เผยโฉม Mercedes-Benz SLK รุ่นใหม่ล่าสุด: นิยามใหม่แห่งรถสปอร์ตเปิดประทุน ณ Bangkok International Motor Show 2011
สวัสดีครับท่านผู้รักยนตรกรรมทุกท่าน ผมในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำพาท่านไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ณ งาน Bangkok International Motor Show 2011 มหกรรมยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ซึ่งปีนี้พิเศษยิ่งกว่าครั้งใดๆ เพราะผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ระดับหรูของไทยอย่าง Mercedes-Benz ได้เตรียมขนทัพยนตรกรรมสุดล้ำมาจัดแสดงอย่างเต็มพิกัดถึงกว่า 20 คัน โดยมีไฮไลท์เด็ดที่หลายท่านรอคอย นั่นคือการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 5 รุ่นรวด!
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเฉลิมฉลองครบรอบ 125 ปีแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Mercedes-Benz และการถือกำเนิดของยานยนต์บนโลก ถือเป็นวาระสำคัญยิ่ง ที่ปีนี้ทางค่ายดาวสามแฉกได้นำรถยนต์ 3 ล้อคันแรกของโลก ที่สร้างสรรค์โดย Carl Benz มาจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อย้อนรำลึกถึงจุดเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เราภาคภูมิใจ
SLK เจเนอเรชั่นใหม่: สุนทรียภาพแห่งการขับขี่บนเส้นทางอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์
ท่ามกลางทัพรถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Mercedes-Benz SLK รุ่นใหม่ (The new SLK) คือดาวเด่นที่ใครๆ ก็จับตามอง โดยเฉพาะการเปิดตัวเวอร์ชันพวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรกในโลก ที่เพิ่งจะเฉิดฉายในงาน Geneva Motor Show ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ณ งานนี้ เราจะได้เห็น SLK เจเนอเรชั่นที่ 3 นี้อย่างใกล้ชิด
SLK ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1996 นั้น เปรียบเสมือนการหวนคืนบัลลังก์ของรถสปอร์ตเปิดประทุนขนาดเล็กในตำนานอย่าง 190 SL ที่เคยโด่งดังในยุค 1950-1960 การกลับมาครั้งนี้ ไม่เพียงแต่คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ต แต่ยังมาพร้อมกับการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา: ความงามสง่า ผสานจิตวิญญาณแห่ง SLS AMG
เส้นสายอันเฉียบคมและทรงพลังของ The new SLK ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถสปอร์ตซูเปอร์คาร์อย่าง SLS AMG ทำให้ตัวถังยาว 4,139 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร และสูง 1,301 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,430 มิลลิเมตร ดูปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว และสง่างามในทุกมุมมอง
สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าคือ ตัวเลือกของหลังคาที่หลากหลายถึง 3 รูปแบบ:
หลังคาแข็งพับได้ Vario Roof แบบมาตรฐาน: สีเดียวกับตัวถัง มอบความคลาสสิกและความสะดวกสบาย
หลังคา Vario แบบ Panorama Glass Roof: กระจกสีเข้ม เพิ่มความหรูหราและความโปร่งสบายภายในห้องโดยสาร
หลังคา MAGIC SKY CONTROL: นวัตกรรมล้ำสมัยที่ให้คุณสามารถปรับระดับความเข้มของกระจกหลังคาได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับแสงแดดได้อย่างเต็มที่แม้อากาศจะหนาวเย็น หรือป้องกันแสงแดดอันเจิดจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ (รุ่นนี้อาจไม่ได้ติดตั้งในคันที่จัดแสดง)
และเมื่อคุณตัดสินใจเปิดประทุน สัมผัสลมธรรมชาติ ระบบ AIRGUIDE จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นแผงกันลมด้านหลังโรลบาร์ เพื่อลดแรงปะทะของลมที่อาจรบกวนความสบายในการขับขี่ของคุณ
ขุมพลังและความแรง: SLK 350 BlueEFFICIENCY Sport AMG
สำหรับรุ่นไฮไลท์ที่จัดแสดงคือ SLK 350 BlueEFFICIENCY Sport AMG ขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว ความจุ 3,498 ซีซี พร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงตรงแบบใหม่ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 349.8 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
นอกจากสมรรถนะที่น่าทึ่งแล้ว ยังโดดเด่นด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เฉลี่ยเพียง 7.1 ลิตร/100 กิโลเมตร และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 167 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งสะท้อนถึงเทคโนโลยี BlueEFFICIENCY ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ระบบช่วงล่าง Dynamic Handling ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ ปรับการทำงานต่อเนื่องด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ควบคู่ไปกับระบบพวงมาลัย Direct-Steer และระบบเบรก Torque Vectoring Brakes ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมและการหยุดรถได้อย่างมั่นใจ
ราคาเปิดตัวสำหรับรุ่นท็อป SLK 350 BlueEFFICIENCY Sports AMG อยู่ที่ 7,399,000 บาท สำหรับผู้ที่มองหารุ่นที่มีราคาเข้าถึงง่ายขึ้น คาดว่าจะมีรุ่นเครื่องยนต์ที่เล็กลงตามมาในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะช่วยให้ราคาลดลงใกล้เคียงกับ SLK รุ่นปัจจุบัน
CLS 350 BlueEFFICIENCY: สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ที่นิยามใหม่ของความสง่างาม
อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างความฮือฮาคือ CLS 350 BlueEFFICIENCY รถยนต์นั่งขนาดกลางที่มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู อันเป็นเอกลักษณ์ การตอบรับอันยอดเยี่ยมจากตลาดโลกกว่า 170,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ทำให้ Daimler AG ตัดสินใจพัฒนารุ่นที่สองนี้ออกสู่สายตาผู้บริโภค
The new CLS 350 ได้รับการออกแบบใหม่หมดจดทั้งภายนอกและภายใน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปตัว V-shaped อันทรงพลัง เส้นสายด้านข้างที่โค้งเว้าให้มิติที่สวยงาม และบั้นท้ายที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้าย LED ประสิทธิภาพสูง
ขุมพลังยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว ความจุ 3,498 ซีซี บล็อกเดียวกับ SLK 350 ใหม่ แต่เพิ่มแรงบิดสูงสุดเป็น 370 นิวตันเมตร ที่ 3,500-5,250 รอบ/นาที ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จุดเด่นสำคัญของ CLS ใหม่ คือการประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่ารุ่นก่อนถึง 25% ด้วยการออกแบบตัวถังที่ลู่ลมยิ่งขึ้น (ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.26) และน้ำหนักที่เบาลง โดยเป็นรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นแรกที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุทำประตูแทนเหล็ก ช่วยลดน้ำหนักได้กว่า 24 กิโลกรัม ซึ่งมีการนำอะลูมิเนียมมาใช้ในส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ฝากระโปรงหน้า สปอยเลอร์ และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของรถ
ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า Electromechanical มอบการควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้น ระบบช่วงล่างได้รับการปรับปรุงมาจาก E-Class เพื่อความคล่องตัวและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่หลากหลายเพื่อให้ได้สมรรถนะที่สมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์
การออกแบบระบบกันสะเทือนหน้าแบบ three-link และระบบกันสะเทือนหลังแบบ multi-link ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ CLS รุ่นใหม่นี้ ทำงานร่วมกับพวงมาลัยไฟฟ้าได้อย่างลงตัว มอบการควบคุมที่แม่นยำ
แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ว่า CLS 350 BlueEFFICIENCY จะมีราคาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งอาจต้องรอรุ่นเครื่องยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบต่ำกว่านี้ เพื่อให้ราคาเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับตลาดไทย
G55 AMG: พลังที่ไร้ขีดจำกัด บนเส้นทางที่ท้าทาย
สำหรับผู้ที่หลงใหลในสมรรถนะอันดุดันและความคลาสสิกของรถยนต์ออฟโรดพันธ์แท้ G55 AMG คือคำตอบที่คุณมองหา รถยนต์ตรวจการรุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งโดย Mercedes-AMG ให้มอบพละกำลังและความแรงระดับ AMG อย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ V8 DOHC 32 วาล์ว ขนาด 5.5 ลิตร พร้อมระบบ Supercharge ให้พละกำลังสูงสุด 507 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 700 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลา 5.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน
Vito Monobody: ยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
ปิดท้ายทัพรถใหม่ด้วย Vito Monobody รถตู้รุ่นใหม่ล่าสุด ที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน มอบความยืดหยุ่นในการใช้งานได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2,148 ซีซี พร้อม Turbo Intercooler ให้กำลัง 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 12.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยเพียง 8.1 ลิตร/100 กิโลเมตร พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Mercedes-Benz
นอกจากนี้ ยังมีรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ S-Class รุ่น S 300 L และ S 350 CDI BlueEFFICIENCY L รวมถึง Niche models ที่หลากหลาย เช่น E 250 CGI BlueEFFICIENCY AVANTGARDE Estate, Cabriolet, Coupe, R 300 CDI 4MATIC Executive และ ML 300 CDI BlueEFFICIENCY Premium Edition
นวัตกรรม 4D Augmented Reality: ประสบการณ์เหนือระดับในงาน Motor Show
ไม่เพียงแต่ยลตรกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ Mercedes-Benz ยังสร้างสีสันและความประทับใจให้กับผู้ชม ด้วยการนำเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) 4 มิติ มาใช้ในการจัดแสดงชุดพิเศษ “The world without an innovator” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวตำนานแห่งความสำเร็จและบทบาทในการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมยานยนต์ของ Mercedes-Benz ตลอด 125 ปีที่ผ่านมา
เชิญสัมผัสความเหนือระดับด้วยตัวคุณเอง
พบกับสุดยอดยนตรกรรมจาก Mercedes-Benz ได้ที่งาน Bangkok International Motor Show 2011 ณ Challenger Hall IMPACT เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 4 เมษายน นี้ อย่าพลาดโอกาสที่จะได้สัมผัสเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าใคร!
All-New Mazda3 2011: “Dare to Be Bold” ยกระดับมาตรฐานรถคอมแพ็ค สู่ความเร้าใจในทุกมิติ
ในยุคที่ตลาดรถยนต์คอมแพ็คมีการแข่งขันสูงและผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลาย การเปิดตัว All-New Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “Dare to Be Bold” จึงเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Mazda ในการนำเสนอรถยนต์ที่ไม่ได้มีดีแค่เพียงรูปลักษณ์ แต่ยังผสานเทคโนโลยี วิศวกรรม และสมรรถนะที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศไทย ซึ่ง Mazda3 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด ด้วยยอดขายกว่า 28,000 คัน และรางวัลคุณภาพจากทั่วโลกกว่า 124 รางวัล
Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่: การผสมผสานที่ลงตัวของดีไซน์และเทคโนโลยี
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยของ All-New Mazda3 ทั้งรุ่น 5 ประตูแฮทช์แบ็ค และ 4 ประตูซีดาน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดไทยในภูมิภาคอาเซียน มร. ยูจิ นากามิเน่ ผู้บริหารระดับสูง Mazda Motor Corporation กล่าวว่า “แบรนด์มาสด้ากำลังเติบโตอย่างมากในประเทศไทย… Mazda3 ในตลาดประเทศไทยเป็นตลาดหลักและสำคัญอย่างยิ่ง… ส่วนแบ่งตลาดของ Mazda3 ในกลุ่ม C-Segment กำลังจะเติบโตถึง 7% ในไทย”
โรงงาน Auto Alliance (Thailand) ที่เคยเป็นฐานการผลิตรถกระบะ 1 ตัน สู่ระดับโลก ได้ขยายบทบาทสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่งคุณภาพสูงสำหรับ Mazda2 และ Mazda3 ซึ่งถือเป็นสินค้าเชิงยุทธศาสตร์ของมาสด้าสำหรับตลาดไทยและอาเซียน
“Zoom-Zoom” สู่ยุคใหม่: สมรรถนะที่เหนือกว่า จิตวิญญาณแห่งสปอร์ต
Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพเหนือกว่ารถชั้นนำกว่า 39 รุ่น ด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 2.9 ล้านคัน และในไทยกว่า 28,000 คัน การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย
คุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท Mazda Sales (Thailand) Co., Ltd. เน้นย้ำว่า “Mazda3 นับเป็นรถที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด… แนวทางการทำตลาดจะเน้นภาพลักษณ์ของความเป็นรถยนต์สปอร์ตที่ดีที่สุดในตลาด C-Segment… เป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค… คุณภาพเทียบเท่ารถยุโรปสุดหรู… สมรรถนะขับขี่ที่ตอบสนองเร้าใจ… ระบบความปลอดภัยรอบคัน… ให้ความสนุกสนานกับการขับขี่ด้วยความคล่องตัว”
DNA แห่งมาสด้า: Stylish, Insightful, Spirited
All-New Mazda3 ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดภายใต้ DNA ของมาสด้า:
Stylish: ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยว สะดุดตา
Insightful: รายละเอียดภายในที่พิถีพิถัน ใช้วัสดุคุณภาพสูง
Spirited: พลังขับเคลื่อนที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว
เทคโนโลยี ‘Lightweight Technology’: สมรรถนะที่เบาขึ้น แต่แรงขึ้น
สิ่งที่ทำให้ Mazda3 โดดเด่นคือการนำ “เทคโนโลยีไลท์เวท” มาใช้ ลดน้ำหนักส่วนเกิน ช่วยเพิ่มสมรรถนะ ความแม่นยำในการหยุดรถ และที่สำคัญคือช่วยประหยัดน้ำมันได้กว่า 3% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน พร้อมระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อของมาสด้า ที่ตอบสนองการขับขี่ตามแบบฉบับ “ซูม-ซูม” อย่างแท้จริง
เครื่องยนต์ MZR 2.0: พลังและความประหยัดที่สมดุล
เครื่องยนต์ MZR 2.0 ขนาด 2000 ซีซี 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ Front Air Pickup Air Induction System (FAPAIS) ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ Activematic 5 จังหวะ พร้อม Paddle Shift และระบบ AAS (Active Adaptive Shift) เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและต่อเนื่อง
ฟีเจอร์ล้ำสมัย: ตอบสนองทุกความต้องการ
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Xenon พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED รูปทรงสปอร์ต
ระบบ Smart Keyless Entry และ Push Start Button
ซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone
ระบบควบคุมการทรงตัว DSC
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต
กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่ต้องการความโดดเด่นและเป็นผู้นำ
Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น มั่นใจในตัวเอง เป็นผู้นำ และประสบความสำเร็จ
การออกแบบภายใน: สปอร์ต หรูหรา และสะดวกสบาย
จอ Multi Information Display (MID): แสดงข้อมูลการเดินทาง ตั้งค่าต่างๆ อย่างครบครัน
ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง: ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ แยก 2 โซน
เบาะนั่งกึ่ง Bucket Seat: หุ้มด้วยหนังแท้ ดีไซน์สปอร์ต
การตกแต่งภายใน: ใช้โทนสีดำหรือเบจ ผสมผสานชิ้นส่วนสีเงิน เพิ่มความสปอร์ตและหรูหรา
สีภายนอก 7 เฉดสี: สะท้อนบุคลิกที่หลากหลาย
สีดำ Black Mica, บรอนซ์เงิน Highlight Silver, เทา Metropolitan, ทอง Sparkling Gold, น้ำเงิน Aurora Blue, แดง True Red, ขาว Arctic White
ราคาและรุ่นย่อย:
Mazda3 Maxx A/T (5 ประตู/4 ประตู): 1,064,000 บาท
Mazda3 Maxx Sports A/T (5 ประตู/4 ประตู): 1,064,000 บาท
Mercedes-Benz เปิดตัวยนตรกรรม 3 รุ่นใหม่: CLS Shooting Brake, CLS 250 CDI และ E 300 BlueTEC HYBRID
ในปลายปี 2013 Mercedes-Benz (Thailand) Ltd. ได้สร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในตลาดรถหรู ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนสะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ดีไซน์ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
The new CLS Shooting Brake: ต้นแบบยนตรกรรมรูปลักษณ์ใหม่ ผสานดีไซน์อันน่าหลงใหล
The new CLS Shooting Brake คือการนิยามใหม่ของรถยนต์ที่ผสานความหรูหรา ปราดเปรียว และประโยชน์ใช้สอยได้อย่างลงตัว ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นตั้งแต่เส้นสายฝากระโปรงหน้า โครงกระจกไร้ขอบ ไปจนถึงหลังคาที่ลาดเอียงจรดท้ายรถ
เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2,143 ซีซี พละกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS
ดีไซน์: ตัวถังยาว 4,956 มม. กว้าง 1,881 มม. สูง 1,416 มม. พิเศษด้วยดีไซน์สปอร์ต 5 ประตู พร้อมห้องเก็บสัมภาระที่จุได้ตั้งแต่ 590-1,550 ลิตร ใช้อะลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักในหลายส่วนเพื่อลดน้ำหนัก (Cd เพียง 0.29)
เทคโนโลยี: ไฟหน้า LED High Performance, ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, ฟังก์ชั่น ECO Start/Stop
ภายใน: หรูหรา ประณีต พร้อมตัวเลือกพื้นไม้ American Cherry หรือ Oak, ระบบ EASY-PACK-Quickfold, ประตูท้ายไฟฟ้า
ความปลอดภัย: ถุงลมนิรภัยรอบคัน, PRE-SAFE®, ESP, BAS, ATTENTION ASSIST, Cruise Control
ราคา:
The new CLS 250 CDI Shooting Brake Exclusive: 4,990,000 บาท
The new CLS 250 CDI Shooting Brake AMG Premium: 5,390,000 บาท
CLS 250 CDI: สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ความเหนือระดับที่สมบูรณ์แบบ
CLS 250 CDI มอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ด้วยการออกแบบที่ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว ยิ่งขึ้น พร้อมกระจังหน้า V-shaped และไฟท้าย LED ประสิทธิภาพสูง
เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2,143 ซีซี พละกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS
การตกแต่ง: ตัวเลือกชุดแต่ง AMG Dynamic และ AMG Premium พร้อมล้ออัลลอย AMG 19 นิ้ว
ราคา:
CLS 250 CDI AMG Dynamic: 4,990,000 บาท
CLS 250 CDI AMG Premium: 5,290,000 บาท
E 300 BlueTEC HYBRID: รถยนต์พรีเมี่ยมไฮบริดดีเซล ประหยัดพลังงานที่สุดในโลก
E 300 BlueTEC HYBRID คือครั้งแรกในไทยกับรถยนต์หรูที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด สะอาดและประหยัดพลังงานสูงสุด ด้วยเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลและมอเตอร์ไฟฟ้า
เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2,143 ซีซี (204 แรงม้า) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (20 กิโลวัตต์) แรงบิดรวม 250 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม.
ประสิทธิภาพ: อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 4.2-4.3 ลิตร/100 กม. (23.2-23.8 กม./ลิตร) และปล่อย CO2 เพียง 109 กรัม/กม.
เทคโนโลยี: BlueTEC (เครื่องยนต์ดีเซลสะอาด), ระบบ ECO Start/Stop, แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 120 โวลต์
จุดเด่น: ระบบไฮบริดที่ผสานรวมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้โดยตรง ทำให้สามารถผลิตบนสายการผลิตเดิมได้
ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร Mercedes-Benz (Thailand) Ltd. เน้นย้ำถึงความสำคัญของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมยืนยันถึงความพร้อมของทีมช่างเทคนิคและศูนย์บริการมาตรฐาน เพื่อมอบ “ความคุ้มค่า” ตลอดอายุการใช้งานให้กับลูกค้า
Chevrolet Cruze 1.8 LTZ E85: การเดินทางสู่สมรรถนะที่เหนือกว่า และความประหยัดที่เข้าถึงง่าย
ในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มายาวนาน ผมมองว่าการพัฒนารถยนต์แต่ละรุ่นคือการตั้งโจทย์สำคัญ และ Chevrolet Cruze ใหม่ คือคำตอบของการพัฒนาที่น่าสนใจ จากที่เคยสร้างความประทับใจในฐานะรถธงของ Chevrolet สู่การอัปเดตครั้งสำคัญในปี 2013 เพื่อฉลอง 3 ปีแห่งการทำตลาด
ดีไซน์ที่ปรับปรุง: ความหรูที่สอดคล้องกับความสปอร์ต
Cruze ยังคงรักษาเรือนร่างเดิมที่โดดเด่นด้วยมิติ ยาว 4,600 มม. กว้าง 1,790 มม. สูง 1,475 มม. และฐานล้อ 2,685 มม. แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความสง่างามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกระจังหน้า Honey Comb สไตล์สปอร์ต และกันชนหน้าใหม่ที่รับกับเส้นสายโดยรวม ทำให้ภาพลักษณ์ดูสดใหม่และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น
ภายในที่หรูหรา แต่ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ต
ห้องโดยสารแบบ Dual Cockpit ยังคงมอบความรู้สึกที่ผู้ขับขี่มีสมาธิสูงสุด พวงมาลัย Multi-function ที่ควบคุมระบบเครื่องเสียงและ Cruise Control ได้สะดวก หน้าจอแสดงผลข้อมูลต่างๆ และปุ่มสตาร์ท ยังคงความทันสมัย
จุดที่น่าสังเกตคือการปรับโทนสีภายในรุ่น LTZ จากเดิมทูโทนส้ม เป็นสีเทา-น้ำตาล ซึ่งแม้จะดูหรูหรา แต่ก็อาจทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการปรับดีไซน์ภายนอกที่พยายามเน้นความสปอร์ตมากขึ้น
หัวใจสำคัญ: เครื่องยนต์ E85 และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เจเนอเรชั่นที่ 2
การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดคือการรองรับเชื้อเพลิง E85 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของ Chevrolet ในการนำเสนอทางเลือกด้านพลังงานที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร Ecotec 171 แรงม้า ได้รับการปรับปรุงทางวิศวกรรมให้ทนทานต่อการกัดกร่อนของ E85 และสามารถจ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างเหมาะสม
สิ่งที่น่าประทับใจคือ การปรับปรุงระบบส่งกำลังใหม่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่ให้ความนุ่มนวล ลดการกระตุกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมการปรับอัตราทดเกียร์ให้เหมาะสมกับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง
สมรรถนะการขับขี่: ความสปอร์ตที่เพิ่มขึ้น ความประหยัดที่น่าพอใจ
แม้จะมีรูปลักษณ์ที่ดูหรูหรา แต่เมื่อได้สัมผัสกับการขับขี่ Chevrolet Cruze ใหม่ จะพบว่ามีสมรรถนะที่สปอร์ตมากขึ้นอย่างชัดเจน การตอบสนองของพวงมาลัยมีความคมชัดขึ้น ระบบช่วงล่าง Euro Ride ที่เซ็ตมาอย่างลงตัว ให้ความมั่นใจในการควบคุมแม้ในสภาวะถนนที่ท้าทาย
จากการทดสอบด้วยเชื้อเพลิง E85 พบว่าอัตราเร่งมีความต่อเนื่อง รถดูมีความเบาและตอบสนองได้ดีขึ้น การทดสอบอัตราสิ้นเปลืองในการขับขี่ในเมืองภายใต้สภาพการจราจรติดขัดและฝนตกหนัก ทำได้เฉลี่ย 9.2 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าน่าพอใจสำหรับรถในพิกัดนี้
เมื่อขับขี่นอกเมือง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ถึง 14.6 กม./ลิตร ที่ความเร็ว 100-120 กม./ชม. ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเกียร์ 6 สปีด และการปรับปรุงเครื่องยนต์
สรุป: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะ ความประหยัด และความทันสมัย
Chevrolet Cruze ใหม่ คือตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ผสานความประหยัดจากเชื้อเพลิง E85 และความทันสมัยของเทคโนโลยี แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในบางจุดอาจจะยังไม่หวือหวามากนัก แต่โดยรวมแล้ว Cruze ใหม่ คือรถที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ และคุ้มค่าแก่การพิจารณา
BMW 5 Series (F10) 2011: การกลับมาของซีดานหรู ที่เน้นสมรรถนะและความสะดวกสบาย
ในโลกของยนตรกรรมหรูหรา การเปิดตัว BMW 5 Series ใหม่ (รหัสตัวถัง F10) ในปี 2011 ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ Bavarian ที่ได้นำเสนอซีดานขนาดกลางที่ผสานความสง่างาม เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW ได้อย่างลงตัว
ดีไซน์ใหม่: ความสง่างามที่คุ้นเคย และความทันสมัยที่ลงตัว
การออกแบบภายนอกของ 5 Series ใหม่ ถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Series 3, 7 และ Series 5 GT ทำให้มีรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยแต่ก็ดูทันสมัยและปราดเปรียวมากขึ้น สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่มขนาดฐานล้อให้ยาวที่สุดในกลุ่มรถระดับเดียวกันที่ 2,968 มิลลิเมตร (ยาวขึ้น 80 มม.) ส่งผลให้มิติความยาวของตัวรถอยู่ที่ 4,899 มิลลิเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมความสง่างาม แต่ยังเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหลังที่เพิ่มขึ้น 13 มิลลิเมตร และความจุสัมภาระท้ายรถที่ 520 ลิตร
ภายในที่เน้นผู้ขับขี่: คอนโซลกลางที่ใช้งานสะดวก และมาตรวัดคลาสสิก
BMW ให้ความสำคัญกับการออกแบบคอนโซลกลางที่รองรับการใช้งานของผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับมาตรวัดสไตล์คลาสสิก 4 จุดบนแผงหน้าปัด ที่มอบข้อมูลสำคัญได้อย่างชัดเจน
เทคโนโลยี Drive Dynamic Control: ปรับโหมดการขับขี่ได้ดั่งใจ
ระบบ Drive Dynamic Control (DDC) คือหัวใจสำคัญที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด: Normal, Comfort, Sport และ Sport+ ในแต่ละโหมด ระบบจะทำการปรับการตอบสนองของคันเร่ง, การเปลี่ยนเกียร์, ระบบควบคุมเสถียรภาพ, และ damper แบบปรับได้ เพื่อมอบสมรรถนะที่แตกต่างกันตามสไตล์การขับขี่
นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน: ระบบสร้างพลังงานจากการเบรค และ Auto Start-Stop
BMW 5 Series ใหม่ มาพร้อมกับระบบสร้างพลังงานจากการเบรค (Brake Energy Regeneration) ที่ช่วยชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานเกินความจำเป็น หรือขณะหยุดรถ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยมลพิษ นอกจากนี้ รุ่น 520d ยังเป็นรุ่นแรกในตระกูล 5 Series ที่ติดตั้งระบบ Auto Start-Stop อันเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ขุมพลังที่หลากหลาย: เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ประสิทธิภาพสูง
BMW 5 Series F10 มาพร้อมกับทางเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล:
เครื่องยนต์ดีเซล:
520d: 4 สูบ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า, 380 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 8.1 วินาที, ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 5 ลิตร/100 กม.)
525d: 6 สูบ 3.0 ลิตร 204 แรงม้า, 450 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 7.2 วินาที, ความเร็วสูงสุด 236 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 6.2 ลิตร/100 กม.)
530d: 6 สูบ 3.0 ลิตร 245 แรงม้า, 540 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 6.3 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 6.3 ลิตร/100 กม.)
เครื่องยนต์เบนซิน:
523i: 6 สูบ 3.0 ลิตร NA 204 แรงม้า, 270 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที, ความเร็วสูงสุด 238 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 7.6 ลิตร/100 กม.)
528i: 6 สูบ 3.0 ลิตร 258 แรงม้า, 310 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 6.6 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 7.8 ลิตร/100 กม.)
535i: 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 306 แรงม้า, 400 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 6.0 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 8.5 ลิตร/100 กม.)
550i: V8 Twin-Turbo 4.4 ลิตร 407 แรงม้า, 600 นิวตันเมตร (0-100 กม./ชม. ใน 5.0 วินาที, ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม., ประหยัดน้ำมัน 10.4 ลิตร/100 กม.)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และ Sport Automatic
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 550i และเป็นออปชั่นสำหรับรุ่นอื่นๆ พร้อมทางเลือกระบบเกียร์ 8 จังหวะ Sport Automatic ที่ให้การเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดาผ่าน Paddle Shift บนพวงมาลัย
เทคโนโลยีและความปลอดภัย: อุปกรณ์มาตรฐานและออปชั่นครบครัน
BMW 5 Series ใหม่ มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานและออปชั่นมากมาย เช่น Head-Up Display, Night Vision พร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า, ระบบแจ้งเตือนเมื่อขับออกนอกช่องทาง, ระบบแสดงข้อมูลระดับความเร็ว, ชุดระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, กล้องมองรอบคันพร้อมเซ็นเซอร์จอด, และจอ iDrive เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่มีให้เลือกทั้งขนาด 7 นิ้ว (มาตรฐาน) และ 10.2 นิ้ว (พร้อมระบบนำทาง)
BMW 5 Series ปี 2011 มีกำหนดวางจำหน่ายในตลาดยุโรปตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 และจะทยอยเปิดตัวในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในกลุ่มซีดานหรูที่เน้นสมรรถนะและความสะดวกสบายได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
การเดินทางสู่การตัดสินใจ: สำรวจตัวเลือกสุดยอดรถหรูและสปอร์ต ณ Bangkok International Motor Show
การได้สัมผัสกับยนตรกรรมระดับโลกที่จัดแสดง ณ Bangkok International Motor Show ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความหรูหรา เปี่ยมสมรรถนะ หรือเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
หากคุณกำลังมองหารถสปอร์ตเปิดประทุนที่ผสมผสานดีไซน์อันน่าหลงใหลและเทคโนโลยีล้ำสมัย Mercedes-Benz SLK คือคำตอบที่น่าประทับใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์สไตล์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ที่มอบทั้งความสง่างามและความเร้าใจ Mercedes-Benz CLS ในทุกรุ่นย่อย จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
หากความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมคือหัวใจสำคัญ Mercedes-Benz E 300 BlueTEC HYBRID คือนิยามใหม่ของรถยนต์พรีเมี่ยมที่มาพร้อมเทคโนโลยีไฮบริดดีเซลที่ก้าวล้ำ
สำหรับตลาด C-Segment ที่มีการแข่งขันสูง All-New Mazda3 คือการนำเสนอรถยนต์ที่ผสานดีไซน์สปอร์ต สมรรถนะอันน่าตื่นเต้น และเทคโนโลยีที่คุ้มค่า
และหากคุณกำลังมองหารถยนต์ซีดานหรูที่มอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเทคโนโลยีและความสะดวกสบายที่ครบครัน BMW 5 Series คือตัวเลือกที่พิสูจน์ตัวเองมายาวนาน
อย่ารอช้า! เชิญทุกท่านมาสัมผัส ประสบการณ์เหนือระดับเหล่านี้ด้วยตัวคุณเองที่งาน Bangkok International Motor Show มหกรรมยานยนต์ที่รวบรวมสุดยอดนวัตกรรมจากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก พร้อมข้อมูลเชิงลึกและข้อเสนอสุดพิเศษที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรถยนต์คันที่ใช่สำหรับคุณได้อย่างมั่นใจที่สุด แล้วพบกันที่งาน!

