• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0301023 กแต งหน าดำในงานแต งเธอโดยแม สาม เขาทำแบบน ไปเพ ออะไร part2

admin79 by admin79
December 31, 2025
in Uncategorized
0
N0301023 กแต งหน าดำในงานแต งเธอโดยแม สาม เขาทำแบบน ไปเพ ออะไร part2

ฟอร์ด เอเวอเรสต์: ปรับสมดุลความหรูหรา เทคโนโลยี และสมรรถนะในยุคใหม่

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดรถยนต์ SUV/PPV ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง การเปิดตัว Ford Everest ในเจนเนอเรชั่นล่าสุด เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของ Ford ในการนิยามนิยามใหม่ของรถอเนกประสงค์ที่เหนือกว่าคำว่า “รถกระบะดัดแปลง” ไปสู่ความหรูหรา เทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายได้อย่างลงตัว

การประเมินสมรรถนะ: ความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตัวเลข

เมื่อพิจารณาตัวเลขสมรรถนะที่ปรากฏ เราอาจเกิดความสงสัยว่าเหตุใด Ford Everest รุ่นเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร 4×4 เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ จึงดูเหมือนจะพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งอย่าง Mitsubishi Pajero Sport ที่ใช้ขุมพลังขนาดเล็กกว่าได้อย่างไร คำตอบนั้นซ่อนอยู่ในรายละเอียดที่มากกว่าตัวเลขดิบๆ

ประการแรก คือ “น้ำหนักตัว” รุ่น 3.2 ลิตร 4×4 นั้น มีน้ำหนักรวมสูงถึง 2,480 กิโลกรัม หรือเกือบ 2.5 ตัน ซึ่งถือเป็นน้ำหนักที่มากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่หลายคนชื่นชอบในความสวยงาม ก็มีส่วนเพิ่มน้ำหนักให้กับรถคันนี้โดยไม่จำเป็น

ในทางกลับกัน รุ่น 2.2 ลิตร 4×2 ทำผลงานได้ตามคาด แม้ตัวเลขอาจดูไม่หวือหวา หากมองเผินๆ หลายคนอาจมองว่า “อืด” ซึ่งตามมาตรฐานของ Headlightmag.com ในปี 2015 นั้น Everest 2.2 ลิตร ค่อนข้างจะใกล้เคียงคำว่า “อืด” จริง แต่ต้องเข้าใจถึงบุคลิกของขุมพลังตระกูล Puma เวอร์ชันใหม่ ที่มีลักษณะเด่นคล้ายกันในทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์

ช่วงออกตัว 0-30 กม./ชม. (เกียร์ 1) และต่อเนื่องไปจนถึง 60 กม./ชม. (เกียร์ 2) รถจะทะยานออกไปอย่างน่าประทับใจ ให้สัมผัสของความกระปรี้กระเปร่า แต่เมื่อความเร็วแตะระดับ 70 กม./ชม. ราวกับลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้าถูกสั่งให้หรี่ลงเล็กน้อย ทำให้จังหวะต่อเนื่องขาดตอนไป หากการตอบสนองเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตัวเลข 0-100 กม./ชม. ควรจะดีกว่านี้อย่างแน่นอน โดยรุ่น 3.2 ลิตร 4×4 ควรทำได้ราว 11.6-11.7 วินาที และรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 ควรอยู่ที่ประมาณ 12 วินาทีปลายๆ ใกล้เคียงกับ Ford Ranger 2.2 ลิตร รุ่นก่อนหน้า

การไต่ระดับความเร็ว: ความต่อเนื่องที่ต้องพิจารณา

เมื่อพิจารณาถึงการไต่ความเร็วสูงสุด รุ่น 3.2 ลิตร 4×4 สามารถทำได้ต่อเนื่องจนถึงช่วง 140-150 กม./ชม. ก่อนจะชะลอตัวลง และมักจะหยุดอยู่ที่ประมาณ 160 กม./ชม. หากต้องการไปให้เร็วกว่านั้น อาจต้องอาศัยทางลงเนินช่วยเสริม ก่อนจะไปตันที่ 185 กม./ชม.

สำหรับรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 การไต่ความเร็วเป็นไปอย่างเนิบนาบ แต่ต่อเนื่อง จนถึง 160 กม./ชม. การจะไปให้ถึง Top Speed ที่ 181 กม./ชม. นั้น ต้องใช้เวลาและการกดคันเร่งแช่เป็นเวลานาน การใช้ทางลงเนินช่วยจึงเป็นสิ่งจำเป็น และการได้เห็นตัวเลขนี้จริงๆ นั้น ลุ้นกันจนแทบใจหาย!

ขอย้ำเตือนเสมอว่า การทดสอบความเร็วสูงสุดนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการเลียนแบบ เพราะผิดกฎหมายจราจร และอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

สัมผัสการขับขี่จริง: “แรงสมตัว” กับความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน

โดยรวมแล้ว ขุมพลังทั้ง 3.2 ลิตร และ 2.2 ลิตร ของ Everest ให้สัมผัสที่ “แรงสมตัว” ไม่ได้เกินความคาดหมายมากนัก แม้รุ่น 3.2 ลิตร จะมีกำลังถึง 200 แรงม้า แต่เมื่อต้องแบกน้ำหนักกว่า 2 ตัน ทำให้สมรรถนะโดยรวมอาจยังไม่เทียบเท่า Chevrolet Trailblazer หรือ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่เสียทีเดียว แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในพิกัดน้ำหนักตัวนี้ กำลังที่เพิ่มขึ้น 20 แรงม้า ถูกนำไปใช้ในการชดเชยน้ำหนักที่มากกว่าชาวบ้านเขา

อย่างไรก็ตาม มีบางจังหวะที่น่าสังเกต เมื่อเหยียบคันเร่งจนสุดเพื่อเร่งแซง แล้วถอนคันเร่งฉับพลัน ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้าอาจมีการหน่วงเวลาการปิดทำงานเล็กน้อย ทำให้รถมีอาการ “กระโจน” ไปข้างหน้าเล็กน้อย คล้ายกับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ CVT

ส่วนรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 อัตราเร่งในการใช้งานจริงในเมือง ไม่ได้อืดอาดอย่างที่ตัวเลขบอก มอเตอร์ไซค์บางคันอาจต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเพื่อจะแซงขึ้นมาได้ การใช้งานในเขตเมืองจึงถือว่าตอบสนองได้ดีเกินคาด

เคล็ดลับการขับขี่: การทำความเข้าใจจังหวะและการตอบสนอง

สำหรับผู้ที่ต้องการขับขี่ Everest 2.2 ลิตร 4×2 ให้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องเปลี่ยนเลนอย่างเร่งด่วน หรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีข้อแนะนำคือ ให้กดคันเร่งลึกกว่าครึ่งหนึ่ง สมองกลจะเรียนรู้ว่าคุณกำลัง “รีบ” และจะประมวลผลการจ่ายเชื้อเพลิงให้เร็วขึ้น ส่งผลให้อัตราเร่งต่อเนื่องดีเกินคาด

การเก็บเสียง: มาตรฐานใหม่แห่งความเงียบสงัด

การเก็บเสียงในห้องโดยสารของ Everest นั้น ทำได้ดีเยี่ยม ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม SUV/PPV เสียงลมภายนอกจะเริ่มเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินเพียงแผ่วเบาในระดับความเร็ว 140 กม./ชม. ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้วัสดุซับเสียงคุณภาพสูง และการนำเทคโนโลยี Active Noise Cancellation มาใช้

หลักการทำงานของ ANC คือ ไมโครโฟน 3 จุด (ด้านหน้า 2, ด้านหลัง 1) จะรับเสียงรอบตัวรถ ส่งข้อมูลไปยังกล่องควบคุม และปล่อยคลื่นเสียงความถี่ที่เหมาะสม เพื่อหักล้างเสียงรบกวนผ่านลำโพงชุดเครื่องเสียง

แม้ห้องโดยสารจะเงียบสงัด แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กน้อย หากตั้งใจฟัง เสียงพูดของคุณอาจมีอาการ “ก้อง” เล็กน้อย เหมือนอยู่ในห้องอัดเสียงที่ใช้วัสดุซับเสียงเพียงบางเบา และอาจส่งผลให้ผู้โดยสารบางรายมีอาการ “หูอื้อ” เล็กน้อย คล้ายกับอาการหูอื้อของเครื่องบินขณะขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ไม่รุนแรง

ข้อแนะนำ: ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพาสมาชิกในครอบครัวทดลองนั่งและขับขี่ เพื่อทดสอบว่าอาการดังกล่าวมีผลกระทบต่อการรับรู้หรือไม่ หากไม่มีปัญหา ก็สามารถเลือก Everest ได้อย่างสบายใจ

ระบบบังคับเลี้ยว: ก้าวข้ามสู่ยุค EPAS

ระบบบังคับเลี้ยว คืออีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ Ford เป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPAS (Electronics Power Assist Steering Wheel) มาใช้กับรถ SUV/PPV ในตลาดโลก เหตุผลหลักคือการรองรับระบบช่วยจอด Parking Assist ซึ่งจำเป็นต้องทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้า

น้ำหนักพวงมาลัย: ความแตกต่างที่สัมผัสได้

ในช่วงความเร็วต่ำ พวงมาลัยรุ่น 3.2 ลิตร จะมีน้ำหนักเบา แต่ยังมีความรู้สึกของแรงต้านมืออยู่เล็กน้อย อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ BMW X5 รุ่นล่าสุด (ปี 2016)

สำหรับรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 พวงมาลัยจะเบามาก จนสามารถใช้นิ้วชี้หมุนได้เลย ซึ่งเบากว่ารุ่น 3.2 ลิตร ประมาณ 5-10% ความเบานี้ อาจทำให้หลายคนเปรียบเทียบกับพวงมาลัยของ Toyota Corolla Altis

เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น พวงมาลัยของทั้งสองรุ่นจะมีความหนืดขึ้นจริง แต่ค่อนข้างน้อยในรุ่น 3.2 ลิตร และน้อยมากในรุ่น 2.2 ลิตร ข้อดีคือ วิศวกรของ Ford ได้เซ็ตระยะฟรีของพวงมาลัย และ On-centre feeling ได้อย่างดีเยี่ยม การบังคับเลี้ยวทำได้แม่นยำ และมีความต่อเนื่อง (Linear) ในจังหวะการหมุน ทำให้ยังคงความมั่นใจในการขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่ต้องเกร็งมากนัก

การปรับตั้งที่เหมาะสม: รุ่น 3.2 ลิตร เหนือกว่าเล็กน้อย

พวงมาลัยไฟฟ้าของรุ่น 3.2 ลิตร 4×4 ถูกปรับตั้งมาได้อย่างเหมาะสม ในขณะที่รุ่น 2.2 ลิตร 4×2 มีน้ำหนักเบาเกินไปเล็กน้อย การเพิ่มความหนืดขึ้นอีกสักหน่อย ทั้งในช่วงความเร็วต่ำและสูง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น

รัศมีวงเลี้ยว: สิ่งที่ต้องพิจารณา

รัศมีวงเลี้ยว 5.85 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้างสำหรับการเลี้ยวกลับรถในถนน 4 เลน เช่นในซอยลาซาล หากต้องการเลี้ยวครั้งเดียวผ่าน คุณอาจต้องเผื่อวงเลี้ยว และอาจต้องกินเลนฝั่งซ้ายไปอีกครึ่งเลนเพื่อความปลอดภัย

ระบบช่วงล่าง: การผสมผสานระหว่างความมั่นคงและความนุ่มนวล

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อม Watt’s Link และเหล็กกันโคลง

ช่วงล่างรุ่น 3.2 ลิตร: หนักแน่น มั่นคง

ในช่วงความเร็วต่ำ ช่วงล่างรุ่น 3.2 ลิตร ที่เซ็ตมาในแนวหนักแน่น จะส่งแรงสะเทือนจากพื้นผิวขึ้นมาให้สัมผัสได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ถึงกับสะเทือนจนเกินไป แม้จะใช้ล้อ 20 นิ้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากน้ำหนักตัวที่มาก ซึ่งช่วยกดแรงสะเทือนให้อาการดีดเด้งน้อยลง

เมื่อใช้ความเร็วเดินทาง หรือความเร็วสูง รุ่น 3.2 ลิตร ยิ่งแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ช่วงล่างยังคงนิ่ง หนักแน่น มั่นคง และยึดเกาะถนนได้ดีที่สุดในกลุ่ม อาการช่วงล่างด้านหลังดีดเด้งน้อยมาก

ช่วงล่างรุ่น 2.2 ลิตร: หนึบแน่น แต่ยังคงสัมผัสพื้นผิว

ส่วนช่วงล่างของรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 จัดว่า “แน่น หนึบ” แต่ยังคงมีการสะเทือนจากฝาท่อ หรือรอยต่อถนน และพื้นผิวขรุขระ ให้รับรู้ได้บ้าง ยังไม่สามารถซับแรงสะเทือนได้เนียนเท่า Pajero Sport แต่ก็น้อยกว่ารุ่น 3.2 ลิตร

ทดสอบการเข้าโค้ง: ความมั่นใจที่เหนือกว่า

จากการทดสอบเข้าโค้งต่างๆ ด้วยความเร็วสูง Everest สามารถทำได้อย่างมั่นใจ ตัวอย่างเช่น:

โค้งขวารูปเคียว บนทางด่วนช่วงมักกะสัน ทำได้ 95 กม./ชม.
โค้งซ้าย เชื่อมต่อทางด่วนขั้นที่ 1 ตรงข้ามโรงแรม Eastin ทำได้ 90 กม./ชม.
โค้งขวารูปเคียว ยกระดับ ทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ทำได้ 95 กม./ชม. (หน้าเริ่มไถลเล็กน้อยจากยาง แต่ช่วงล่างยังนิ่ง)
ทางโค้งเชื่อมจากทางด่วนขั้นที่ 1 ไป บูรพาวิถี: โค้งขวาแรก 90 กม./ชม., โค้งซ้ายยาว 100 กม./ชม., โค้งขวายกระดับ 110 กม./ชม.
โค้งยกระดับขวา จากสนามบินสุวรรณภูมิ ลงสู่ถนนบางนา-ตราด ทำได้ 100 กม./ชม. (ต้องเพิ่มการเลี้ยวพวงมาลัยเล็กน้อยในโค้ง)

การเปรียบเทียบกับคู่แข่ง:

Pajero Sport: นุ่มนวลกว่าในการขับขี่ในเมือง หรือรูดผ่านพื้นผิวขรุขระ
MU-X: นุ่มนวล แต่ช่วงล่างหลังยังแอบดีดเด้ง
Trailblazer: หนึบกว่า MU-X เล็กน้อย
Fortuner: ช่วงล่างแข็งสะเทือนที่สุดในกลุ่ม

สรุปช่วงล่าง: ช่วงล่างของ Everest 3.2 ลิตร ถือว่าเซ็ตได้ดีที่สุดในกลุ่ม SUV/PPV ที่ประกอบในประเทศไทย

ข้อสังเกตสำหรับรุ่น 2.2 ลิตร: รุ่น 2.2 ลิตร Titanium 4×2 พร้อมล้อ 18 นิ้ว น้ำหนักตัวที่เบากว่า อาจส่งผลให้มีอาการโยนตัวเวลาจัมพ์ลงคอสะพาน หรืออาการดีดเด้งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่น 3.2 ลิตร

ระบบห้ามล้อ: ครบครัน ปลอดภัย

ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ โดยจานเบรกคู่หน้ามีครีบระบายความร้อน เสริมด้วยระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมาตรฐาน ABS, EBD, Brake Assist ซึ่งรวมอยู่ใน ESP และ Traction Control

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ล้ำสมัย:

Roll Over Mitigation: ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ
Hill Descent Control (HDC): มีเฉพาะรุ่น 3.2 ลิตร 4×4
Hill Launch Assist (HLA): ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
Trailer Sway Control (TSC): ควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง

สัมผัสแป้นเบรก: นุ่มนวล แต่ต้องใช้เวลาปรับตัว

แป้นเบรกมีระยะเหยียบยาวและลึก การตอบสนองค่อนข้างนุ่มนวล ให้ความรู้สึกคล้ายกับเบรกของ Mercedes-Benz ในบางรุ่น

ในช่วงแรกที่เหยียบ อาจไม่รู้สึกถึงการหน่วงความเร็วทันที ต้องเหยียบลึกประมาณ 25-30% จึงจะเริ่มสัมผัสถึงการชะลอรถ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัว

ประสิทธิภาพการเบรกโดยรวม: สามารถเบรกได้อย่างนุ่มนวลในสภาพการจราจรติดขัด และมั่นใจได้ในการชะลอความเร็วจากย่านความเร็วสูง โดยไม่ปรากฏอาการ Fade นับเป็นระบบเบรกที่ดีอันดับต้นๆ ในกลุ่ม SUV/PPV

ข้อเสนอแนะ: การปรับปรุงการตอบสนองของแป้นเบรกให้ Linear มากขึ้นตั้งแต่เริ่มแตะ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยเชิงป้องกัน: เทคโนโลยีสุดล้ำ

สำหรับรุ่น Titanium+ (ทั้ง 2.2 ลิตร และ 3.2 ลิตร) Ford ได้ติดตั้งอุปกรณ์ Hi-Tech ด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) อย่างเต็มพิกัด:

Adaptive Cruise Control (ACC): ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน ที่สามารถรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ หากรถคันหน้าชะลอตัว ระบบจะลดความเร็วลงตาม หากรถคันหน้าเร่งความเร็ว ระบบจะกลับมาใช้ความเร็วที่ตั้งไว้ หากรถคันหน้าเบรก ระบบจะเตือนด้วยสัญญาณไฟกระพริบ และจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียมเหยียบเบรก
Collision Mitigation System (CMS): แม้ไม่ได้เปิด ACC ระบบจะเตือนเมื่อเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป เพื่อให้ผู้ขับขี่เหยียบเบรก
Lane Departure Warning (LDW) & Lane Keeping Aid (LKA): ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ในเลน หากผู้ขับขี่มีอาการเหนื่อยล้า ระบบจะแจ้งเตือนพร้อมแนะนำให้พักผ่อน
BLIS (Blind Spot Information System): ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (ยกชุดมาจาก Volvo) แจ้งเตือนด้วยไฟที่กระจกมองข้าง
Active Parking Assist (APA): ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (ทั้งแบบขนานและเข้าซอง) ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Everest เปลี่ยนมาใช้พวงมาลัย EPAS
Cross Traffic Alert (CTA): ระบบเตือนเมื่อมีรถแล่นตัดผ่านด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (ทำงานเมื่อเข้าเกียร์ R)

ความปลอดภัยเชิงรับ: มาตรฐานสูงสุด

นอกเหนือจากระบบ Active Safety แล้ว Everest ยังมาพร้อมกับระบบ Passive Safety ที่ครบครัน:

ถุงลมนิรภัย: คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัย รวม 6 ใบ (รุ่น 3.2 Titanium+ เพิ่มถุงลมนิรภัยหัวเข่าคนขับ เป็น 7 ใบ)
เข็มขัดนิรภัย: ELR 3 จุด 7 ที่นั่ง
ISOFIX: สำหรับติดตั้งเบาะนิรภัยเด็ก
ESS (Emergency Stop Signal): ไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน

มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก:

Everest ผ่านมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก ANCAP (Australia) และได้คะแนนสูงสุดในการทดสอบ ASEAN NCAP

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ความท้าทายของรถขนาดใหญ่

การถามหาความประหยัดน้ำมันจาก SUV/PPV ที่มีน้ำหนักเกือบ 2 ตันนั้น เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจว่า รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถเทียบเคียงได้ โดยทั่วไปแล้ว ตัวเลข 10-14.5 กม./ลิตร ถือว่าน่าพอใจแล้ว

ผลการทดสอบ:

Ford Everest 3.2 ลิตร 4×4: 92.1 กม. / 8.25 ลิตร = 11.16 กม./ลิตร
Ford Everest 2.2 ลิตร 4×2: 92.8 กม. / 7.37 ลิตร = 12.59 กม./ลิตร

ตัวเลขของรุ่น 2.2 ลิตร 4×2 น่าประหลาดใจที่ใกล้เคียงกับ Ford Ranger 4 ประตู 4×2 รุ่นก่อนหน้านี้

ระยะทางต่อการเติมน้ำมัน 1 ถัง:

2.2 ลิตร 4×2: ประมาณ 700 กม. (จากการใช้งานจริง)
3.2 ลิตร 4×4: ประมาณ 520 กม. (สำหรับการขับขี่ปกติ) หรือไม่เกิน 450 กม. (จากการทดสอบที่ค่อนข้างกินจุ)

ปัญหาประจำรุ่น: สิ่งที่ควรทราบ

ตลอดระยะเวลาที่ Everest ออกสู่ตลาด มีรายงานปัญหา Defect บางประการที่ควรทราบ:

ปัญหาไฟไหม้ที่ Australia: เกิดจากการประกอบขั้วแบตเตอรี่ไม่แน่น (ได้รับการแก้ไขแล้ว)
แป้นคันเร่งสะเทือน: อาจเกิดขึ้นหลัง 5,000 กม. แก้ไขด้วยการอัปเกรด Firmware
ระบบไฟฟ้าขัดข้อง: แสดงสัญญาณเตือนผิดปกติ แก้ไขด้วยการรีสตาร์ท หรือนำเข้าศูนย์บริการ
เสียงกระพือหลังคา Panoramic Sunroof: เกิดขึ้นในล็อตแรกๆ (ได้รับการแก้ไขแล้ว)
สติกเกอร์เพลาขับหลัง: เกิดจากการลืมดึงสติกเกอร์ออก (แก้ไขง่ายด้วยการลอกออก)
EGR: อาจมีไฟเตือน ต้องทำความสะอาด
CKP Sensor: เป็นสาเหตุรอบเครื่องสวิง/ดับ (รุ่นผลิตก่อน เม.ย. 2016 เปลี่ยนอะไหล่ได้)
ซีลเดือยหมู/เฟืองท้าย: อาจมีคราบเล็กน้อย (ให้ช่างตรวจสอบ)
ช่องเสียบปลั๊กไฟ 220V: อาจมีปัญหาฟิวส์ขาด/กลิ่นไหม้
จอมอนิเตอร์ค้าง: ให้ระบบ Reboot เอง หรือติดต่อศูนย์บริการ

สรุป: Ford Everest – “Poorman’s Range Rover” ที่เหนือกว่ามาตรฐานเดิม

Ford Everest ไม่ใช่แค่ SUV/PPV ทั่วไป แต่คือการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ประเภทนี้ในประเทศไทย ด้วยการผสานแนวคิด “Global Car” และการอัดแน่นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อมอบความคุ้มค่า “เทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาสุดคุ้มค่า”

จุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่ง:

อุปกรณ์ความปลอดภัย Hi-Tech: เหนือกว่าเจ้าตลาดอย่างชัดเจน
ช่วงล่างที่หนักแน่นและมั่นคง: มอบความมั่นใจในการควบคุม
การขับขี่ในช่วงความเร็วต่ำที่คล่องตัว: แอบคล่องกว่าที่คิด
การเดินทางด้วยความเร็วสูงที่หนักแน่นและมั่นคง: ดีที่สุดในกลุ่ม
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ: ยกชุดมาจาก Land Rover
ภายในห้องโดยสารที่หรูหราและสะดวกสบาย: ใกล้เคียง Range Rover

ข้อที่ควรปรับปรุง:

น้ำหนักตัวที่มาก: ส่งผลต่ออัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลือง
น้ำหนักพวงมาลัย: ควรหนืดขึ้นอีกเล็กน้อยในรุ่น 2.2 ลิตร
การตอบสนองแป้นเบรก: ควรไวขึ้นตั้งแต่เริ่มแตะ
มาตรวัดรอบเครื่องยนต์: ขนาดเล็กเกินไป อ่านยาก
การเข้า-ออกเบาะแถว 3: ยากลำบากกว่ารุ่นก่อน
ระบบไฟฟ้าที่ซับซ้อน: อาจมีข้อกังวลในการใช้งานและซ่อมบำรุงระยะยาว

การเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด:

Chevrolet Trailblazer: แรง แต่ศูนย์บริการยังเป็นปัญหา
Isuzu MU-X: ประหยัดน้ำมันและศูนย์บริการดีเยี่ยม แต่ช่วงล่างยังแอบเด้ง
Mitsubishi Pajero Sport: ดีไซน์ล้ำสมัย ควบคุมง่าย แต่ช่วงล่างนุ่มนวลลดความมั่นใจลง
Nissan “Navara SUV/PPV”: (คาดการณ์) กำลังจะเปิดตัว
Toyota Fortuner: เจ้าตลาด พวงมาลัยดี แต่ช่วงล่างหลังแข็งกระด้าง

รุ่นที่คุ้มค่าที่สุด:

2.2 Titanium+ 4×2 6AT: คุ้มค่าที่สุดในไลน์อัพ ด้วยอุปกรณ์ที่ครบครันในราคาที่เข้าถึงได้
3.2 Titanium+ 4×4 6AT: หากต้องการระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และมีงบประมาณเพียงพอ

บริการหลังการขาย: ความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม

แม้ Everest จะมีจุดเด่นที่โดดเด่นมากมาย แต่ปัญหาบริการหลังการขายของ Ford ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง ทั้งในด้าน Defect ของตัวรถ และการจัดการของศูนย์บริการ

Ford กำลังพยายามปรับปรุง แต่ก็ยังต้องใช้เวลา และที่สำคัญคือ การปรับทัศนคติของบุคลากรในองค์กรและดีลเลอร์ ให้ใส่ใจและจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง

Ford Everest คือรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมในแง่ของตัวรถและเทคโนโลยี แต่การตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาถึงปัจจัยด้านบริการหลังการขายอย่างรอบคอบ การเลือก Ford Everest เปรียบเสมือนการปีนขึ้นยอดเขาที่สวยงาม แต่ก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น

หากคุณกำลังมองหารถ SUV/PPV ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ครบครันด้วยเทคโนโลยี และความปลอดภัย Ford Everest คือคำตอบที่น่าสนใจอย่างยิ่ง อย่ารอช้า! ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ของเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาและทดลองขับ Ford Everest เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่คุณคู่ควร!

Previous Post

N0301007 แฟนเก ามาขอค นด เพราะเห นว าแฟนถ กหวยรางว ลท หน part2

Next Post

N0301019 แม านหล บล โดนโจรปล นท งบ านแล วย งไม ปล นแม กระท งเด #สน กต นเต นมาก part2

Next Post
N0301019 แม านหล บล โดนโจรปล นท งบ านแล วย งไม ปล นแม กระท งเด #สน กต นเต นมาก part2

N0301019 แม านหล บล โดนโจรปล นท งบ านแล วย งไม ปล นแม กระท งเด #สน กต นเต นมาก part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0401020 หน งพ งเร อย าร บต ดส นคนแค ฉากเด ยว part2
  • N0401019 ยามพยามว งไล หญ งคนน ในร างกายเธอม อะไร part2
  • N0401003_…_779300636867386_part2
  • N0401010 คนท นตรายท ดค คนท ใกล วเราท เง น1ล านน เป นของใคร #แผนซ อนแผน part2
  • N0401025 หญ งสองคนน มางานหม แต เขาม แหวนหม นเหม อนก สร ปใครเป นเจ าสาวต วจร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.