยังแอบมีการบดบังรถที่แล่นสวนทางมาขณะเลี้ยวกลับอยู่บ้างในบางรูปแบบของจุดกลับรถ นอกนั้นจะไม่มีปัญหามากนัก ถือว่าโปร่งขึ้นกว่า Yaris เดิม
สำหรับทัศนวิสัยด้านหลัง ในเมื่อเสาหลังคาคู่หลังมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้นึกถึงเสาหลังคาคู่หลังของ Nissan Tiida Hatchback 5 ประตู จึงต้องทำใจว่าอาจมีการบดบังจักรยานยนต์ที่แล่นตามมาจากด้านหลังฝั่งซ้ายของรถได้อยู่บ้าง ควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อคิดจะเปลี่ยนช่องทาง
รายละเอียดด้านวิศวกรรมและการทดลองขับ:
Toyota ได้ตัดสินใจให้ Yaris ใหม่เปลี่ยนกลุ่มตลาด จากเดิมที่เป็น B-Segment Hatchback 1,500 ซีซี ให้ลงมาสู้ในกลุ่ม B-Segment ECO Car Hatchback 1,200 ซีซี ทำให้ Toyota จำเป็นต้องลดขนาดเครื่องยนต์ลง เลิกใช้เครื่องยนต์รหัส 1NZ-FE บล็อก 1,497 ซีซี ที่ให้กำลัง 109 แรงม้า และแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ 3NR-FE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,197 ซีซี กำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เครื่องยนต์รุ่นนี้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ECO Car
เครื่องยนต์จะส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน Super CVT-i เท่านั้น โดยไร้เงาของเกียร์ธรรมดา
Toyota ระบุว่า จากการสำรวจวิจัยตลาดในไทย พบว่าความต้องการเกียร์ธรรมดาในกลุ่ม ECO Car ไม่ถึง 5% จึงมองว่าเกียร์ CVT น่าจะเป็นทางเลือกเดียวสำหรับลูกค้าชาวไทย
มีข่าวลือว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการที่ Yaris ใหม่รุ่นเกียร์ธรรมดา อาจไม่ผ่านการทดสอบด้านมลพิษ คืออาจปล่อย CO2 ออกมามากกว่ารุ่น CVT เกินกว่าค่ากำหนดของรัฐบาล
Toyota เคลมว่า เกียร์ CVT ลูกนี้ออกแบบมาให้ใช้น้ำมันเกียร์ CVT ของตนเองโดยเฉพาะ และแตกต่างจากที่ใส่ให้ในเกียร์ CVT ของ Corolla Altis MY 2010-2013 เกียร์ CVT นี้จะมีท่อหายใจยกไว้สูงจากเดิม เพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วม
ขณะติดเครื่องยนต์ รถบางคันอาจเห็นว่าเข็มวัดรอบค่อนข้างต่ำ บางครั้งอาจมีอาการสั่นกระพรือเล็กๆ Toyota ชี้แจงว่า พวกเขาพยายามตั้งรอบเดินเบาให้ต่ำที่สุดที่ 600 รอบ/นาที เพื่อให้ประหยัดเชื้อเพลิง แต่เมื่อคลัตช์คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศทำงาน รอบเครื่องยนต์จะเพิ่มเป็น 800 รอบ/นาที
ตัวเลขสมรรถนะจากโรงงานระบุอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.0 ลิตร/100 กิโลเมตร และปล่อยก๊าซ CO2 เฉลี่ย 118 กรัม/กิโลเมตร
สมรรถนะและการทดลองขับ:
ผลการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 12.4 วินาที และ 80-120 กม./ชม. อยู่ที่ 8.7 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากทำได้เท่าเทียมกับ Toyota Vios 1.5 ลิตร รุ่นใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ผู้เขียนบทความถึงกับอ้าปากหวอ ด้วยตัวเลขนี้ทำให้ Yaris 1.2 ลิตร CVT เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก พิกัด ECO Car ประกอบในไทยที่ทำตัวเลขอัตราเร่งได้เร็วและแรงที่สุดในตลาด
สาเหตุที่ตัวเลขออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ น่าจะมาจาก:
อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่เย็นลงในช่วงทดสอบ (22-23 องศาเซลเซียส) อาจมีส่วนช่วย
อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: Toyota ทดเฟืองท้ายให้ Yaris ใหม่ถึง 5.833:1 ซึ่งสูงมาก ทำให้รถพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง: การเติมน้ำมัน Gasohol 95 ของ PTT ซึ่งไม่ใช่น้ำมันที่ใช้ในการทดลองประจำ อาจมีผลเล็กน้อย
ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 162.8 กิโลเมตร/ชั่วโมง การไต่ความเร็วจาก 5,000 รอบ/นาที ขึ้นไปค่อนข้างช้า
ในการขับขี่ใช้งานจริง หากเข้าใจว่าเป็นรถยนต์ 1,200 ซีซี อัตราเร่งที่ได้ถือว่าเพียงพอและแรงเกินความคาดหมาย การไต่ความเร็วให้แรงดึงและความว่องไวพอๆ กับ Vios 1,500 ซีซี
การใช้ตำแหน่งเกียร์ S จะช่วยให้เครื่องยนต์เตรียมพร้อมสำหรับการตอกคันเร่งอย่างรวดเร็ว ส่วนเกียร์ B มีไว้เพื่อใช้ในการขึ้นและลงเขา
การเก็บเสียงในห้องโดยสาร:
การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีกว่าที่คิด ในช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. แทบไม่ต้องเพิ่มเสียงพูดของตนเอง แต่หลังจากนั้น เสียงกระแสลมจะเริ่มดังขึ้นมาเรื่อยๆ
พวงมาลัย:
พวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS ปรับน้ำหนักพวงมาลัยตามความเร็วรถ แม้จะใช้แร็คชุดเดียวกันกับ Vios แต่ทีมวิศวกรได้ปรับปรุงระยะรอบของมอเตอร์ให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้พวงมาลัยหน่วงมือมากขึ้น หวังสร้างความมั่นใจในการขับขี่ทางตรง
แม้จะยังคงไร้ชีวิตชีวาในแบบพวงมาลัยไฟฟ้า แต่ในรายละเอียดปลีกย่อย พวงมาลัยของ Yaris ใหม่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน นิ่งขึ้น ตอบสนองได้คล่องแคล่ว แต่ตึงมือเล็กน้อย
การออกแบบพวงมาลัยมีลักษณะคล้าย Mercedes-Benz คือมีแกนเยื้องศูนย์ เพื่อให้การประคองพวงมาลัยในความเร็วสูงแม่นยำขึ้น
ในการขับขี่ทางตรงยาวๆ พวงมาลัยของ Yaris จะนิ่งและให้การบังคับควบคุมไว้ใจได้กว่า Vios ไม่ต้องเลี้ยงซ้ายเลี้ยงขวาตลอด
การบังคับรถขณะเข้าโค้ง ตอบสนองได้ในระดับที่ดี เลี้ยงพวงมาลัยในโค้งให้นิ่งทำได้ไม่ยาก บังคับควบคุมรถในทางโค้งได้นิ่งขึ้น
ระบบกันสะเทือน:
ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีมพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ยกชุดจาก Vios แต่มีการปรับปรุงให้เน้นความนุ่มนวลในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนน และเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ด้วยความเร็วเดินทาง
ในช่วงความเร็วต่ำ ช่วงล่างของ Yaris ใหม่แข็งกระด้างกว่าที่คิดเล็กน้อย แต่ไม่หนีจาก Suzuki Swift มากนัก การซับแรงสะเทือนตามหลุมบ่อทำได้ไม่ถึงกับดีนัก
ในความเร็วเดินทาง การทรงตัวถือว่าทำได้ดี และมาในสไตล์เดียวกับ Vios รุ่น E กับ G วิ่งตรงไปข้างหน้าได้สบาย ลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล
เมื่อพ้นจากความเร็ว 140 กม./ชม. ขึ้นไป อาการหน้ารถดิ้นไปตามกระแสลมจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาปกติของรถยนต์ขนาดเล็ก แต่มีไม่มากนัก และการเซ็ตพวงมาลัยช่วยให้การควบคุมรถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติและหวาดเสียวน้อยกว่าที่คิด
การเข้าโค้ง Yaris ใหม่ทำได้ดีกว่าที่คาดคิด ผู้เขียนบทความสามารถพารถเข้าโค้งต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วสูงอย่างมั่นใจ
ระบบห้ามล้อ:
ระบบห้ามล้อเป็นแบบหน้าดิสก์-หลังดรัม ทุกรุ่นติดตั้ง ABS, EBD และ Brake Assist
การตอบสนองของเบรกมาในสไตล์เดียวกับ Vios เบรกจิกๆ ดี หรือจะเบรกให้นุ่มนวลก็ได้ ผ้าเบรกจับจานเบรกไว แป้นเบรกค่อนข้างตื้น
ในช่วงความเร็วต่ำ ขณะขับคลานๆ ในเมือง เบรกตอบสนองไว หน้ารถจิก และหน่วงความเร็วได้มาก มั่นใจได้เลยว่าโอกาสที่จะทิ่มท้ายรถคันหน้าแทบจะน้อยมาก
ในช่วงความเร็วเดินทาง หรือความเร็วสูง การหน่วงความเร็วยังทำได้ดี
โครงสร้างตัวถังและอุปกรณ์ความปลอดภัย:
โครงสร้างตัวถังยังคงใช้เทคโนโลยีการออกแบบให้ดูดซับแรงปะทะจากการชน GOA และมีการออกแบบชิ้นส่วนตัวถังให้ใช้ร่วมกันได้กับ Vios ใหม่
กว่า 50% ของเหล็กที่ใช้ขึ้นรูปโครงสร้างตัวถังและพื้นแชสซี ใช้เหล็ก High Strength Steel
อุปกรณ์ความปลอดภัย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS มีมาให้ครบตั้งแต่รุ่น J ECO พนักศีรษะคู่หน้าแบบ WIL (Whiplash Injury Lessening) เข็มขัดนิรภัยเป็นแบบ ELR 3 จุด ครบทั้ง 5 ตำแหน่ง พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ แต่ยังคงปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้
การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย:
การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Yaris 1.2 L CVT วิ่งได้ 92.2 กิโลเมตร เติมน้ำมันกลับ 5.54 ลิตร คำนวณได้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.64 กิโลเมตร/ลิตร
ตัวเลขนี้ถือว่าทำได้ดี เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้สำหรับรถยนต์ 1,200 ซีซี ECO Car โดยมีอัตราสิ้นเปลืองใกล้เคียงกับ Honda Brio CVT และดีกว่าคู่แข่งกลุ่ม B-Segment อื่นๆ ยกเว้น Ford Fiesta 1.6 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ที่ทำได้ใกล้เคียงกัน
สรุป:
Toyota Yaris ใหม่ คือ Vios 5 ประตู เครื่องเล็กกว่า เกียร์ CVT แต่แรงเท่ากัน แถมประหยัดกว่า
Toyota Yaris ใหม่ เป็นผลงานที่ออกมาภายใต้การประนีประนอมข้อจำกัดต่างๆ มากมาย แต่กลับทำอัตราเร่งออกมาได้ดีเกินคาด จน Vios 1,500 ซีซี ยังต้องอ้าปากหวอ
ช่วงล่างดีเทียบเท่า Suzuki Swift เทพประจำพิกัด ECO Car และบางด้านยังแอบดีกว่า เช่นอาการเด้งที่เกิดขึ้นเมื่อบรรทุกคนเยอะน้อยกว่า Swift ชัดเจน เข้าโค้งต่อเนื่องยาวๆ ได้เนียนและนิ่งกว่าที่คิด เบรกก็จิกดี ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่ด้านหลังให้นั่งไขว่ห้างได้ แถมพื้นที่ศีรษะเยอะกว่า Vios ด้วยซ้ำ
จุดเด่นของ Yaris อยู่ที่สมรรถนะภาพรวมเหนือความคาดหมายเล็กน้อย และมีพื้นที่ห้องโดยสารโอ่โถง จะนั่งหรือวางของก็ได้ดีกว่าคู่แข่งทุกคันในพิกัด ECO Car
ข้อที่ควรปรับปรุง ได้แก่ การปรับเซ็ตพวงมาลัยที่นอกจากจะต้องมีชุดปรับระยะใกล้-ห่างจากตัวคนขับแล้ว ยังต้องลดอุปนิสัยไร้ชีวิตชีวาลง เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าควรปรับระดับสูง-ต่ำได้ รวมถึงการเซ็ตออปชันบางอย่างที่น่าจะให้มาคุ้มค่ากับราคา
การเปรียบเทียบกับคู่แข่งและทางเลือก:
หากคุณกำลังพิจารณา Yaris ใหม่ ควรสำรวจทางเลือกอื่นๆ ให้รอบคอบ
Nissan March: ถูกมองข้ามไปเพราะขาดความสดใหม่ ขนาดตัวถังเล็ก สมรรถนะรุ่นเกียร์ CVT อืด พวงมาลัยไร้ชีวิตชีวา
Mitsubishi Mirage: เด่นด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ แรงและประหยัดน้ำมันมากที่สุดในกลุ่ม ECO Car แต่ต้องแลกมาด้วยขนาดตัวถังที่เล็กกว่า พวงมาลัยตอบสนองไม่เป็นธรรมชาติ ช่วงล่างย้วยเกินไปเมื่อใช้ความเร็ว
Honda Brio: หลายคนร้องยี้ แต่ยังพอหาที่ยืนในตลาดได้ เพราะวัยรุ่นขาซิ่งจำนวนมากกำลังตามหาโชว์รูมที่มีสต็อกรุ่นเกียร์ธรรมดา เพื่อนำไปทำรถแข่งคันเล็กๆ
Suzuki Swift: เป็นคู่แข่งที่ตรงพิกัด ลูกค้าที่มองหา Yaris มักจะเปรียบเทียบกับ Swift เพราะ Toyota เองก็วางให้ Swift เป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องการแย่งชิงลูกค้ากลุ่มที่เน้นสมรรถนะการควบคุมรถ Swift ยังคงเอาใจคนรักความสนุกในการขับขี่ได้ดีกว่า Yaris เล็กน้อย
ราคาและรุ่นย่อย:
1.2J ECO เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i: 469,000 บาท
1.2J เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i: 519,000 บาท
1.2E เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i: 549,000 บาท
1.2G เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i: 599,000 บาท
เมื่อเทียบกับราคา Vios ใหม่ จะพบว่า Yaris ใหม่ มีราคาที่เหลื่อมล้ำทับซ้อนกันกับ Vios ถึง 3 รุ่นย่อย ทำให้ Yaris กลายเป็น “Vios ที่ถูกลงมาก” สำหรับผู้ที่ไม่ได้เน้นสมรรถนะ หรืออัตราเร่งเป็นหลัก
บทสรุปส่วนตัว:
แม้ Yaris ใหม่จะมีจุดเด่นหลายประการ ทั้งสมรรถนะที่เกินคาด พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และการขับขี่ที่ดีขึ้น แต่ผู้เขียนบทความส่วนตัวยังคงไม่ซื้อ Yaris ใหม่ในตอนนี้ เนื่องจากไม่สามารถยอมรับได้กับการที่ต้องซื้อรถยนต์ที่มีการติดตั้งชิ้นส่วนหลายชิ้นที่เพิ่มต้นทุนโดยไม่จำเป็น แต่กลับไม่ยอมเพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐาน เช่น เข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำได้ หรือพวงมาลัยปรับระยะไกล-ห่างได้ นอกจากนี้ การออกแบบด้านหน้าและไฟท้ายยังไม่ถูกใจเป็นการส่วนตัว
หาก Toyota สามารถแก้ไขปรับปรุงประเด็นเหล่านี้ได้ Yaris ใหม่ ก็น่าจะเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
หากคุณกำลังมองหารถยนต์อีโคคาร์ที่มอบความคุ้มค่า ประหยัดน้ำมัน และมีสมรรถนะที่น่าประทับใจ Toyota Yaris ใหม่ เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบกับคู่แข่งและการทดลองขับด้วยตนเอง จะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกรถยนต์ที่ใช่สำหรับคุณ

