BMW 520d Sport: การผลิตในไทย ความร่วมมือเพื่ออนาคตพลังงานสะอาด และการเติบโตที่แข็งแกร่งของ BMW Group Thailand
ในยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผลักดันเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) และความยั่งยืน BMW Group Thailand ได้ประกาศความเคลื่อนไหวสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการตอบสนองต่อตลาดและผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง การประกาศครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการขยายไลน์การผลิตรถยนต์สันดาปภายในที่ได้รับความนิยม แต่ยังรวมถึงการตอกย้ำความสำคัญของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ
BMW 520d Sport: การผลิตในไทย สร้างโอกาสและความเข้าถึงที่เหนือกว่า
ก้าวสำคัญแรกที่ประกาศออกมาคือการตัดสินใจของ BMW ที่จะ ประกอบรถยนต์ BMW รุ่น 520d Sport ในประเทศไทย อย่างเต็มรูปแบบ ณ โรงงานในจังหวัดระยอง การตัดสินใจนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในฐานการผลิตของไทย แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภคชาวไทย นั่นคือการเข้าถึงรถยนต์ในกลุ่ม Premium Sedan ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ได้ง่ายขึ้น ในอดีต การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศมักมาพร้อมกับต้นทุนที่สูงกว่า แต่การผลิตในประเทศจะช่วยลดข้อจำกัดด้านภาษีและค่าขนส่ง ทำให้ ราคา BMW 520d Sport มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
คุณสเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน BMW Group Thailand ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการผลิตในประเทศว่า “ต่อจากนี้ไป BMW รุ่น 520d Sport จะประกอบเองในโรงงานไทยทั้งหมด… ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงรถยนต์รุ่นนี้ได้ดีมากขึ้น” การปรับเปลี่ยนนี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการตอบสนองความต้องการของตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในไทย ซึ่งยังคงมีกำลังซื้อและความนิยมในรถยนต์ที่มาพร้อมสมรรถนะและการขับขี่ที่เป็นเลิศ
นอกจากตัวรถยนต์เองแล้ว BMW ยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ บริการหลังการขาย BMW ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน ในการเปิดตัวครั้งนี้ BMW ได้นำเสนอแพ็คเกจบริการหลังการขายถึง 4 รูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแต่ละราย โดยราคาเริ่มต้นของ BMW 520d Sport เมื่อรวมแพ็คเกจบริการดังกล่าว จะอยู่ที่ประมาณ 3,439,000 บาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับรถยนต์ในระดับนี้
BMW Series-5 G30: นิยามใหม่แห่งความสง่างามและสมรรถนะ
สำหรับรายละเอียดของ BMW 520d Sport นั้น สะท้อนถึง DNA ของ BMW Series-5 ได้อย่างครบถ้วน การออกแบบภายนอกโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว แบบ double-spoke ผสานกับ BMW Individual high-gloss Shadow Line ที่ช่วยเสริมความโฉบเฉี่ยว เส้นสายที่คมชัด ไฟหน้า LED แบบ Adaptive พร้อมระบบ Follow-me-home และ Welcome lighting สร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรก
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง พร้อมการตกแต่งด้วย Fine-wood trim สี poplar grain grey และ highlight trim finisher สีโครเมียมมุกที่เข้ากันอย่างลงตัวกับพวงมาลัยและเบาะหนัง ระบบ Gesture Control ที่เคยสร้างความฮือฮาใน BMW Series-7 ได้ถูกนำมาใช้ใน Series-5 ด้วยเช่นกัน ควบคู่ไปกับหน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ที่ช่วยให้การควบคุมระบบอินโฟเทนเมนต์ ระบบนำทาง และการสื่อสารเป็นไปอย่างง่ายดายและชาญฉลาด
ในด้านสมรรถนะ BMW 520d Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล BMW TwinPower Turbo 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่น่าประทับใจถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร และค่าการปล่อย CO2 ที่ 132 กรัมต่อกิโลกรัม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BMW ในการพัฒนายานยนต์ที่ทรงสมรรถนะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
BMW Group Thailand: สถิติยอดขายประวัติศาสตร์และการเติบโตที่น่าจับตา
นอกเหนือจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว BMW Group Thailand ยังได้เปิดเผยถึงผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเรียกได้ว่า ยอดขาย BMW ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่เป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและความต้องการที่แข็งแกร่งของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อผลิตภัณฑ์และบริการของ BMW
คุณสเตฟาน ทอยเชอร์ต กล่าวถึงผลประกอบการครึ่งปีแรกว่า “เป็นครึ่งปีที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ BMW เลยก็ว่าได้” ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายทั่วโลกของ BMW Group ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเติบโตที่โดดเด่นในประเทศไทย ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในกลุ่มตลาดพรีเมียม
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV): การเติบโตที่น่าตื่นเต้น และบทบาทของ BMW
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือการที่ BMW Group Thailand ให้ความสำคัญกับการขยายตัวของ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย เป็นอย่างมาก โดยระบุว่าประเทศไทยกลายเป็นตลาดอันดับ 2 ของ BMW ทั่วโลกในด้านการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงถึง 427% หรือมียอดขาย 611 คัน นี่เป็นตัวเลขที่บ่งชี้ถึงศักยภาพอันมหาศาลของตลาด EV ในประเทศไทย และ BMW พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ ChargeNow: ปูทางสู่อนาคตของการเดินทางด้วยไฟฟ้า
เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นดังกล่าว BMW ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ ChargeNow พันธมิตรด้านโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก การร่วมมือในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างสถานีชาร์จ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจรเพื่อสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้สะดวกสบายและแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
BMW มองเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย จึงได้ผนึกกำลังกับ ChargeNow ซึ่งมีเครือข่ายสถานีชาร์จมากกว่า 65,000 แห่งใน 27 ประเทศทั่วโลก การเข้ามาของ ChargeNow ในประเทศไทย จึงเปรียบเสมือนการนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระดับสากลมาปรับใช้
“แต่ BMW ก็รู้ดีว่า เราทำเองลำพังไม่ได้… การจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์และหลากหลายจะทำให้เกิดการใช้งานที่กว้างขวางมากขึ้น” คุณทอยเชอร์ต กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือนี้ไม่ได้จำกัดเพียงรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW เท่านั้น แต่รถยนต์ไฟฟ้าจากทุกค่ายสามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นการเปิดกว้างและส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม EV โดยรวม
การผนึกกำลังกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง AP (เอพี ไทยแลนด์) และ Central Group (เซ็นทรัล กรุ๊ป) ยิ่งทำให้การขยายเครือข่ายสถานีชาร์จนี้มีความเป็นไปได้สูง เพราะจะครอบคลุมพื้นที่ที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ทั้งในส่วนของ สถานีชาร์จรถไฟฟ้าคอนโด และ สถานีชาร์จรถไฟฟ้าห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าคุ้นเคย
สำหรับแผนงานในปีนี้ BMW และ ChargeNow ได้ลงทุนเบื้องต้นกว่า 20 ล้านบาท เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ ส่วนพันธมิตรอย่าง AP และ Central Group อยู่ในระหว่างการศึกษาตลาดเพิ่มเติม แต่ได้ยืนยันการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรแล้ว
ในส่วนของโมเดลการคิดค่าบริการ BMW ได้นำแนวทางเดียวกับสิงคโปร์มาปรับใช้ คือ คิดค่าบริการตามระยะเวลาการใช้งาน (Minute/Hour Based Charging) ซึ่งเป็นระบบที่ยุติธรรมและโปร่งใสตามการใช้งานจริง การเตรียมพร้อมรองรับหัวจ่ายไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ EV หลากหลายประเภทก็เป็นอีกจุดที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและการวางแผนระยะยาว
อนาคตแห่งพลังงาน: ขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืน
คำกล่าวที่ว่า “อนาคตของพลังงานไม่ใช่ฟอสซิล” ที่ BMW ได้เน้นย้ำในงานแถลงข่าว สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ในยุคที่กระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง การที่แม้แต่แบรนด์ที่แข็งแกร่งในรถยนต์สันดาปภายในอย่าง BMW ยังต้องให้ความสำคัญกับการผลักดันสถานีชาร์จและระบบนิเวศ EV ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าอนาคตของการคมนาคมคือยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
การปรากฏตัวของ BMW 520d Sport ที่ผลิตในไทย พร้อมกับการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของกลยุทธ์แบบรอบด้านของ BMW Group Thailand พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ แต่ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ยานยนต์แห่งอนาคต
แนวโน้มและโอกาสในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย
ด้วยตัวเลขการเติบโตที่น่าประทับใจของตลาด EV ในไทย ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่หลายค่ายรถยนต์จะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายบริการที่เกี่ยวข้องตามมาอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันที่เข้มข้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างมาก เพราะจะได้มีตัวเลือกที่หลากหลาย ราคาที่น่าสนใจ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจใน รถยนต์ไฟฟ้า BMW หรือต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่สุดพรีเมียมของ BMW Series-5 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 520d Sport ที่ผลิตในไทย หรือรุ่นอื่นๆ รวมถึงการมองหาทางเลือกในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า การจับมือกับ ChargeNow และการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ สะท้อนให้เห็นว่า BMW กำลังเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตอย่างเต็มที่
BMW Series-5 2017: ความต่อเนื่องของนวัตกรรม
ย้อนกลับไปในปี 2017 การเปิดตัว BMW New Series-5 G30 ในประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมสู่ตลาดไทยอย่างไม่หยุดยั้ง รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบภายใต้แนวคิด BMW Efficient Lightweight ที่เน้นการใช้วัสดุอลูมิเนียมและเหล็กกล้าความทนทานสูงแต่น้ำหนักเบา ส่งผลให้น้ำหนักโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
BMW 530i และ BMW 520d ในเจเนอเรชั่น G30 ได้รับการปรับปรุงอย่างรอบด้าน ทั้งด้านสมรรถนะ การขับขี่ที่นุ่มนวล ปลอดภัย และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ระบบ iDrive พร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว รองรับการควบคุมที่หลากหลาย ทั้งผ่าน Controller, ระบบสั่งงานด้วยเสียง, ระบบสั่งงานด้วยท่าทาง (Gesture Control) และการสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษพร้อมระบบปรับการกระจายแสงอัตโนมัติ และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระยะไกลสุด 500 เมตร ระบบกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่แบบแอคทีฟที่สามารถเปิด-ปิดตะแกรงได้ตามสภาพการขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้นสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ช่วยเสริมการเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร สร้างสุนทรียภาพในการเดินทางที่เงียบสงบและผ่อนคลาย
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน BMW 530i มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 17.5 กม./ลิตร และค่า CO2 เพียง 129 กรัม/กิโลกรัม
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล BMW 520d ใช้เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 20 กม./ลิตร และค่า CO2 ที่ 132 กรัม/กิโลกรัม ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม.
MINI Countryman และ John Cooper Works: ความหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
นอกจาก BMW Series-5 แล้ว MINI Countryman 2017 เจเนอเรชั่นที่สอง ก็ได้เปิดตัวในงาน Bangkok International Motor Show 2017 พร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ MINI Cooper Countryman, MINI Cooper S Countryman และ MINI Cooper S Countryman Hightrim เทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ การออกแบบภายนอกและภายในได้รับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและกว้างขวางมากขึ้น ตอบสนองการใช้งานในรูปแบบรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ได้อย่างลงตัว
MINI Countryman 2017 มีมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิม เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ช่องเก็บสัมภาระเพิ่มขึ้น พร้อมฟังก์ชัน MINI Picnic Bench ที่สามารถกางออกเป็นที่นั่งปิกนิกได้ ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายด้วยระบบไฟฟ้า เพียงใช้เท้า หรือผ่านรีโมตคอนโทรล
ภายในมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอย่าง MINI Country Timer และ MINI Connected ระบบแผนที่นำทางที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรงและความสปอร์ต MINI John Cooper Works Clubman คือคำตอบ ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ พละกำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 เจเนอเรชั่นล่าสุด ให้สมรรถนะระดับรถแข่งพันธุ์แท้ เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.3 วินาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport Automatic 8 สปีด
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยชุด Aerodynamics, ล้ออัลลอย John Cooper Works Course Spoke ขนาด 19 นิ้ว ภายในมาพร้อมพวงมาลัยหนังแท้, เบาะสปอร์ต John Cooper Works, Head-Up Display และหน้าจอสัมผัส 8.8 นิ้ว ราคาของ MINI John Cooper Works Clubman อยู่ที่ 3,588,000 บาท
BMW Motorrad: มอเตอร์ไซค์สไตล์ Heritage สู่ความเร้าใจสปอร์ต
BMW Motorrad ก็ไม่น้อยหน้า โดยได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ 2 รุ่นใหม่ คือ BMW R nineT Pure และ BMW R nineT Racer เพื่อเติมเต็มไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Heritage
BMW R nineT Pure เป็นมอเตอร์ไซค์คลาสสิกที่ออกแบบในสไตล์ร่วมสมัย โครงสร้างคล่องตัว ดีไซน์อลูมิเนียมบริเวณที่พักเท้าและแกนโช้คหน้า ตัวถังและบังโคลนสีเทา Catalano Non-metallic ตัดกับส่วนสีดำ สร้างความรู้สึกคลาสสิกและทรงพลัง
BMW R nineT Racer นำแรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์ไซค์สปอร์ตยุค 70s ด้วยรูปทรงหมอบต่ำ แฮนด์บังคับแบบหมอบต่ำ และที่พักเท้าที่วางไปด้านหลัง หน้ากากแบบ Half-fairing และเบาะหลังทรงโค้ง เสริมด้วยเฟรมสีเงินอลูมิเนียม ตัดกับระบบขับเคลื่อนสีดำ สะท้อนความเป็นมอเตอร์ไซค์สปอร์ตในตำนาน
BMW Group Manufacturing Thailand: ก้าวสู่การผลิต Plug-in Hybrid
การพัฒนาศักยภาพของโรงงาน BMW Group Manufacturing Thailand ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การผลิตรถยนต์สันดาปภายใน ล่าสุดได้เริ่มประกอบ รถยนต์ BMW Plug-in Hybrid ในประเทศไทยแล้ว ได้แก่ BMW 330e และ BMW X5 xDrive 40e การผลิตรถยนต์ Plug-in Hybrid ในประเทศ แสดงให้เห็นถึงการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด และเป็นการตอบสนองต่อทิศทางของตลาดโลกและนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย
รถยนต์ Plug-in Hybrid เหล่านี้ ผสมผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และสามารถขับขี่ในเมืองด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 26-30 กิโลเมตร โดยไม่ปล่อยมลพิษ
การขยายเครือข่ายและบริการ: เข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ
BMW Group Thailand ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ เพื่อเข้าถึงลูกค้าในทุกภูมิภาค ล่าสุดได้เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจร มิลเลนเนียม ออโต้ ภูเก็ต สำหรับรถยนต์ BMW และ MINI เพื่อรองรับตลาดพรีเมียมในแถบอันดามัน ขณะเดียวกัน สยาม มอเตอร์ราด ภูเก็ต ก็ได้เปิดตัวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตลาดบิ๊กไบค์ในภาคใต้ตอนล่าง
ศูนย์บริการมิลเลนเนียม ออโต้ ภูเก็ต รองรับรถยนต์ได้กว่า 38 คัน พร้อมโซนจัดแสดงรถยนต์ BMW, MINI และรถยนต์คุณภาพเยี่ยมตามโปรแกรม BMW Premium Selection และ MINI Next รวมถึงช่องบริการทางเทคนิค 10 ช่อง
สำหรับสยาม มอเตอร์ราด ภูเก็ต มีพื้นที่กว่า 800 ตารางเมตร จัดแสดงมอเตอร์ไซค์ BMW ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย พร้อมบริการหลังการขายครบวงจร
BMW X3 xDrive 20d xLine 2018: SUV อเนกประสงค์สำหรับครอบครัว
และเมื่อมองไปยังกลุ่ม SUV ครอบครัว BMW X3 xDrive 20d xLine 2018 ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมตั้งแต่เปิดตัว ด้วยการออกแบบที่ลงตัวสำหรับทุกการใช้งาน เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแข่งขันกับ SUV ระดับพรีเมียมจากยุโรปอย่าง Mercedes-Benz GLC, Audi Q5 และ Volvo XC60
X3 xDrive 20d xLine 2018 ยังคงเอกลักษณ์สปอร์ต ด้วยการกระจายน้ำหนัก 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลัง ส่งผลต่อการเข้าโค้งที่สมดุล
ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมไฟหน้า Adaptive LED, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High-Beam Assistant, กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่แบบแอคทีฟ, ไฟตัดหมอก LED รูปทรงหกเหลี่ยม (ครั้งแรกในตระกูลนี้) ไฟท้าย LED และล้ออัลลอย Y-spoke ขนาด 19 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบ Comfort Access, ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายแบบ Trunk Hand Free Access, และเทคโนโลยี BMW Display Key ที่สามารถแสดงข้อมูลรถจากระยะไกลได้ เบาะนั่งสปอร์ตหุ้มหนัง Vernasca พร้อมระบบปรับไฟฟ้าและเมมโมรี่คู่หน้า เบาะหลังพับแบบ 40:20:40 และรองรับการติดตั้งเบาะนั่งเด็กได้สูงสุด 3 ตำแหน่ง
BMW X3 xDrive 20d xLine 2018 คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่ต้องการทั้งสมรรถนะ สไตล์ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยจากแบรนด์พรีเมียมระดับโลก
ก้าวสู่การเดินทางที่ยั่งยืนและสะดวกสบาย
BMW Group Thailand ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในด้านการผลิตรถยนต์คุณภาพสูงที่ผลิตในประเทศ การผลักดันเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ และการขยายเครือข่ายบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
สำหรับผู้ที่สนใจในนวัตกรรมยานยนต์ที่ผสมผสานสมรรถนะ ความหรูหรา และความยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่จะเข้ามาสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับกับ BMW ไม่ว่าจะเป็นการทดลองขับ BMW 520d Sport รุ่นประกอบในไทย หรือการสำรวจไลน์อัพยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะมาถึง เข้าชมที่โชว์รูม BMW ใกล้บ้านคุณ หรือติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปพร้อมกับ BMW
