• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0401059 เม อต องพาแฟนไปบ าน แต อายเพราะบ านจน part2

admin79 by admin79
December 30, 2025
in Uncategorized
0
N0401059 เม อต องพาแฟนไปบ าน แต อายเพราะบ านจน part2

ฟอร์ด เอเวอเรสต์: การประเมินเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ สู่ยุคใหม่แห่ง SUV อเนกประสงค์

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการของรถยนต์ SUV และ PPV เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด และวันนี้ ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่รายละเอียดเชิงลึกของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมการปรับปรุงและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหารถยนต์ที่มากกว่าแค่การเดินทาง แต่คือการผจญภัยและไลฟ์สไตล์ที่ไร้ขีดจำกัด

การวิเคราะห์สมรรถนะ: เมื่อตัวเลขบนกระดาษอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

หลายครั้งที่เราเห็นตัวเลขสมรรถนะจากการทดสอบ และอาจเกิดความสงสัยว่า ทำไม ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 3.2 ลิตร 6AT 4×4 ที่ดูทรงพลังกว่า กลับมีตัวเลขที่ดูเหมือนจะด้อยกว่าคู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต (Mitsubishi Pajero Sport) ที่ใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยกว่า? คำตอบนี้ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิดครับ

ปัจจัยสำคัญประการแรกคือ “น้ำหนักตัว” ของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 3.2 ลิตร 4×4 ที่สูงถึง 2,480 กิโลกรัม เกือบ 2.5 ตัน บวกกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่แม้จะดูสวยงาม แต่ก็เป็นอีกน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามา ส่งผลโดยตรงต่ออัตราเร่งและความคล่องตัว

สำหรับรุ่น ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2.2 ลิตร 4×2 ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาด หากมองเพียงตัวเลขดิบๆ อาจดูอืดอาด แต่ในความเป็นจริง ทั้งเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตร ตระกูล Puma เวอร์ชันใหม่นี้ มีบุคลิกที่คล้ายคลึงกันในช่วงออกตัว 0-30 กม./ชม. (เกียร์ 1) และต่อเนื่องไปถึง 60 กม./ชม. (เกียร์ 2) รถจะพุ่งทะยานออกไปได้อย่างน่าพอใจ ให้สัมผัสที่กระฉับกระเฉง

อย่างไรก็ตาม พอเข้าสู่ช่วง 70 กม./ชม. จะรู้สึกเหมือนลิ้นปีกผีเสื้อถูกสั่งให้หรี่ลงเล็กน้อย ทำให้จังหวะต่อเนื่องขาดตอนไปบ้าง มิเช่นนั้น ตัวเลข 0-100 กม./ชม. อาจจะดีกว่านี้ อย่างน้อยรุ่น 3.2 ลิตร 4×4 ควรจะทำได้ในราว 11.6-11.7 วินาที และรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 ก็น่าจะอยู่ในช่วง 12 วินาทีปลายๆ ใกล้เคียงกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ (Ford Ranger) 2.2 ลิตร รุ่นเดิม

เมื่อพูดถึงความเร็วสูงสุด รุ่น 3.2 ลิตร 4×4 สามารถไต่ระดับไปได้ต่อเนื่องจนถึง 140-150 กม./ชม. ก่อนจะเริ่มช้าลง และมักจะไปค้างอยู่ที่ราว 160 กม./ชม. หากต้องการมากกว่านั้น อาจต้องอาศัยเนินช่วยส่งลงมา แต่ก็ไปหยุดอยู่ที่ 185 กม./ชม. ได้อย่างน่าสนใจ

สำหรับรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 เป็นไปตามคาด เข็มความเร็วไต่ขึ้นอย่างเนิบนาบ แต่ต่อเนื่อง จนถึง 160 กม./ชม. การจะไต่ไปถึง Top Speed 181 กม./ชม. นั้น ต้องใช้ความอดทน และบางครั้งอาจต้องอาศัยเนินช่วยส่งลงมาเช่นกัน

ข้อควรย้ำ: เราไม่สนับสนุนการทดสอบความเร็วสูงสุดในที่สาธารณะ เพราะผิดกฎหมายจราจร การทดสอบนี้มีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเท่านั้น เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางเสมอ

สัมผัสการขับขี่จริง: แรงสมตัว ในทุกย่านความเร็ว

ในสถานการณ์การขับขี่ใช้งานจริง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทั้ง 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตร ให้สัมผัสที่ “แรงสมตัว” ตามความคาดหมาย แม้พละกำลัง 200 แรงม้าของรุ่น 3.2 ลิตร จะต้องแบกน้ำหนักกว่า 2.5 ตัน ทำให้ความแรงอาจไม่สามารถเทียบกับคู่แข่งบางรุ่นได้โดยตรง แต่ความแรงที่ออกมาก็ถือว่าทำได้ดีเยี่ยมแล้วครับ คิดเสียว่าแรงม้าที่เพิ่มมานั้น ก็เอาไปชดเชยกับน้ำหนักที่มากกว่าชาวบ้านเขา

อย่างไรก็ตาม ในบางจังหวะ เมื่อเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อเร่งแซง แล้วถอนคันเร่งฉับพลัน อาจมีอาการกระโจนไปข้างหน้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับรถยนต์เกียร์ CVT ทั่วไป

สำหรับรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 อัตราเร่งไม่ได้อืดอาดอย่างที่ตัวเลขแสดง ในการใช้งานในเมือง การออกตัวจากไฟแดง มอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ อาจต้องบิดเครื่องยนต์มากกว่าปกติเพื่อมาเทียบเคียงได้ การตอบสนองสำหรับการใช้งานในเมืองจึงถือว่าไม่น่าผิดหวัง

สิ่งสำคัญคือ คุณอาจต้องเรียนรู้จังหวะการเร่งแซงสักหน่อย หากต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน ต้องเผื่อเวลาให้สมองกลประมวลผลประมาณ 0.3-0.5 วินาทีก่อนที่ลิ้นปีกผีเสื้อจะเปิดเต็มที่ และรอบูสต์เทอร์โบมาถึงรอบที่ต้องการ ซึ่งอาจใช้เวลาราว 0.7-1 วินาที ดังนั้น การวางแผนเผื่อเวลาจึงเป็นสิ่งจำเป็น

หากต้องการขับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2.2 ลิตร 4×2 ให้ว่องไวในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การมุดเลนซ้ายป่ายขวา แนะนำให้เหยียบคันเร่งให้ลึกเกินครึ่ง กล่องสมองกลจะรับรู้ถึงความเร่งด่วน และสั่งจ่ายเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ทำงานได้เร็วขึ้น ส่งผลให้อัตราเร่งต่อเนื่องดีเกินคาด

เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน: สัมผัสความเงียบสงัดในห้องโดยสาร

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทำได้ดีเยี่ยมในการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ถือเป็นหนึ่งใน SUV/PPV ที่เงียบที่สุดในตลาด คุณจะเริ่มได้ยินเสียงลมไหลผ่านยางขอบประตูแผ่วเบาจริงๆ ก็ต้องที่ระดับความเร็ว 140 กม./ชม. ขึ้นไป

สาเหตุหลักมาจากวัสดุซับเสียงคุณภาพสูงที่อัดแน่นเต็มพื้นรถ ประกอบกับการนำเทคโนโลยี Active Noise Cancellation มาติดตั้งใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ทุกรุ่น

ระบบนี้ทำงานโดยใช้ไมโครโฟน 3 จุด (ด้านหน้า 2 จุด, ด้านหลัง 1 จุด) รับฟังเสียงรบกวนรอบตัวรถ แล้วส่งข้อมูลไปยังกล่องสมองกล เพื่อสร้างคลื่นความถี่ตรงกันข้าม ปล่อยออกมาทางลำโพงของระบบเครื่องเสียง เพื่อหักล้างเสียงรบกวน

แม้ห้องโดยสารจะเงียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่หากสังเกตดีๆ อาจมีเสียงสะท้อน (Echo) แผ่วเบาให้ได้ยิน ซึ่งคล้ายกับการยืนพูดในห้องที่เก็บเสียงได้ดีมาก แต่ไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก และในผู้โดยสารบางราย อาจมีอาการหูอื้อเล็กน้อย คล้ายกับการขึ้นเครื่องบิน แต่ไม่หนักหนาจนน่ารำคาญ

คำแนะนำ: ก่อนตัดสินใจซื้อ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ควรนำสมาชิกในครอบครัวไปทดลองนั่งและขับขี่ เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการดังกล่าวหรือไม่ หากไม่มีปัญหา ก็สามารถเลือกซื้อได้เลย

ระบบบังคับเลี้ยว EPAS: ความแม่นยำที่สัมผัสได้

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ถือเป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPAS (Electronics Power Assist Steering Wheel) มาใช้ในรถยนต์ SUV/PPV ในประเทศไทย

เหตุผลหลักคือการรองรับระบบช่วยจอด Parking Assist ซึ่งจำเป็นต้องทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า ทำให้พวงมาลัยที่ควบคุมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตอบโจทย์ได้ดีกว่าแบบไฮโดรลิค

ในช่วงความเร็วต่ำ พวงมาลัยรุ่น 3.2 ลิตร มีน้ำหนักที่เบากว่าที่คาดเล็กน้อย แต่ยังรู้สึกถึงแรงต้านมือได้ดี อยู่ในระดับเดียวกับ BMW X5 รุ่นล่าสุด

ส่วนรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 นั้น พวงมาลัยเบามากจนเกือบจะใช้นิ้วชี้หมุนได้เลย เบากว่ารุ่น 3.2 ลิตร เล็กน้อย จนอาจต้องร้องถามว่า “นี่มันพวงมาลัย Toyota Corolla Altis หรือเปล่า?” แต่นับว่ายังดีที่ยังมีแรงต้านมือให้สัมผัสได้

เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น พวงมาลัยของทั้งสองรุ่นจะหนืดขึ้นจริง แต่ค่อนข้างน้อยในรุ่น 3.2 ลิตร และน้อยมากในรุ่น 2.2 ลิตร จุดเด่นคือวิศวกรของ Ford เซ็ตระยะฟรีของพวงมาลัยและ On-centre feeling ได้ดีเยี่ยม บังคับเลี้ยวได้แม่นยำ และมีความต่อเนื่องในการหมุน (Linear) ที่ดีมาก ทำให้การขับขี่ที่ความเร็วสูงยังคงมั่นใจได้

เหตุผลที่พวงมาลัยรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 เบากว่า 3.2 ลิตร 4×4 มาจากน้ำหนักตัวที่เบากว่า การถอดเพลาขับหน้า การใช้ล้ออัลลอยที่เล็กลง และหน้ายางที่แคบลง

โดยส่วนตัว ผมมองว่าพวงมาลัยรุ่น 3.2 ลิตร เซ็ตมาได้เหมาะสมดีแล้ว ขณะที่รุ่น 2.2 ลิตร อาจจะเบาเกินไปไปสักหน่อย หากมีการปรับความหนืดให้มากขึ้นในช่วงความเร็วต่ำและสูง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้น

รัศมีวงเลี้ยว 5.85 เมตร ค่อนข้างกว้างไปนิดสำหรับการเลี้ยวกลับรถในถนน 4 เลน อาจต้องเผื่อวงเลี้ยว หรือกินเลนฝั่งซ้ายไปอีกครึ่งเลน เพื่อความปลอดภัย

ระบบช่วงล่าง: หนึบแน่น มั่นคง ในทุกสภาวะ

ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ Double Wishbone พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อม Watt’s Link และเหล็กกันโคลง

ในช่วงความเร็วต่ำ รุ่น 3.2 ลิตร ที่เซ็ตมาในแนวหนักแน่น จะส่งแรงสะเทือนจากพื้นถนนขึ้นมาให้สัมผัสได้อย่างชัดเจน แต่ไม่สะเทือนลั่นจนเกินไป แม้จะสวมล้อ 20 นิ้ว ก็ตาม ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักตัวรถที่มาก ช่วยกดแรงสะเทือนได้ดี

ในช่วงความเร็วเดินทางหรือความเร็วสูง รุ่น 3.2 ลิตร หายห่วง ช่วงล่างยังคงนิ่ง หนักแน่น มั่นคง ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม อาการช่วงล่างด้านหลังดีดเด้งน้อยมาก

ขณะที่รุ่น 2.2 ลิตร 4×2 ช่วงล่างจัดว่าแน่น หนึบ แต่ยังคงมีการสะเทือนจากฝาท่อ รอยต่อถนน และพื้นผิวขรุขระให้สัมผัสได้บ้าง ไม่ได้ซับแรงได้เนียนเท่า ปาเจโร สปอร์ต แต่ก็ยังน้อยกว่ารุ่น 3.2 ลิตร

การเข้าโค้งต่างๆ ด้วยความเร็วสูง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทำได้อย่างมั่นใจ สามารถทำความเร็วในโค้งต่างๆ ได้น่าประทับใจ โดยที่รถยังคงนิ่ง ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม

เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ให้ความนุ่มนวลกว่าเล็กน้อย อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ (Isuzu MU-X) นุ่มแต่แอบเด้งด้านหลัง เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ (Chevrolet Trailblazer) หนึบกว่า MU-X นิดหน่อย ส่วน โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ (Toyota Fortuner) ให้ช่วงล่างที่แข็งและสะเทือนที่สุดในกลุ่ม

อย่างไรก็ตาม ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 3.2 ลิตร ถือว่าเซ็ตช่วงล่างได้ดีที่สุดในกลุ่ม SUV/PPV ที่ผลิตในประเทศไทย

สำหรับรุ่น 2.2 ลิตร Titanium 4×2 พร้อมล้อ 18 นิ้ว น้ำหนักตัวที่เบากว่า อาจทำให้มีอาการโยนเวลาลงคอสะพาน หรืออาการดีดเด้งเพิ่มขึ้นจากรุ่น 3.2 ลิตร อยู่บ้าง

ระบบเบรก: หยุดรถอย่างมั่นใจ ด้วยเทคโนโลยีครบครัน

ระบบห้ามล้อของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ทุกรุ่นย่อย เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมครีบระบายความร้อนคู่หน้า เสริมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ABS, EBD, Brake Assist, ESP และ Traction Control

นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเหลือที่ล้ำสมัย เช่น Roll Over Mitigation, Hill Descent Control (เฉพาะรุ่น 3.2 ลิตร 4×4), Hill Launch Assist (HLA), และ Trailer Sway Control (TSC)

แป้นเบรกมีระยะเหยียบยาวและลึกพอสมควร การตอบสนองนุ่มนวล ให้ความรู้สึกเหมือนมีลมจากหม้อลมส่งมารอรับใต้ฝ่าเท้า คล้ายกับรถยนต์แบรนด์เยอรมันระดับพรีเมียม

การทำงานของเบรกจะเริ่มสัมผัสได้ชัดเจนเมื่อเหยียบลงไปประมาณ 25-30% ของระยะเหยียบทั้งหมด ในช่วงแรกอาจรู้สึกเหมือนรถไม่ค่อยหน่วงเท่าที่ควร

โดยรวมแล้ว ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สามารถเบรกได้อย่างนุ่มนวลในสภาพการจราจรติดขัด และมั่นใจได้ในการหน่วงความเร็วจากย่านความเร็วสูง โดยไม่ปรากฏอาการ Fade นับเป็นระบบเบรกที่ดีติดอันดับต้นๆ ในกลุ่ม SUV/PPV

ข้อเสนอแนะ: หากปรับปรุงการตอบสนองของแป้นเบรกให้ Linear มากขึ้นตั้งแต่เริ่มแตะแป้น จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน: เทคโนโลยีแห่งยุคสมัย

ทีมวิศวกรของ Ford ได้ติดตั้งอุปกรณ์ Hi-Tech ด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) มาอย่างเต็มพิกัด ซึ่งกลายเป็นจุดขายสำคัญของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ โดยเฉพาะในรุ่น Titanium+

Adaptive Cruise Control: ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ช่วยรักษาความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ หากรถคันหน้าชะลอความเร็ว ระบบจะปรับลดความเร็วลงตาม หากรถคันหน้าเร่งความเร็ว ระบบจะกลับสู่ความเร็วที่ตั้งไว้เดิม หากรถคันหน้าเบรก ระบบจะแจ้งเตือนด้วยสัญญาณไฟ และตัดการทำงานของ Cruise Control เพื่อให้ผู้ขับขี่เหยียบเบรก
Collision Mitigation: แม้จะไม่ได้เปิดระบบ ACC แต่หากขับเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป ระบบจะร้องเตือนให้ผู้ขับขี่เหยียบเบรก
Lane Departure Warning & Lane Keeping Aid: ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบช่วยประคองพวงมาลัยให้รถกลับเข้าสู่เลนเดิมอัตโนมัติ หากผู้ขับขี่ละเลย หรือมีอาการเหนื่อยล้า ระบบจะแจ้งเตือนให้หาที่พัก
BLIS (Blind Spot Information System): ระบบตรวจจับรถในจุดอับสายตา ที่ยกมาจาก Volvo แจ้งเตือนด้วยไฟที่กระจกมองข้าง เมื่อมีรถแล่นเข้ามาในระยะ 3 เมตร (ทำงานเมื่ออยู่ในเกียร์ D เท่านั้น)
Active Parking Assist: ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ทั้งการจอดแบบขนาน (Parallel Parking) และการจอดในช่องจอดต่างๆ ระบบจะคำนวณหาช่องจอดที่เหมาะสม และควบคุมพวงมาลัยให้รถเข้าจอดได้อย่างเรียบร้อย ผู้ขับขี่ยังคงต้องควบคุมการเหยียบเบรกเพื่อควบคุมความเร็ว
Cross Traffic Alert: ทำงานเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (R) ระบบจะตรวจจับรถที่แล่นตัดผ่านด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด และส่งสัญญาณเตือน

ระบบความปลอดภัยเชิงรับ: ปกป้องทุกชีวิตในห้องโดยสาร

หากอุปกรณ์ Active Safety ไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ อุปกรณ์ Passive Safety จะเข้ามาทำหน้าที่ปกป้องผู้โดยสาร

ถุงลมนิรภัย: ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ด้านข้าง, และม่านลมนิรภัย รวม 6 ใบ (รุ่น 3.2 Titanium+ 4×4 เพิ่มถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ เป็น 7 ใบ)
เข็มขัดนิรภัย: แบบ ELR 3 จุด ทั้ง 7 ที่นั่ง
จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก: มาตรฐาน ISOFIX ทั้ง 2 ฝั่ง ของเบาะแถวกลาง
ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ: ESS (Emergency Stop Signal)

ด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครัน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้รับมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ANCAP (Australia) และคะแนนสูงสุดด้านความปลอดภัยผู้โดยสารผู้ใหญ่จาก ASEAN NCAP

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: สมดุลระหว่างสมรรถนะและความประหยัด

ในยุคปัจจุบัน ความประหยัดน้ำมันกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถ SUV/PPV อย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์

เราต้องเข้าใจว่า รถยนต์ที่มีน้ำหนักเกือบ 2 ตัน จะไม่สามารถประหยัดน้ำมันได้เทียบเท่ารถยนต์ Eco Car ได้อย่างแน่นอน

จากการทดสอบมาตรฐานของเรา:
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 3.2 ลิตร 4×4: ทำได้ 11.16 กม./ลิตร (ระยะทาง 92.1 กม. ใช้น้ำมัน 8.25 ลิตร) ถือว่าน่าพอใจมากสำหรับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่และน้ำหนักตัวที่มาก
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2.2 ลิตร 4×2: ทำได้ 12.59 กม./ลิตร (ระยะทาง 92.8 กม. ใช้น้ำมัน 7.37 ลิตร) ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ 4 ประตู 4×2 ที่เราเคยทดสอบเมื่อหลายปีก่อน

สำหรับการใช้งานจริง:
2.2 ลิตร 4×2: สามารถวิ่งได้ประมาณ 700 กม. ต่อการเติมน้ำมัน 1 ถัง
3.2 ลิตร 4×4: หากขับขี่อย่างนุ่มนวล อาจได้ถึง 520 กม. ต่อการเติมน้ำมัน 1 ถัง แต่ในการทดสอบของเรา อยู่ที่ประมาณ 450 กม.

ปัญหาประจำรุ่น: การเรียนรู้จากประสบการณ์

ตลอดระยะเวลาที่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ วางจำหน่ายในตลาด ได้มีการรายงานปัญหา Defect บางประการเข้ามา ซึ่ง Ford ได้ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาไฟไหม้ที่ออสเตรเลีย: เกิดจากการประกอบขั้วแบตเตอรี่ไม่แน่นหนา Ford ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตแล้ว
แป้นคันเร่งสั่น: อาจเกิดขึ้นหลัง 5,000 กม. สามารถแก้ไขได้ด้วยการอัปเกรด Firmware
ปัญหาระบบไฟฟ้า: แสดงสัญญาณเตือนต่างๆ บนมาตรวัด สามารถแก้ไขเบื้องต้นด้วยการดับเครื่องยนต์และสตาร์ทใหม่ หากไม่หาย ควรนำเข้าศูนย์บริการ
เสียงกระพือบริเวณหลังคา Panoramic Sunroof: เกิดในล็อตแรกๆ ปัจจุบันได้รับการแก้ไขแล้ว
สติกเกอร์ที่เพลาขับหลัง: เกิดจากการลืมดึงสติกเกอร์ออกก่อนส่งมอบ สามารถแก้ไขได้โดยการลอกสติกเกอร์ออก
EGR: อาจมีไฟเตือนรูปประแจขึ้น ต้องทำความสะอาดใหม่
CKP Sensor: ปัญหาเครื่องยนต์สวิงจนดับ เกิดในรุ่นที่ผลิตก่อนเดือนเมษายน 2016 Ford ได้เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นนี้แล้ว
ซีลเดือยหมู/ซีลเฟืองท้าย: หากพบคราบ ให้เช็ดทำความสะอาดและสังเกตอาการอีกครั้ง
ช่องเสียบปลั๊กไฟ 220V: พบปัญหาฟิวส์ขาดและกลิ่นไหม้ในบางคัน
หน้าจอ Monitor ค้าง: ให้ปล่อยให้ระบบ Re-Boot เองประมาณ 5 นาที

สรุป: ฟอร์ด เอเวอเรสต์ – มาตรฐานใหม่แห่ง SUV/PPV

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือผลผลิตของการพัฒนานโยบาย Global Car ของ Ford ที่มุ่งเน้นการสร้างรถยนต์ที่สามารถขายได้ทั่วโลก พร้อมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อสร้างความรู้สึกว่า “Ford คือรถยนต์เทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาสุดคุ้มค่า”

การใช้ Toyota Land Cruiser Prado เป็น Benchmark ในการพัฒนา U375 Project ทำให้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งในหลายด้าน:

อุปกรณ์ความปลอดภัย Hi-Tech: ล้ำหน้าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ช่วงล่างที่หนักแน่น: สร้างความมั่นใจในการขับขี่
การบังคับขับขี่: คล่องตัวในช่วงความเร็วต่ำ และมั่นคงในช่วงความเร็วสูง
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ: ยกชุดมาจาก Land Rover
ภายในห้องโดยสาร: หรูหราสะดวกสบาย ใกล้เคียง Range Rover

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้ตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับ SUV/PPV ที่ผลิตในประเทศไทยได้อย่างแท้จริง

ข้อด้อยที่ควรปรับปรุง:

น้ำหนักตัวที่มาก: ส่งผลต่ออัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
น้ำหนักพวงมาลัย: ควรหนืดขึ้นอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะรุ่น 2.2 ลิตร
แป้นเบรก: ควรตอบสนองไวขึ้นตั้งแต่เริ่มแตะ
มาตรวัดรอบเครื่องยนต์: ขนาดเล็กเกินไป อ่านลำบาก
การเข้า-ออกเบาะแถว 3: ยากลำบากกว่ารุ่นก่อน
ระบบไฟฟ้าที่ซับซ้อน: อาจเป็นข้อกังวลในระยะยาวเรื่องการซ่อมบำรุง

คู่แข่งในตลาด SUV/PPV:

Chevrolet Trailblazer: แรง แต่ศูนย์บริการในอดีตมีปัญหากระทบภาพลักษณ์
Isuzu MU-X: ประหยัดน้ำมันที่สุด ศูนย์บริการดีเยี่ยม แต่ช่วงล่างแอบเด้ง
Mitsubishi Pajero Sport: ดีไซน์ล้ำสมัย ขับขี่ง่าย แต่ช่วงล่างนุ่มจนลดความมั่นใจ
Toyota Fortuner: เจ้าตลาด ช่วงล่างแข็งกระด้าง แต่ศูนย์บริการเยอะที่สุด

รุ่นย่อยที่คุ้มค่าที่สุด:

2.2 Titanium+ 4×2 6AT: อุปกรณ์ครบครัน คุ้มค่าที่สุดใน Line-up
3.2 Titanium+ 4×4 6AT: สำหรับผู้ที่ต้องการระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมีงบประมาณเพียงพอ

บริการหลังการขาย: ความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม

แม้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ จะมีจุดเด่นในตัวรถที่แข็งแกร่ง แต่ปัญหาบริการหลังการขายของ Ford ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ลูกค้าควรตรวจสอบข้อมูล และสอบถามเกี่ยวกับศูนย์บริการก่อนตัดสินใจซื้อ

สรุป: การตัดสินใจที่ชาญฉลาด

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือรถยนต์ SUV/PPV ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี สมรรถนะ และความปลอดภัย หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่พร้อมพาคุณไปทุกที่ พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ และให้ความสำคัญกับความล้ำสมัย ฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน

หากคุณพร้อมแล้วที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ และเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งยนตรกรรมอเนกประสงค์ อย่ารอช้า! ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ หรือทดลองขับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ณ ผู้จำหน่ายฟอร์ดใกล้บ้านคุณวันนี้ เพื่อค้นพบมิติใหม่ของการเดินทางที่ไร้ขีดจำกัด.

Previous Post

N0401057 งครอบคร วไว างหล หว งแต ความส ขต วเอง part2

Next Post

N0401063 อลหม านล กหลาน GenZ part2

Next Post
N0401063 อลหม านล กหลาน GenZ part2

N0401063 อลหม านล กหลาน GenZ part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0401061 บนเส นทางร ไม ได แต ดอกไม part2
  • N0401063 อลหม านล กหลาน GenZ part2
  • N0401059 เม อต องพาแฟนไปบ าน แต อายเพราะบ านจน part2
  • N0401057 งครอบคร วไว างหล หว งแต ความส ขต วเอง part2
  • N0401060 ปสรรคความร กบางท มาในร ปแบบของงานบ าน! part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.