OMODA & JAECOO: ก้าวสู่การเป็นผู้นำยานยนต์แห่งอนาคตด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ในไทย
ในวงการยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยการแข่งขันและนวัตกรรมที่ก้าวกระโดด การเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์ใหม่ ๆ ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงศักยภาพและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดโลก “OMODA & JAECOO” ภายใต้ร่มของ Chery Automobile ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงปรากฏการณ์นี้ ด้วยการประกาศความสำเร็จอันน่าประทับใจในปีที่ผ่านมา และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในตลาดประเทศไทย ผ่านการลงทุนแบบครบวงจรครั้งสำคัญ
OMODA & JAECOO: แบรนด์ยานยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก พร้อมแผนบุกไทยปี 2568
กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย – 11 กุมภาพันธ์ 2568 – OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) แบรนด์ยานยนต์ที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก ได้ประกาศถึงความสำเร็จอันโดดเด่นในปี 2567 พร้อมเปิดเผยแผนการลงทุนและขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบในปี 2568 ภายใต้ปณิธาน “One Vision, One Drive, Inspiring the E-Future” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันแน่วแน่ในการขับเคลื่อนอนาคตแห่งการเดินทางด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รากฐานความสำเร็จ:Chery Group และการเติบโตระดับโลก
ก่อนจะเจาะลึกถึงแผนงานในประเทศไทย เรามาย้อนมองถึงความสำเร็จของบริษัทแม่ Chery Group ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของ OMODA & JAECOO ในปี 2567 Chery Group ได้สร้างสถิติที่น่าจับตามอง ด้วยยอดขายทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นถึง 38% หรือคิดเป็นการส่งมอบรถยนต์จำนวน 2.6 ล้านคัน ส่งผลให้รายได้รวมเติบโตกว่า 50% ความแข็งแกร่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Chery Group ได้รักษาตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีนมายาวนานถึง 22 ปี สะท้อนถึงประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ในขณะที่ OMODA & JAECOO ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้เพียง 2 ปี แต่กลับสร้างปรากฏการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการขยายเครือข่ายไปทั่วโลกถึง 33 ประเทศ ตั้งแต่ทวีปเอเชีย อเมริกาใต้ ไปจนถึงยุโรป การเข้าถึงตลาดที่หลากหลายนี้ รวมถึงการเปิดตัวในประเทศไทย ได้ส่งผลให้ OMODA & JAECOO ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็น “The Fastest International Growth Car Brand” หรือแบรนด์ยานยนต์ที่มีการเติบโตระหว่างประเทศเร็วที่สุด โดยในปีที่ผ่านมา OMODA & JAECOO มียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 54%
นายฉี เจี๋ย: “ประเทศไทยคือตลาดสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของเรา”
นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมด้า แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของตลาดไทยว่า “ความสำเร็จของ OMODA & JAECOO ในปี 2567 เป็นเพียงก้าวแรกในการเดินทางของเราสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่เพียงสะท้อนถึงความไว้วางใจที่ลูกค้าทั่วโลกมีให้กับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เรามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมต่อไป ในปี 2568 นี้ เราได้เตรียมแผนการลงทุนและขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ การจัดตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย การขยายเครือข่ายโชว์รูมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และการยกระดับบริการหลังการขายให้เหนือระดับ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย”
นวัตกรรมแห่งอนาคต: เทคโนโลยี SHS และยนตรกรรมพลังงานทางเลือก
หัวใจสำคัญของการรุกตลาดในปี 2568 คือการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค โดย OMODA & JAECOO จะเน้นการนำเสนอเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) ซึ่งเป็นพัฒนาการต่อยอดจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile ระบบ SHS นี้ผสานการทำงานของ 3 ส่วนประกอบหลัก ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5, ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System) และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ด้วยการทำงานที่ประสานกันอย่างลงตัวระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ระบบ SHS มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) ด้วยระยะทางวิ่งที่ยาวนานขึ้น พร้อมประสิทธิภาพเชิงความร้อน (Thermal Efficiency) ที่ยอดเยี่ยม การปล่อยมลพิษในระดับต่ำ และระบบความปลอดภัยของแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐานสูงสุด
นอกจากเทคโนโลยี SHS แล้ว OMODA & JAECOO ยังเตรียมนำเสนอยนตรกรรมพลังงานใหม่ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) โดยจะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ครบทุกรุ่นในงานมหกรรมยานยนต์ Bangkok International Motor Show ที่กำลังจะมาถึง
การลงทุนเชิงกลยุทธ์: ฐานการผลิตในระยองและการขยายเครือข่าย
การลงทุนครั้งสำคัญของ OMODA & JAECOO ในประเทศไทยคือการจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์ ณ โรงงานในจังหวัดระยอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มสายการผลิตได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในภูมิภาค และเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะยาว
ควบคู่ไปกับการขยายกำลังการผลิต OMODA & JAECOO ยังมีแผนการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนโชว์รูมจากปัจจุบัน 23 แห่ง เป็นกว่า 50 แห่งภายในปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ยกระดับบริการหลังการขาย: รวดเร็ว แม่นยำ และครอบคลุม
OMODA & JAECOO เข้าใจดีว่าประสบการณ์ของลูกค้าไม่ได้สิ้นสุดลงเมื่อออกจากโชว์รูม แต่รวมถึงการบริการหลังการขายที่ต้องมีคุณภาพและน่าประทับใจ เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ OMODA & JAECOO ได้ร่วมมือกับ DHL Express ผู้นำด้านการขนส่งด่วนระดับโลก ในการพัฒนาระบบการจัดส่งอะไหล่ระหว่างประเทศให้มีความรวดเร็วภายใน 3 วัน พร้อมขยายคลังอะไหล่ในประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยอะไหล่เร่งด่วนจากประเทศจีนจากเดิม 30 วัน เหลือเพียง 15 วัน
นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ยังให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมบุคลากร โดยได้เตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมแบบเต็มรูปแบบ (Training Center) แห่งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้มั่นใจว่าช่างเทคนิคทุกคนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และสามารถให้บริการได้ตามมาตรฐานสูงสุด
เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย: ระบบ CRM และบริการทดแทน
เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้บริการ OMODA & JAECOO กำลังพัฒนาระบบ CRM (Customer Relationship Management) ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยจะพัฒนาระบบการจองออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์บริการ นอกจากนี้ ยังมีแผนการนำเสนอบริการรถยนต์ทดแทน (Loaner Car) สำหรับลูกค้าที่รถยนต์ต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมเกินกว่า 3 วัน เพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของลูกค้า
OMODA & JAECOO ยังมอบความอุ่นใจด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศไทย (โทร 02-0208888 กด 1) ฟรี 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครอบคลุมบริการต่างๆ เช่น การจั๊มสตาร์ทแบตเตอรี่, การเปลี่ยนยางอะไหล่, ความช่วยเหลือกรณีรถล็อก, บริการรถยก และบริการให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง (ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทกำหนด)
กิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์
ในปี 2568 OMODA & JAECOO วางแผนจัดกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลายและครอบคลุมตลอดทั้งปี เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างความผูกพันกับแบรนด์ และมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน กลุ่มเป้าหมาย และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ กิจกรรมเหล่านี้จะครอบคลุมตั้งแต่การสร้างประสบการณ์การขับขี่ (Test Drive), การเป็นสปอนเซอร์ในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย, ไปจนถึงการจัดโรดโชว์ไปตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ
“ในปี 2568 นี้ เรายึดมั่นในวิสัยทัศน์ ‘One Vision, One Drive, Inspiring the E-Future’ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอ นวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยผ่านการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในทุกมิติ” นายฉี เจี๋ย กล่าวสรุป “ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การบริการที่ครอบคลุม การดูแลหลังการขายที่เหนือระดับ และการลงทุนในโรงงานผลิตในประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของ OMODA & JAECOO ในการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนอนาคตแห่งการขับขี่ที่ยั่งยืนไปด้วยกัน เรามุ่งหวังที่จะเป็นมากกว่าแค่ผู้ผลิตรถยนต์ แต่พร้อมที่จะเป็นผู้ร่วมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง”
การเข้ามาของ OMODA & JAECOO พร้อมแผนการลงทุนที่แข็งแกร่งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเพิ่มสีสันและทางเลือกให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย และเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตและตลาดสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก
เสริมความแกร่งด้วยนวัตกรรม: OMODA & JAECOO กับแผนบุกตลาดไทยเต็มกำลัง
ในยุคที่โลกยานยนต์กำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ และการเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ OMODA & JAECOO แบรนด์ที่กำลังสร้างปรากฏการณ์การเติบโตในระดับโลก ได้ประกาศความพร้อมที่จะเข้ามาเขย่าวงการยานยนต์ไทยอย่างเต็มกำลัง ด้วยแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การผลิต การจำหน่าย ไปจนถึงการบริการหลังการขาย
OMODA & JAECOO: ก้าวใหม่ของความสำเร็จในประเทศไทย
ภายใต้การนำของ Chery Automobile บริษัทแม่ที่มีประวัติยาวนานและแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ OMODA & JAECOO ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็วในตลาดโลก โดยในปี 2567 Chery Group ทำยอดขายทั่วโลกกว่า 2.6 ล้านคัน เติบโตขึ้นถึง 38% และครองตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของจีนต่อเนื่องมา 22 ปี ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณภาพ เทคโนโลยี และความเชื่อมั่นที่ลูกค้าทั่วโลกมีต่อแบรนด์
สำหรับ OMODA & JAECOO ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่กลับสร้างปรากฏการณ์ให้เป็นที่ยอมรับในฐานะ “แบรนด์ยานยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในระดับสากล” ด้วยการขยายธุรกิจครอบคลุม 33 ประเทศทั่วโลก การเปิดตัวและขยายเครือข่ายในประเทศไทย จึงเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเป็นส่วนหนึ่งของตลาดโลก
วิสัยทัศน์สู่ “E-Future”: นวัตกรรมที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมด้า แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้เน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ “One Vision, One Drive, Inspiring the E-Future” ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่สโลแกน แต่คือหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ “ความสำเร็จที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เราเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดประเทศไทย และพร้อมที่จะทุ่มเททรัพยากรเพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย” เขากล่าว
แผนการลงทุนในปี 2568 นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นดังกล่าวอย่างชัดเจน โดย OMODA & JAECOO ไม่เพียงแต่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี แต่ยังจะวางรากฐานที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ด้วยการจัดตั้งฐานการผลิตในจังหวัดระยอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 การลงทุนในภาคการผลิตนี้ จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวไปอีกขั้น
หัวใจของนวัตกรรม: เทคโนโลยี SHS และขุมพลังแห่งอนาคต
OMODA & JAECOO ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) คือคำตอบที่ OMODA & JAECOO ภูมิใจนำเสนอ ระบบนี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5, ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System) และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง
ผลลัพธ์คือประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่น นุ่มนวล ประหยัดพลังงาน และปล่อยมลพิษต่ำ เทคโนโลยี SHS มอบระยะทางวิ่งที่ยาวไกล ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) แต่ยังคงความยืดหยุ่นในการใช้งานด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ยังเตรียมนำเสนอรถยนต์พลังงานทางเลือกที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้ง BEV และ PHEV เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตนเอง
เครือข่ายที่แข็งแกร่ง: ขยายโชว์รูมและยกระดับบริการทั่วประเทศ
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ OMODA & JAECOO ยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการหลังการขาย แบรนด์มีเป้าหมายที่จะขยายจำนวนโชว์รูมจาก 23 แห่ง เป็นกว่า 50 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2568 เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงศูนย์บริการและทดลองขับรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
การยกระดับบริการหลังการขายเป็นอีกหนึ่งจุดที่ OMODA & JAECOO ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยได้ร่วมมือกับ DHL Express ในการปรับปรุงระบบการจัดส่งอะไหล่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น การลดระยะเวลาการสั่งอะไหล่จาก 30 วัน เหลือเพียง 15 วัน จะช่วยให้การซ่อมบำรุงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดระยะเวลาที่ลูกค้าต้องรอคอย นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ยังเตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบุคลากรทุกคนมีความรู้ความสามารถในการให้บริการตามมาตรฐานสูงสุด
สะดวกสบายและมั่นใจ: ระบบ CRM และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ OMODA & JAECOO กำลังพัฒนาระบบ CRM (Customer Relationship Management) ให้ทันสมัย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการจองออนไลน์เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการ และที่สำคัญคือ การนำเสนอบริการรถยนต์ทดแทน (Loaner Car) ในกรณีที่รถยนต์ของลูกค้าต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานกว่า 3 วัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างต่อเนื่อง
ความอุ่นใจคือสิ่งสำคัญ OMODA & JAECOO จึงมอบบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ ให้บริการฟรี 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครอบคลุมบริการต่างๆ เช่น การช่วยเหลือแบตเตอรี่, การเปลี่ยนยาง, การช่วยเหลือกรณีรถล็อก, บริการรถยก และการให้คำแนะนำ ซึ่งทั้งหมดนี้ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจในทุกการเดินทาง
สร้างการรับรู้ผ่านกิจกรรมที่เข้าถึงง่าย
OMODA & JAECOO ไม่ได้หยุดอยู่แค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และสร้างความผูกพันกับแบรนด์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลายตลอดทั้งปี การเป็นสปอนเซอร์กิจกรรมที่น่าสนใจ, การจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ, และการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าจดจำ คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะช่วยให้ OMODA & JAECOO เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างการจดจำในฐานะแบรนด์ยานยนต์แห่งอนาคต
“เราเชื่อมั่นว่าด้วยแผนการลงทุนที่ครอบคลุมและผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม OMODA & JAECOO จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์ในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน” นายฉี เจี๋ย กล่าวปิดท้าย “เราไม่ได้เพียงต้องการขายรถยนต์ แต่เราต้องการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ สร้างสรรค์อนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน”
การเข้ามาของ OMODA & JAECOO พร้อมแผนการลงทุนที่ชัดเจน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ที่จะได้สัมผัสกับยนตรกรรมแห่งอนาคต ที่ผสมผสานทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ใช่ ที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ OMODA & JAECOO คือแบรนด์ที่คุณไม่ควรพลาด
OMODA & JAECOO: ปรากฏการณ์การเติบโตระดับโลก พร้อมแผนลงทุนในประเทศไทยปี 2568
ในโลกยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและการแข่งขันที่เข้มข้น มีแบรนด์ไม่กี่รายที่สามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และโดดเด่นจนเป็นที่จับตามองในระดับสากล “OMODA & JAECOO” ภายใต้การบริหารของ Chery Automobile ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมยานยนต์จากจีน ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ ด้วยการประกาศความสำเร็จอันน่าประทับใจในปี 2567 และแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าสู่การเป็นผู้นำในตลาดประเทศไทย
รากฐานอันแข็งแกร่ง: Chery Group สู่การเป็นแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
Chery Group ในฐานะบริษัทแม่ของ OMODA & JAECOO ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพที่น่าทึ่งในปี 2567 ด้วยยอดขายทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นถึง 38% หรือคิดเป็นยอดส่งมอบรถยนต์ถึง 2.6 ล้านคัน ส่งผลให้รายได้รวมเติบโตกว่า 50% ความสำเร็จนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมายาวนาน โดย Chery Group ได้ครองตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีนติดต่อกันถึง 22 ปี
ในขณะเดียวกัน OMODA & JAECOO ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวได้เพียง 2 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็น “แบรนด์ยานยนต์ที่มีการเติบโตระหว่างประเทศเร็วที่สุดในโลก” (The Fastest International Growth Car Brand) ด้วยการขยายเครือข่ายไปทั่วโลกถึง 33 ประเทศ การเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 54% ในปีที่ผ่านมานี้ สะท้อนถึงการตอบรับที่ดีจากตลาดโลก และเป็นการปูทางสู่การขยายธุรกิจในตลาดที่มีศักยภาพอย่างประเทศไทย
วิสัยทัศน์แห่งอนาคต: “One Vision, One Drive, Inspiring the E-Future”
นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมด้า แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการขับเคลื่อนอนาคตแห่งการเดินทางอย่างยั่งยืน “ความสำเร็จที่เราได้สัมผัสในปี 2567 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยิ่งใหญ่” เขากล่าว “เราเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดไทย และพร้อมที่จะทุ่มเททรัพยากรเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย เราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ แต่เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์อนาคตแห่งการขับขี่ที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์”
แผนการลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศไทย: ยุทธศาสตร์สู่ความเป็นผู้นำ
ในปี 2568 OMODA & JAECOO ได้ประกาศแผนการลงทุนที่ครอบคลุมและมุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ดังนี้:
การจัดตั้งฐานการผลิตในจังหวัดระยอง: การลงทุนในภาคการผลิตนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของ OMODA & JAECOO ในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และจะเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสู่ตลาด
การขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายและศูนย์บริการ: OMODA & JAECOO ตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนโชว์รูมจาก 23 แห่ง เป็นกว่า 50 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างทั่วถึงและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
การยกระดับบริการหลังการขาย: แบรนด์ให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ผ่านการปรับปรุงและยกระดับบริการหลังการขายอย่างเต็มรูปแบบ
นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต: เทคโนโลยี SHS และยนตรกรรมพลังงานทางเลือก
หัวใจสำคัญของการรุกตลาดในปี 2568 คือการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย โดย OMODA & JAECOO จะเน้นการนำเสนอเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบนี้เป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5, ระบบซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System) และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง เพื่อมอบทั้งสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ประหยัด และการปล่อยมลพิษในระดับต่ำ นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ยังเตรียมนำเสนอรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่นๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งจะมีการจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ Bangkok International Motor Show ที่กำลังจะมาถึง
บริการหลังการขายที่เหนือระดับ: รวดเร็ว แม่นยำ ใส่ใจ
OMODA & JAECOO เข้าใจดีว่าบริการหลังการขายคือสิ่งที่สร้างความแตกต่างและความประทับใจในระยะยาว แบรนด์จึงได้ผนึกกำลังกับ DHL Express ผู้นำด้านการขนส่งระดับโลก เพื่อพัฒนาระบบการจัดส่งอะไหล่ระหว่างประเทศให้มีความรวดเร็วภายใน 3 วัน พร้อมขยายคลังอะไหล่ในประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยอะไหล่เร่งด่วนจาก 30 วัน เหลือเพียง 15 วัน
นอกจากนี้ OMODA & JAECOO ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยได้เตรียมเปิดศูนย์ฝึกอบรมแบบเต็มรูปแบบ (Training Center) แห่งใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าช่างเทคนิคทุกคนมีความเชี่ยวชาญและสามารถให้บริการตามมาตรฐานสูงสุด
ความสะดวกสบายที่มาพร้อมความอุ่นใจ: ระบบ CRM และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
เพื่อมอบประสบการณ์การใช้บริการที่ราบรื่นและสะดวกสบาย OMODA & JAECOO กำลังพัฒนาระบบ CRM (Customer Relationship Management) ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยจะรวมถึงระบบการจองออนไลน์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้ารับบริการ และที่สำคัญคือ การนำเสนอบริการรถยนต์ทดแทน (Loaner Car) ในกรณีที่รถยนต์ของลูกค้าต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานกว่า 3 วัน เพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
เพื่อมอบความอุ่นใจสูงสุด OMODA & JAECOO ยังให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศไทย (โทร 02-0208888 กด 1) ฟรี 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครอบคลุมบริการต่างๆ เช่น การช่วยเหลือแบตเตอรี่, การเปลี่ยนยาง, ความช่วยเหลือกรณีรถล็อก, บริการรถยก และการให้คำแนะนำ (ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท)
กิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย
ในปี 2568 OMODA & JAECOO วางแผนที่จะจัดกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลายตลอดทั้งปี เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างความผูกพันกับแบรนด์ และมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า ทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย และผู้จำหน่ายทั่วประเทศ กิจกรรมเหล่านี้จะครอบคลุมตั้งแต่การสร้างประสบการณ์การขับขี่ (Test Drive), การเป็นสปอนเซอร์ในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย, ไปจนถึงการจัดโรดโชว์ไปตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ
“เรามั่นใจว่าด้วยแผนการลงทุนที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม และการบริการที่เหนือระดับ OMODA & JAECOO จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไทยได้อย่างแน่นอน” นายฉี เจี๋ย กล่าวสรุป “เราพร้อมที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น สัญญาว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน และร่วมขับเคลื่อนอนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืนไปด้วยกัน”
การเข้ามาของ OMODA & JAECOO พร้อมด้วยแผนการลงทุนที่ชัดเจนและการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัย นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดีของการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภค ที่จะได้สัมผัสกับยนตรกรรมแห่งอนาคตที่ผสมผสานทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ใช่ ที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ OMODA & JAECOO คือแบรนด์ที่คุณไม่ควรพลาด
พร้อมสัมผัสประสบการณ์ OMODA & JAECOO แล้วหรือยัง?
OMODA & JAECOO กำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อมอบประสบการณ์ยานยนต์แห่งอนาคตให้กับผู้บริโภคชาวไทย หากคุณคือหนึ่งในผู้ที่สนใจในนวัตกรรม เทคโนโลยี และการออกแบบที่ล้ำสมัย พร้อมกับการบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม อย่าพลาดที่จะติดตามข่าวสารล่าสุดจาก OMODA & JAECOO และเตรียมพบกับผลิตภัณฑ์ที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อโลกยานยนต์ไปตลอดกาล ติดต่อศูนย์บริการ OMODA & JAECOO ใกล้บ้านท่าน หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นรถยนต์ที่น่าสนใจ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทดลองขับที่จะพาคุณสัมผัสกับอนาคตของการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง

