• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N0401015 เจ าสาวหน ากากแต งงานก บชายพรมจาร เธอต องการอะไร part2

admin79 by admin79
December 31, 2025
in Uncategorized
0
N0401015 เจ าสาวหน ากากแต งงานก บชายพรมจาร เธอต องการอะไร part2

Hyundai i10: ยกระดับซิตี้คาร์เกาหลี สู่ความพรีเมียมที่เข้าถึงได้ (2025)

ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง แบรนด์รถยนต์จากแดนกิมจิอย่าง Hyundai ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่ใช่แค่ผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาสร้างสีสัน แต่คือหนึ่งในผู้นำตลาดที่พร้อมจะท้าชนกับยักษ์ใหญ่จากทุกมุมโลก แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Hyundai จะสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากรถยนต์นั่งซีดานที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ แต่พวกเขาก็ไม่เคยละทิ้งความพยายามในการพัฒนา Hyundai i10 รถยนต์ซิตี้คาร์ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองใหญ่ได้อย่างลงตัว

สำหรับตลาดประเทศไทย แม้ว่า Hyundai i10 อาจจะยังไม่ได้เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ แต่เวอร์ชันใหม่ที่เปิดตัวในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักร ได้จุดประกายความสนใจอย่างกว้างขวาง การพัฒนาเรือนร่างให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหารถยนต์ที่ไม่ได้มีแค่ขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ยังต้องมีความอเนกประสงค์และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ยิ่งทำให้ Hyundai i10 เป็นที่จับตามองในฐานะ “ซิตี้คาร์สายเลือดกิมจิ” ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ที่โดนใจกว่าเดิม

นิยามใหม่ของขนาด: ใหญ่ขึ้น อเนกประสงค์ขึ้น

แนวคิดในการพัฒนา Hyundai i10 ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นทิศทางที่ Hyundai ตั้งใจจะผลักดันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในตลาดอังกฤษที่จะได้สัมผัสกับ Hyundai i10 รุ่นใหม่นี้เป็นที่แรก ด้วยราคาเริ่มต้นที่น่าดึงดูดเพียง 8,345 ปอนด์ (ประมาณ 417,250 บาท) ทำให้ Hyundai i10 ใหม่ เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ซิตี้คาร์คุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า Hyundai i10 ใหม่ ได้รับการปรับปรุงมิติตัวถังอย่างชาญฉลาด โดยขยายความกว้างเพิ่มขึ้น 65 มิลลิเมตร และความยาวเพิ่มขึ้น 80 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็มีการปรับลดความสูงลง 50 มิลลิเมตร เพื่อคงไว้ซึ่งความปราดเปรียวและคล่องตัวในการขับขี่ในเมือง มาตรฐานของรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมล้อขนาด 14 นิ้ว ระบบเซ็นทรัลล็อค และกระจกไฟฟ้า ซึ่งเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ภายในที่กว้างขวาง: ครบครันเกินคาดในรถขนาดเล็ก

แม้จะมีการปรับลดความสูงลง แต่ Hyundai ไม่ได้ละเลยเรื่องพื้นที่ภายในห้องโดยสาร Hyundai i10 ใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่สัมภาระเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีปริมาตรความจุมากถึง 252 ลิตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการจัดเก็บสัมภาระในชีวิตประจำวัน หรือการเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น

ขุมพลังที่หลากหลาย: เลือกได้ตามสไตล์การขับขี่

Hyundai วางแผนที่จะนำเสนอ Hyundai i10 ใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ขับขี่

เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร 3 สูบ: ให้กำลังสูงสุด 65 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 14.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นความประหยัดน้ำมันและการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก
เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 4 สูบ: ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 12.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 171 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มอบสมรรถนะที่จัดจ้านขึ้น ตอบสนองการขับขี่ที่ต้องการความคล่องตัวและอัตราเร่งที่ดีกว่า

รุ่นย่อยและออปชัน: ครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Hyundai i10 ใหม่ จะมาพร้อมตัวเลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่:

รุ่น S: รุ่นเริ่มต้น ที่มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่จำเป็น
รุ่น SE: เพิ่มเติมด้วยกุญแจรีโมท และระบบละลายฝ้าที่กระจกมองข้าง
รุ่น Premium Edition: รุ่นท็อปสุดที่อัดแน่นด้วยออปชันล้ำสมัย เช่น ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง, ไฟ Daytime LED, และระบบแจ้งเตือนเบรกฉุกเฉิน

การส่งมอบ Hyundai i10 ใหม่ จะเริ่มขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดอังกฤษ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Hyundai ในการนำเสนอรถยนต์ที่ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก

ภาพรวมตลาด B-Segment: การแข่งขันที่ยังคงดุเดือด

ในช่วงหลังมานี้ แนวโน้มตลาดรถยนต์โดยรวมได้พุ่งเป้าไปที่กลุ่ม SUV มากขึ้น ตั้งแต่ B-SUV ไปจนถึง Full Size SUV ทำให้หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก หรือ B-Segment ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถยนต์กลุ่มนี้ยังคงเป็นกลุ่มที่กวาดยอดขายจำนวนมหาศาล และเป็นกลุ่มที่ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกใช้ในชีวิตประจำวัน

ในประเทศไทย รถยนต์ B-Segment ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงก็คือ Honda City ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ ด้วยยอดขายที่น่าประทับใจเกินความคาดหมาย แม้จะมีการเปิดตัว Toyota Vios โฉมใหม่ แต่ Honda City ก็ยังคงครองใจผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของ Honda ในการบริหารจัดการสต็อกรถรุ่นเดิม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมาของ 2014 Honda City โฉมใหม่ล่าสุด ที่ถือเป็นการก้าวเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 4 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Your Best”

2014 Honda City: สะท้อนภาพลักษณ์ “กัปตัน” แห่งยุคสมัย

ภาพยนตร์โฆษณาของ Honda มักจะสร้างความประทับใจด้วยเพลงที่ไพเราะและเนื้อหาที่ถ่ายทอดได้อย่างลึกซึ้ง จนทำให้ผู้รับชมรู้สึกคล้อยตาม และ 2014 Honda City ก็เช่นกัน โฆษณาที่สะท้อนถึงความหรูหราและภาพลักษณ์ของ “กัปตัน” ที่ต้องเลือกใช้รถคันนี้ ยิ่งทำให้ผู้เขียนเกิดความอยากทดลองขับ สัมผัสประสบการณ์การเป็น “กัปตัน” ที่เลือกใช้รถคันนี้ เพื่อนำมาสู่บทวิเคราะห์และรีวิวที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้อ่าน

การออกแบบภายนอก: ความลงตัวที่คุ้นเคย แต่โดดเด่นขึ้น

เมื่อมองเผินๆ 2014 Honda City โฉมใหม่อาจดูไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนักเมื่อมองผ่านกระจกมองหลัง แต่เมื่อเข้ามาใกล้และสังเกตรายละเอียด จะพบความแตกต่างที่โดดเด่น โดยเฉพาะบริเวณไฟท้ายด้านหลังที่รับกับแนวเส้นโป่งหลัง ทำให้รถดูคมขึ้น มีมิติที่ชัดเจนขึ้น โดยไม่ได้ดูโป่งจนเกินไปจนเสียความเป็นรถยนต์นั่ง จุดที่น่าชื่นชมคือการสวมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ลวดลายใหม่ ที่ดูโฉบเฉี่ยวแฝงความหรูหราในรุ่น SV และ SV+ คันที่ทำการทดสอบ มาพร้อมยาง Bridgestone Turanza ขนาด 185/55/16

เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม 2014 Honda City มีมิติ ยาวขึ้น 45 มิลลิเมตร ฐานล้อยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 5 มิลลิเมตร ในขณะที่ความกว้างเท่าเดิมที่ 1,695 มิลลิเมตร การที่รถยาวขึ้นเล็กน้อยส่งผลโดยตรงต่อพื้นที่โดยสารตอนหลัง และห้องเก็บสัมภาระที่มีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 536 ลิตร

ภายในห้องโดยสาร: กว้างขวาง อบอุ่น และเทคโนโลยีครบครัน

เมื่อเปิดประตูด้วยระบบ Keyless Entry เข้าสู่ภายในห้องโดยสาร จะพบกับวัสดุหุ้มเบาะที่ทำจากผ้า ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบาย พื้นที่ภายในดูกว้างขวางขึ้น แม้ว่าอาจจะมีการรำคาญกับรูปทรงของพนักพิงศีรษะอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วพื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังนั่งสบายขึ้น ด้วยการขยายความกว้างของพื้นที่หัวไหล่เพิ่ม 40 มิลลิเมตร และพื้นที่วางขาเพิ่มอีก 60 มิลลิเมตร

สำหรับเบาะตอนหน้า แม้จะนั่งสบายในภาพรวม แต่ผู้เขียนพบว่าจุดที่น่ารำคาญคือพนักพิงศีรษะที่มีรูปทรงอาจไม่เข้ากับสรีระ ทำให้ต้องถอดออกในบางครั้ง เบาะตอนหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 ในรุ่น SV และ SV+ ซึ่งต้องดึงปุ่มพับเบาะที่อยู่ในห้องโดยสารตอนหลัง

จุดเด่นของ 2014 Honda City คือปุ่ม Push Start ที่อยู่ทางซ้ายของพวงมาลัย และปุ่ม ECON ทางด้านขวา ซึ่งอยู่ใกล้กับปุ่มปิดระบบ TCS (Traction Control) ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ให้ความเย็นฉ่ำ ถูกใจคนไทยที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อน พวงมาลัย 3 ก้าน โพลียูรีเทน รูปแบบใหม่ของ Honda สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ Multifunction, Cruise Control, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และแป้น Paddle Shift ขนาดเล็กที่ติดอยู่กับพวงมาลัย

แผงคอนโซลหน้าดีไซน์แบนราบ มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของห้องโดยสาร Honda City 2014 นี้ สามารถทำหน้าที่เป็น Wifi Hotspot ได้ และเชื่อมต่อกับ Siri Eyes Free เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนเมื่อต้องการใช้งานสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับกล้องมองหลังเมื่อเข้าเกียร์ R ระบบเครื่องเสียงถ่ายทอดเสียงผ่านลำโพง 8 จุด รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth เป็นมาตรฐาน มีช่อง USB, AUX in จนถึงสาย HDMI แต่จะไม่มี CD Slot และระบบนำทางมาให้ โดย Honda แนะนำให้ใช้ Honda Link Application

เพื่อเอาใจผู้ที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟน Honda City 2014 ยังมีช่อง Power Outlet สำหรับผู้โดยสารด้านหลังถึง 2 ช่อง สำหรับการล็อกและปลดล็อกประตู อาจจะสร้างความสับสนเล็กน้อย เพราะหากล็อกด้วยกุญแจ ก็ต้องปลดล็อกด้วยกุญแจเช่นกัน แต่หากล็อกด้วยปุ่มที่มือจับประตู เพียงแค่เอามือมาจับที่ประตู ระบบเซ็นเซอร์จะปลดล็อกให้โดยอัตโนมัติ

สมรรถนะเครื่องยนต์: พัฒนาต่อยอดจากความคุ้นเคย

ขุมพลังของ 2014 Honda City ยังคงเป็นบล็อกเครื่องยนต์เดิมที่คุ้นเคยจาก Honda City โฉมเก่า คือเครื่องยนต์ 4 สูบ SOHC i-VTEC ขนาด 1,497 ซีซี แต่ได้รับการปรับจูนใหม่ เพื่อรองรับการทำงานกับเกียร์ CVT ลูกใหม่ และรองรับน้ำมัน E85 ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที แม้แรงม้าจะลดลงเล็กน้อย แต่กำลังเครื่องยนต์มาไวกว่าเดิมถึง 600 รอบต่อนาที และแรงบิดเพิ่มขึ้น 1 นิวตัน-เมตร มาไวกว่าเดิม 100 รอบต่อนาที

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันตามสเปกอยู่ที่ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร (เบนซิน) และปล่อย CO2 อยู่ที่ 133 กรัมต่อกิโลเมตร

เมื่อขับขี่ในโหมด ECON กำลังเครื่องยนต์จะถูกปรับให้ตอบสนองช้าลง เพื่อทำงานร่วมกับ Eco Coaching ที่จะช่วยแนะนำการขับขี่ให้ประหยัดน้ำมัน โดยแสดงผลผ่านแถบสีบนมาตรวัด

เมื่อเน้นสมรรถนะ 2014 Honda City ยังคงให้พละกำลังที่ดี ไม่เป็นรองรถยนต์ B-Car ในพิกัดเดียวกัน แม้จะใช้เกียร์ CVT ทำให้ความรู้สึกดิบๆ ลดลงเล็กน้อย แต่การตอบสนองจากแป้นคันเร่งมีความแม่นยำมากขึ้น แม้แรงม้าจะลดลง แต่ก็ไม่ได้ทำให้สมรรถนะในการออกตัวหรือเร่งแซงดูด้อยลงแต่อย่างใด

ตัวเลขสมรรถนะที่วัดได้ผ่าน OBD Bluetooth:

0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง: 12.054 วินาที (โหมด D) / 11.731 วินาที (โหมด S)
¼ ไมล์: 19.257 วินาที (โหมด D) / 18.687 วินาที (โหมด S)
ความเร็วสูงสุด: ประมาณ 197 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (คาดว่าหากถนนโล่งกว่านี้ อาจเห็น 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)

โดยรวมแล้ว สมรรถนะของเครื่องยนต์รุ่นนี้มีการปรับจูนที่ลงตัว ในช่วงกำลังตีนต้นเป็นไปตามคาด แต่ช่วงปลายไหลเรื่อยๆ เกินความคาดหมาย แม้แรงม้าจะลดลงเล็กน้อย แต่การปรับจูนเครื่องยนต์ให้เข้ากับเกียร์ใหม่ ทำให้รถดูลงตัวกว่าเดิม

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน: ประหยัดในระดับน่าพอใจ

จากการทดสอบ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจากมาตรวัดหน้าจอในการวิ่งเดินทางไกลเฉลี่ยที่ความเร็ว 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ค่าเฉลี่ย 17.3 กิโลเมตรต่อลิตร และหากวิ่งแช่ที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างเนียนที่สุด ตัวเลขออกมาสวยที่ 18.1 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการวิ่งใช้งานเฉลี่ยเกือบทั้งทริป จะอยู่ที่ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร

ในทางปฏิบัติจริง คาดว่าอัตราสิ้นเปลืองน่าจะอยู่ที่ประมาณ 14.5 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเมื่อเทียบกับน้ำมัน 1 ถัง พบว่าสามารถวิ่งได้เกิน 600 กิโลเมตรอย่างสบายๆ (หมายเหตุ: การทดสอบทั้งหมดใช้น้ำมัน E10 แก๊สโซฮอล์ 91)

ระบบส่งกำลัง: CVT EarthDream 7 สปีด

ระบบส่งกำลังจากเกียร์ Torque Converter 5 AT ในโฉมเดิม ถูกเปลี่ยนมาใช้เป็น CVT EarthDream ที่ปรับซอยย่อยเป็น 7 สปีด ในโหมด S การทำงานของเกียร์ลูกใหม่นี้เข้ากันได้ดีกับเครื่องยนต์บล็อกเดิมที่ปรับจูนมา การขับขี่จากตำแหน่งเกียร์ D สามารถ Shift เปลี่ยนเกียร์ได้จากแป้นที่พวงมาลัย ซึ่งจะมีอัตราทดเท่ากับในโหมด S แต่หากขับไปสักพัก เกียร์จะกลับสู่โหมด D เองอัตโนมัติ ดูเหมือนจะเหมาะสำหรับการใช้ Engine Brake ในการลดความเร็วอย่างกะทันหัน เพื่อช่วยชะลอความเร็วได้ดีเยี่ยม

หากต้องการเร่งแซง แนะนำให้ใช้การกระแทกคันเร่งลงไปจนสุด จะดีกว่าการพยายามไล่เกียร์เอง เพราะสำหรับเกียร์ CVT ลูกนี้ การลากรอบไปที่ Redline เพื่อสับเกียร์ที่ 6,000 รอบต่อนาที ในจังหวะที่แรงม้าสูงสุดออกมา การตอบสนองอัตราเร่งกลับไม่ดีเท่ากับโหมดออโต้ หรือหากต้องการความกระฉับกระเฉง เพียงโยกคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง S แล้วกระแทกคันเร่ง รถก็จะพุ่งทะยานแซงรถคันหน้าได้อย่างไม่ยากเย็น

ความสัมพันธ์ความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์:

80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง = 1,500 รอบต่อนาที
100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง = 1,900 รอบต่อนาที
120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง = 2,250 รอบต่อนาที

ระบบบังคับเลี้ยว: EPS แม่นยำ ควบคุมง่าย

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS แบบ 3 ก้าน โพลียูรีเทน ให้รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร ในช่วงความเร็วต่ำ พวงมาลัยให้ความรู้สึกเบา แต่ไม่เบาหวิวคล่องตัวจนไร้น้ำหนักเหมือน Jazz และ City โมเดลเก่า ผู้เขียนรู้สึกชอบมากกว่ารุ่นเดิม เพราะให้ฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ดีกว่า ไม่ไวจนเกินไปนัก แต่ที่ความเร็วสูง พวงมาลัยยังดูเบาไปอยู่เล็กน้อย และไม่มีความแน่นหน่วงในโค้งเท่ารุ่นเดิม การตอบสนองของพวงมาลัยดูดีแม่นยำกว่าเดิม และให้ความรู้สึกในการรับรู้ที่ดีกว่า แต่โมเดลเดิมจะมีความหนักแน่นที่ความเร็วสูงและการเข้าโค้งที่ดีกว่าเล็กน้อย

ระบบกันสะเทือน: นุ่มนวล ขับสบาย แต่แอบมีอาการ

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม เมื่อเทียบกับรุ่นโมเดลเก่า 2014 Honda City จะดูนุ่มขึ้นเล็กน้อย การขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ไม่เลวร้ายนัก อาจมีอาการหวิวๆ ให้เห็นในช่วงความเร็ว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป แต่ในการใช้งานที่ความเร็วเดินทางปกติ ระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าทำได้ดีพอตัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อขับขี่ในทางโค้งหรือเลี้ยวกลับรถ โดยที่กดคันเร่งลงไปครึ่งหนึ่งของแป้น รถจะส่าย มีอาการ Slip ของหน้ายางที่ดูไม่ค่อยจะเกาะถนนนัก และที่ความเร็วสูงในการเข้าโค้ง ช่วงล่างยังดูอาจจะไม่เกาะถนนนัก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากหน้ายาง หากเข้าที่ความเร็วสูงเกินกว่านี้ จะมีเสียงยางกรีดร้องดังออกมาต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้กระแทกคันเร่ง

ระบบเบรก: ปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ระบบเบรก ด้านหน้าเป็นแบบดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน และด้านหลังเป็นแบบดรัม แม้แต่ในรุ่น Top SV คันนี้ การปรับลดสเป็กนี้ไม่ได้ทำให้สมรรถนะในการหยุดรถดูแย่ลงแต่อย่างใด ในเชิงความรู้สึกในการขับขี่ กลับรู้สึกว่าเบรกถูกเซ็ตมาดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ไม่พบอาการเบรกแบบทื่อๆ ด้านๆ ที่มักพบใน Jazz และ City โมเดลเก่า และไม่ต้องลงน้ำหนักแป้นเยอะเพื่อให้รู้สึกถึงแรงเบรกที่เกิดขึ้นเพื่อหน่วงหยุดรถได้ ทำให้การเบรกสามารถทำได้อย่างนุ่มนวลกว่าตัวเก่า

ระบบความปลอดภัย: ครบครันเกินราคา

ในด้านระบบความปลอดภัย Honda City 2014 ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่ให้ระบบช่วยเหลือมาครบครันตั้งแต่รุ่นล่างสุด เช่น ABS, EBD, BA, TCS (ระบบป้องกันล้อลื่นไถล), VSA (ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว), HSA (ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน), ESS (ไฟฉุกเฉินติดอัตโนมัติเมื่อกระทืบเบรกกระทันหัน) สำหรับในรุ่น SV+ ยังมี Side Curtain Airbag เพิ่มให้อีกด้วย

บทสรุป: “กัปตัน” แห่งยุค B-Segment

2014 Honda City ใหม่ รถ B-Segment หรือ Sub-Compact ที่อัดแน่นระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยมาให้ตั้งแต่รุ่นล่าง ในแบบที่หาไม่ได้ในค่ายอื่น เพียบพร้อมด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าคู่แข่ง สมรรถนะที่ดีขึ้นเล็กน้อย และประหยัดกว่าเดิมอีกหน่อย พร้อมของเล่นที่ให้มาเพียบ ทั้งภายในและฟังก์ชันต่างๆ แม้ราคารุ่น Top จะดูแพงกว่าคู่แข่ง แต่สิ่งที่ Honda มอบให้กลับมากกว่า นั่งสบายกว่า แถมรูปลักษณ์ที่ดูดีขึ้น ให้ความหรูหราเกินกว่ารถ Sub-Compact ด้วยกัน

หากคุณกำลังมองหารถ Sub-Compact ที่มีสมรรถนะกลางๆ การโดยสารที่ค่อนข้างสบาย และเป็นผู้ที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี ทั้งการเชื่อมต่อและออปชันความปลอดภัย 2014 Honda City รุ่น SV+ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการเป็น “กัปตันมาวิน” ของคุณ แต่อาจต้องกัดฟันเพิ่มเงินอีกนิด เพราะราคานี้ บางคนอาจมองว่าสามารถขยับไปเล่นรถระดับ C-Car ได้เลย ซึ่งตรงนี้ผู้ซื้อคงต้องตัดสินใจกันเอาเอง

ทางที่ดีที่สุดคือ การไปลองขับที่โชว์รูม Honda สักรอบ เพื่อสัมผัสกับสิ่งที่ Honda มอบให้ ว่าจะติดใจหรือไม่ หรืออาจเพียงแค่หลงไปกับเสียงเพลงในโฆษณา “Be Your Best”

ขอขอบคุณ Honda Automobile สำหรับรถทดสอบ 2014 Honda City รุ่น SV+ คันสีเทา ราคา 749,000 บาท

บทสรุปสำหรับ Hyundai i10 (2025)

Hyundai i10 ใหม่ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็น “ซิตี้คาร์” ไปสู่การเป็นรถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่ารอบด้าน ด้วยการเพิ่มขนาดตัวถังให้มีความอเนกประสงค์มากขึ้น การตกแต่งภายในที่ใส่ใจในรายละเอียด และทางเลือกของเครื่องยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย การที่ Hyundai กล้าปรับปรุงและยกระดับ i10 ให้มีความพรีเมียมมากขึ้นในขณะที่รักษาระดับราคาที่เข้าถึงได้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Hyundai ต้องการเป็นผู้นำในทุกเซ็กเมนต์

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ขนาดเล็กที่ไม่ได้มีแค่ความกะทัดรัด แต่ยังต้องการพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอ ฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย และความน่าเชื่อถือในสมรรถนะ Hyundai i10 โฉมใหม่นี้ คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม

หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ซิตี้คาร์ที่ยกระดับไปอีกขั้น ลองพิจารณา Hyundai i10 รุ่นใหม่ หรือหากสนใจ Honda City 2014 สามารถเข้าไปทดลองขับได้ที่โชว์รูม Honda ใกล้บ้านคุณ เพื่อค้นหารถยนต์ที่ใช่สำหรับไลฟ์สไตล์ของคุณ

Previous Post

N0401001 คนรวยแกล งจน วนคนจนแกล งรวย #พ คตอนจบแบบฮา part2

Next Post

N0401014 ไกด กมาร บน กท องเท ยวอต เพ อท องเท ยว จะทำไงด เม อล กค ากระเป าหายท งใบ part2

Next Post
N0401014 ไกด กมาร บน กท องเท ยวอต เพ อท องเท ยว จะทำไงด เม อล กค ากระเป าหายท งใบ part2

N0401014 ไกด กมาร บน กท องเท ยวอต เพ อท องเท ยว จะทำไงด เม อล กค ากระเป าหายท งใบ part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N0401037 เล กก นไม ง1นาท ได แฟนใหม แล part2
  • N0401044 งเกตหญ งเส อแดงให ในม อของเขาถ ออะไรอย part2
  • N0401039 กค าหน าด าน ดจะโกงเง นแม ดท ายเจอคนจร งเข าไป part2
  • N0401045 งคมน ไม เหล อคนด หร อว พวกเราไม เคยเห นค าคนด นแน part2
  • N0401050 ดเจอคร งแรกสาวสวยในโลกออกไลน พอเจอต วจร งเป นคนพ กาs part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.