โตโยต้า ยาริส ใหม่: การเปิดตัวที่เต็มไปด้วยคำถาม สู่การยอมรับที่มาพร้อมกับความประหลาดใจ
ในโลกยานยนต์ที่มีการแข่งขันสูง การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สักคันมักเต็มไปด้วยความคาดหวังและความสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจทำให้ภาพลักษณ์เดิมของแบรนด์ต้องถูกท้าทาย เช่นเดียวกับ Toyota Yaris รุ่นใหม่ ที่เข้ามาสร้างความฮือฮาและคำถามมากมายตั้งแต่แรกเห็น ด้วยการออกแบบที่ฉีกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป และเราได้สัมผัสกับรถคันนี้อย่างใกล้ชิด ความจริงที่ปรากฏก็อาจทำให้หลายคนต้องประหลาดใจ
จุดเริ่มต้นของความกังวล: การออกแบบที่แตกต่าง
เมื่อสองปีก่อน ผมได้รับคำบอกเล่าเกี่ยวกับ Toyota Yaris รุ่นใหม่ ที่จะมาพร้อมกับดีไซน์ที่ “เหลี่ยมๆ ดูสปอร์ตๆ” พร้อมกระจังหน้าที่มีบางคนเปรียบเทียบกับ Mitsubishi RVR/ASX ทำให้ผมอดถอนหายใจไม่ได้ เพราะภาพลักษณ์ที่ดูแข็งกร้าวเกินไป อาจไม่ตอบโจทย์ตลาดรถยนต์ ECO Car ซึ่ง 30-40% ของยอดขายมาจากกลุ่มผู้หญิงที่มักชื่นชอบรถยนต์ที่มีเส้นสายโค้งมนน่ารัก
การหลับใหลไปพร้อมกับภาพจินตนาการถึง Yaris Hatchback 5 ประตูคันใหญ่ขึ้นที่ใช้ A-Pillar ร่วมกับ Vios ใหม่ (ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีใครเคยเห็นตัวจริง) ก็ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอน
เช้าอันน่าตกใจ: ความจริงที่ปรากฏจาก Auto Shanghai 2013
ในเช้าวันหนึ่งของเดือนเมษายน 2013 ความกังวลเหล่านั้นก็กลายเป็นจริง เมื่อภาพถ่ายจากงาน Auto Shanghai 2013 เผยให้เห็น Toyota Yaris ใหม่ ที่ด้านหน้าดูคล้ายกับ “นายจันหนวดเขี้ยว” หรือ “อาเหล่ากง” พร้อมกับชุดไฟท้ายที่ชวนให้นึกถึง “ก้อนน้ำมูก” ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่า “จบกัน…แบบนี้ ขายผู้ชายได้ แต่ขายผู้หญิงยาก”
ผมได้แต่คิดว่า “ทางเดียวที่จะรอดคือการตลาดแบบสีสัน Colorful marketing พยายามหาเฉดสีตัวถังสวยๆ มาพ่นให้กับรถรุ่นนี้ ไม่อย่างนั้นแล้ว เสร็จแน่ ผู้หญิงไม่เหลียวแล…”
สภาวะตลาดที่ท้าทาย: โครงการคืนภาษีและกำลังซื้อที่หดหาย
ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัว Toyota Yaris ใหม่ ยังมาพร้อมกับสภาวะตลาดรถยนต์ที่ผันผวน จากผลพวงของโครงการคืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาลในช่วงปี 2011-2012 ที่ทำให้กำลังซื้อในปี 2013 หดหายอย่างรุนแรง รถค้างสต็อกจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ผลิตทุกค่ายต้องเผชิญกับยอดขายที่ซบเซา โดยเฉพาะกลุ่ม B-Segment และ ECO Car ซึ่ง Yaris ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้
ปรากฏการณ์ Yaris ใหม่: กระแสที่บางตา แต่การยอมรับที่เพิ่มขึ้น
เมื่อ Toyota Yaris ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กระแสการพูดถึงในโซเชียลมีเดียกลับบางตาอย่างผิดคาด เมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่ๆ ของ Toyota ในอดีต การเปิดตัว Nissan Teana เพียงวันเดียวก่อนหน้า ก็ดูเหมือนจะกลบกระแสของ Yaris ไปจนเกือบหมด
แต่เวลาต่อมา ผมเริ่มสังเกตเห็น Yaris ใหม่ บนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เริ่มไม่แน่ใจว่าความคาดเดาแรกของผมจะต้องเปลี่ยนไปหรือไม่? หรือแท้จริงแล้ว ลูกค้าเริ่มให้การยอมรับ “น้องใหม่หน้าตาประหลาด” คันนี้แล้ว?
คำถามที่ค้างคา: สมรรถนะ, การประหยัดน้ำมัน, และความคุ้มค่า
วันนี้ คำถามที่หลายคนยังคงคาใจคือ อัตราเร่งของ Yaris ใหม่ จะอืดหรือไม่? กินน้ำมันหรือเปล่า? ประหยัดไหม? ขับดีไหม? พวงมาลัยแก้ไขแล้วหรือยัง? ช่วงล่างเป็นอย่างไรบ้าง? และสุดท้าย “ควรจะซื้อหรือไม่?” หรือถ้าซื้อ “ควรเลือกรุ่นย่อยใดดี?” บางคนอาจสงสัยว่า Yaris กับ Swift ควรจะเลือกอะไรดี แต่บางคนก็ถามเลยเถิดไปถึงขั้นว่า “จะเปลี่ยนใจจาก Vios มาคบ Yaris ดีไหม?”
บทความรีวิวนี้จะพยายามตอบคำถามเหล่านี้ให้กระจ่าง พร้อมเปิดเผยตัวเลขสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองที่อาจทำให้คุณประหลาดใจ เพราะ Yaris ใหม่ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันยังคงทำตัวเป็นรถยนต์ที่สร้างความแปลกใจให้กับลูกค้าทั่วโลกในแทบทุกครั้งที่เปิดตัว เหมือนเช่นรุ่นแรกของมันเมื่อ 15 ปีก่อนหน้านี้
จาก Starlet สู่ Yaris: วิวัฒนาการของรถยนต์ Sub-Compact Hatchback จาก Toyota
Toyota พยายามบุกตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก Sub-Compact Hatchback ในยุโรปมาช้านาน ตั้งแต่สมัยปรับปรุงตระกูล Publica ต่อเนื่องมาเป็น Starlet แต่ Starlet ดูจะกลายเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่น่าเบื่อสำหรับชาวยุโรปและญี่ปุ่น จึงได้มอบหมายให้ Sotiris Kovos นักออกแบบดาวรุ่งแห่ง Toyota European Office of Creation (EPOC) พัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กเพื่อเอาใจชาวยุโรปโดยเฉพาะ
เดือนกันยายน 1997 Toyota เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตระกูล Fun 3 รุ่น ได้แก่ FunTime, FunCoupe และ FunCargo ในงาน Frankfurt Motor Show เพื่อส่งสัญญาณว่ารถยนต์ขนาดเล็กจาก Toyota นับจากนั้น จะถูกผลิตขายจริง โดยมีเส้นสายที่ถอดแบบมาจากรถต้นแบบทั้ง 3 รุ่น และมาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานวิศวกรรมใหม่ที่เรียกว่า NBC (New Basic Car)
ปี 1998 Toyota เผยโฉม Yaris ครั้งแรก และเริ่มทำตลาดในยุโรป ปี 1999 ถือเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้คนยุโรปหันมามองแบรนด์ Toyota อีกครั้งอย่างจริงจัง ชื่อ Yaris มาจากการผสมคำระหว่าง “Ya” (ในภาษาเยอรมันแปลว่า “ใช่”) กับ “Charis” (เทพแห่งความหรูหราและความงามในเทพนิยายกรีก)
Yaris ถูกเปิดตัวในตลาดญี่ปุ่นด้วยชื่อ VITZ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 1999 ก่อนจะส่งไปทำตลาดในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วยชื่อ ECHO ส่วนตัวถัง Sedan 2 และ 4 ประตู ขายในญี่ปุ่นชื่อ Platz ขณะที่ตลาดอื่นๆ ใช้ชื่อ ECHO แต่รุ่น Hatchback กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
Yaris รุ่นแรก: ความสำเร็จระดับโลกที่พลิกประวัติศาสตร์
Yaris รุ่นแรก ประสบความสำเร็จด้านยอดขายในยุโรปและญี่ปุ่นสูงมาก แถมยังคว้ารางวัล European Car of the Year ประจำปี 2000 ซึ่งเป็นรางวัลที่ปกติจะมีแต่รถยุโรปเท่านั้นที่ครองบัลลังก์อยู่ และมีเพียง Nissan March ปี 1991 เท่านั้นที่เป็นรถญี่ปุ่นรายแรกที่ได้รับรางวัลนี้
Yaris รุ่นที่ 2: การมาถึงประเทศไทยที่ยังไม่เปรี้ยงปร้าง
รุ่นที่ 2 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2005 มีรหัสรุ่น NCP90-NCP91, NCP95 เวอร์ชันไทย เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 17 มกราคม 2006 ถือเป็น Yaris รุ่นแรกที่ถูกนำมาขึ้นสายการผลิตในประเทศไทย แม้ยอดขายในตลาดโลกจะยังดี แต่ในไทย การตั้งราคาสูงกว่าความคาดหมายเพราะอัดออปชันมาเต็มที่ ทำให้ยอดขายช่วงแรกไม่ดีนัก จนชมรมดีลเลอร์ Toyota ในกรุงเทพฯ ต้องร้องขอแคมเปญกระตุ้นยอดขาย
Yaris รุ่นที่ 3: การเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมกับข้อจำกัดของ ECO Car
รุ่นที่ 3 เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อ 22 ธันวาคม 2010 Toyota เลือกทำตลาด Yaris รุ่นนี้เฉพาะในญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ยอดขายก็ไม่เปรี้ยงปร้างนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
ในตอนแรก คนไทยคาดหวังว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป รุ่นที่ 3 จะเข้ามาประกอบขายในไทย แต่กลับมีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เป็นผลพวงจากการที่ Toyota ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ECO Car ของรัฐบาลในช่วงสุดท้าย แม้ในตอนแรกจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
คำถามที่ตามมา: Toyota จะเลือกรุ่นใดมาทำตลาด ECO Car?
จากข้อจำกัดมากมาย ทำให้ Toyota ต้องพัฒนา Yaris รุ่นใหม่ขึ้นมาอีก 1 ตัวถัง เพื่อเอาใจตลาดจีน ซึ่งต้องการรถยนต์ hatchback ขนาดเล็กที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า Yaris เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรปอย่างชัดเจน โดยใช้ Platform และโครงสร้างวิศวกรรมบางส่วนร่วมกับ Vios แต่มีการปรับปรุงให้เข้ากับข้อกำหนดของโครงการ ECO Car
TakeShi Matsuda: Chief Engineer กับภารกิจที่ท้าทาย
TakeShi Matsuda: Chief Engineer ผู้พัฒนาทั้ง Yaris และ Vios รุ่นล่าสุด บอกว่า “ความตั้งใจของเขาตอนแรกก็คือ ทำ Yaris รุ่นนี้ให้เป็นรุ่นเปลี่ยนโฉม Full Model Change ของ Yaris สำหรับตลาดทั่วโลกที่ไม่ใช่ในยุโรปหรือญี่ปุ่น แต่ในเมื่อตลาดเมืองไทยมีนโยบายมาว่า ให้ทำ Yaris รุ่นนี้เป็น ECO Car เขาจึงต้องหาทางออกให้กับสารพัดคำถามและข้อจำกัด ซึ่งเกิดขึ้นมากมาย และผลลัพธ์ก็ออกมาเป็น Yaris อย่างที่เห็นกันอยู่นี้”
Toyota Dear Qin: จุดเริ่มต้นของการสื่อสารสู่ตลาดโลก
1 ปีก่อนการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง Toyota เลือกที่จะเริ่มเกริ่นให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงการมาถึงของ Hatchback รุ่นใหม่คันนี้ ด้วยการสร้างรถยนต์ต้นแบบสีเขียวในชื่อ Toyota Dear Qin Hatchback ควบคู่กับ Toyota Dear Qin Sedan สีแดงเลือดหมู ในงาน Beijing Automotive Show ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2012 Dear Qin ทั้ง 2 คัน เผยให้เห็นถึงแนวโน้มเส้นสายของ Vios และ Hatchback 5 ประตูรุ่นต่อไปสำหรับตลาดโลก ที่จะแตกต่างไปจากรถยนต์รุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง การเผยโฉม Dear Qin คันสีเขียว ซึ่งเป็นตัวแทนของ Yaris ใหม่ที่จะเปิดตัวในอีก 1 ปีหลังจากนั้น เป็นการสื่อสารให้โลกรู้ว่า รถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกค้าชาวจีน ในฐานะตลาดเป้าหมายหลัก
เปิดตัว Yaris L-Sedan ในจีน และ Yaris ใหม่ในไทย
เมื่อเป้าหมายในการพัฒนารถยนต์คันนี้อยู่ที่การเอาใจลูกค้าชาวจีน พวกเขาจึงเลือกเปิดตัว Yaris รุ่นประหลาดนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai 2013 แต่กว่าจะพร้อมออกสู่ตลาดจีน GAC-Toyota ต้องรอถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2013 จึงจะเริ่มปล่อยข้อมูลตัวรถและส่งรถขึ้นโชว์รูมในชื่อ Yaris-L เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2013
ไทย ถือเป็นประเทศลำดับ 2 ของโลกที่ Toyota เผยโฉม Yaris ใหม่ งานเปิดตัวมีขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2013 ณ ห้างสรรพสินค้า Central World
TakeShi Matsuda: “ไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น ECO Car มาตั้งแต่แรก”
TakeShi Matsuda: Chief Engineer ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนา Vios และ Yaris สำหรับตลาดกลุ่มเอเชีย บอกว่า ในตอนแรก เขาตั้งใจสร้างรถคันนี้ให้เป็น B-Segment Hatchback ในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันของ Yaris สำหรับตลาดเอเชีย “ไม่ได้ตั้งใจทำรถคันนี้ให้เป็น ECO Car มาตั้งแต่แรก” ทว่าเมื่อนโยบายของผู้บริหารกำหนดว่า สำหรับตลาดเมืองไทย รถคันนี้ต้องเข้ามาทำตลาดในฐานะ ECO Car มันจึงเกิดข้อจำกัดต่างๆ มากมาย เขาและทีมงานจึงพยายามเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นอย่างดีที่สุด
Matsuda-san เลือกที่จะไม่ประนีประนอมกับเส้นสายของตัวรถ เขาให้ความสำคัญกับการออกแบบภายนอกและภายในที่นั่งสบาย ไม่เบียดเสียดกัน ขณะเดียวกันก็ต้องยกระดับความประหยัดน้ำมัน ความเงียบในห้องโดยสาร และการเกาะถนนชนิดที่ว่าถ้าเทียบกับรุ่นก่อนแล้ว ต้องเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
มิติที่เปลี่ยนแปลง: ยาวขึ้น กว้างขึ้น แต่เตี้ยลง
Yaris ใหม่ มีตัวถังยาว 4,115 มิลลิเมตร กว้าง 1,700 มิลลิเมตร สูง 1,475 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ Yaris รุ่นก่อน (ยาว 3,800 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,520 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,460 มิลลิเมตร) Yaris ใหม่ ยาวขึ้น 315 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 5 มิลลิเมตร เตี้ยลง 45 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 90 มิลลิเมตร
พื้นที่ภายใน: กว้างขวาง สะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้งาน
สิ่งที่เพิ่มขึ้นตามมาคือมิติภายในต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้น พื้นที่วางเท้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลังยาวถึง 663 มิลลิเมตร แผงพนักพิงเบาะหลังกว้างขวางขึ้น และห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีความยาวถึง 734 มิลลิเมตร จนมีปริมาตรความจุถึง 326 ลิตร
ดีไซน์ภายนอก: เส้นสายที่เฉียบคม กับความคล้ายคลึงที่ชวนให้ตีความ
เส้นสายภายนอกมาในสไตล์เฉียบคม เน้นเหลี่ยมสัน พร้อมกระจังหน้าที่ดูคล้าย Mitsubishi RVR / ASX หรือ Lancer EX แต่เพิ่มความแตกต่างด้วยแถบสีเงินแบบ “หนวดปลาดุก” จนอยากตั้งฉายารถคันนี้ว่า “Yaris รุ่นลุงหนวด!”
กระจังหน้า: รุ่น G และ E เป็น “หนวดสีเงิน” ส่วนรุ่น J และ J ECO เป็น “หนวดสีดำ”
มือจับประตูด้านข้าง: รุ่น G เป็นโครเมียม ส่วนรุ่นอื่นๆ เป็นสีเดียวกับตัวถัง
ชุดไฟหน้า: รุ่น G เป็นโปรเจคเตอร์ ส่วนรุ่นอื่นเป็น Multi Reflector ธรรมดา
กระจกมองข้าง: รุ่น G, E, J เป็นสีเดียวกับตัวถัง ส่วนรุ่น J ECO เป็นสีดำ เฉพาะรุ่น G มีไฟเลี้ยว
รายละเอียดภายนอกบางชิ้นสามารถใช้ร่วมกับ Vios ได้ เช่น ครีบรีดอากาศที่เสาขอบประตู หรือมือจับประตูทั้ง 4 ชิ้น กระจกหน้าต่างคู่หน้าก็ใช้ทดแทนกันได้ กระจกบังลมหน้าในรุ่น G เป็น Acoustic Glass ช่วยลดเสียงรบกวน
ดีไซน์ด้านท้าย: การออกแบบที่ “ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครอยากเหมือน”
ส่วนบั้นท้าย ด้วยเหตุที่ทีมออกแบบน่าจะอยากสร้างความต่อเนื่องของเส้นสายจากหน้าต่างประตูคู่หลังจรดกระจกบังลมหลัง จึงต้องมีแผงพลาสติกสีดำ Glossy มาแปะไว้ และทำชุดไฟท้ายให้มีกรอบทรงประหลาดๆ คล้ายกับไฟท้ายของ Peugeot 208 รุ่นใหม่ ทำลายความลงตัวของงานออกแบบฝาประตูคู่หลัง จนทำให้บั้นท้ายดูแปลกๆ “เหมือนมีใครเอาก้อนเลือดกำเดาไหลไปแปะอยู่กับไฟท้ายของ Vios ยังไงยังงั้น!”
ทุกรุ่นติดตั้งที่ปัดน้ำฝนพร้อมที่ฉีดน้ำล้างกระจกบังลมหลัง รวมถึงทับทิมสะท้อนแสงมุมกันชนล่าง และสปอยเลอร์เหนือกระจกบานหลัง
แถบประดับเหนือช่องใส่ป้ายทะเบียนหลัง: รุ่น G เป็นโครเมียม, รุ่น E เป็นสีเดียวกับตัวถัง, รุ่น J เป็นสีดำ
ล้อ: รุ่น G ล้ออัลลอย 15 นิ้ว (ยาง 185/60 R15), รุ่น E ล้อกระทะ 15 นิ้วพร้อมฝาครอบ, รุ่น J ล้อกระทะ 14 นิ้วพร้อมฝาครอบ (ยาง 175/65 R14), รุ่น J Eco ล้อกระทะเหล็กสีดำ 14 นิ้ว (ยาง 175/65 R14)
ระบบกุญแจ: ความสะดวกสบายที่แตกต่างตามรุ่น
รุ่น G: รีโมท Keyless-Entry, Push Start, ระบบกันขโมย Immobilizer, TDS
รุ่น E: กุญแจรีโมทแบบไข
รุ่น J และ J ECO: กุญแจแบบมาตรฐาน ชวนให้นึกถึงดอกกุญแจ Toyota Hilux Mighty-X ปี 1990
ภายในห้องโดยสาร: ความคุ้นเคยที่ยกมาจาก Vios กับการปรับปรุงเล็กน้อย
เนื่องจากเสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar, กรอบช่องประตูคู่หน้า และเสาหลังคาคู่กลาง B-Pillar ยกชุดมาจาก Vios ใหม่ การเข้า-ออกเบาะนั่งคู่หน้าจึงเหมือนกันเป๊ะ
การเข้า-ออก: อาจต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อยเนื่องจาก A-Pillar ที่ลาดเอียง สำหรับคนตัวสูง ควรปรับเบาะคนขับให้ต่ำที่สุด
แผงประตูด้านข้าง: ตำแหน่งวางแขนเหมาะสม ตกแต่งด้วยวัสดุพลาสติกสีเงิน Metallic สลับกับพลาสติกสีดำ มือจับประตูด้านข้างออกแบบเป็นช่องวางโทรศัพท์มือถือชั่วคราวได้ ช่องวางของด้านล่างใส่ขวดน้ำได้สบาย
มือจับเปิดประตูด้านใน: รุ่น G เป็นพลาสติกชุบโครเมียม
เบาะนั่ง: การปรับปรุงที่น่าประทับใจ แต่ยังมีข้อสังเกต
เบาะคู่หน้า: ยกชุดจาก Vios ใหม่มาติดตั้ง เปลี่ยนแค่ลายผ้าเบาะตรงกลางจากสีน้ำเงินเป็นสีส้ม พร้อมตะเข็บเย็บสีส้ม เพิ่มบุคลิก Sport
การปรับเลื่อนเบาะ: เพิ่มจาก 240 มม. เป็น 260 มม. ซอยจังหวะถี่ขึ้น จาก 16 เป็น 26 จังหวะ
เบาะคนขับ: ปรับระดับสูง-ต่ำ ได้ด้วยก้านโยก เพิ่มจาก 45 เป็น 60 มม.
ด้านหลังเบาะ: เว้าเพิ่ม 38 มม. เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างเข่าผู้โดยสารด้านหลังกับเบาะหน้า
พนักพิงหลัง: ออกแบบเว้าลึก โอบกระชับสรีระดีขึ้น แก้ปัญหาเบาะนั่งไม่สบายใน Yaris รุ่นเดิมได้ดี
เบาะรองนั่ง: ยังคงสั้นไปหน่อย ถ้าเพิ่มอีก 10 มม. จะช่วยให้รองรับต้นขาขณะขับขี่ทางไกลสบายขึ้น
เข็มขัดนิรภัย: ELR 3 จุด ปรับระดับสูง-ต่ำ ไม่ได้ เป็นข้อที่น่าตำหนิมาก
ที่วางแขน: ไม่มีมาให้ในทุกรุ่น
พื้นที่เหนือศีรษะ: โปร่งโล่งสบายกว่า Yaris รุ่นก่อนชัดเจน
พื้นที่ผู้โดยสารตอนหลัง: กว้างขวาง โอ่โถง และสบาย
การเข้า-ออก: ช่องทางเข้ากว้างขึ้นกว่า Yaris รุ่นเดิม แต่ยังต้องก้มหัวเล็กน้อย
กระจกหน้าต่างไฟฟ้าคู่หลัง: เลื่อนเปิดลงมาจนสุดได้
แผงประตูคู่หลัง: มีพื้นที่วางแขนพอใช้งานได้
เบาะหลัง: พนักพิงรองรับแผ่นหลังและหัวไหล่สบาย ฟองน้ำแน่นกำลังดี
พนักศีรษะ: ด้านข้างใช้งานได้จริง ส่วนตรงกลางรูปตัว L คว่ำ ต้องยกขึ้นใช้งาน
เบาะรองนั่ง: สั้นไปหน่อย
พื้นที่เหนือศีรษะ: สำหรับคนสูง 171 ซม. เหลือพื้นที่สอดนิ้ว 3 นิ้วพอดี
พื้นที่วางขา: ใหญ่สะใจ นั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย
Yaris ใหม่ มีพื้นที่นั่งโดยสารที่ใหญ่โต โอ่อ่า โอลั่นลา เป็นที่สุดในบรรดา ECO Car ทุกคันที่ผลิตขายในประเทศไทยจนถึงปี 2016!
ความปลอดภัย: ครบครันตามมาตรฐาน แต่ยังมีจุดที่ควรปรับปรุง
มือจับยึด: มีมาให้ครบ 4 ตำแหน่ง
เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง: ELR 3 จุด ทุกที่นั่ง สำหรับตรงกลางถูกติดตั้งไว้กับเสาหลังคาด้านหลังสุด C-Pillar ฝั่งซ้าย แล้วลากสายโยงเชื่อมจุดยึดมาที่กึ่งกลางเพดานหลังคา
การออกแบบเข็มขัดนิรภัยตรงกลาง: เป็นผลมาจากการถกเถียงเรื่องต้นทุนและข้อจำกัดในการออกแบบ
จุดยึดเบาะนิรภัยเด็ก: มาตรฐาน ISOFIX ที่เบาะหลัง
พนักพิงเบาะหลัง: รุ่น G และ E แบ่งพับ 60:40 ส่วนรุ่น J และ J ECO พับได้ทั้งแผง
ก้านปลดล็อกพนักพิง: ติดตั้งที่ฝาผนังด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง
พื้นที่เก็บสัมภาระ: กว้างขวาง รองรับการใช้งาน
ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลัง: ระบบกลอนไฟฟ้า เชื่อมต่อสัญญาณกับรีโมท Keyless Entry
รอบกรอบช่องทางเข้า: บุพลาสติกมาเรียบร้อย
บานประตูห้องเก็บของด้านหลัง: ไม่มีการบุพลาสติก มีเพียงบุผนังด้านใน
ห้องเก็บสัมภาระ: ยาว 734 มม. (เพิ่มจากรุ่นเดิม 140 มม.) ปริมาตร 326 ลิตร (มาตรฐาน VDA) บรรจุกระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 3 ใบ พร้อมกระเป๋าใบเล็กอีก 1-2 ใบ ถือว่าจุเยอะสุดในบรรดา ECO Car Hatchback ในไทยตอนนี้
ยางอะไหล่: Dunlop SP10 ขนาด 175/65 R14 พร้อมเครื่องมือและแม่แรง
แผงหน้าปัดและคอนโซล: ความคุ้นเคยที่ยกมาจาก Vios
แผงหน้าปัดหน้าตาคุ้นๆ ก็ไม่ต้องงง เพราะยกชุดมาจาก Vios ใหม่ทั้งดุ้น
วัสดุตกแต่ง: แตกต่างกันเล็กน้อยตามรุ่นย่อย
Trim: บริเวณกรอบนอกชุดเครื่องเสียงเป็นพลาสติกผิวเรียบๆ
แถบโค้ง: จากช่องแอร์เข้าหาแผงควบคุมกลาง เป็นพลาสติกสีดำปกติ
ฐานคันเกียร์, มือจับประตู, ช่องวางโทรศัพท์: รุ่น G ประดับด้วย Trim สีเงิน
วัสดุบุเพดาน: สีดำ
แผงบังแดด: พร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร แต่ไม่มีไฟแต่งหน้า
สวิตช์และฟังก์ชัน: ความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับข้อสังเกต
สวิตช์กระจกไฟฟ้า: 4 บาน แบบ Auto One-Touch พร้อมสวิตช์ล็อกกระจกฝั่งผู้โดยสาร และ Central Lock
สวิตช์กระจกมองข้าง: ปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า
สวิตช์ติดเครื่องยนต์: Push Start ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับ
ช่องวางแก้ว: เลื่อนเปิด-ปิดได้ ใต้ช่องแอร์ฝั่งคนขับและผู้โดยสารด้านซ้ายสุด
พวงมาลัย: 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ Multi Function ควบคุมชุดเครื่องเสียง
ไฟหน้า/ไฟเลี้ยว/ไฟสูง: สวิตช์ที่คอพวงมาลัยฝั่งขวา
ไฟตัดหมอกหน้า: ไม่มีในทุกรุ่น
ใบปัดน้ำฝน: พร้อมระบบหน่วงเวลาและตั้งเวลาปัดได้เฉพาะรุ่น G และ E
ชุดมาตรวัด: สปอร์ตขึ้น แต่ยังคงเรียบง่าย
รูปแบบ: 3 วงกลม เหมือนกัน ตำแหน่งสัญญาณไฟเตือนเหมือนกัน เรืองแสงสีขาวเป็นหลัก
Font ตัวเลข: อ่านง่าย ชัดเจน
Graphic: โทนสีแดงเป็นหลัก เพื่อเพิ่มบุคลิก Sport
จอแสดงข้อมูลตรงกลาง (รุ่น G): สีส้ม ตัวเลข Digital สีดำ แสดงตำแหน่งเกียร์, Odometer, Trip Meter A/B, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย, ระยะทางที่น้ำมันยังเหลือ
ข้อควรตำหนิ: ลายกราฟฟิคบนพื้นหลังมาตรวัดยังคงเป็นพื้นเรียบๆ แบนๆ ไร้มิติ
ชุดเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศ: มาตรฐานที่คุ้นเคย
ชุดเครื่องเสียง: วิทยุ AM/FM, CD/MP3/WMA 1 แผ่น, USB, AUX
รุ่น G กับ E: ลำโพง 4 ชิ้น
รุ่น J กับ J ECO: ลำโพง 2 ชิ้น
คุณภาพเสียง: พอฟังได้ หน้าจอสีส้ม รองรับหลายภาษา
ระบบปรับอากาศ (รุ่น G): หน้าจอ Digital จาก Vios ให้ความเย็นสะใจ แต่การใช้งานสวิตช์ฝั่งซ้ายสุดรวมฟังก์ชัน อาจสร้างความสับสนได้
ระบบปรับอากาศ (รุ่น E, J, J ECO): แบบมือบิดวงกลม 3 วง ใช้งานง่าย แต่ไม่สวยงาม
ช่องวางโทรศัพท์มือถือ: การออกแบบที่ยังคงเป็นปัญหา
ช่องวางโทรศัพท์มือถือ ใต้สวิตช์เครื่องปรับอากาศ ยังคงเป็นปัญหา การออกแบบที่พยายามเอาใจลูกค้าแต่ไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง อาจทำให้โทรศัพท์หล่นลงพื้นได้
กล่องเก็บของและที่พักแขน: ความแตกต่างที่น่าสนใจ
Glove Compartment: ยกมาจาก Vios ดูใหญ่ แต่ใส่คู่มือและเอกสารก็เต็มครึ่งแล้ว
ที่พักแขน: Yaris ไม่มีที่พักแขนเหมือน Vios แต่มีเบรกมือ 1 จุด, ช่องวางแก้วน้ำผู้โดยสารหลัง 1 ตำแหน่ง, ช่องเสียบกล่อง CD ที่ใช้งานได้ไม่จริง
ทัศนวิสัย: โปร่งโล่งสบายตา
ด้านหน้า: ไม่แตกต่างจาก Vios ดีขึ้นกว่า Yaris รุ่นเดิมอย่างสัมผัสได้
เสา A-Pillar ขวา: บดบังรถที่แล่นสวนทางน้อยลง
กระจกมองข้าง: ให้การมองเห็นรถด้านหลังได้ดี แม้กรอบพลาสติกด้านในจะกินพื้นที่กระจกเล็กน้อย
เสา A-Pillar ซ้าย: ยังแอบมีการบดบังรถที่แล่นสวนทางขณะเลี้ยวกลับในบางรูปแบบ
ด้านหลัง: เสาหลังคาคู่หลังขนาดใหญ่ อาจบดบังรถจักรยานยนต์ที่แล่นตามมาด้านหลังฝั่งซ้าย ควรเพิ่มความระมัดระวัง
วิศวกรรมและการทดลองขับ: เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แต่สมรรถนะเกินคาด
Toyota ตัดสินใจให้ Yaris ใหม่ มาอยู่ในกลุ่ม ECO Car 1,200 ซีซี ทำให้ต้องลดขนาดเครื่องยนต์จากเดิม 1.5 ลิตร (1NZ-FE) มาเป็น 1.2 ลิตร (3NR-FE) DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i กำลังสูงสุด 86 แรงม้า แรงบิด 108 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์: 3NR-FE บล็อก 4 สูบ 1,197 ซีซี กำลังอัด 11.5:1 Dual VVT-i
น้ำมันเครื่อง: ใช้ 0W20 สามารถใช้ 5W-20, 5W-30, 5W-40, 10W-30
น้ำมันเชื้อเพลิง: เบนซินไร้สารตะกั่ว 91/95, แก๊สโซฮอล์ 91/95 (E10/E20)
เกียร์: Super CVT-i เท่านั้น (ไม่มีเกียร์ธรรมดา)
อัตราทดเกียร์: 2.386 – 0.426 : 1 (เดินหน้า), 2.505 – 1.736 : 1 (ถอยหลัง)
เฟืองท้าย: 5.833 : 1
น้ำมันเกียร์: Toyota Genuine CVT Fluid FE เท่านั้น
เหตุผลที่ไม่มีเกียร์ธรรมดา: Toyota อ้างว่าความต้องการไม่ถึง 5% และอาจมีปัญหาเรื่องมลพิษ (CO2 เกิน 120 กรัม/กม.)
ระบบ: ปุ่ม Shift Lock, ท่อหายใจเกียร์ยกสูงเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วม
รอบเดินเบา: ตั้งไว้ที่ 600 รอบ/นาที เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง
สมรรถนะ: ประหลาดใจกับตัวเลขที่ออกมา
จากการทดสอบ 0-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. Yaris 1.2 ลิตร CVT ทำตัวเลขได้ “ไวพอกันกับ Vios 1.5 ลิตร” และ “ประหยัดกว่า Vios” ซึ่งถือว่า “เร็วและแรงที่สุดในตลาด ECO Car”
สาเหตุที่ตัวเลขดีเกินคาด:
อุณหภูมิ: คืนที่ทดสอบอากาศเย็น (22-23°C) ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีขึ้น
อัตราทดเกียร์และเฟืองท้าย: ทดเฟืองท้ายสูงถึง 5.833:1 ช่วยให้รถไต่ความเร็วได้ดี
น้ำมันที่ใช้: อาจมีผลเล็กน้อย
ความเร็วสูงสุด: ไต่ความเร็วขึ้นไปค่อนข้างช้าหลัง 5,000 รอบ/นาที
การขับขี่จริง: อัตราเร่งเพียงพอและแรงเกินคาดหมาย การไต่ความเร็วให้แรงดึงและความว่องไวพอๆ กับ Vios 1.5 ลิตร
การเร่งแซง: เหยียบคันเร่งจมมิดเพื่ออัตราเร่งทันใจ ตำแหน่ง S ช่วยให้ตอบสนองทันที เกียร์ B ใช้ขึ้น-ลงเขา
การเหยียบคันเร่งเบาๆ: ออกตัวนุ่มนวล
การเร่งแซงบนทางด่วน: ควรเหยียบคันเร่งจนจมมิดเพื่อความมั่นใจ
ข้อสังเกต: อาจมีกลิ่นคล้ายแอมโมเนียเข้ามาในห้องโดยสารเมื่อเค้นกำลัง
การเก็บเสียง: ทำได้ดีกว่าที่คิดในช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. แต่หลังจากนั้นเสียงลมจะดังขึ้น
พวงมาลัย EPS: ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ ใช้แร็คชุดเดียวกับ Vios แต่ปรับปรุงระยะรอบมอเตอร์ให้หน่วงมือมากขึ้น
ความรู้สึก: ยังคง “ไร้ชีวิตชีวา” แต่ดีขึ้นกว่า Yaris เดิม นิ่งขึ้น ตอบสนองคล่องแคล่ว แต่ตึงมือ
แกนเยื้องศูนย์: ดีไซน์คล้าย Mercedes-Benz ช่วยให้การประคองพวงมาลัยในความเร็วสูงแม่นยำขึ้น
การขับขี่: ในย่านความเร็วต่ำ เบาแรง หมุนคล่อง แต่ไม่เบาโหวง ในทางตรง Yaris นิ่งและควบคุมได้ดีกว่า Vios
ข้อควรปรับปรุง: น่าจะมีชุดปรับระยะใกล้-ห่างพวงมาลัย และลดความเป็น “Robocop” ลง
ช่วงล่าง: การปรับปรุงที่น่าประทับใจ
ระบบกันสะเทือน: หน้า McPherson Strut, หลัง Torsion Beam พร้อมเหล็กกันโคลง (ยกชุดจาก Vios)
การปรับปรุง: เน้นความนุ่มนวลในการดูดซับแรงสะเทือน และเพิ่มเสถียรภาพขณะขับขี่ด้วยความเร็ว
ความเร็วต่ำ: ช่วงล่างแข็งกระด้างกว่าที่คิดเล็กน้อย แต่ไม่หนี Suzuki Swift การซับแรงสะเทือนยังไม่ถึงกับดีนัก
ความเร็วเดินทาง (40-140 กม./ชม.): ทรงตัวดี วิ่งตรงไปข้างหน้าได้สบาย ลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางไกล
ความเร็วสูง (>140 กม./ชม.): อาการหน้ารถดิ้นตามกระแสลมเกิดขึ้น แต่ไม่มากนัก ควบคุมได้เป็นธรรมชาติและหวาดเสียวน้อยกว่าที่คิด
การเข้าโค้ง: ทำได้ดีกว่าที่คาดคิด เข้าโค้งต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้นิ่ง สบาย ปลอดภัย Yaris ถูกยกระดับเรื่องช่วงล่างขึ้นมาได้น่าประหลาดใจ
ข้อเปรียบเทียบกับ Swift: Yaris ช่วงล่างด้านหลังเด้งน้อยกว่า Swift เมื่อบรรทุกคนเยอะ เข้าโค้งต่อเนื่องได้เนียนและนิ่งกว่า แต่ Swift ยังคงให้ความสนุกในการขับขี่และคล่องตัวกว่าเล็กน้อย
ระบบห้ามล้อ: ABS/EBD/BA ครบครัน
ระบบ: หน้าดิสก์ – หลังดรัม (ทุกรุ่น) พร้อม ABS, EBD, Brake Assist
ระยะเบรก: ตอบสนองไว เบรกจิกๆ ดี หรือจะเบรกให้นุ่มนวลก็ได้
ระบบ Brake Override: ป้องกันคันเร่งค้าง
การใช้งาน: ในเมือง เบรกตอบสนองไว หน่วงความเร็วได้ดี ในทางไกล หน่วงความเร็วได้ดี แต่ควรเหยียบคันเร่งเกิน 30-40% เพื่อผลที่ชัดเจน
โครงสร้างตัวถังและความปลอดภัย: มาตรฐาน GOA และวัสดุ High Strength Steel
โครงสร้าง: เทคโนโลยี GOA ดูดซับแรงปะทะ ออกแบบชิ้นส่วนตัวถังให้ใช้ร่วมกับ Vios ใหม่ได้
วัสดุ: กว่า 50% ของเหล็กที่ใช้ขึ้นรูปโครงสร้าง ใช้ High Strength Steel
อุปกรณ์ความปลอดภัย: ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS (ทุกรุ่น), พนักศีรษะ WIL, เข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด (5 ตำแหน่ง) พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ (ปรับสูง-ต่ำไม่ได้)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย: ประหยัดอย่างน่าพอใจ
จากการทดสอบ Yaris 1.2 L CVT เติมน้ำมันเต็มถัง 42 ลิตร วิ่งไป 92.2 กม. ใช้น้ำมัน 5.54 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.64 กม./ลิตร
เปรียบเทียบกับ ECO Car อื่น: ทำได้ดี ใกล้เคียง Honda Brio CVT แต่ด้อยกว่า Mitsubishi Mirage เล็กน้อย
เปรียบเทียบกับ Vios 1.5: Yaris ประหยัดน้ำมันกว่าอย่างชัดเจน
เปรียบเทียบกับ B-Segment อื่น: ทำได้ดีกว่าส่วนใหญ่ ยกเว้น Ford Fiesta 1.6 ลิตร
สรุป: Vios 5 ประตู เครื่องเล็กกว่า เกียร์ CVT แต่แรงเท่ากัน แถมประหยัดกว่า
Toyota Yaris ใหม่ คือรถยนต์ที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดจากการปรับตัวให้เข้ากับโครงการ ECO Car แต่กลับทำผลงานได้เกินคาด
จุดเด่น:
สมรรถนะ: อัตราเร่งดีเกินคาด เทียบเท่า Vios 1.5 ลิตร
พื้นที่ภายใน: กว้างขวาง นั่งสบาย วางของได้เยอะ
ช่วงล่าง: ดีเทียบเท่า Suzuki Swift บางด้านดีกว่า
เบรก: ตอบสนองได้ดี
อัตราสิ้นเปลือง: ประหยัดน้ำมันน่าพอใจ
ข้อที่ควรปรับปรุง:
พวงมาลัย: ควรมีชุดปรับระยะใกล้-ห่าง และลดความเป็น “Robocop”
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า: ควรปรับระดับสูง-ต่ำได้
การออกแบบและตกแต่งภายใน: ยังคงมีรายละเอียดที่ควรปรับปรุง
ราคา: บางรุ่นย่อยราคาทับซ้อนกับ Vios Sedan
การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง:
Nissan March: ถูกมองข้ามเพราะขนาดเล็ก สมรรถนะอืด
Mitsubishi Mirage: เครื่องยนต์ประหยัดที่สุด แต่ขนาดเล็ก ช่วงล่างย้วย
Honda Brio: หาที่ยืนได้ด้วยกลุ่มวัยรุ่นที่ซื้อไปทำรถแข่ง
Suzuki Swift: คู่แข่งโดยตรงที่เน้นสมรรถนะการควบคุม Yaris ทำได้ดีแต่ Swift ยังคงสนุกกว่าเล็กน้อย
Yaris หรือ Vios? การตัดสินใจที่ซับซ้อน
ราคา Yaris ใหม่ (469,000 – 599,000 บาท) ทับซ้อนกับ Vios Sedan (559,000 – 734,000 บาท) ใน 3 รุ่นย่อย ทำให้ Yaris กลายเป็น “Vios ที่ถูกลงมาก” สำหรับผู้ที่ไม่ได้เน้นอัตราเร่ง หรือบุคลิกรถท้ายตัด Yaris คือตัวเลือกที่สมเหตุสมผล เพราะได้อุปกรณ์เกือบเท่า Vios ตัวท็อปในราคาที่ถูกกว่า
ความคิดเห็นส่วนตัวของ J!MMY:
“ไม่” ซื้อ Yaris ใหม่ เพราะรับไม่ได้กับการติดตั้งชิ้นส่วนที่ไม่มีความจำเป็นแต่เพิ่มต้นทุน และการไม่ใส่ใจอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานอย่างเข็มขัดนิรภัยปรับสูง-ต่ำได้ รวมถึงดีไซน์ด้านหน้าที่ชวนให้นึกถึง “นายจันหนวดเขี้ยว” และไฟท้ายที่ดูคล้าย “ก้อนเลือดกำเดา”
หาก Toyota แก้ไขประเด็นเหล่านี้ได้ Yaris อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น
สรุป:
Toyota Yaris ใหม่ คือรถยนต์ที่เกิดมาพร้อมกับความคาดหวังและความท้าทาย การออกแบบที่แปลกตา การปรับตัวสู่มาตรฐาน ECO Car และการแข่งขันที่สูงในตลาด B-Segment ทำให้ Yaris ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก แม้จะมีข้อสังเกตและจุดที่ควรปรับปรุง แต่สมรรถนะที่เกินคาด พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง และช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาอย่างน่าประทับใจ ก็ทำให้ Yaris ใหม่ มีจุดยืนที่แข็งแกร่ง และอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหารถยนต์ Eco Car ที่ให้ความคุ้มค่าและตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
หากคุณกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ที่ให้มากกว่าแค่การเดินทาง ลองพิจารณา Toyota Yaris ใหม่ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่อาจทำให้คุณต้องประหลาดใจไปด้วยกัน.

