Honda Accord 2016: ยกระดับซีดานสู่ยุคใหม่แห่งการเชื่อมต่อและความปลอดภัย
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มาเป็นทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์ซีดานอยู่เสมอ และ Honda Accord คือหนึ่งในชื่อที่ไม่เคยจางหายไปจากใจผู้บริโภคชาวไทย ด้วยชื่อเสียงอันยาวนานและความน่าเชื่อถือในฐานะรถยนต์ซีดานระดับพรีเมียม การเปิดตัว Honda Accord Minorchange 2016 ถือเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกมิติของชีวิต
Honda Accord Minorchange 2016 ไม่ใช่แค่การปรับโฉมเล็กน้อย แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือกว่าเดิมอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด “Exhilarating & Exciting” การเปลี่ยนแปลงภายนอกอาจดูไม่หวือหวา แต่แฝงด้วยความใส่ใจในรายละเอียดที่สะท้อนถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ กระจังหน้าและกันชนหน้าที่ถูกออกแบบใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น รับกับไฟหน้า LED ทรงเพรียวบางที่ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัย ดวงไฟท้าย LED แบบเส้นสายที่เข้ามาแทนที่แบบเม็ดในรุ่นก่อนหน้า ก็เสริมภาพลักษณ์ให้ดูดุดันและล้ำสมัยมากขึ้น ในส่วนของล้ออัลลอย แม้รุ่น 2.0 E จะยังคงใช้ขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่ แต่รุ่นสูงขึ้นมาจะได้รับล้อขนาด 18 นิ้ว ที่ยังคงความสง่างามเช่นเดิม
ภายในที่เชื่อมต่อคุณสู่โลกดิจิทัล
สิ่งที่ทำให้ Honda Accord Minorchange 2016 โดดเด่นอย่างแท้จริง คือการผสานเทคโนโลยีเข้ากับความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ซึ่งผมมองว่านี่คือหัวใจสำคัญของการเป็น “Connected Car” หรือ “ยานยนต์อัจฉริยะ” อย่างแท้จริง แม้ว่าการออกแบบโดยรวมจะยังคงเค้าโครงเดิม แต่การปรับเปลี่ยนวัสดุตกแต่งเล็กน้อย เช่น ลายไม้และคอนโซล Piano Black ก็ช่วยเพิ่มความหรูหรามากขึ้น เทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามานั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start): นับเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกสบายอย่างมาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย คุณสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดแอร์ล่วงหน้าได้ก่อนเข้าสู่ห้องโดยสาร (มีในรุ่น 2.0 EL ขึ้นไป)
หน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 7.7 นิ้ว: มอบข้อมูลการขับขี่ที่ครบถ้วน ชัดเจน และทันสมัย (มีในทุกรุ่นย่อย)
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส รองรับ Apple CarPlay: เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนของคุณเข้ากับระบบอินโฟเทนเมนต์ของรถได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อเข้าถึงเพลง แอปพลิเคชัน และการนำทางได้อย่างง่ายดาย (มีในทุกรุ่นย่อย)
รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone: เพิ่มความสะดวกในการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของสมาร์ทโฟนผ่านหน้าจอรถ (มีในทุกรุ่นย่อย)
ระบบเชื่อมโยงเครือข่าย WIFI หรือ Hotspot: ให้คุณและผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างต่อเนื่อง (มีในทุกรุ่นย่อย)
เทคโนโลยีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Honda ไม่ได้มอง Accord เป็นเพียงรถยนต์ที่ใช้เดินทาง แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง
ขุมพลังที่มั่นคง พร้อมออปชั่นแห่งอนาคต
ในด้านสมรรถนะ Honda Accord Minorchange 2016 ยังคงไว้ซึ่งเครื่องยนต์ที่พิสูจน์ตัวเองแล้ว นั่นคือเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร i-VTEC Earth Dreams Technology ที่ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร i-VTEC ที่ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ แม้ว่าในยุคของ รถยนต์ CVT ที่ให้ความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่การรักษาเครื่องยนต์แบบดั้งเดิมก็ยังคงมอบการตอบสนองที่หนักแน่นในแบบของ Accord
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีสำหรับผู้ที่มองหาความประหยัดน้ำมันและสมรรถนะที่เหนือกว่า คือการประกาศถึง Honda Accord Hybrid 2016 ที่จะมาพร้อมกับการปรับปรุงขุมพลังให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์ประหยัดพลังงาน
ความปลอดภัยที่เหนือกว่า มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น
ในยุคที่ความปลอดภัยกลายเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับผู้บริโภค Honda Accord Minorchange 2016 ได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับทุกรุ่นย่อยอย่างน่าชื่นชม การติดตั้งระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่ครบครัน ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างเต็มเปี่ยม ระบบที่มาพร้อมกับรถทุกรุ่นย่อย ได้แก่:
ระบบป้องกันล้อลอค ABS (Anti-lock Braking System): ช่วยให้สามารถบังคับควบคุมรถได้ในขณะเบรกกะทันหัน
ระบบกระจายแรงเบรค EBD (Electronic Brake-force Distribution): ปรับแรงดันน้ำมันเบรกไปยังล้อแต่ละล้อให้เหมาะสมตามสภาวะการขับขี่
ระบบเสริมแรงเบรค BA (Brake Assist): เพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจจับการเบรกฉุกเฉิน
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA (Vehicle Stability Assist): ป้องกันรถเสียการทรงตัว โดยการลดกำลังเครื่องยนต์และ/หรือการใช้เบรกที่ล้อใดล้อหนึ่ง
ระบบช่วยการบังคับพวงมาลัย MA-EPS (Motion Adaptive Electric Power Steering): ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมกับความเร็ว และช่วยรักษาทิศทางรถ
ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist): ป้องกันรถไหลเมื่อออกตัวบนทางลาดชัน
ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ Dual i-SRS:
ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-side Airbags:
ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags):
การมีถุงลมรอบคันเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน
ราคา Honda Accord Minorchange 2016:
2.0 E: 1,385,000 บาท
2.0 EL: 1,445,000 บาท
2.4 EL: 1,635,000 บาท
Honda Accord Minorchange 2016 คือบทพิสูจน์ของความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ซีดาน ที่ไม่เพียงแต่รักษามาตรฐานเดิมไว้ แต่ยังกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน หากคุณกำลังมองหารถยนต์ซีดานที่ผสมผสานความหรูหรา สมรรถนะที่ไว้ใจได้ และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ Honda Accord Minorchange 2016 คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม
Bentley Bentayga: สิ้นสุดการรอคอยของ SUV สุดหรูระดับโลก
ในโลกของยานยนต์หรูระดับสูง ชื่อของ Bentley และ Rolls-Royce คือสองขั้วอำนาจที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบกันเสมอ การปรากฏตัวของ Bentley Bentayga ในงาน Frankfurt Motor Show 2015 ณ ประเทศเยอรมนี เป็นการตอบโต้การมาของ Rolls-Royce อย่างชาญฉลาด ซึ่งในเวลานั้น Rolls-Royce ก็ได้นำเสนอรถเปิดประทุนสุดหรูมาประชันเช่นกัน การเปิดตัว Bentayga ที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันให้หลัง ไม่ใช่แค่การนำเสนอรถยนต์ SUV อีกคัน แต่เป็นการประกาศศักดาว่า Bentley พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ตลาด Super-luxury SUV ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
การวิจัยตลาดบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ผู้บริโภคยุคใหม่มีแนวโน้มที่จะเปิดรับรถยนต์ยกสูงที่มีความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์มากขึ้น แทนที่รถยนต์ซีดานหรูแบบดั้งเดิม Bentley ได้มองเห็นเทรนด์นี้มานานแล้ว และได้นำเสนอแนวคิดผ่านรถต้นแบบ ‘Bentley EXP 9 F Concept’ เมื่อสามปีก่อนหน้า แม้จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในด้านการออกแบบ จนต้องกลับไปปรับปรุงกันยกใหญ่ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้บุกเบิกในเซกเมนต์นี้
Bentley Bentayga ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ Porsche Cayenne ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมเครือในกลุ่ม Volkswagen Group จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อมองจากสัดส่วนภายนอก อาจมีความคล้ายคลึงบางประการกับ Cayenne อยู่บ้าง แต่ Bentley ก็สามารถผสานเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ากับดีไซน์แบบ SUV ได้อย่างลงตัว
การออกแบบภายนอก: ความสง่างามอันทรงพลัง
รูปลักษณ์ภายนอกของ Bentayga คือการผสมผสานที่น่าทึ่งระหว่างความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bentley กับความบึกบึนสไตล์ SUV กระจังหน้าลายตาข่ายขนาดใหญ่ที่คุ้นเคย ดวงไฟหน้าทรงกลมที่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิก ผสานเข้ากับเส้นสายที่ดูแข็งแกร่งและเฉียบคม การแก้ไขงานออกแบบจาก EXP 9 F Concept นั้นประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ทำให้ Bentayga ดูลงตัวและมีความเชื่อมโยงกับรุ่นอื่นๆ ในตระกูล เช่น Continental GT และ Flying Spur มากขึ้น
ไฟหน้าแบบ LED ที่ส่องสว่างและทันสมัย ซุ้มล้อหน้าที่มีครีบระบายอากาศขนาดใหญ่นั้น สื่อถึงสมรรถนะอันทรงพลังในฐานะ SUV ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ Bentley ต้องการนำเสนอ ลูกเล่นการออกแบบที่โดดเด่นที่สุดอยู่ที่ซุ้มล้อหลังที่ดูเต็มและสง่างาม ซึ่งสอดรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ โดยล้อคู่หน้ามีขนาด 20 นิ้ว และล้อคู่หลังใหญ่ถึง 22 นิ้ว
โครงสร้างตัวถังที่หันมาใช้วัสดุอะลูมิเนียมมากขึ้นในเกือบทุกส่วน ช่วยลดน้ำหนักของ Bentayga ลงได้อย่างมีนัยสำคัญถึง 236 กิโลกรัม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่
ภายในห้องโดยสาร: สัมผัสแห่งความหรูหราที่ไม่สิ้นสุด
ภายในห้องโดยสารของ Bentley Bentayga คืออีกระดับของความหรูหราและความสะดวกสบาย การออกแบบที่แบ่งแยกพื้นที่ระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างชัดเจนตามสไตล์ Bentley ช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและให้ความรู้สึกโอ่อ่า ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุตกแต่งลายไม้ได้มากถึง 7 แบบ เพื่อสะท้อนรสนิยมส่วนตัว
ระบบอินโฟเทนเมนต์มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วที่ใช้งานง่าย และมีออปชั่นระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จาก Naim กำลัง 1950 วัตต์ ให้เลือกติดตั้ง สำหรับเบาะนั่งคู่หน้า สามารถปรับได้มากถึง 22 ทิศทาง พร้อมระบบเป่าลมเย็น ลมอุ่น และระบบการนวดที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่ผ่อนคลายสูงสุด
สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง การออกแบบที่เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยเบาะแบบ 2 ที่นั่ง สามารถปรับได้ 18 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันอุ่นเบาะ เป่าลมเย็น และระบบนวดเช่นเดียวกัน คอนโซลกลางด้านหลังมีที่วางแก้ว กล่องเก็บของ และช่องเสียบ USB เพื่อความสะดวกสบายและความบันเทิง
ความพิเศษที่ทำให้ Bentayga เหนือกว่า SUV หรูรุ่นอื่นๆ คือการติดตั้งตู้แช่ไวน์ในส่วนท้ายรถ ซึ่งเป็นการยกระดับการพักผ่อนระหว่างการเดินทางให้พิเศษยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีหลังคาแก้วที่มาพร้อมม่านไฟฟ้าอัตโนมัติที่สามารถปรับระดับแสงได้ตามความต้องการ
ขุมพลัง W12: พลังอันไร้ขีดจำกัด
หัวใจของ Bentley Bentayga คือเครื่องยนต์ W12 ขนาด 6 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังมหาศาลถึง 608 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 900 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ทำให้ Bentayga สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 301 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้มันครองตำแหน่ง SUV ที่เร็วที่สุดในโลก ในขณะนั้น
แม้ว่าในภายหลัง Tesla Model X จะทำสถิติอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้เร็วกว่า แต่ Bentley ก็ยังคงยืนยันในความเร็วสูงสุดที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านสมรรถนะ
Bentley Bentayga พร้อมส่งมอบสู่มหาเศรษฐีทั่วโลกในช่วงต้นปี 2016 และคาดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด Super-luxury SUV การมาถึงของรถยนต์ระดับนี้ในประเทศไทยก็เป็นสิ่งที่น่าจับตาว่า จะมีนักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราและสมรรถนะอันไร้ขีดจำกัดมากน้อยเพียงใด
Ferrari GTC4 Lusso 2016: การเดินทางครั้งใหม่ของ Gran Tourer สุดหรู
สำหรับผู้ที่หลงใหลในสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ระดับสูงสุด Ferrari คือชื่อที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ และการเปิดตัว Ferrari GTC4 Lusso ใหม่ ในงาน Geneva Motor Show 2016 เป็นการตอกย้ำตำแหน่งของแบรนด์ในฐานะผู้สร้างสรรค์รถสปอร์ตแบบ Gran Tourer (GT) ที่มอบทั้งความหรูหรา สะดวกสบาย และสมรรถนะอันเร้าใจได้อย่างสมบูรณ์แบบ GTC4 Lusso ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนที่ Ferrari FF ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้า โดยการนำชื่อรุ่น GT อันทรงเกียรติในอดีตอย่าง 330 GTC และ 250 GT Berlinetta Lusso กลับมาใช้อีกครั้ง เป็นการสื่อถึงความเป็น Ferrari รุ่นใหญ่ ที่พร้อมสำหรับการเดินทางไกลอย่างมีสไตล์
ดีไซน์ภายนอก: ความสง่างามที่ผสานความสปอร์ต
Ferrari GTC4 Lusso ยังคงสืบทอดรูปแบบตัวถังแบบ Shooting Brake Coupe จาก Ferrari FF ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างรถ Hatchback และ Estate ได้อย่างลงตัว เส้นสายของรถดูมีความต่อเนื่องและไหลลื่น ตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านท้าย
ด้านหน้าได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้าทรงบูมเมอแรงที่คมชัด รับกับกันชนดีไซน์ใหม่ที่มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ เสริมด้วยแอร์แดมด้านล่างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้านข้างรถมีเส้นสายที่เฉียบคมและมีมิติมากขึ้น พร้อมช่องระบายอากาศแบบ 3 ครีบใหม่บริเวณบังโคลนหน้า แนวหลังคาที่ลาดต่ำลงกว่าเดิมให้ความรู้สึกสปอร์ต และส่งผลให้ด้านท้ายดูเตี้ยลงและกว้างขึ้นอย่างน่าประทับใจ ไฟท้ายทรงกลม 4 ดวง และดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ใหม่ พร้อมท่อไอเสียคู่สองฝั่ง เป็นการปิดท้ายความสมบูรณ์แบบของรูปลักษณ์ภายนอก
ภายในห้องโดยสาร: เทคโนโลยีและความหรูหราที่เหนือกว่า
การออกแบบภายในห้องโดยสารของ GTC4 Lusso นั้นก้าวข้ามขีดจำกัดของ Ferrari FF ไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะยังคงเอกลักษณ์ความเป็นสปอร์ต แต่ก็เพิ่มความหรูหราและทันสมัยมากยิ่งขึ้น แผงหน้าปัดได้รับการออกแบบใหม่ โดยเปลี่ยนมาใช้ช่องแอร์ทรงกลม 4 ช่อง ที่แยกฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างชัดเจน สร้างความเป็นส่วนตัวและสุนทรียภาพในการเดินทาง
จุดเด่นสำคัญคือจอแสดงผลแบบทัชสกรีนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ถึง 10.25 นิ้ว แบบ HD ที่ติดตั้งอยู่ตรงกลาง สามารถควบคุมระบบนำทาง ระบบอินโฟเทนเมนต์ และฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย พวงมาลัยยังคงดีไซน์ที่คุ้นเคย พร้อมแพดเดิลชิฟต์สำหรับการเปลี่ยนเกียร์ที่อยู่ด้านหลัง และอุดมไปด้วยปุ่มควบคุมต่างๆ ที่จำเป็น ทั้งไฟเลี้ยว, ปุ่มเปิด-ปิดไฟหน้า, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และที่สำคัญคือปุ่ม Manettino dial ที่ใช้สำหรับปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาวะถนนและอารมณ์ของผู้ขับขี่
ขุมพลัง V12: พลังอันบริสุทธิ์จากมาราเนลโล
สำหรับขุมพลังของ Ferrari GTC4 Lusso นั้นย่อมต้องมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 สูบ อันเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ เครื่องยนต์ขนาด 6.2 ลิตร วางกลางลำด้านหน้า ให้กำลังสูงสุดถึง 690 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 697 นิวตัน-เมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที ด้วยพละกำลังมหาศาลนี้ GTC4 Lusso สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 335 กม./ชม. ซึ่งเหนือกว่า Ferrari FF อย่างชัดเจน
ระบบขับเคลื่อนของ Ferrari GTC4 Lusso เป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ Ferrari เรียกว่า 4RM (4 Ruote Motrici หรือ four-wheel drive) ซึ่งมีความพิเศษตรงที่สามารถปรับเปลี่ยนการกระจายกำลังไปยังล้อหน้าหรือหลังได้อย่างอิสระ ผ่านปุ่ม Manettino บนพวงมาลัย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้หลากหลาย ตั้งแต่การขับขี่แบบเน้นความประหยัดและความนุ่มนวล ไปจนถึงการขับขี่แบบสปอร์ตสุดเร้าใจ
Ferrari FF ที่จำหน่ายในประเทศไทยในขณะนั้น มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 32 ล้านบาท ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่า Ferrari GTC4 Lusso ใหม่ จะมีราคาสูงกว่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งสะท้อนถึงความพิเศษและความเป็นที่สุดของยนตรกรรมสัญชาติอิตาลีคันนี้
Range Rover Evoque Convertible 2016: นิยามใหม่แห่งครอสโอเวอร์เปิดประทุน
ในโลกของรถยนต์ที่มีการแข่งขันสูง การตัดสินใจที่จะแหวกแนวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ไม่เหมือนใคร มักจะเป็นกลยุทธ์ที่กล้าหาญแต่ก็สามารถสร้างความสำเร็จได้อย่างมหาศาล Range Rover Evoque Convertible 2016 คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการกล้าคิดนอกกรอบ การนำเสนอรถครอสโอเวอร์ที่สามารถเปิดหลังคาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ และ Range Rover ได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของตนเอง
ปัจจุบัน ตลาดรถครอสโอเวอร์กำลังเติบโตอย่างร้อนแรง ผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกค่ายต่างให้ความสนใจในเซกเมนต์นี้ แต่มีเพียงไม่กี่รายที่กล้าที่จะเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ๆ เช่นเดียวกับ BMW X6 ที่กล้าฉีกกฎเกณฑ์ครอสโอเวอร์ท้ายลาดแบบ Coupe หรือ Nissan Juke กับดีไซน์ที่หลุดโลกแต่ประสบความสำเร็จ Range Rover Evoque Convertible 2016 ก็เช่นกัน การเปิดหลังคาให้กับครอสโอเวอร์สุดชิคอย่าง Evoque ถือเป็นการประกาศศักดาว่า Range Rover คือผู้นำแฟชั่นในตลาดรถยนต์
แม้ว่าตลาดรถเปิดประทุนโดยรวมอาจจะไม่ได้เติบโตอย่างที่เคยเป็นมา แต่ก็ย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ Range Rover Evoque Convertible 2016 ยังคงเอกลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่นของ Range Rover Evoque Coupe (3 ประตู) ไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าทรงเรียวแคบที่ต่อเนื่องกับกระจังหน้าลายตาข่าย และช่องดักลมขนาดใหญ่ที่กันชนหน้า พร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED
การเปลี่ยนผ่านสู่ความอิสระ
โปรไฟล์ด้านข้างของตัวรถยังคงความสง่างามเช่นเดิม สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือส่วนของหลังคาเหล็กที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นโครงหลังคาผ้าใบ เมื่อกางหลังคาออก การออกแบบยังคงความสวยงามใกล้เคียงกับรุ่น Coupe มาก และที่น่าประทับใจคือเมื่อพับเก็บหลังคาผ้าใบนี้ จะถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนบริเวณท้ายรถ โดยยังคงเหลือพื้นที่เก็บสัมภาระมากพอสมควรถึง 251 ลิตร
ภายในที่หรูหราและทันสมัย
ภายใต้หลังคาผ้าใบของ Evoque Convertible 2016 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 4 ที่นั่ง ภายในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวล ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งสีภายในได้ทั้งแบบโมโนโทนและทูโทน เพื่อสะท้อนสไตล์ส่วนตัว แผงหน้าปัดได้รับการออกแบบให้ดูเรียบหรู ด้วยการลากเส้นในแนวนอนเพื่อเสริมความกว้าง และติดตั้งจอทัชสกรีนขนาด 10.2 นิ้ว สำหรับระบบอินโฟเทนเมนต์ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเพลิดเพลินกับระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จาก Meridian ได้อีกด้วย
สมรรถนะที่พร้อมสำหรับทุกการเดินทาง
สำหรับเครื่องยนต์ของ Range Rover Evoque Convertible 2016 (ในตลาดสหราชอาณาจักร) มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล TD4 และเบนซิน Si4
เครื่องยนต์ดีเซล TD4: ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 195 กม./ชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองขณะวิ่งในเมืองที่ 14.9 กม./ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน Si4: ขนาด 2.0 ลิตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะจาก ZF ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วสูงสุดได้ 209 กม./ชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองขณะวิ่งในเมืองที่ 8.7 กม./ลิตร
Range Rover Evoque Convertible 2016 ทุกระดับการตกแต่งมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และอุปกรณ์มาตรฐานที่จัดมาให้อย่างครบครัน ทั้งระบบความปลอดภัย ระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ และระบบช่วยเหลือการขับขี่สำหรับการขับขี่ทั้งบนถนนปกติและออฟโรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามแบบฉบับของ Range Rover
ราคาและการตอบรับ
ราคาของ Range Rover Evoque Convertible 2016 ในสหราชอาณาจักรเริ่มต้นที่ประมาณ 2.32 ล้านบาท สำหรับรุ่น HSE Dynamic เครื่องยนต์ดีเซล และรุ่นเบนซินมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย หากเป็นรุ่น HSE Dynamic LUX ราคาจะขยับขึ้นไปอีก การออกแบบที่โดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ Evoque Convertible 2016 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่างและสไตล์ที่เหนือใคร
Range Rover Evoque Convertible 2016 เป็นมากกว่ารถยนต์ แต่คือสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นผู้นำเทรนด์ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า แม้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การนำเสนอสิ่งใหม่ที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ ก็ยังคงสามารถสร้างปรากฏการณ์และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคได้
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่ความหรูหรา สมรรถนะที่เหนือชั้น ไปจนถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคตและการเชื่อมต่อที่ไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น Honda Accord 2016 ที่มอบความคุ้มค่าและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ, Bentley Bentayga ที่คือสุดยอดนิยามของ SUV หรูหราและทรงพลัง, Ferrari GTC4 Lusso ที่เป็นสุดยอด GT สำหรับการเดินทางสุดพิเศษ, หรือ Range Rover Evoque Convertible 2016 ที่มอบประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดโล่งที่ไม่เหมือนใคร การตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ที่ใช่ คือการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ที่น่าตื่นเต้น
อย่ารอช้า! ค้นหารถยนต์ในฝันของคุณวันนี้ และสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าที่เคยเป็นมา

