โตโยต้า ยาริส ใหม่: การเปิดตัวที่มาพร้อมคำถามและความท้าทายในตลาด ECO Car
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในฐานะที่ผมได้คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มานานกว่า 10 ปี ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของรถยนต์หลากหลายรุ่นมามากมาย โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือ Sub-compact Car ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่แข่งขันกันดุเดือดเสมอ วันนี้ผมจะพาทุกท่านย้อนไปทำความรู้จักกับ “Toyota Yaris” โฉมใหม่ที่เปิดตัวในช่วงปี 2013 ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจและความท้าทายที่ไม่ธรรมดา
จุดเริ่มต้นแห่งความกังวล: การออกแบบที่อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน
เมื่อย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนหน้าการเปิดตัว ผมได้ยินบทสนทนาหนึ่งที่ทำให้ผมอดเป็นกังวลไม่ได้ มีคนบอกผมว่า Yaris รุ่นใหม่จะมีดีไซน์ที่ดูเหลี่ยมๆ สปอร์ตขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกระจังหน้าที่มีลักษณะคล้ายกับ Mitsubishi RVR หรือ ASX ในเวลานั้น ผมได้แต่ถอนหายใจกับแนวคิดนี้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา รถยนต์ที่มีดีไซน์ดุดัน หรือ Masculine มากเกินไป มักไม่ประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเท่าที่ควร โดยเฉพาะในกลุ่ม ECO Car ที่ประมาณ 30-40% ของยอดขายมาจากกลุ่มผู้หญิง ซึ่งมักจะชื่นชอบรถยนต์ที่มีเส้นสายโค้งมน น่ารักมากกว่า
ผมหลับไปพร้อมกับภาพจินตนาการของ Yaris ใหม่ ที่น่าจะเป็นรถ Hatchback 5 ประตู ขนาดใหญ่ขึ้น ใช้ A-pillar ร่วมกับ Vios รุ่นใหม่ (ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครเคยเห็นตัวจริง) แต่สิ่งที่ผมตื่นมาเจอในเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน 2013 กลับเป็นภาพถ่ายจากงาน Auto Shanghai 2013 ที่ยืนยันความกังวลของผม ด้านหน้าของรถคันใหม่ที่กำลังจะใช้ชื่อ Yaris ในประเทศไทย มีส่วนประกอบที่ดูคล้ายกับ Mitsubishi Lancer EX หรือแม้กระทั่งชุดไฟท้ายที่ดูแปลกตาจนผมอดเปรียบเปรยกับ “ก้อนน้ำมูก” ในช่วงที่เลือดกำเดาไหลไม่ได้
“จบกัน… แบบนี้อาจจะขายผู้ชายได้ แต่คงขายผู้หญิงได้ยาก ทางเดียวที่จะรอดคือการใช้การตลาดแบบสีสัน (Colorful Marketing) พยายามหาเฉดสีตัวถังที่สวยงามมาดึงดูด ไม่เช่นนั้นแล้ว ผู้หญิงคงไม่เหลียวแล” ผมคิดในใจ
สถานการณ์ตลาดที่ท้าทาย: สภาพคล่องหลังโครงการคืนภาษีรถคันแรก
สิ่งที่ยิ่งทำให้การเปิดตัว Yaris ใหม่ เต็มไปด้วยความท้าทาย คือช่วงเวลาที่ทับซ้อนกับผลกระทบจากโครงการคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาลในปี 2011-2012 แม้ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์ แต่ผู้ผลิตรถยนต์กลับต้องเผชิญกับภาวะสต็อกรถยนต์ที่ค้างคาจำนวนมาก เมื่อสิ้นสุดโครงการกำลังซื้อในปี 2013 หดหายอย่างรวดเร็ว รถยนต์ค้างสต็อกจนต้องเช่าลานจอดเพิ่มเติม และหลายค่ายต้องงัดสารพัดโปรโมชั่นออกมาเพื่อระบายสต็อก
กลุ่ม B-Segment ทั้งเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี และ ECO Car 1,200 ซีซี ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะอัดแคมเปญหนักหน่วงเพียงใด ยอดขายก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในช่วงเวลานั้น จึงเป็นเหมือนการเดินเข้าสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง
Yaris เอง ก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับ Vios รถร่วมแพลตฟอร์ม การเปิดตัว Yaris ใหม่ในช่วงนี้ จึงดูเหมือนเป็น “ไฟท์บังคับ” ที่ Toyota เลี่ยงไม่ได้ เพราะหากจะเลื่อนออกไปอีกคงจะไม่สมเหตุสมผล
กระแสตอบรับที่เงียบเหงา: การยอมรับที่ค่อยๆ ก่อตัว
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ กระแสการพูดถึง Yaris ใหม่ ในโซเชียลมีเดียที่บางตาอย่างผิดคาด เมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ Toyota เคยเปิดตัวในอดีต ยิ่งเมื่อเทียบกับ Nissan Teana ที่เปิดตัวก่อนหน้าเพียงวันเดียว ซึ่งแทบจะกลบกระแสของ Yaris ไปจนหมดสิ้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของตัวเอง เพราะกระแสการพูดถึง Yaris เริ่มกลับมาในโซเชียลมีเดีย และที่สำคัญ คือปริมาณ Yaris ใหม่ ที่เริ่มปรากฏบนท้องถนนมากขึ้นทุกวัน แสดงให้เห็นว่า ลูกค้าเริ่มให้การยอมรับรถยนต์รุ่นใหม่หน้าตาประหลาดคันนี้แล้ว
คำถามที่ค้างคาใจ: สมรรถนะ, การประหยัดน้ำมัน, และความคุ้มค่า
วันนี้ คำถามที่หลายๆ คนยังคงสงสัย คือเรื่องอัตราเร่ง จะอืดหรือไม่? ประหยัดน้ำมันแค่ไหน? ขับดีไหม? พวงมาลัยได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง? ช่วงล่างเป็นอย่างไร? และที่สำคัญที่สุด ควรจะซื้อหรือไม่? หากซื้อ ควรเลือกรุ่นย่อยใด? บางคนอาจจะสงสัยว่าระหว่าง Yaris กับ Suzuki Swift ควรเลือกอะไร? หรือบางคนอาจถึงขั้นถามว่าจะเปลี่ยนใจจาก Vios มาเลือก Yaris ดีไหม?
วันนี้ ผมจะพาคุณไปหาคำตอบเหล่านี้ พร้อมกับข้อคิดเห็นจากประสบการณ์จริงที่อาจทำให้คุณประหลาดใจ เพราะตัวเลขอัตราเร่งที่ออกมานั้น “ไวพอๆ กับ Vios แถมยังประหยัดกว่า Vios และได้พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่า Vios (โดยเฉพาะด้านหลัง)”!
Yaris: ประวัติศาสตร์ของการสร้างความแปลกใจ
Yaris ไม่ใช่รถยนต์ที่ Toyota เพิ่งจะคิดค้นขึ้นมา แต่เป็นรถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการพยายามบุกตลาดรถยนต์ Sub-compact Hatchback ในยุโรป โดยเริ่มจากการปรับปรุงตระกูล Starlet ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถจุดประกายชาวยุโรปได้
Toyota จึงมอบหมายให้ Sotiris Kovos นักออกแบบดาวรุ่งจาก Toyota European Office of Creation (EPOC) หาแนวทางใหม่ในการพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กเพื่อเอาใจตลาดยุโรปโดยเฉพาะ เดือนกันยายน 1997 Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล “Fun” ทั้ง FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show เพื่อส่งสัญญาณว่า รถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota นับจากนี้ จะถูกผลิตขายจริง โดยมีเส้นสายที่ถอดแบบมาจากรถยนต์ต้นแบบเหล่านี้ และมาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)
ปี 1998 Toyota ได้เผยโฉม Yaris เป็นครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป ปี 1999 ถือเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้ชาวยุโรปหันมามองแบรนด์ Toyota อีกครั้งอย่างจริงจัง ชื่อ “Yaris” มาจากการผสมผสานคำว่า “Ya” (ภาษาเยอรมันแปลว่า “ใช่”) และ “Charis” (เทพีแห่งความงามในเทพนิยายกรีก)
Yaris ถูกเปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นด้วยชื่อ “VITZ” เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ก่อนจะส่งไปเปิดตัวในตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยชื่อ “ECHO” ส่วนตัวถัง Sedan 2 และ 4 ประตู ขายในญี่ปุ่นชื่อ “Platz” และในตลาดอื่นๆ ใช้ชื่อ “ECHO” เช่นกัน แต่รุ่น Hatchback ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
Yaris รุ่นแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงในยุโรปและญี่ปุ่น แถมยังคว้ารางวัล European Car of the Year ประจำปี 2000 ซึ่งปกติแล้วรางวัลนี้จะตกเป็นของรถยนต์ยุโรปเท่านั้น
รุ่นที่ 2: การปรับตัวสู่ตลาดโลก และการเข้ามาในประเทศไทย
รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2005 รหัสรุ่น NCP90-NCP91, NCP95 ภายใต้รหัสโครงการ 351L เวอร์ชันไทย เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2006 ถือเป็น Yaris รุ่นแรกที่ถูกนำมาขึ้นสายการผลิตในประเทศไทย
แม้จะทำยอดขายในตลาดโลกได้ดี แต่ในเมืองไทย การตั้งราคาที่ค่อนข้างสูง เพราะอัดออปชันมามากที่สุด ทำให้ยอดขายช่วงแรกไม่ดีนัก ชมรมดีลเลอร์ Toyota ในกรุงเทพฯ ต้องประชุมและเรียกร้องให้ Toyota Motor Thailand ออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย
รุ่นที่ 3: ความท้าทายใหม่ภายใต้โครงการ ECO Car
รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 22 ธันวาคม 2010 Toyota เลือกทำตลาด Yaris รุ่นนี้ แค่ในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
ตอนแรก คนไทยคาดหวังว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป หรือรุ่นที่ 3 นี้ จะเข้ามาประกอบขายในไทย แต่กลับเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด ทั้งหมดเป็นผลพวงจากการที่ Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ECO Car ของรัฐบาลในช่วงสุดท้าย แม้จะไม่เห็นด้วยในตอนแรก
ทางเลือกที่จำกัด: การพัฒนารถยนต์เพื่อตลาดเฉพาะ
จากข้อจำกัดมากมายของโครงการ ECO Car ที่ระบุชัดเจนว่าต้องผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยจำหน่ายในประเทศใดมาก่อน ทำให้การนำ Yaris รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะผลิตขายในญี่ปุ่นและยุโรปมาพัฒนาเพื่อผลิตขายในไทยเป็นไปไม่ได้
การนำ Aygo รถยนต์ที่พัฒนาร่วมกับกลุ่ม PSA Peugeot Citroen มาทำก็ดูจะเล็กไปสำหรับตลาดไทย ที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ทางสังคม และยังมีข้อตกลงกับ PSA ว่าไม่สามารถผลิตขายที่อื่นนอกเหนือจากโรงงานในสาธารณรัฐเช็กได้
ดังนั้น ทางเลือกเดียวที่เหลือ คือ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างจีน ซึ่งต้องการรถยนต์ Hatchback ขนาดเล็ก แต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรปอย่างชัดเจน โดยใช้ Platform และโครงสร้างวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการ ECO Car
TakeShi Matsuda หัวหน้าวิศวกรผู้พัฒนา Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด กล่าวว่า “ความตั้งใจของเขาตอนแรกคือทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็น Full Model Change ของ Yaris สำหรับตลาดทั่วโลกที่ไม่ใช่ยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่เมื่อตลาดเมืองไทยมีนโยบายให้ทำ Yaris รุ่นนี้เป็น ECO Car เขาจึงต้องหาทางออกให้กับข้อจำกัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย และผลลัพธ์ก็ออกมาเป็น Yaris อย่างที่เห็นกันอยู่นี้”
Toyota Dear Qin: จุดเริ่มต้นของ Yaris รุ่นใหม่
หนึ่งปีก่อนการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง Toyota ได้เริ่มเกริ่นให้โลครับรู้ถึงการมาถึงของ Hatchback รุ่นใหม่นี้ ด้วยการสร้างรถยนต์ต้นแบบในชื่อ Toyota Dear Qin Hatchback เปิดตัวควบคู่กับ Toyota Dear Qin Sedan ในงาน Beijing Automotive Show ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2012
Dear Qin ทั้ง 2 คัน เผยให้เห็นถึงแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตูรุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก ที่จะแตกต่างจากรถยนต์รุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง การเผยโฉม Dear Qin คันสีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ที่จะเปิดตัวในอีก 1 ปีต่อมา เป็นการสื่อสารให้โลกรู้ว่า รถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีนในฐานะตลาดเป้าหมายหลัก
การเปิดตัวระดับโลก: จีนคือตลาดแรก
เนื่องจากเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์คันนี้อยู่ที่การเอาใจลูกค้าชาวจีน Toyota จึงเลือกเปิดตัว Yaris รุ่นพิเศษนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai 2013
แต่กว่าจะพร้อมออกสู่ตลาดจีน GAC-Toyota บริษัทร่วมทุนของ Toyota กับจีน ต้องรอถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2013 จึงจะปล่อยข้อมูลตัวรถทั้งหมดออกมา และเริ่มส่งรถยนต์ขึ้นโชว์รูมในชื่อ Yaris-L เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2013
ไทยคือประเทศที่สอง: การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ประเทศไทยถือเป็นประเทศลำดับที่ 2 ของโลกที่ Toyota เผยโฉม Yaris ใหม่ งานเปิดตัวมีขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World
TakeShi Matsuda หัวหน้าวิศวกรโครงการ Vios และ Yaris สำหรับตลาดเอเชีย กล่าวว่า ในตอนแรก เขาตั้งใจสร้างรถคันนี้ให้เป็น B-Segment Hatchback ในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันของ Yaris สำหรับตลาดเอเชีย “ไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น ECO Car มาตั้งแต่แรก”
ทว่า เมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดให้ Yaris ต้องทำตลาดในฐานะ ECO Car สำหรับตลาดไทย จึงเกิดข้อจำกัดมากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นอย่างดีที่สุด Matsuda-san จึงเลือกที่จะไม่ประนีประนอมกับเส้นสายของตัวรถ ให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายในที่นั่งสบาย ไม่เบียดเสียด ขณะเดียวกันก็ต้องยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบในห้องโดยสาร รวมถึงการเกาะถนนให้ดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
การออกแบบภายนอก: เส้นสายที่สร้างความแปลกใหม่
Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,475 มม. ระยะฐานล้อ 2,550 มม. เมื่อเปรียบเทียบกับ Yaris รุ่นก่อน ที่มีตัวถังยาว 3,800 มม. ระยะฐานล้อ 2,460 มม. จะพบว่า Yaris ใหม่ ยาวขึ้นกว่าเดิม 315 มม. และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มม.
มิติภายในที่เพิ่มขึ้นตามมา คือ ระยะห่างระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลังเพิ่มขึ้นเป็น 912 มม. พื้นที่วางเท้าผู้โดยสารด้านหลังยาวถึง 663 มม. ทำให้ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีความจุถึง 326 ลิตร
เส้นสายภายนอกมาในสไตล์เฉียบคม เน้นเหลี่ยมสัน พร้อมกระจังหน้าที่ดูคล้ายกับ Mitsubishi RVR/ASX หรือ Lancer EX เพิ่มความแตกต่างด้วยแถบสีเงินที่ดูคล้าย “หนวดปลาดุก” จนผมอยากจะตั้งฉายาให้รถคันนี้ว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด!”
กระจังหน้าในรุ่น G และ E เป็นแถบสีเงิน ส่วนรุ่น J และ J ECO เป็นแถบสีดำ มือจับประตูด้านข้างรุ่น G เป็นโครเมียม ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็นสีเดียวกับตัวถัง ชุดไฟหน้ารุ่น G เป็นโปรเจคเตอร์ ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็น Multi Reflector ธรรมดา
รายละเอียดภายนอกบางชิ้นสามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้ เช่น ครีบรีดอากาศที่เสา A-pillar ใกล้กระจกมองข้าง หรือมือจับประตูทั้ง 4 บาน กระจกหน้าต่างคู่หน้าก็ใช้ทดแทนกันกับ Vios ได้
ส่วนบั้นท้ายนั้น ด้วยความต้องการสร้างความต่อเนื่องของเส้นสายจากหน้าต่างประตูคู่หลังจรดกระจกบังลมหลัง จึงมีการใช้แผงพลาสติกสีดำ Glossy มาเชื่อมต่อ และทำชุดไฟท้ายให้มีกรอบทรงประหลาดที่ลากเส้นขึ้นไปยาวในแบบที่ไม่เหมือนใคร แม้จะพยายามฉีกแนวให้ล้ำสมัย แต่เมื่อออกมาจริง กลับไปละม้ายคล้ายคลึงกับไฟท้ายของ Peugeot 208 รุ่นใหม่ และทำลายความลงตัวของงานออกแบบฝาประตูคู่หลัง ทำให้บั้นท้ายดูแปลกตาอย่างน่าเสียดาย
ทุกรุ่นติดตั้งใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหลัง ทับทิมสะท้อนแสงมุมกันชน และสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลังมาให้แทบทุกรุ่น
ส่วนแถบประดับเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียนหลัง รุ่น G เป็นโครเมียม รุ่น E เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J เป็นสีดำ
รุ่น G จะให้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ยาง 185/60 R15 ส่วนรุ่น E จะได้ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบ ถ้าเป็นรุ่น J จะได้ล้อกระทะ 14 นิ้วพร้อมฝาครอบยาง 175/65 R14 ส่วนรุ่น J Eco จะเป็นล้อกระทะเหล็กสีดำพร้อมยางขนาดเดียวกัน
ภายในห้องโดยสาร: การผสมผสานที่คุ้นเคย
ระบบกุญแจในรุ่น G เป็นแบบ Keyless-Entry พร้อม Push Start ส่วนรุ่น E เป็นกุญแจรีโมทแบบไข ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็นกุญแจมาตรฐานของ Toyota
เนื่องจาก A-pillar กรอบช่องประตู และ B-pillar ยกชุดมาจาก Vios การเข้า-ออกเบาะนั่งคู่หน้าจึงเหมือนกันเป๊ะ การเข้า-ออกประตูหน้าอาจต้องใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อยเนื่องจาก A-pillar ค่อนข้างลาดเอียง
แผงประตูด้านข้าง ออกแบบให้ตำแหน่งวางแขนเหมาะสม ตกแต่งด้วยวัสดุพลาสติกสีเงิน Metallic สลับกับพลาสติกสีดำ มือจับประตูด้านข้างออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์ชั่วคราวได้ ช่องวางของด้านล่างใส่ขวดน้ำได้สบาย
เบาะนั่งคู่หน้า เป็นเบาะผ้าสีดำ ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ เปลี่ยนแค่ลายผ้าตรงกลางเป็นสีส้มพร้อมตะเข็บเย็บสีส้ม เพื่อเพิ่มบุคลิกสปอร์ต โครงสร้างเบาะนั่งปรับเลื่อนได้มากขึ้น และเบาะคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้
ด้านหลังเบาะออกแบบให้มีส่วนเว้าเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างเข่าผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะหน้า พนักพิงศีรษะออกแบบให้รองรับสบาย พนักพิงหลังเว้าลึก โอบกระชับสรีระมากขึ้น แก้ปัญหาเบาะนั่งไม่สบายใน Yaris รุ่นเดิมได้ดี แต่เบาะรองนั่งยังค่อนข้างสั้นไปหน่อย
สิ่งที่น่าตำหนิที่สุด คือเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด ปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ เหมือนใน Vios ซึ่งถือเป็นการลดต้นทุนที่น่าเกลียด ในขณะที่ถุงลมนิรภัยให้มา 2 ใบ นอกจากนี้ ยังไม่มีที่วางแขนสำหรับคนขับในทุกรุ่น
พื้นที่เหนือศีรษะไม่ต่างจาก Vios ใหม่ รู้สึกโปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อนชัดเจน
การลุกเข้า-ออกประตูคู่หลัง แม้ช่องทางจะกว้างขึ้น แต่ยังต้องก้มหัวลงพอสมควร อาจเกิดการโขกกับขอบด้านบนได้ สภาพไม่ต่างจาก Vios ใหม่
จุดขายสำคัญของ Yaris ใหม่ อยู่ที่เบาะหลัง ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่และโอ่โถงที่สุด เบาะหลังรองรับแผ่นหลังรวมทั้งช่วงหัวไหล่ได้สบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี พนักศีรษะใช้งานได้จริง ยกเว้นพนักศีรษะตรงกลางรูปตัว L คว่ำ ซึ่งอาจถอดออกได้
เบาะรองนั่งออกแบบมาได้กำลังดี แต่สั้นไปหน่อย พื้นที่เหนือศีรษะ สำหรับคนสูง 171 ซม. จะเหลือให้สอดนิ้ว 3 นิ้วได้พอดี พื้นที่วางขากว้างขวางมาก สามารถนั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย
ผมยืนยันว่า พื้นที่นั่งโดยสารของ Yaris ใหม่ ใหญ่โต โอ่อ่าที่สุดในบรรดา ECO Car ทุกคันที่ผลิตขายในประเทศไทยจนถึงปี 2016!
เหนือประตูทั้ง 4 บาน มีมือจับยึดเหนี่ยวจิตใจมาให้ครบทุกตำแหน่ง ซึ่งน่าสงสัยว่าทำไมถึงใส่มาให้ครบ แต่กลับไม่ใส่เข็มขัดนิรภัยปรับระดับสูง-ต่ำให้
เข็มขัดนิรภัยแถวหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ทุกที่นั่ง แต่สำหรับผู้โดยสารตรงกลาง การติดตั้งและการเดินสายอาจดูซับซ้อนเล็กน้อย
พนักพิงเบาะนั่งด้านหลัง รุ่น G และ E แบ่งพับได้ 60:40 แต่รุ่น J และ J Eco ต้องพับทั้งแผงลงมาเป็นก้อนเดียว
พื้นที่เก็บสัมภาระ: กว้างขวางเกินคาด
ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลังใช้ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อสัญญาณกับรีโมทกุญแจ Keyless Entry แต่บางกรณีอาจต้องดับเครื่องยนต์ก่อนจึงจะปลดล็อกให้ รอบกรอบช่องทางเข้าห้องเก็บของบุพลาสติกมาเรียบร้อย ต่างจาก ECO Car หลายรุ่นที่ยังปล่อยเปลือย
ฝาประตูค้ำยันด้วยโช้คอัพไฮโดรลิก 2 ต้น มีแผงบังสัมภาระที่ปรับระดับได้
ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีความยาว 734 มม. เพิ่มขึ้นจาก Yaris รุ่นเดิม 140 มม. มีปริมาตรความจุ 326 ลิตร สามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 3 ใบ พร้อมกระเป๋าเดินทางแบบสะพายไหล่ 1-2 ใบ ถือว่ามีความจุเยอะที่สุดในบรรดา ECO Car Hatchback ในไทยตอนนี้
ผนังด้านข้างฝั่งซ้ายมีไฟส่องสว่างในห้องเก็บของ เมื่อยกพื้นห้องเก็บของขึ้นมา จะพบยางอะไหล่ Dunlop SP10 ขนาด 175/65 R14 พร้อมเครื่องมือและแม่แรงประจำรถ
แผงหน้าปัดและอุปกรณ์: คุ้นเคยเหมือน Vios
แผงหน้าปัดหน้าตาคุ้นๆ เพราะยกชุดมาจาก Vios ใหม่ทั้งดุ้น มากันครบไม่เว้นแม้แต่แนวตะเข็บเส้นด้ายลายหลอกๆ วัสดุตกแต่งแตกต่างกันเล็กน้อยตามรุ่นย่อย
แถบโค้งต่อเนื่องจากช่องแอร์ด้านข้างเข้าหาแผงควบคุมกลาง เป็นพลาสติกสีดำปกติ ไม่ได้ประดับด้วย Trim ดำเงาหรือสีเงินเหมือนใน Vios ใหม่ ทว่า ฐานคันเกียร์ แผงมือจับประตู และกรอบช่องวางโทรศัพท์มือถือใน Yaris รุ่น G ประดับด้วย Trim สีเงิน
วัสดุบุเพดานหลังคาเป็นสีดำ แต่มีแผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดมาให้ทั้งสองฝั่ง แต่ไม่มียูไฟแต่งหน้า
สวิตช์กระจกหน้าต่างไฟฟ้า 4 บาน เป็นแบบ Auto One-Touch พร้อมสวิตช์ล็อกกระจกและ Central Lock สวิตช์กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า และสวิตช์ Push Start ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับ
พวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ Multi Function ควบคุมชุดเครื่องเสียงบนก้านพวงมาลัยฝั่งซ้าย ยกมาจาก Vios มี Grip ที่จับถนัดมือ แต่ระยะห่างจากขอบด้านบนสุดของมาตรวัดน้อยมาก
บนก้านสวิตช์เปิดไฟหน้า ไฟเลี้ยว และไฟสูง ไม่มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้เลยแม้แต่รุ่นเดียว ก้านสวิตช์ใบปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำด้านหน้า มีระบบหน่วงเวลาและตั้งเวลาปัดได้เฉพาะรุ่น G และ E
ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 3 วงกลม เหมือนกัน ตำแหน่งสัญญาณไฟเตือนต่างๆ ก็เหมือนกัน ตัวเลขอ่านง่าย แบ่งขีดความเร็วชัดเจน ลวดลาย Graphic บนพื้นหลังใช้โทนสีแดงเป็นหลัก เพิ่มบุคลิกสปอร์ต
เฉพาะรุ่น G จอแสดงข้อมูลตรงกลางเป็นสีส้ม ตัวเลข Digital สีดำ บอกตำแหน่งเกียร์ ระยะทางรวม Trip Meter A/B อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ความเร็วเฉลี่ย และระยะทางที่น้ำมันเหลือ อย่างไรก็ตาม ลายกราฟฟิคบนพื้นหลังมาตรวัดยังคงเป็นพื้นเรียบๆ แบนๆ ไร้มิติ
ชุดเครื่องเสียงเป็นวิทยุ AM/FM พร้อมช่องใส่แผ่น CD/MP3/WMA 1 แผ่น และช่องเสียบ USB และ AUX ถ้าเป็นรุ่น G กับ E จะมีลำโพง 4 ชิ้น แต่รุ่น J กับ J Eco มีเพียง 2 ชิ้น คุณภาพเสียงไม่ต่างจาก Vios รับคลื่นชัด หน้าจอสีส้มบอกภาษาได้ทั้ง อังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น และจีน
สวิตช์เครื่องปรับอากาศในรุ่น G เป็นแบบมีหน้าจอ Digital มาจาก Vios ให้ความเย็นสะใจ แต่การใช้งานอาจสร้างความสับสนได้ โดยเฉพาะสวิตช์ฝั่งซ้ายสุดที่รวมการเลือกความแรงพัดลม ทิศทางลม และอุณหภูมิไว้ในสวิตช์หมุนชุดเดียวกัน
ช่องวางโทรศัพท์มือถือ ใต้สวิตช์เครื่องปรับอากาศด้านหลังคันเกียร์ ยังคงมีอยู่ ซึ่งผมมองว่าเป็นการออกแบบที่พยายามเอาใจลูกค้า แต่ไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง เพราะหากเจอถนนขรุขระ โอกาสที่โทรศัพท์จะหล่นมีสูง
กล่องเก็บของด้านหน้า Glove Compartment ยกมาจาก Vios เช่นกัน แต่มีพื้นที่จำกัด
ส่วนเบรกมือ ช่องวางแก้วน้ำ และช่องใส่กล่อง CD ที่ใช้งานไม่ได้จริง ก็เหมือนกับ Vios
ทัศนวิสัย: ดีขึ้นกว่าเดิม
ทัศนวิสัยด้านหน้าไม่แตกต่างจาก Vios เลย แต่เมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นเดิม ทัศนวิสัยด้านหน้าดีขึ้นกว่าเดิมจนสัมผัสได้
A-pillar ฝั่งขวา มีการบดบังรถที่แล่นสวนมาบนทางโค้งน้อยลง กระจกมองข้างให้การมองเห็นรถที่แล่นมาจากด้านหลังได้ดี
A-pillar ฝั่งซ้าย ยังมีการบดบังรถที่สวนทางมาขณะเลี้ยวกลับอยู่บ้างในบางรูปแบบ แต่โดยรวมถือว่าโปร่งขึ้นกว่า Yaris เดิม
สำหรับทัศนวิสัยด้านหลัง เนื่องจาก C-pillar มีขนาดใหญ่ อาจมีการบดบังรถจักรยานยนต์ที่แล่นตามมาจากด้านหลังฝั่งซ้ายได้บ้าง ควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อเปลี่ยนช่องทาง
วิศวกรรมและการทดลองขับ: การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง
Toyota ตัดสินใจให้ Yaris ใหม่ เปลี่ยนกลุ่มตลาด จาก B-Segment Hatchback 1,500 ซีซี ลงมาสู้กับ ECO Car 1,200 ซีซี ทำให้ต้องลดขนาดเครื่องยนต์ลง จากรหัส 1NZ-FE บล็อก 1,497 ซีซี 109 แรงม้า มาเป็นเครื่องยนต์ 3NR-FE บล็อก 1,197 ซีซี 86 แรงม้า พร้อมระบบ Dual VVT-i
เครื่องยนต์รุ่นนี้ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ECO Car ใช้น้ำมันเครื่อง 0W20 แต่สามารถใช้เบนซินไร้สารตะกั่ว ออกเทน 91/95 และแก๊สโซฮอล์ E10/E20 ได้
ระบบส่งกำลัง: CVT คือทางเลือกเดียว
เครื่องยนต์จะส่งกำลังสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน Super CVT-i เท่านั้น โดยไร้เงาของเกียร์ธรรมดา Toyota อ้างว่าจากการสำรวจ พบว่าความต้องการเกียร์ธรรมดาในตลาด ECO Car ไม่ถึง 5%
มีเสียงลือว่า Yaris รุ่นเกียร์ธรรมดา อาจไม่ผ่านการทดสอบด้านมลพิษ คือปล่อย CO2 เกินกว่า 120 กรัม/กิโลเมตร
Toyota เคลมว่าเกียร์ CVT รุ่นนี้ออกแบบมาให้ใช้น้ำมันเกียร์เฉพาะของ Toyota Genuine CVT Fluid FE และมีท่อหายใจยกสูงเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วม
สมรรถนะที่น่าทึ่ง: Yaris 1.2 ลิตร แรงเท่า Vios 1.5 ลิตร!
จากตัวเลขสมรรถนะที่โรงงานระบุ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5.0 ลิตร/100 กม. ปล่อย CO2 เฉลี่ย 118 กรัม/กม.
แต่สิ่งที่ทำให้ผมและทีมงานต้องอ้าปากหวอ คือตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ออกมา “พอๆ กับ Toyota Vios พี่น้องร่วมตระกูล Platform ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ!” Yaris 1.2 ลิตร CVT คือรถยนต์นั่งขนาดเล็กพิกัด ECO Car ที่ทำตัวเลขอัตราเร่งได้เร็วและแรงที่สุดในตลาดบ้านเราตอนนี้!
สาเหตุของสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย:
อุณหภูมิ: อุณหภูมิในคืนที่ทดสอบอยู่ที่ 22-23 องศาเซลเซียส อากาศเย็นช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น
อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: Toyota ทดเฟืองท้ายให้ Yaris ใหม่สูงถึง 5.833:1 ทำให้รถออกตัวได้จัดจ้าน
น้ำมันที่ใช้: อาจมีปัจจัยเรื่องน้ำมันที่ใช้ในการทดสอบ
ความเร็วสูงสุดอาจไต่ขึ้นช้า แต่ในการขับขี่ใช้งานจริง อัตราเร่งที่ได้ถือว่าเพียงพอและแรงเกินความคาดหมาย การเร่งแซงทำได้อย่างทันอกทันใจ
การเก็บเสียงและความรู้สึกในการขับขี่
การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีกว่าที่คิด ในช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. แทบไม่ต้องเพิ่มเสียงพูดเลย
พวงมาลัยเป็นแบบ EPS (Electric Power Steering) มีการปรับปรุงระยะรอบมอเตอร์ให้หน่วงมือมากขึ้นกว่าเดิม การบังคับรถขณะเข้าโค้งตอบสนองได้ดี มีน้ำหนักขืนพอประมาณ เลี้ยงพวงมาลัยในโค้งให้นิ่งทำได้ไม่ยาก
ช่วงล่าง: เทียบเท่า Suzuki Swift
ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม ยกชุดจาก Vios แต่มีการปรับปรุงให้เน้นความนุ่มนวลในการดูดซับแรงสั่นสะเทือน และเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ด้วยความเร็ว
ในช่วงความเร็วต่ำ ช่วงล่างอาจแข็งกระด้างกว่าที่คิดเล็กน้อย แต่การซับแรงสะเทือนตามหลุมบ่อทำได้ไม่ถึงกับดีนัก
ในความเร็วเดินทาง การทรงตัวทำได้ดี มาในสไตล์เดียวกับ Vios รุ่น E/G วิ่งตรงไปข้างหน้าได้สบาย ลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกล
การเข้าโค้ง Yaris ใหม่ ทำได้ดีกว่าที่คาดคิด สามารถเข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้อย่างนิ่งและสบาย ถือเป็นจุดเด่นของรถคันนี้
ระบบห้ามล้อ: ไว้ใจได้
ระบบห้ามล้อเป็นแบบหน้าดิสก์ – หลังดรัม ทุกรุ่นติดตั้ง ABS, EBD และ BA การตอบสนองของเบรกมาในสไตล์เดียวกับ Vios เบรกจิกๆ ดี หรือจะเบรกให้นุ่มนวลก็ทำได้ ผ้าเบรกจับจานเบรกไว แป้นเบรกค่อนข้างตื้น
โครงสร้างตัวถังและอุปกรณ์ความปลอดภัย
โครงสร้างตัวถังยังคงใช้เทคโนโลยี GOA และมีการออกแบบชิ้นส่วนที่ใช้ร่วมกับ Vios ได้ วัสดุเหล็ก High Strength Steel ถูกนำมาใช้กว่า 50%
อุปกรณ์ความปลอดภัย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS มีมาให้ตั้งแต่รุ่น J Eco พนักศีรษะ WIL เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ แต่ยังปรับระดับสูง-ต่ำไม่ได้ และมีจุดยึดเบาะนิรภัย ISOFIX
การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 16.64 กม./ลิตร
จากการทดลอง Yaris 1.2 L CVT เติมน้ำมันเบนซิน 95 Techron วิ่งไป 92.2 กม. ใช้น้ำมัน 5.54 ลิตร คำนวณแล้วได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.64 กม./ลิตร
ตัวเลขนี้ถือว่าทำได้ดี เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้สำหรับเครื่องยนต์ 1,200 ซีซี ECO Car ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับ Honda Brio CVT และดีกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ในกลุ่ม B-Segment
สรุป: Yaris ใหม่ – Vios 5 ประตู เครื่องเล็กกว่า เกียร์ CVT แต่แรงเท่ากัน แถมประหยัดกว่า
Toyota Yaris ใหม่ เป็นผลงานที่ออกมาภายใต้การประนีประนอมข้อจำกัดต่างๆ มากมาย แต่กลับทำอัตราเร่งออกมาได้ดีเกินคาด จน Vios 1,500 ซีซี เองยังต้องอ้าปากหวอ
จุดเด่น:
สมรรถนะ: อัตราเร่งเหนือความคาดหมาย เทียบเท่า Vios 1.5 ลิตร
พื้นที่ห้องโดยสาร: โอ่โถง นั่งสบายกว่าคู่แข่งทุกคันในพิกัด ECO Car
ช่วงล่าง: ดีเทียบเท่า Suzuki Swift และบางด้านดีกว่า
การเกาะถนน: เข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้ดี
การประหยัดน้ำมัน: อยู่ในเกณฑ์ดี
ราคา: รุ่นท็อป Yaris 1.2 G ราคาถูกกว่า Vios 1.5 G ถึง 100,000 บาท แต่ได้ออปชันใกล้เคียงกัน
ข้อควรปรับปรุง:
พวงมาลัย: ยังขาดชีวิตชีวา อาจมีชุดปรับระยะใกล้-ห่าง
เข็มขัดนิรภัย: ควรปรับระดับสูง-ต่ำได้
การออกแบบ: ดีไซน์ด้านหน้าและไฟท้ายอาจไม่ใช่สำหรับทุกคน
ออปชัน: บางรายการที่ควรจะให้มาคุ้มค่ากับราคามากกว่านี้
การตัดสินใจเลือกซื้อ: พิจารณาคู่แข่งและ Vios อย่างรอบคอบ
เมื่อพิจารณา Yaris ใหม่ สิ่งที่ต้องชั่งใจคือ คู่แข่งในตลาด ECO Car Hatchback ได้แก่ Suzuki Swift ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของ Toyota ในการแย่งชิงลูกค้ากลุ่มที่เน้นสมรรถนะการควบคุมรถ
หากเปรียบเทียบกับ Swift, Yaris ใหม่ อาจเหนือกว่าในด้านความนุ่มนวลช่วงล่างด้านหลัง และพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างกว่า แต่ Swift ยังคงให้ความสนุกในการขับขี่ได้ดีกว่าเล็กน้อย
ที่น่าสนใจคือ Yaris ใหม่ กลายเป็นคู่แข่งทางอ้อมของ Toyota Vios Sedan 1.5 ลิตร ด้วยราคาที่ทับซ้อนกันในบางรุ่นย่อย หากคุณไม่จำเป็นต้องใช้รถเก๋ง Sedan 4 ประตู หรือไม่ได้ติดว่าต้องใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ Yaris 1.2 G ราคา 599,000 บาท อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า Vios 1.5 J A/T ราคา 589,000 บาท เพราะได้ออปชันที่มากกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกัน
หากคุณให้ความสำคัญกับอัตราเร่งที่แรงกว่า และกำลังมองหารถยนต์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน Yaris ใหม่ อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของคุณ แต่ถ้าคุณมองหารถยนต์ที่คุ้มค่า ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย และมีสมรรถนะที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป Yaris ใหม่ คือตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
หากคุณกำลังมองหารถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ทั้งในเรื่องของความประหยัด ความกว้างขวาง และสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย ลองพิจารณา Toyota Yaris ใหม่ แล้วคุณอาจจะพบคำตอบที่คุณกำลังมองหาอยู่
หากคุณสนใจที่จะสัมผัสประสบการณ์ขับขี่ Toyota Yaris ใหม่ ด้วยตัวคุณเอง หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นนี้ รวมถึงโปรโมชั่นพิเศษล่าสุด ขอเชิญติดต่อตัวแทนจำหน่าย Toyota ใกล้บ้านท่าน หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Toyota เพื่อทดลองขับและรับข้อเสนอที่ดีที่สุดได้แล้ววันนี้

