Honda Civic Type R 2020: วิวัฒนาการแห่งสมรรถนะ สู่การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นพัฒนาการของรถยนต์สมรรถนะสูงหลายรุ่น แต่สำหรับ Honda Civic Type R 2020 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ Honda ได้ยกระดับตำนานแห่งรถ Hot Hatch ให้เข้าใกล้คำว่า “สมบูรณ์แบบ” มากยิ่งขึ้น การปรับปรุงที่ปรากฏในรุ่นนี้ แม้จะดูเหมือนเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย แต่กลับส่งผลต่อประสบการณ์การขับขี่โดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ
การออกแบบภายนอก: สปอร์ตดุดัน พร้อมทลายทุกขีดจำกัด
สิ่งที่ดึงดูดสายตาเป็นอันดับแรกคือการปรับดีไซน์กระจังหน้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้น อาจมองเผินๆ ว่าดูเทอะทะ แต่เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์หลัก นั่นคือการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศไปยังเครื่องยนต์ให้เย็นลงอย่างมีนัยสำคัญ ควบคู่ไปกับการเสริมภาพลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้น การออกแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างสุนทรียศาสตร์และวิศวกรรมอย่างลงตัว และแน่นอนว่าสี “Boost Blue” อันเป็นเอกลักษณ์ใหม่นี้ ถูกคัดสรรมาเพื่อตอกย้ำความเป็นที่สุดของ Civic สายพันธุ์แรงได้อย่างแท้จริง
ภายในห้องโดยสาร: การยกระดับที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
Honda ไม่ได้ละเลยที่จะปรับปรุงภายในห้องโดยสารเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ล้วนแต่มีผลต่อการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบเบรกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อการหยุดรถที่มั่นใจในทุกสถานการณ์ หรือการปรับแต่งช่วงล่างที่มอบความนุ่มนวลและความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยไม่ละทิ้งความเฉียบคมในการเข้าโค้ง
ในอดีต แม้ Honda Civic Type R 2020 จะมีข้อดีในเรื่องของเบรกที่ทรงประสิทธิภาพและช่วงล่างที่ให้ความสบายในโหมดที่ผ่อนคลายอยู่แล้ว แต่ Honda ก็รับฟังเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานบางส่วนที่อาจไม่ชอบเสียงสังเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Honda เข้าใจถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและมีความตั้งใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจแฟนๆ Type R มากยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์: หัวใจแห่งสมรรถนะที่ยังคงความยอดเยี่ยม
หัวใจหลักของ Honda Civic Type R 2020 ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ ที่มอบพละกำลัง 316 แรงม้า และแรงบิด 295 ปอนด์-ฟุต จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่มอบอัตราเร่งที่จัดจ้านและการควบคุมที่แม่นยำ ส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา จะมีการปรับอัตราทดเกียร์ให้สั้นลง เพื่อเพิ่มความจัดจ้านในการออกตัวและการเร่งแซง ขณะที่พวงมาลัยจะได้รับการตกแต่งด้วยหนัง Alcantara เช่นเดียวกับในตลาดสหราชอาณาจักร ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ แม้จะดูเล็กน้อย แต่ก็ช่วยเพิ่มสัมผัสแห่งความหรูหราและความสปอร์ตที่เหนือชั้น
Honda Civic Type R 2020: ที่สุดแห่งความเร้าใจบนท้องถนน
ในโลกของรถยนต์สมรรถนะสูง Honda Civic Type R 2020 ไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ แต่คือสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นในการพัฒนายานยนต์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่อันบริสุทธิ์ที่สุด การปรับปรุงในรุ่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใส่ใจในรายละเอียดของ Honda ที่ต้องการยกระดับรถ Hot Hatch ให้เป็นมากกว่าความแรง แต่คือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมรรถนะขั้นสูง ความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการออกแบบที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน
Mitsubishi Xpander Cross 2020: ความแข็งแกร่งที่พร้อมลุยทุกเส้นทาง
ตลาด Mini MPV ในประเทศไทยมีความคึกคักอย่างต่อเนื่อง และ Mitsubishi ก็ได้ตอกย้ำความสำเร็จของ Xpander ด้วยการเปิดตัว Mitsubishi Xpander Cross 2020 ที่มาพร้อมการปรับปรุงให้ดูแข็งแกร่งและพร้อมลุยมากยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานดีเอ็นเอของความเป็น MPV เข้ากับ DNA แห่งความบึกบึนของ SUV
Xpander Cross 2020 ที่ได้เปิดตัวในอินโดนีเซียไปแล้ว พร้อมแล้วที่จะเข้ามาทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนและอีกกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยมีกำหนดการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคมนี้
Mitsubishi Xpander Cross 2020: สัมผัสใหม่แห่ง Mini MPV
Mitsubishi Xpander ในไทยถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง บนเบาะ 3 แถว ผสมผสานกับการออกแบบที่ลงตัวระหว่าง MPV และ SUV สำหรับ Xpander Cross 2020 นี้ Mitsubishi ได้เติมมัดกล้ามให้กับตัวรถ เพื่อสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งในการใช้งาน
Mitsubishi Xpander Cross 2020: การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ
ภายนอก:
ชุดแต่งรอบคันดีไซน์ใหม่: กันชนหน้า-หลัง ดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าแบบ LED ไฟตัดหมอก LED
เส้นสายที่บ่งบอกความแกร่ง: คิ้วซุ้มล้อสีดำ สัญลักษณ์ “XPANDER CROSS” บนฝากระโปรงหน้า
รายละเอียดที่เสริมลุค SUV: เสาอากาศแบบครีบฉลาม ราวหลังคา
ล้ออัลลอยลายใหม่: ลาย 5 ก้าน สีทูโทน ขนาด 17 นิ้ว
ความสูงที่เพิ่มขึ้น: ระยะความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้น 20 มม. เป็น 225 มม. ทำให้ดูพร้อมลุยมากยิ่งขึ้น
ภายใน:
ความหรูหราที่สัมผัสได้: การตกแต่งภายในด้วยสีน้ำตาลแบบ DUAL TONE ทั้งแผงคอนโซลหน้าและชุดเบาะหนัง (สีน้ำตาล-ดำ DUAL TONE)
หน้าจอสัมผัสที่ใหญ่ขึ้น: จอวิทยุสัมผัสเพิ่มขนาดจาก 6.2 นิ้ว เป็น 7 นิ้ว
มิติตัวถังที่เพิ่มขึ้น: ยาวขึ้น 25 มม. กว้างขึ้น 50 มม. สูงขึ้น 50 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นปกติ
เครื่องยนต์:
ขุมพลังที่คุ้นเคย: เครื่องยนต์เบนซิน 1,499 ซี.ซี. MIVEC DOHC 16 วาล์ว ให้กำลัง 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง: จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด
Mitsubishi Xpander Cross 2020 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถ Mini MPV ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การใช้งานในครอบครัว แต่ยังมาพร้อมดีไซน์ที่บ่งบอกถึงความพร้อมในการผจญภัยไปในทุกเส้นทาง
New Mercedes-Benz E-Class 2020: การปรับปรุงครั้งใหญ่ สู่ยุคใหม่แห่งความหรูหราและอัจฉริยะ
Mercedes-Benz E-Class เจเนอเรชั่นที่ 10 (รหัส W213) ได้รับการปรับปรุงอีกครั้งในรุ่นปี 2020 เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์ Executive Sedan และ Estate การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ครอบคลุมทั้งการออกแบบภายนอก ภายใน และการเพิ่มเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ
ภายนอก: ความสง่างามที่ได้รับการรังสรรค์ใหม่
แม้จะยังคงเอกลักษณ์ของกระจังหน้าพร้อมดาวสามแฉกอันโดดเด่น แต่ New Mercedes-Benz E-Class 2020 ได้รับการปรับปรุงรายละเอียดเพื่อความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าเป็นแบบ All-LED ไฟท้ายได้รับการออกแบบใหม่เป็นแบบสองก้อน กันชนหลังดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยมีลายใหม่ให้เลือกหลากหลาย รวมถึงลาย Aero ที่ช่วยลดแรงต้านอากาศ และเส้นสายตัวถังที่ถูกปรับให้มีมิติและความน่าสนใจยิ่งขึ้น
ภายใน: ความหรูหราที่ผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ห้องโดยสารของ E-Class 2020 ได้รับการยกระดับความหรูหราด้วยตัวเลือกวัสดุตกแต่งที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหนังคุณภาพสูง สีใหม่ ลายไม้รูปแบบต่างๆ คาร์บอน หรืออะลูมิเนียม ระบบ ENERGIZING ที่ช่วยปรับบรรยากาศในห้องโดยสารด้วยการควบคุมแสง อุณหภูมิ และตำแหน่งเบาะ ทำให้การเดินทางมีความผ่อนคลายสูงสุด
พวงมาลัยมีให้เลือกสามแบบ คือ หุ้มหนังล้วน, กึ่งหนังกึ่งไม้, และแบบ Supersport ระบบสั่งการด้วยเสียง MBUX ยังคงเป็นหัวใจหลักของระบบอินโฟเทนเมนท์ พร้อมหน้าจอแสดงผลคู่ขนาด 10.25 นิ้ว หรือ 12.3 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้สามแบบ คือ Modern Classic, Sport, และ Progressive/Discreet
เครื่องยนต์: หลากหลายทางเลือก ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
New Mercedes-Benz E-Class 2020 นำเสนอทางเลือกขุมพลังที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล และ Plug-in Hybrid รวม 7 แบบ ตั้งแต่ 4 สูบ ไปจนถึง 6 สูบ
เครื่องยนต์เบนซิน: กำลังสูงสุดตั้งแต่ 156 แรงม้า ไปจนถึง 367 แรงม้า
เครื่องยนต์ดีเซล: กำลังสูงสุดตั้งแต่ 160 แรงม้า ไปจนถึง 330 แรงม้า
E 350 (เครื่องยนต์เบนซิน): ขนาด 1,999 ซี.ซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 255 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ 9G-TRONIC 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4MATIC
E 350 4MATIC (Plug-in Hybrid): เครื่องยนต์เบนซิน 1,999 ซี.ซี. เทอร์โบ พร้อมระบบ Plug-in Hybrid 90kW และ ISG กำลังสูงสุดทั้งระบบ 315 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ 9G-TRONIC 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
AMG E 53 4MATIC+: เครื่องยนต์ 6 สูบ ขนาด 2,999 ซี.ซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G 9 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC+ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที (Saloon) และ 4.6 วินาที (Estate)
เครื่องยนต์ดีเซลมีการนำระบบ ISG (Integrated Starter-Generator) พร้อมระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ มาใช้เป็นครั้งแรกใน E-Class เพื่อเพิ่มกำลังจากเครื่องยนต์อีก 20 แรงม้า และแรงบิด 180 นิวตันเมตร
New Mercedes-Benz E-Class 2020 ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานของรถยนต์ Executive Car ให้สูงยิ่งขึ้น ด้วยการผสมผสานความหรูหรา เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และสมรรถนะที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มองหารถยนต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานในทุกมิติ
Honda Jazz 2020: การออกแบบที่เน้นความสปอร์ตและความอเนกประสงค์
Honda Jazz รุ่นปี 2020 เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Tokyo Motor Show ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2019 ถือเป็นการเปิดตัวรถ Premium Hatchback โฉมใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงทั้งภายนอกและภายใน โดยยังคงเอกลักษณ์ของความสปอร์ตและความอเนกประสงค์อันเป็นจุดเด่นของ Jazz
Honda Jazz 2020: การเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้
จากการสังเกตการณ์ภาพถ่ายขณะทดสอบวิ่ง Honda Jazz 2020 เผยให้เห็นการออกแบบที่ยังคงความคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการปรับปรุงรายละเอียดเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงเสา C ไปจนถึงท้ายรถ
ไฟหน้า: คาดว่าจะเป็นแบบ LED มาพร้อม Daytime Running Light
ไฟท้าย: ปรับดีไซน์เป็นแนวนอน กินพื้นที่เข้าไปในฝากระโปรงท้ายมากขึ้น
โครงสร้าง: ยังคงดูคล้ายรุ่นเดิม แต่มีการปรับปรุงช่วงท้าย
หลังคา: รถทดสอบบางคันมีราวหลังคามาให้ ซึ่งช่วยเสริมให้ตัวรถดูใหญ่ขึ้นเมื่อมองจากด้านหลัง
ขนาด: ความยาวประมาณ 3,990 มม. ยาวกว่ารุ่นที่เปิดตัวในอินเดีย 35 มม. และมีข่าวว่าจะมีความกว้างเพิ่มขึ้น ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสาร: ความทันสมัยและความสะดวกสบาย
การซูมเข้าไปในห้องโดยสารเผยให้เห็นการออกแบบคอนโซลใหม่ที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แม้จะยังไม่เห็นรายละเอียดทั้งหมด แต่ก็บ่งบอกถึงการใส่ใจในการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น
Honda Jazz 2020 ยังคงเป็นรถ Hatchback ที่เน้นความอเนกประสงค์ในการใช้งาน พร้อมการออกแบบที่ทันสมัยและสปอร์ต เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
Lamborghini Huracán EVO: สุนทรียภาพแห่งซูเปอร์คาร์ ผสานเทคโนโลยีแห่งอนาคต
Lamborghini ได้เปิดตัว Huracán EVO รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมระบบ Vehicle Dynamics Control System แบบเต็มรูปแบบ เทคโนโลยี Infotainment อันล้ำสมัย และสมรรถนะที่น่าทึ่ง โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.9 วินาที
การออกแบบภายนอก: เพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิกส์อย่างเหนือชั้น
การปรับปรุงที่โดดเด่นที่สุดคือการเสริมประสิทธิภาพแอโรไดนามิกส์ของ Huracán EVO ตั้งแต่กันชนหน้าพร้อมลิ้นหน้าทรงปีก ช่องดักลมทรง Y อันเป็นเอกลักษณ์ ล้อดีไซน์ใหม่ และช่องดักลมด้านข้างที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้านท้ายได้รับการปรับปรุงให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยปลายท่อไอเสียคู่ที่ย้ายตำแหน่งติดตั้งให้สูงขึ้นบนกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลังที่ช่วยเพิ่มแรงกดดาวน์ฟอร์ซ
โครงสร้างตัวถังของ Huracán EVO ได้รับการออกแบบให้ตอบสนองต่อการไหลของอากาศเป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มแรงกดดาวน์ฟอร์ซและแอโรไดนามิกส์โดยรวมได้ถึงห้าเท่าเมื่อเทียบกับ Huracán รุ่นแรก
ภายในห้องโดยสาร: ความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัย
ภายในห้องโดยสารของ Huracán EVO ตกแต่งด้วยเบาะ Alcantara และวัสดุหนัง พร้อมรายละเอียดที่สะท้อนถึงความเป็น Lamborghini ตัวเลือกวัสดุ Carbon Forged Composites และ Carbon Skin อันเป็นสิทธิบัตรของแบรนด์ พร้อมระบบไฟ Ambient Light ในห้องโดยสารที่สามารถปรับได้
หน้าจอสัมผัส: ขนาด 8.4 นิ้ว ในคอนโซลกลาง รองรับการสัมผัสแบบ Multi-finger
ระบบ Infotainment: รองรับ Apple CarPlay, ระบบนำทางด้วยดาวเทียม, วิทยุออนไลน์, ฮาร์ดดิสก์ความจุสูง
กล้อง: มีกล้องคู่แบบวัดระยะทางให้เลือก
สมรรถนะที่เร้าใจ: หัวใจ V10 ที่ทรงพลัง
Huracán EVO ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 631 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 442 ปอนด์-ฟุต ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 1,422 กิโลกรัม ทำให้มีอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าที่น่าทึ่ง
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: 2.9 วินาที
อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม.: 9.0 วินาที
ระยะเบรก 100-0 กม./ชม.: 31.9 เมตร
ความเร็วสูงสุด: มากกว่า 325 กม./ชม.
เทคโนโลยี Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI): สมองกลอัจฉริยะ
จุดเด่นสำคัญของ Huracán EVO คือระบบ LDVI ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกลางที่ควบคุมทุกมิติของรถ โดยได้รับการสนับสนุนจาก Lamborghini Piattaforma Inzerziale (LPI) ซึ่งเป็นหน่วยควบคุมการเร่งและเซ็นเซอร์ไจโรสโคปที่อยู่บริเวณศูนย์ถ่วงของรถ
ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบควบคุมล้อทั้ง 4 ระบบช่วงล่างแบบ Magnetorheological ระบบควบคุม Traction ที่ล้ำสมัย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และการตอบสนองของพวงมาลัย ล้วนได้รับการปรับปรุงให้มีความเฉียบคมและแม่นยำยิ่งขึ้น
Lamborghini Huracán EVO คือนิยามของซูเปอร์คาร์ที่ผสานสมรรถนะอันเหนือชั้นเข้ากับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หาที่เปรียบไม่ได้
Honda City e:HEV: ประหยัดน้ำมัน พลังแรง ขับสนุก สไตล์ Hybrid
Honda City e:HEV คือรถ Eco Car ขนาด B-Segment ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Full Hybrid อันเป็นที่ยอมรับในเรื่องของประสิทธิภาพและความประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกทั้งในรูปแบบเก๋ง 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู รุ่น e:HEV นี้เป็นตัวเลือกเครื่องยนต์ Hybrid โดยเฉพาะ ต่างจาก Honda City Turbo ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
Honda City e:HEV: น่าซื้อหรือไม่?
Honda City e:HEV มีวางจำหน่ายเฉพาะในโฉมปัจจุบันที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 โดยรุ่นท็อปจะเป็น RS e:HEV และได้รับการ Minorchange ในเดือนสิงหาคม 2024 โดยมีการเพิ่มรุ่นย่อย SV e:HEV เข้ามา ทำให้มีราคาที่หลากหลายมากขึ้น
Honda City e:HEV SV: ราคา 729,000 บาท
Honda City e:HEV RS: ราคา 799,000 บาท
มิติตัวถัง:
ความยาว: 4,580 – 4,589 มม.
ความกว้าง: 1,748 มม.
ความสูง: 1,467 – 1,480 มม.
ฐานล้อ: 2,589 มม.
ระยะต่ำสุดใต้ท้องรถ: 134 – 147 มม.
ความจุถังน้ำมัน: 40 ลิตร
น้ำหนัก: 1,224 กก. (SV) / 1,232 กก. (RS)
เครื่องยนต์ Honda City e:HEV: การทำงานร่วมกันของ Hybrid
เครื่องยนต์เบนซิน: 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้า: กำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion ความจุ 1.0 kWh
ระบบส่งกำลัง: E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD)
e:HEV คืออะไร? ทำงานอย่างไร?
e:HEV คือเทคโนโลยี Sport Hybrid i-MMD ของ Honda ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยตัวแรกทำหน้าที่เป็น Generator สร้างกระแสไฟฟ้า และตัวที่สองทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ ระบบนี้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ทั้งอัตราเร่งที่ดีและความประหยัดน้ำมัน
ระบบ Sport Hybrid i-MMD มีโหมดการขับขี่อัจฉริยะ 6 โหมด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในแต่ละขณะ ตั้งแต่การขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว การทำงานร่วมกันแบบ Hybrid ไปจนถึงการใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก
Honda City e:HEV: ขับสนุก ประหยัดจริง
Honda City e:HEV มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ ด้วยการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่เนียนไหล่ ให้ความรู้สึกถึงอัตราเร่งที่ต่อเนื่องและนุ่มนวล ช่วงล่างมีความหนึบแน่นสไตล์ Honda ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจในความเร็วสูง
การขับขี่ในเมือง: ประหยัดน้ำมันอย่างยอดเยี่ยม เฉลี่ย 24.7 กม./ลิตร
การขับขี่ทางไกล: ประหยัดน้ำมันได้ดีเช่นกัน เฉลี่ย 23.7 กม./ลิตร
Honda City e:HEV มือสอง: คุ้มค่าน่าซื้อหรือไม่?
สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ Eco Car Hybrid ที่เพียบพร้อมด้วยออปชันและความประหยัด Honda City e:HEV มือสอง ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่น Minorchange 2024 ที่มีราคาปรับลดลงจากรุ่นเปิดตัว ทำให้ราคาในตลาดมือสองน่าสนใจเป็นพิเศษ
ราคา Honda City e:HEV มือสอง รุ่นปี 2020 ขึ้นไป เริ่มต้นที่ประมาณ 529,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาขายมือหนึ่งแล้ว ถือเป็นการประหยัดเงินได้อย่างมาก โดยยังคงได้รถที่มีคุณภาพดีเยี่ยม เทคโนโลยี Hybrid ที่น่าเชื่อถือ และสมรรถนะที่โดดเด่น
หากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่ผสานความประหยัด พลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในทุกเส้นทาง และความคุ้มค่า Honda City e:HEV เป็นคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม
ก้าวต่อไปของการขับขี่ที่เหนือกว่า
ไม่ว่าคุณจะหลงใหลในสมรรถนะอันดุดันของ Honda Civic Type R, ความอเนกประสงค์พร้อมลุยของ Mitsubishi Xpander Cross, ความหรูหราล้ำสมัยของ Mercedes-Benz E-Class, ความอัจฉริยะของ Honda Jazz, ความเร้าใจของ Lamborghini Huracán EVO, หรือความประหยัดและพลังของ Honda City e:HEV โลกยานยนต์ปี 2025 ได้นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
หากคุณพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ใช่สำหรับคุณแล้ว อย่ารอช้า! ติดต่อผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้ใกล้บ้านคุณ หรือเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ผลิตเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกและทดลองขับได้แล้ววันนี้ เพื่อค้นหารถยนต์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกการเดินทางของคุณ

