• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N3112040 กเด อดร อนเพราะม แม จอมแถ (2) part2

admin79 by admin79
December 29, 2025
in Uncategorized
0
N3112040 กเด อดร อนเพราะม แม จอมแถ (2) part2

เผยโฉม Mercedes-Benz SLK รุ่นใหม่ล่าสุด: นิยามใหม่แห่งรถสปอร์ตเปิดประทุน ณ Bangkok International Motor Show 2011

สวัสดีครับท่านผู้รักยนตรกรรมทุกท่าน ผมในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำพาท่านไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ณ งาน Bangkok International Motor Show 2011 มหกรรมยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ซึ่งปีนี้พิเศษยิ่งกว่าครั้งใดๆ เพราะผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ระดับหรูของไทยอย่าง Mercedes-Benz ได้เตรียมขนทัพยนตรกรรมสุดล้ำมาจัดแสดงอย่างเต็มพิกัดถึงกว่า 20 คัน โดยมีไฮไลท์เด็ดที่หลายท่านรอคอย นั่นคือการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 5 รุ่นรวด!

แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเฉลิมฉลองครบรอบ 125 ปีแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Mercedes-Benz และการถือกำเนิดของยานยนต์บนโลก ถือเป็นวาระสำคัญยิ่ง ที่ปีนี้ทางค่ายดาวสามแฉกได้นำรถยนต์ 3 ล้อคันแรกของโลก ที่สร้างสรรค์โดย Carl Benz มาจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อย้อนรำลึกถึงจุดเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เราภาคภูมิใจ

SLK เจเนอเรชั่นใหม่: สุนทรียภาพแห่งการขับขี่บนเส้นทางอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์

ท่ามกลางทัพรถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Mercedes-Benz SLK รุ่นใหม่ (The new SLK) คือดาวเด่นที่ใครๆ ก็จับตามอง โดยเฉพาะการเปิดตัวเวอร์ชันพวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรกในโลก ที่เพิ่งจะเฉิดฉายในงาน Geneva Motor Show ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ งานนี้ เราจะได้เห็น SLK เจเนอเรชั่นที่ 3 นี้อย่างใกล้ชิด

SLK ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1996 นั้น เปรียบเสมือนการหวนคืนบัลลังก์ของรถสปอร์ตเปิดประทุนขนาดเล็กในตำนานอย่าง 190 SL ที่เคยโด่งดังในยุค 1950-1960 การกลับมาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ต แต่ยังมาพร้อมกับการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา: ความงามสง่า ผสานจิตวิญญาณแห่ง SLS AMG

เส้นสายอันเฉียบคมและทรงพลังของ The new SLK ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์อย่าง SLS AMG ทำให้ตัวถังยาว 4,139 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร และสูง 1,301 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,430 มิลลิเมตร ดูปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว และสง่างามในทุกมุมมอง

สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าคือ ตัวเลือกของหลังคาที่หลากหลายถึง 3 รูปแบบ:
หลังคาแข็งพับได้ Vario Roof แบบมาตรฐาน: สีเดียวกับตัวถัง มอบความคลาสสิกและความสะดวกสบาย
หลังคา Vario แบบ Panorama Glass Roof: กระจกสีเข้ม เพิ่มความหรูหราและความโปร่งสบายภายในห้องโดยสาร
หลังคา MAGIC SKY CONTROL: นวัตกรรมล้ำสมัยที่ให้คุณสามารถปรับระดับความเข้มของกระจกหลังคาได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับแสงแดดได้อย่างเต็มที่แม้อากาศจะหนาวเย็น หรือป้องกันแสงแดดอันเจิดจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ (รุ่นนี้อาจไม่ได้ติดตั้งในคันที่จัดแสดง)

และเมื่อคุณตัดสินใจเปิดประทุน สัมผัสลมธรรมชาติ ระบบ AIRGUIDE จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นแผงกันลมด้านหลังโรลบาร์ เพื่อลดแรงปะทะของลมที่อาจรบกวนความสบายในการขับขี่ของคุณ

ขุมพลังและความแรง: SLK 350 BlueEFFICIENCY Sport AMG

สำหรับรุ่นไฮไลท์ที่จัดแสดงคือ SLK 350 BlueEFFICIENCY Sport AMG ขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว ความจุ 3,498 ซีซี พร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงตรงแบบใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 349.8 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

นอกจากสมรรถนะที่น่าทึ่งแล้ว ยังโดดเด่นด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เฉลี่ยเพียง 7.1 ลิตร/100 กิโลเมตร และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 167 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งสะท้อนถึงเทคโนโลยี BlueEFFICIENCY ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ระบบช่วงล่าง Dynamic Handling ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ ปรับการทำงานต่อเนื่องด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคู่ไปกับระบบพวงมาลัย Direct-Steer และระบบเบรก Torque Vectoring Brakes ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมและการหยุดรถได้อย่างมั่นใจ

ราคาเปิดตัวสำหรับรุ่นท็อป SLK 350 BlueEFFICIENCY Sports AMG อยู่ที่ 7,399,000 บาท สำหรับผู้ที่มองหารุ่นที่มีราคาเข้าถึงง่ายขึ้น คาดว่าจะมีรุ่นเครื่องยนต์ที่เล็กลงตามมาในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะช่วยให้ราคาลดลงใกล้เคียงกับ SLK รุ่นปัจจุบัน

CLS 350 BlueEFFICIENCY: สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ที่นิยามใหม่ของความสง่างาม

อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างความฮือฮาคือ CLS 350 BlueEFFICIENCY รถยนต์นั่งขนาดกลางที่มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู อันเป็นเอกลักษณ์ การตอบรับอันยอดเยี่ยมจากตลาดโลกกว่า 170,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ทำให้ Daimler AG ตัดสินใจพัฒนารุ่นที่สองนี้ออกสู่สายตาผู้บริโภค

The new CLS 350 ได้รับการออกแบบใหม่หมดจดทั้งภายนอกและภายใน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปตัว V-shaped อันทรงพลัง เส้นสายด้านข้างที่โค้งเว้าให้มิติที่สวยงาม และบั้นท้ายที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้าย LED ประสิทธิภาพสูง

ขุมพลังยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว ความจุ 3,498 ซีซี บล็อกเดียวกับ SLK 350 ใหม่ แต่เพิ่มแรงบิดสูงสุดเป็น 370 นิวตันเมตร ที่ 3,500-5,250 รอบ/นาที ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

จุดเด่นสำคัญของ CLS ใหม่ คือการประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่ารุ่นก่อนถึง 25% ด้วยการออกแบบตัวถังที่ลู่ลมยิ่งขึ้น (ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.26) และน้ำหนักที่เบาลง โดยเป็นรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นแรกที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุทำประตูแทนเหล็ก ช่วยลดน้ำหนักได้กว่า 24 กิโลกรัม ซึ่งมีการนำอะลูมิเนียมมาใช้ในส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ฝากระโปรงหน้า สปอยเลอร์ และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของรถ

ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า Electromechanical มอบการควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้น ระบบช่วงล่างได้รับการปรับปรุงมาจาก E-Class เพื่อความคล่องตัวและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่หลากหลายเพื่อให้ได้สมรรถนะที่สมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์

การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้าแบบ three-link และระบบกันสะเทือนหลังแบบ multi-link ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ CLS รุ่นใหม่นี้ ทำงานร่วมกับพวงมาลัยไฟฟ้าได้อย่างลงตัว มอบการควบคุมที่แม่นยำ

แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ว่า CLS 350 BlueEFFICIENCY จะมีราคาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งอาจต้องรอรุ่นเครื่องยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบต่ำกว่านี้ เพื่อให้ราคาเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับตลาดไทย

G55 AMG: พลังที่ไร้ขีดจำกัด บนเส้นทางที่ท้าทาย

สำหรับผู้ที่หลงใหลในสมรรถนะอันดุดันและความคลาสสิกของรถยนต์ออฟโรดพันธ์แท้ G55 AMG คือคำตอบที่คุณมองหา รถยนต์ตรวจการรุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งโดย Mercedes-AMG ให้มอบพละกำลังและความแรงระดับ AMG อย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ V8 DOHC 32 วาล์ว ขนาด 5.5 ลิตร พร้อมระบบ Supercharge ให้พละกำลังสูงสุด 507 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลา 5.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน

Vito Monobody: ยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

ปิดท้ายทัพรถใหม่ด้วย Vito Monobody รถตู้รุ่นใหม่ล่าสุด ที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน มอบความยืดหยุ่นในการใช้งานได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2,148 ซีซี พร้อม Turbo Intercooler ให้กำลัง 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 12.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 8.1 ลิตร/100 กิโลเมตร พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Mercedes-Benz

นอกจากนี้ ยังมีรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ S-Class รุ่น S 300 L และ S 350 CDI BlueEFFICIENCY L รวมถึง Niche models ที่หลากหลาย เช่น E 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE Estate, Cabriolet, Coupe, R 300 CDI 4MATIC Executive และ ML 300 CDI BlueEFFICIENCY Premium Edition

นวัตกรรม 4D Augmented Reality: ประสบการณ์เหนือระดับในงาน Motor Show

ไม่เพียงแต่ยลตรกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ Mercedes-Benz ยังสร้างสีสันและความประทับใจให้กับผู้ชม ด้วยการนำเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) 4 มิติ มาใช้ในการจัดแสดงชุดพิเศษ “The world without an innovator” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวตำนานแห่งความสำเร็จและบทบาทในการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมยานยนต์ของ Mercedes-Benz ตลอด 125 ปีที่ผ่านมา

เชิญสัมผัสความเหนือระดับด้วยตัวคุณเอง

พบกับสุดยอดยนตรกรรมจาก Mercedes-Benz ได้ที่งาน Bangkok International Motor Show 2011 ณ Challenger Hall IMPACT เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 4 เมษายน นี้ อย่าพลาดโอกาสที่จะได้สัมผัสเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าใคร!

All-New Mazda3 2011: “Dare to Be Bold” ยกระดับมาตรฐานรถคอมแพ็ค สู่ความเร้าใจในทุกมิติ

ในยุคที่ตลาดรถยนต์คอมแพ็คมีการแข่งขันสูงและผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลาย การเปิดตัว All-New Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “Dare to Be Bold” จึงเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Mazda ในการนำเสนอรถยนต์ที่ไม่ได้มีดีแค่เพียงรูปลักษณ์ แต่ยังผสานเทคโนโลยี วิศวกรรม และสมรรถนะที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศไทย ซึ่ง Mazda3 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด ด้วยยอดขายกว่า 28,000 คัน และรางวัลคุณภาพจากทั่วโลกกว่า 124 รางวัล

Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่: การผสมผสานที่ลงตัวของดีไซน์และเทคโนโลยี

การเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยของ All-New Mazda3 ทั้งรุ่น 5 ประตูแฮทช์แบ็ค และ 4 ประตูซีดาน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดไทยในภูมิภาคอาเซียน มร. ยูจิ นากามิเน่ ผู้บริหารระดับสูง Mazda Motor Corporation กล่าวว่า “แบรนด์มาสด้ากำลังเติบโตอย่างมากในประเทศไทย… Mazda3 ในตลาดประเทศไทยเป็นตลาดหลักและสำคัญอย่างยิ่ง… ส่วนแบ่งตลาดของ Mazda3 ในกลุ่ม C-Segment กำลังจะเติบโตถึง 7% ในไทย”

โรงงาน Auto Alliance (Thailand) ที่เคยเป็นฐานการผลิตรถกระบะ 1 ตัน สู่ระดับโลก ได้ขยายบทบาทสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่งคุณภาพสูงสำหรับ Mazda2 และ Mazda3 ซึ่งถือเป็นสินค้าเชิงยุทธศาสตร์ของมาสด้าสำหรับตลาดไทยและอาเซียน

“Zoom-Zoom” สู่ยุคใหม่: สมรรถนะที่เหนือกว่า จิตวิญญาณแห่งสปอร์ต

Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพเหนือกว่ารถชั้นนำกว่า 39 รุ่น ด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 2.9 ล้านคัน และในไทยกว่า 28,000 คัน การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย

คุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd. เน้นย้ำว่า “Mazda3 นับเป็นรถที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด… แนวทางการทำตลาดจะเน้นภาพลักษณ์ของความเป็นรถยนต์สปอร์ตที่ดีที่สุดในตลาด C-Segment… เป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค… คุณภาพเทียบเท่ารถยุโรปสุดหรู… สมรรถนะขับขี่ที่ตอบสนองเร้าใจ… ระบบความปลอดภัยรอบคัน… ให้ความสนุกสนานกับการขับขี่ด้วยความคล่องตัว”

DNA แห่งมาสด้า: Stylish, Insightful, Spirited

All-New Mazda3 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดภายใต้ DNA ของมาสด้า:
Stylish: ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยว สะดุดตา
Insightful: รายละเอียดภายในที่พิถีพิถัน ใช้วัสดุคุณภาพสูง
Spirited: พลังขับเคลื่อนที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว

เทคโนโลยี ‘Lightweight Technology’: สมรรถนะที่เบาขึ้น แต่แรงขึ้น

สิ่งที่ทำให้ Mazda3 โดดเด่นคือการนำ “เทคโนโลยีไลท์เวท” มาใช้ ลดน้ำหนักส่วนเกิน ช่วยเพิ่มสมรรถนะ ความแม่นยำในการหยุดรถ และที่สำคัญคือช่วยประหยัดน้ำมันได้กว่า 3% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน พร้อมระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อของมาสด้า ที่ตอบสนองการขับขี่ตามแบบฉบับ “ซูม-ซูม” อย่างแท้จริง

เครื่องยนต์ MZR 2.0: พลังและความประหยัดที่สมดุล

เครื่องยนต์ MZR 2.0 ขนาด 2000 ซีซี 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ Front Air Pickup Air Induction System (FAPAIS) ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ Activematic 5 จังหวะ พร้อม Paddle Shift และระบบ AAS (Active Adaptive Shift) เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง

ฟีเจอร์ล้ำสมัย: ตอบสนองทุกความต้องการ

ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Xenon พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED รูปทรงสปอร์ต
ระบบ Smart Keyless Entry และ Push Start Button
ซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone
ระบบควบคุมการทรงตัว DSC
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต

กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่ต้องการความโดดเด่นและเป็นผู้นำ

Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น มั่นใจในตัวเอง เป็นผู้นำ และประสบความสำเร็จ

การออกแบบภายใน: สปอร์ต หรูหรา และสะดวกสบาย

จอ Multi Information Display (MID): แสดงข้อมูลการเดินทาง ตั้งค่าต่างๆ อย่างครบครัน
ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง: ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ แยก 2 โซน
เบาะนั่งกึ่ง Bucket Seat: หุ้มด้วยหนังแท้ ดีไซน์สปอร์ต
การตกแต่งภายใน: ใช้โทนสีดำหรือเบจ ผสมผสานชิ้นส่วนสีเงิน เพิ่มความสปอร์ตและหรูหรา

สีภายนอก 7 เฉดสี: สะท้อนบุคลิกที่หลากหลาย
สีดำ Black Mica, บรอนซ์เงิน Highlight Silver, เทา Metropolitan, ทอง Sparkling Gold, น้ำเงิน Aurora Blue, แดง True Red, ขาว Arctic White

ราคาและรุ่นย่อย:
Mazda3 Maxx A/T (5 ประตู/4 ประตู): 1,064,000 บาท
Mazda3 Maxx Sports A/T (5 ประตู/4 ประตู): 1,064,000 บาท

Mercedes-Benz เปิดตัวยนตรกรรม 3 รุ่นใหม่: CLS Shooting Brake, CLS 250 CDI และ E 300 BlueTEC HYBRID

ในปลายปี 2013 Mercedes-Benz (Thailand) Ltd. ได้สร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในตลาดรถหรู ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนสะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ดีไซน์ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

The new CLS Shooting Brake: ต้นแบบยนตรกรรมรูปลักษณ์ใหม่ ผสานดีไซน์อันน่าหลงใหล

The new CLS Shooting Brake คือการนิยามใหม่ของรถยนต์ที่ผสานความหรูหรา ปราดเปรียว และประโยชน์ใช้สอยได้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นตั้งแต่เส้นสายฝากระโปรงหน้า โครงกระจกไร้ขอบ ไปจนถึงหลังคาที่ลาดเอียงจรดท้ายรถ

เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2,143 ซีซี พละกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS
ดีไซน์: ตัวถังยาว 4,956 มม. กว้าง 1,881 มม. สูง 1,416 มม. พิเศษด้วยดีไซน์สปอร์ต 5 ประตู พร้อมห้องเก็บสัมภาระที่จุได้ตั้งแต่ 590-1,550 ลิตร ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักในหลายส่วนเพื่อลดน้ำหนัก (Cd เพียง 0.29)
เทคโนโลยี: ไฟหน้า LED High Performance, ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, ฟังก์ชั่น ECO Start/Stop
ภายใน: หรูหรา ประณีต พร้อมตัวเลือกพื้นไม้ American Cherry หรือ Oak, ระบบ EASY-PACK-Quickfold, ประตูท้ายไฟฟ้า
ความปลอดภัย: ถุงลมนิรภัยรอบคัน, PRE-SAFE®, ESP, BAS, ATTENTION ASSIST, Cruise Control
ราคา:
The new CLS 250 CDI Shooting Brake Exclusive: 4,990,000 บาท
The new CLS 250 CDI Shooting Brake AMG Premium: 5,390,000 บาท

CLS 250 CDI: สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ความเหนือระดับที่สมบูรณ์แบบ

CLS 250 CDI มอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ด้วยการออกแบบที่ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว ยิ่งขึ้น พร้อมกระจังหน้า V-shaped และไฟท้าย LED ประสิทธิภาพสูง

เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2,143 ซีซี พละกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS
การตกแต่ง: ตัวเลือกชุดแต่ง AMG Dynamic และ AMG Premium พร้อมล้ออัลลอย AMG 19 นิ้ว
ราคา:
CLS 250 CDI AMG Dynamic: 4,990,000 บาท
CLS 250 CDI AMG Premium: 5,290,000 บาท

E 300 BlueTEC HYBRID: รถยนต์พรีเมี่ยมไฮบริดดีเซล ประหยัดพลังงานที่สุดในโลก

E 300 BlueTEC HYBRID คือครั้งแรกในไทยกับรถยนต์หรูที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด สะอาดและประหยัดพลังงานสูงสุด ด้วยเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลและมอเตอร์ไฟฟ้า

เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2,143 ซีซี (204 แรงม้า) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (20 กิโลวัตต์) แรงบิดรวม 250 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม.
ประสิทธิภาพ: อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 4.2-4.3 ลิตร/100 กม. (23.2-23.8 กม./ลิตร) และปล่อย CO2 เพียง 109 กรัม/กม.
เทคโนโลยี: BlueTEC (เครื่องยนต์ดีเซลสะอาด), ระบบ ECO Start/Stop, แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 120 โวลต์
จุดเด่น: ระบบไฮบริดที่ผสานรวมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้โดยตรง ทำให้สามารถผลิตบนสายการผลิตเดิมได้

ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร Mercedes-Benz (Thailand) Ltd. เน้นย้ำถึงความสำคัญของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมยืนยันถึงความพร้อมของทีมช่างเทคนิคและศูนย์บริการมาตรฐาน เพื่อมอบ “ความคุ้มค่า” ตลอดอายุการใช้งานให้กับลูกค้า

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ E85: การเดินทางสู่สมรรถนะที่เหนือกว่า และความประหยัดที่เข้าถึงง่าย

ในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มายาวนาน ผมมองว่าการพัฒนารถยนต์แต่ละรุ่นคือการตั้งโจทย์สำคัญ และ Chevrolet Cruze ใหม่ คือคำตอบของการพัฒนาที่น่าสนใจ จากที่เคยสร้างความประทับใจในฐานะรถธงของ Chevrolet สู่การอัปเดตครั้งสำคัญในปี 2013 เพื่อฉลอง 3 ปีแห่งการทำตลาด

ดีไซน์ที่ปรับปรุง: ความหรูที่สอดคล้องกับความสปอร์ต

Cruze ยังคงรักษาเรือนร่างเดิมที่โดดเด่นด้วยมิติ ยาว 4,600 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง 1,475 มม. และฐานล้อ 2,685 มม. แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความสง่างามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกระจังหน้า Honey Comb สไตล์สปอร์ต และกันชนหน้าใหม่ที่รับกับเส้นสายโดยรวม ทำให้ภาพลักษณ์ดูสดใหม่และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น

ภายในที่หรูหรา แต่ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ต

ห้องโดยสารแบบ Dual Cockpit ยังคงมอบความรู้สึกที่ผู้ขับขี่มีสมาธิสูงสุด พวงมาลัย Multi-function ที่ควบคุมระบบเครื่องเสียงและ Cruise Control ได้สะดวก หน้าจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ และปุ่มสตาร์ท ยังคงความทันสมัย

จุดที่น่าสังเกตคือการปรับโทนสีภายในรุ่น LTZ จากเดิมทูโทนส้ม เป็นสีเทา-น้ำตาล ซึ่งแม้จะดูหรูหรา แต่ก็อาจทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการปรับดีไซน์ภายนอกที่พยายามเน้นความสปอร์ตมากขึ้น

หัวใจสำคัญ: เครื่องยนต์ E85 และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เจเนอเรชั่นที่ 2

การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดคือการรองรับเชื้อเพลิง E85 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของ Chevrolet ในการนำเสนอทางเลือกด้านพลังงานที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร Ecotec 171 แรงม้า ได้รับการปรับปรุงทางวิศวกรรมให้ทนทานต่อการกัดกร่อนของ E85 และสามารถจ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างเหมาะสม

สิ่งที่น่าประทับใจคือ การปรับปรุงระบบส่งกำลังใหม่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ให้ความนุ่มนวล ลดการกระตุกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมการปรับอัตราทดเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง

สมรรถนะการขับขี่: ความสปอร์ตที่เพิ่มขึ้น ความประหยัดที่น่าพอใจ

แม้จะมีรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรา แต่เมื่อได้สัมผัสกับการขับขี่ Chevrolet Cruze ใหม่ จะพบว่ามีสมรรถนะที่สปอร์ตมากขึ้นอย่างชัดเจน การตอบสนองของพวงมาลัยมีความคมชัดขึ้น ระบบช่วงล่าง Euro Ride ที่เซ็ตมาอย่างลงตัว ให้ความมั่นใจในการควบคุมแม้ในสภาวะถนนที่ท้าทาย

จากการทดสอบด้วยเชื้อเพลิง E85 พบว่าอัตราเร่งมีความต่อเนื่อง รถดูมีความเบาและตอบสนองได้ดีขึ้น การทดสอบอัตราสิ้นเปลืองในการขับขี่ในเมืองภายใต้สภาพการจราจรติดขัดและฝนตกหนัก ทำได้เฉลี่ย 9.2 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าน่าพอใจสำหรับรถในพิกัดนี้

เมื่อขับขี่นอกเมือง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ถึง 14.6 กม./ลิตร ที่ความเร็ว 100-120 กม./ชม. ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเกียร์ 6 สปีด และการปรับปรุงเครื่องยนต์

สรุป: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ ความประหยัด และความทันสมัย

Chevrolet Cruze ใหม่ คือตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ผสานความประหยัดจากเชื้อเพลิง E85 และความทันสมัยของเทคโนโลยี แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในบางจุดอาจจะยังไม่หวือหวามากนัก แต่โดยรวมแล้ว Cruze ใหม่ คือรถที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ และคุ้มค่าแก่การพิจารณา

BMW 5 Series (F10) 2011: การกลับมาของซีดานหรู ที่เน้นสมรรถนะและความสะดวกสบาย

ในโลกของยนตรกรรมหรูหรา การเปิดตัว BMW 5 Series ใหม่ (รหัสตัวถัง F10) ในปี 2011 ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ Bavarian ที่ได้นำเสนอซีดานขนาดกลางที่ผสานความสง่างาม เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW ได้อย่างลงตัว

ดีไซน์ใหม่: ความสง่างามที่คุ้นเคย และความทันสมัยที่ลงตัว

การออกแบบภายนอกของ 5 Series ใหม่ ถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Series 3, 7 และ Series 5 GT ทำให้มีรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยแต่ก็ดูทันสมัยและปราดเปรียวมากขึ้น สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่มขนาดฐานล้อให้ยาวที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกันที่ 2,968 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 80 มม.) ส่งผลให้มิติความยาวของตัวรถอยู่ที่ 4,899 มิลลิเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมความสง่างาม แต่ยังเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลังที่เพิ่มขึ้น 13 มิลลิเมตร และความจุสัมภาระท้ายรถที่ 520 ลิตร

ภายในที่เน้นผู้ขับขี่: คอนโซลกลางที่ใช้งานสะดวก และมาตรวัดคลาสสิก

BMW ให้ความสำคัญกับการออกแบบคอนโซลกลางที่รองรับการใช้งานของผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับมาตรวัดสไตล์คลาสสิก 4 จุดบนแผงหน้าปัด ที่มอบข้อมูลสำคัญได้อย่างชัดเจน

เทคโนโลยี Drive Dynamic Control: ปรับโหมดการขับขี่ได้ดั่งใจ

ระบบ Drive Dynamic Control (DDC) คือหัวใจสำคัญที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด: Normal, Comfort, Sport และ Sport+ ในแต่ละโหมด ระบบจะทำการปรับการตอบสนองของคันเร่ง, การเปลี่ยนเกียร์, ระบบควบคุมเสถียรภาพ, และ damper แบบปรับได้ เพื่อมอบสมรรถนะที่แตกต่างกันตามสไตล์การขับขี่

นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน: ระบบสร้างพลังงานจากการเบรค และ Auto Start-Stop

BMW 5 Series ใหม่ มาพร้อมกับระบบสร้างพลังงานจากการเบรค (Brake Energy Regeneration) ที่ช่วยชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานเกินความจำเป็น หรือขณะหยุดรถ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยมลพิษ นอกจากนี้ รุ่น 520d ยังเป็นรุ่นแรกในตระกูล 5 Series ที่ติดตั้งระบบ Auto Start-Stop อันเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

ขุมพลังที่หลากหลาย: เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ประสิทธิภาพสูง

BMW 5 Series F10 มาพร้อมกับทางเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล:

เครื่องยนต์ดีเซล:
520d: 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า, 380 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 8.1 วินาที, ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 5 ลิตร/100 กม.)
525d: 6 สูบ 3.0 ลิตร 204 แรงม้า, 450 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 7.2 วินาที, ความเร็วสูงสุด 236 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 6.2 ลิตร/100 กม.)
530d: 6 สูบ 3.0 ลิตร 245 แรงม้า, 540 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 6.3 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 6.3 ลิตร/100 กม.)

เครื่องยนต์เบนซิน:
523i: 6 สูบ 3.0 ลิตร NA 204 แรงม้า, 270 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที, ความเร็วสูงสุด 238 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 7.6 ลิตร/100 กม.)
528i: 6 สูบ 3.0 ลิตร 258 แรงม้า, 310 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 6.6 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 7.8 ลิตร/100 กม.)
535i: 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 306 แรงม้า, 400 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 6.0 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 8.5 ลิตร/100 กม.)
550i: V8 Twin-Turbo 4.4 ลิตร 407 แรงม้า, 600 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 5.0 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 10.4 ลิตร/100 กม.)

ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และ Sport Automatic

เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 550i และเป็นออปชั่นสำหรับรุ่นอื่นๆ พร้อมทางเลือกระบบเกียร์ 8 จังหวะ Sport Automatic ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดาผ่าน Paddle Shift บนพวงมาลัย

เทคโนโลยีและความปลอดภัย: อุปกรณ์มาตรฐานและออปชั่นครบครัน

BMW 5 Series ใหม่ มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานและออปชั่นมากมาย เช่น Head-Up Display, Night Vision พร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า, ระบบแจ้งเตือนเมื่อขับออกนอกช่องทาง, ระบบแสดงข้อมูลระดับความเร็ว, ชุดระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, กล้องมองรอบคันพร้อมเซ็นเซอร์จอด, และจอ iDrive เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่มีให้เลือกทั้งขนาด 7 นิ้ว (มาตรฐาน) และ 10.2 นิ้ว (พร้อมระบบนำทาง)

BMW 5 Series ปี 2011 มีกำหนดวางจำหน่ายในตลาดยุโรปตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 และจะทยอยเปิดตัวในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในกลุ่มซีดานหรูที่เน้นสมรรถนะและความสะดวกสบายได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

การเดินทางสู่การตัดสินใจ: สำรวจตัวเลือกสุดยอดรถหรูและสปอร์ต ณ Bangkok International Motor Show

การได้สัมผัสกับยนตรกรรมระดับโลกที่จัดแสดง ณ Bangkok International Motor Show ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความหรูหรา เปี่ยมสมรรถนะ หรือเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

หากคุณกำลังมองหารถสปอร์ตเปิดประทุนที่ผสมผสานดีไซน์อันน่าหลงใหลและเทคโนโลยีล้ำสมัย Mercedes-Benz SLK คือคำตอบที่น่าประทับใจ

สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์สไตล์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ที่มอบทั้งความสง่างามและความเร้าใจ Mercedes-Benz CLS ในทุกรุ่นย่อย จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง

หากความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมคือหัวใจสำคัญ Mercedes-Benz E 300 BlueTEC HYBRID คือนิยามใหม่ของรถยนต์พรีเมี่ยมที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดดีเซลที่ก้าวล้ำ

สำหรับตลาด C-Segment ที่มีการแข่งขันสูง All-New Mazda3 คือการนำเสนอรถยนต์ที่ผสานดีไซน์สปอร์ต สมรรถนะอันน่าตื่นเต้น และเทคโนโลยีที่คุ้มค่า

และหากคุณกำลังมองหารถยนต์ซีดานหรูที่มอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเทคโนโลยีและความสะดวกสบายที่ครบครัน BMW 5 Series คือตัวเลือกที่พิสูจน์ตัวเองมายาวนาน

อย่ารอช้า! เชิญทุกท่านมาสัมผัส ประสบการณ์เหนือระดับเหล่านี้ด้วยตัวคุณเองที่งาน Bangkok International Motor Show มหกรรมยานยนต์ที่รวบรวมสุดยอดนวัตกรรมจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก พร้อมข้อมูลเชิงลึกและข้อเสนอสุดพิเศษที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรถยนต์คันที่ใช่สำหรับคุณได้อย่างมั่นใจที่สุด แล้วพบกันที่งาน!

Previous Post

N3012049 ดท ายแม แต เพ อนสน ทก จางหาย part2

Next Post

N3112047 พาช มาหาล กต อหน าเม part2

Next Post
N3112047 พาช มาหาล กต อหน าเม part2

N3112047 พาช มาหาล กต อหน าเม part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N3112043_รอคอยเธอมา 10ป เจอก นอ กท องได เป นแฟน (1)_part2
  • N3112038 แรกๆก หวาน นานๆก เปล ยน part2
  • N3112041 การร บม อก บคำโกหก นไม ใช เร องง าย (1) part2
  • N3112033 เช อฟ งภรรยาได กคน part2
  • N3112052 การร บม อก บคำโกหก นไม ใช เร องง าย part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.