Volvo EX30 Cross Country: ยกระดับการผจญภัยด้วย SUV ไฟฟ้า ขนาดเล็กที่สุด ที่พร้อมพาคุณไปทุกที่
ในโลกที่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ Volvo ได้เปิดตัวรถยนต์ที่สร้างนิยามใหม่ให้กับเซกเมนต์ SUV ขนาดเล็ก นั่นคือ Volvo EX30 Cross Country รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ผสมผสานการออกแบบที่โดดเด่น ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง และความอเนกประสงค์ที่เหนือชั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองแต่ก็ไม่ละทิ้งจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด และ Volvo EX30 Cross Country คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนของการก้าวข้ามขีดจำกัดของคำว่า “รถยนต์ขนาดเล็ก” มันไม่ใช่แค่รถยนต์ที่สวยงาม แต่เป็นผลลัพธ์ของการคิดอย่างรอบคอบเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
นิยามใหม่ของ SUV ขนาดเล็ก: ความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ในความกระทัดรัด
Volvo EX30 Cross Country ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงรถยนต์สำหรับเดินทางในเมืองเท่านั้น แต่ถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายทุกเส้นทาง ด้วยความสูงของตัวถังที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีระยะห่างจากพื้นมากขึ้น สามารถลุยผ่านเส้นทางที่ขรุขระได้อย่างมั่นใจ ประกอบกับตำแหน่งการนั่งที่สูง มอบมุมมองการขับขี่ที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยบนเส้นทางออฟโรด หรือแม้แต่การเดินทางที่ต้องเผชิญกับสภาพถนนที่หลากหลาย
แม้จะเป็น SUV ที่เล็กที่สุดเท่าที่ Volvo เคยผลิตมา แต่ EX30 Cross Country กลับเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย และพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งใหญ่เสมอ การออกแบบภายนอกที่แข็งแกร่งแต่ยังคงความสง่างามแบบสแกนดิเนเวีย ด้วยรายละเอียดของสีดำด้านบริเวณกันชนหน้า ขอบซุ้มล้อ และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยิ่งเสริมบุคลิกที่พร้อมลุยและมั่นใจในทุกสถานการณ์
สมรรถนะที่ปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัส: พลังไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
หัวใจสำคัญของ Volvo EX30 Cross Country คือระบบขับเคลื่อน Twin Motor Performance ที่ให้พละกำลังเทียบเท่ากับรุ่น EX30 Twin Motor Performance ซึ่งหมายถึงอัตราเร่งที่ฉับไวและการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงบนทางด่วน หรือการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว ระบบขับเคลื่อนนี้จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจเสมอ
การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกในตระกูล Cross Country ของ Volvo ทำให้ EX30 Cross Country เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการเดินทางไปทำงาน การรับส่งบุตรหลาน หรือแม้แต่การเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ การผสานความสมดุลระหว่างการขับขี่บนท้องถนนในเมืองที่เงียบสงบและเส้นทางขรุขระที่ไม่คุ้นเคย คือจุดเด่นที่ทำให้รถคันนี้แตกต่าง
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ไร้ที่ติ: Safe Space Technology จาก Volvo
ความปลอดภัยคือหัวใจหลักของแบรนด์ Volvo มาโดยตลอด และ Volvo EX30 Cross Country ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น มาพร้อมกับเทคโนโลยี Safe Space Technology ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการป้องกันภายนอกและภายในตัวรถ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และเซ็นเซอร์ตรวจจับรอบคัน ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด
เทคโนโลยีล้ำสมัยอื่นๆ ที่มีใน EX30 Cross Country ยังรวมถึง Park Pilot Assist ที่ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งขึ้น ระบบนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเครียดในการขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย
ความยั่งยืนคือ DNA ของแบรนด์: วัสดุรีไซเคิลและหมุนเวียน
Volvo มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และ EX30 Cross Country สะท้อนความมุ่งมั่นนี้อย่างชัดเจนผ่านการนำวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนมาใช้เป็นส่วนประกอบทั้งภายในและภายนอกรถ ตั้งแต่เบาะนั่งที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ไปจนถึงการตกแต่งภายในที่ใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
ดีไซน์ที่ไร้กาลเวลา: สุนทรียภาพแบบมินิมอลสแกนดิเนเวีย
การออกแบบภายในของ Volvo EX30 Cross Country ยังคงเอกลักษณ์ของ Volvo ด้วยสไตล์มินิมอลที่เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหรา ทุกองค์ประกอบถูกจัดวางอย่างมีระเบียบ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและใช้งานง่าย
ระบบเสียง Harman Kardon Premium Sound มอบประสบการณ์ทางดนตรีที่เหนือระดับ เสียงเพลงที่ดังออกมาจากซาวด์บาร์คุณภาพสูงจะเติมเต็มทุกการเดินทางให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
พื้นที่เก็บสัมภาระภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพื่อการจัดเก็บที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้คุณสามารถพกพาสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการผจญภัยได้อย่างครบครัน
การเชื่อมต่อที่ชาญฉลาด: โลกแห่งเทคโนโลยีในมือคุณ
Volvo EX30 Cross Country มาพร้อมระบบ Infotainment ที่ทันสมัยที่สุดของ Volvo การเข้าถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น แอป Volvo EX30, บริการจาก Google, การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air (OTA) และการเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ทำให้คุณไม่พลาดทุกการสื่อสารและข้อมูล
หน้าจอสัมผัสกลางขนาด 12.3 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง เป็นศูนย์กลางการควบคุมฟังก์ชันทั้งหมดของรถ ไม่ว่าจะเป็นการนำทาง ระบบปรับอากาศ หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถควบคุมได้อย่างสะดวกสบาย
ราคาที่เข้าถึงได้: Volvo EX30 Cross Country Twin Motor Performance
Volvo EX30 Cross Country Twin Motor Performance พร้อมให้จับจองแล้วในราคา 1,890,000 บาท ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของ Volvo ในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและความเป็นเลิศในทุกด้าน
บทสรุป: การผสมผสานที่ลงตัวสำหรับผู้รักอิสระ
Volvo EX30 Cross Country เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ไฟฟ้า มันคือการประกาศศักดาของ Volvo ในการเป็นผู้นำด้านการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า การออกแบบที่ยั่งยืน และสมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ การใช้วัสดุรีไซเคิล การออกแบบที่โดดเด่น และประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ทำให้รถคันนี้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับทั้งผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองและนักผจญภัยที่มองหารถคู่ใจที่จะพาพวกเขาไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ
ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าคันแรก หรือต้องการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของคุณให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น Volvo EX30 Cross Country พร้อมแล้วที่จะพาคุณออกไปสำรวจโลกกว้าง ด้วยความมั่นใจและสไตล์ที่เป็นคุณ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
GT World Challenge Asia 2025: มหกรรมซูเปอร์คาร์ระดับโลกที่บุรีรัมย์ ระหว่าง 30 พ.ค. – 1 มิ.ย. 2568
การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกอย่าง GT World Challenge Asia 2025 กำลังจะกลับมาสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ความเร็วอีกครั้ง โดยสนามที่ 3 ของฤดูกาล จะจัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน 2568 นี่คือหนึ่งในรายการแข่งขันชั้นนำระดับโลกที่จัดขึ้นใน 4 ทวีป และแน่นอนว่าสนามในประเทศไทยจะเต็มไปด้วยสีสันและความเข้มข้น
33 คัน 8 แบรนด์ชั้นนำ: การรวมตัวของซูเปอร์คาร์แห่งยุค
แฟนมอเตอร์สปอร์ตจะได้ตื่นตาตื่นใจกับสุดยอดเทคโนโลยีของรถยนต์ GT3 กว่า 33 คัน จาก 8 ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก อาทิ Mercedes-AMG, Ferrari 296, Porsche 911, Porsche 992, Lamborghini Huracan, Audi R8 LMS, BMW M4, Chevrolet Corvette Z06, และ Nissan GT-R NISMO การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการประลองความเร็ว แต่ยังเป็นการแสดงสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัย
นักแข่งระดับพระกาฬ: การต่อสู้เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง
ฤดูกาล 2025 ยังคงดึงดูดนักแข่งชั้นนำระดับโลกมาร่วมประชันฝีมืออย่างคับคั่ง นำโดยอดีตนักแข่ง Formula 1 อย่าง Markus Winkelhock, Alessio Picariello, Eduardo Mortara, Jayden Ojeda, Harry Tincknell, Alexander Sims, Lorenzo Patrese และ Nico Menzel การต่อสู้บนสนามจะเข้มข้นอย่างแน่นอน
สถานการณ์ล่าสุด: การขับเคี่ยวเพื่อตำแหน่งผู้นำ
หลังผ่าน 2 สนามแรกที่ Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย และ Pertamina Mandalika International Circuit ประเทศอินโดนีเซีย คู่หูนักแข่งชาวจีน Yuan Bo และ Leo Ye Hongli จาก Absolute Racing ยังคงนำเป็นจ่าฝูงด้วยคะแนน 68 แต้ม ตามมาด้วย Anthony Liu Xu และ Dorian Boccolacci จาก Phantom Global Racing ที่มี 59 แต้ม และอันดับ 3 คือ Ho Chun Fung และ Max van Splunteren จาก KRC ที่มี 49 แต้ม การแข่งขันที่บุรีรัมย์นี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการชิงตำแหน่งผู้นำ
ความสำคัญต่อวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย
นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า “GT World Challenge Asia เป็นรายการที่ดึงดูดผู้ชมทั่วโลก ด้วยพลังของยนตรกรรมระดับโลก และการแข่งขันที่เข้มข้น การที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับกีฬาความเร็วของไทยให้ครบทุกมิติ ทั้งยังเป็นการแสดงศักยภาพของประเทศ สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวผ่านกีฬาระดับพรีเมียม”
นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขัน Honda One Make Race 2025 สนามแรกของฤดูกาล ที่จะมาเสริมทัพความมันส์เป็นซัพพอร์ตเรซอีกด้วย
โปรแกรมการแข่งขันและช่องทางการซื้อบัตร
การแข่งขัน GT World Challenge Asia 2025 สนาม 3 จะเริ่มต้นด้วยการซ้อมอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม รอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม และการแข่งขันเรซแรกในบ่ายวันเดียวกัน ส่วนเรซที่ 2 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน
บัตรเข้าชมมีจำหน่ายแล้วที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ www.allticket.com บัตร VIP ราคา 2,000 บาท (1 วัน) และ 3,000 บาท (2 วัน) ส่วนบัตร GRANDSTAND ราคา 200 บาท (1 วัน) และ 300 บาท (2 วัน)
พิเศษ! ผู้ซื้อบัตรเข้าชมมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ อาทิ บัตร VIP โค้ง 12, บัตร Paddock Pass + Official Guide Tour (Paddock Raffle) และบัตร PIT Lane Walk ชมการแข่งขัน MotoGP 2026 ในกิจกรรม “Chang Int’s Friend Pass”
Volvo EX30: สถิติการผลิตทะลุเป้า สะท้อนความสำเร็จในตลาด EV
Volvo EX30 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายที่สุดของ Volvo ได้สร้างสถิติที่น่าประทับใจ โดยเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2024 รถยนต์ Volvo EX30 คันที่ 100,000 ได้ออกจากสายการผลิตที่โรงงานในประเทศจีน แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับ SUV ไฟฟ้าขนาดเล็ก
ความสำเร็จที่ก้าวกระโดด: 100,000 คัน ในเวลาไม่ถึงปี
การผลิต Volvo EX30 เริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 และใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปี ในการผลิตรถยนต์คันที่ 100,000 ให้สำเร็จลุล่วง ความสำเร็จนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ EX30 ทั่วโลก Volvo EX30 ถูกมองว่าเป็นโมเดลสำคัญของแบรนด์ ด้วยขนาดที่กะทัดรัด แต่กลับอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เป็นเอกลักษณ์ของ Volvo ทำให้แบรนด์นิยามรถรุ่นนี้ว่า “เล็กแต่ทรงพลัง”
ราคาที่เข้าถึงได้ และผลกระทบต่อตลาด
ในประเทศไทย Volvo EX30 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,590,000 บาท ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Volvo ที่มีราคาไม่แพงที่สุด ส่วนในตลาดจีน ราคาประมาณ 28,600 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 927,000 บาท) ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น
จากข้อมูลของ Dataforce พบว่า Volvo EX30 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในยุโรปเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเป็นรองเพียง Tesla Model Y เท่านั้น ด้วยปัจจัยนี้ Volvo จึงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในยุโรป โดยมี EX30 เป็นตัวขับเคลื่อนยอดขายหลัก
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขาย EV
ยอดขายโดยรวมของ Volvo เพิ่มขึ้นถึง 36% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมียอดขายรวม 19,605 คัน และในส่วนของ EX30 เพียงรุ่นเดียว มียอดขายสูงถึง 6,377 คัน
ความท้าทายในตลาดสหรัฐอเมริกา และกลยุทธ์การปรับตัว
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดอื่นๆ Volvo EX30 กำลังเผชิญกับความล่าช้าในการเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเดิมคาดการณ์ไว้ช่วงปลายปีนี้ แต่กลับต้องเลื่อนไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2025 สาเหตุหลักมาจากประกาศของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเก็บภาษี 100% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ซึ่ง EX30 ผลิตที่นั่น
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Volvo ได้วางแผนที่จะเริ่มผลิต EX30 ที่โรงงานในเมือง Ghent ประเทศเบลเยียม เพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าราคาในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 34,950 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.13 ล้านบาท)
ประสิทธิภาพและระยะทางการวิ่ง
Volvo EX30 สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 540 กม./ชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC) สำหรับการใช้งานในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะวิ่งได้ประมาณ 442 กม./ชาร์จ (ตามมาตรฐาน EPA)
อนาคตของ Volvo กับรถยนต์ไฟฟ้า
นอกเหนือจาก EX30 แล้ว Volvo ยังได้เปิดตัว EX90 ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง การส่งมอบ EX90 จะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ โดยรถรุ่นแรกได้ออกจากสายการผลิตที่โรงงานในรัฐเซาท์แคโรไลนาของ Volvo แล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน ด้วยรถ SUV ไฟฟ้าใหม่ 2 รุ่น Volvo มุ่งเป้าไปที่เซกเมนต์ที่มีความต้องการสูง และอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งเพื่อต่อยอดความสำเร็จ โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นอร์เวย์: ประเทศแห่งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และก้าวสู่ยุคใหม่ของยานยนต์
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นสำคัญทั่วโลก นอร์เวย์ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเมื่อปีที่แล้ว จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนมีมากกว่ารถยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืน
สถิติที่น่าทึ่ง: รถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้า รถยนต์สันดาป
สถิติที่น่าสนใจคือ ในปีที่ผ่านมา นอร์เวย์มีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนทั้งสิ้น 754,303 คัน มากกว่ารถยนต์สันดาป 753,905 คัน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังบ่งชี้ถึงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและแรงจูงใจที่รัฐบาลมอบให้กับประชาชนในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
แนวโน้มสู่ยุค EV 100%
นอร์เวย์กำลังมุ่งสู่การเป็นประเทศแรกในโลกที่ยกเลิกการขายรถยนต์สันดาปทั้งหมด ประชากรกว่า 5 ล้านคนในประเทศได้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันเกือบทั้งหมดแล้ว ข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งนอร์เวย์ (NEVA) ระบุว่า ในปี 2024 สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายได้สูงถึง 88.9% โดยแบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 788,836 คัน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเบา (ไฟฟ้า) อีก 36,984 คัน
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น สหราชอาณาจักรที่มีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 20% (ปี 2024) และสหรัฐอเมริกาที่ 8% จะเห็นได้ชัดว่านอร์เวย์มีความก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของสหภาพยุโรปในการห้ามขายรถยนต์สันดาปภายในปี 2035
แบรนด์ยอดนิยมในนอร์เวย์
รถยนต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในนอร์เวย์ คือ Tesla Model Y และ Tesla Model 3 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความชื่นชอบของชาวนอร์ดิกที่มีต่อรถยนต์ EV สัญชาติอเมริกัน นอกจากนี้ รุ่นที่ได้รับความนิยมรองลงมายังรวมถึง Volvo EX30, Volkswagen ID.4, Toyota bZ4X, Skoda Enyaq, Nissan Ariya, Volkswagen ID.3, Audi Q4 e-tron และ Hyundai Kona electric
ปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จ: มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ
นิตยสาร Forbes เปิดเผยว่า ตั้งแต่ทศวรรษ 1990s เป็นต้นมา รัฐบาลนอร์เวย์ได้ออกมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ EV อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ผลอย่างมีนัยสำคัญ มาตรการเด่นๆ ได้แก่:
การยกเว้นภาษีปล่อยมลพิษ
ส่วนลดค่าผ่านทาง 50%
ส่วนลดค่าจอดรถ
การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ใช้รถ EV ในการขับขี่ในเลนรถประจำทาง
มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่ยังสร้างความแตกต่างและส่งเสริมการตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม
XPeng: แผนการใหญ่ 30 รุ่น EV ใหม่ สู่การเป็นผู้นำในตลาดโลก
XPeng Motors ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน กำลังเดินหน้าตามแผนการขยายธุรกิจครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ถึง 30 รุ่น และรุ่นปรับโฉมอีกจำนวนหนึ่งภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า เพื่อแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ
การเติบโตอย่างก้าวกระโดด: 10 ปี สู่การเป็นผู้เล่นหลัก
XPeng Motors ซึ่งเพิ่งฉลองครบรอบ 10 ปีในปี 2024 ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน แข่งขันกับแบรนด์ใหญ่อย่าง NIO และ BYD บริษัทได้พยายามขยายตลาดไปยังยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น เช่น Xpeng G9 (SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่) และ X9 (MPV ไฟฟ้าอเนกประสงค์)
แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นปรับโฉม
ตามจดหมายภายในที่ส่งถึงพนักงาน ประธานบริษัท He Xiaopeng ได้เปิดเผยถึงแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 30 รุ่น และรุ่นปรับโฉมภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยรถยนต์กลุ่มใหม่นี้จะครอบคลุมช่วงราคาตั้งแต่ 14,000 ถึง 56,000 เหรียญสหรัฐในตลาดจีน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มช่องว่างในตลาด ทำให้ XPeng สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มราคาตั้งแต่ 100,000 ถึง 400,000 หยวน
ปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จ: การแข่งขันที่ดุเดือดและการลงทุนด้าน R&D
การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ XPeng ได้รับแรงหนุนจากการแข่งขันที่เข้มข้นในอุตสาหกรรม EV ของจีน CEO ของ XPeng มองว่าปี 2024 เป็นปีแห่ง “ทะเลเลือด” สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ในจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการคัดเลือกผู้เล่นที่มีศักยภาพ
เพื่อรองรับเป้าหมายดังกล่าว XPeng จะมีการจ้างพนักงานใหม่ประมาณ 4,000 คน และเพิ่มงบประมาณการวิจัยและพัฒนา (R&D) มากกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) บริษัทวางแผนจะลงทุน 3.5 พันล้านหยวน (ประมาณ 17.8 หมื่นล้านบาท) ในปี 2024 เพื่อการวิจัยและพัฒนา AI โดยเฉพาะ
การบูรณาการระบบ: ก้าวสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
XPeng กำลังพัฒนากลยุทธ์ใหม่ในการบูรณาการการตลาดรถยนต์ อินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟนเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้งาน และตอกย้ำสถานะของบริษัทในฐานะ “หนึ่งในผู้เล่นชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า”
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย เปี่ยมด้วยสมรรถนะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Volvo EX30 Cross Country คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด พร้อมแล้วที่จะพาคุณออกไปสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกเส้นทาง
หรือหากคุณคือผู้หลงใหลในความเร็วและเสียงคำรามของเครื่องยนต์ GT World Challenge Asia 2025 ที่บุรีรัมย์ คือโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสสุดยอดซูเปอร์คาร์ระดับโลกอย่างใกล้ชิด
ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางไหน อนาคตแห่งการเดินทางกำลังรอคุณอยู่ แล้วคุณพร้อมหรือยังที่จะก้าวไปกับเรา?

