• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2308059_แต งงานใหม งท เม ยต วเองท องอย ให จบ ความร นท กเคส_part2

admin79 by admin79
August 21, 2025
in Uncategorized
0
N2308059_แต งงานใหม งท เม ยต วเองท องอย ให จบ ความร นท กเคส_part2

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Honda ลดความร้อนแรงจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
ลงไปพอสมควร เพราะหลังจากเปิดตัว Honda CR-V Minorchange เพิ่ม
รุ่น 2.4 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ CVT ทำตลาดไปพร้อมๆกับน้องใหม่
อย่าง Honda HR-V ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2014 แล้ว ปี 2015
Honda แทบไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวเลย อาจมีแค่เพียง เผยโฉม BR-V
ล่วงหน้าตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015 ก่อนเปิดผ้าคลุมในงาน Motor Expo
2015 แต่กว่าจะเริ่มทำตลาดจริง ก็ปาเข้าไปยังเดือนมกราคม 2016

ส่วนปี 2016 Honda BR-V ในช่วงต้นปี อาจทำยอดขายในระดับไปเรื่อยๆ
เพราะตลาดรถยนต์ 7 ที่นั่งบ้านเรานั้น มียอดสั่งซื้อเข้ามาแบบไม่หวือหวา
แต่เมื่อ Civic Full Modelchange เปิดตัวตามมาติดๆ ในช่วงเดือนมีนาคม
รถยนต์ยอดนิยมรุ่นสำคัญของบ้านเรารุ่นนี้ ก็สร้างกระแส ปรากฎการณ์ให้
เราทุกคน ได้เห็นกันแล้วว่า แท้จริงนั้น ตลาดรถยนต์นั่ง C-Segment ของ
บ้านเราหนะ ยังไม่ตาย ต่อให้ Honda HR-V จะตอดยอดขายจาก Civic
ไปมาก แต่ถ้า Civic ใหม่ ทำสเป็กและราคาออกมาน่าใช้ ลูกค้าก็พร้อมจะ
เปลี่ยนกลับจาก Crossover SUV มาเป็นรถเก๋ง Sedan ได้ตามเดิม ทันที!

นอกนั้น รุ่นอื่นๆ ทั้ง Honda Accord Hybrid ปรับขุมพลังใหม่ ที่ออกมา
งัดข้อกับ Toyota Camry Hybrid ได้สมศักดิ์ศรี จนมียอดขายเพิ่มขึ้นมา
เป็นรองเพียงรุ่น 2.0 ลิตร ปกติ เท่านั้น

ส่วน Brio กับ Brio Amaze แม้จะมีรุ่น Minorchange ออกมาแล้ว ทว่า
ยอดขายของสองพี่น้องคู่หลังเนี่ย ไม่ต้องไปคาดหวังมากนัก ดังนั้นจึง
มีแนวโน้มอยู่ว่า เมื่อถึงปี 2019 ความเป็นไปได้ที่ Brio และ Brio Amaze
จะถูกยุติการผลิตและจำหน่ายในบ้านเรา มีสูงมาก

สำหรับปี 2017 Honda จะกลับมาโหมกระหน่ำเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่กัน
แบบบ้าคลั่งอีกแล้ว ตามแผนทั้งหมดจะมีมากถึง 5 รุ่น !!

ทันทีที่ผ่านพ้นวันหยุดช่วงปีใหม่ Honda จะเริ่มประเดิมปี 2017 ด้วยการ
เปิดตัว Honda City Minorchange ถือเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ ให้กับ
B-Segment Sedan ซึ่งขายดีมากสุดในบรรดา Honda ทุกรุ่นซึ่งกำลัง
ทำตลาดในบ้านเรา

ภายนอกจะมีการเปลี่ยนมาใช้ชุดไฟหน้าใหม่ มีไฟ LED Tube Daytime
Running Light มาให้ เปลี่ยนกระจังหน้า เปลือกกันชนหน้า – หลัง ใหม่
ไฟตัดหมอกหน้า แบบ LED และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ลายใหม่

สีตัวถังภายนอก มีสีใหม่ให้เลือก คือ สีน้ำเงิน Cosmic Blue Metallic
เหมือนกับรุ่นพี่ Civic FC (โดยมาแทนที่ สีน้ำเงินสด Brilliant Sporty
Blue Metallic เดิม)

แม้จะยืนหยัดด้วยขุมพลังบล็อกเดิม พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกเดิม
แต่การปรับโฉมครั้งนี้ ยืนยันแล้วว่าหน้าตาจะแตกต่างจาก Honda Greiz
เวอร์ชันจีน ที่เปิดตัวในแดนมังกรเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา อย่างแน่นอน

กำหนดการจัดงานแถลงข่าว มีขึ้นในวันที่ 12 มกราคม 2017 และจะส่งขึ้น
โชว์รูม Honda ทั่วประเทศ ทันที

Honda_Civic_5_Door_2017

ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ข่าวดีสำหรับวัยรุ่นวัยแรง ที่เฝ้ารอการมาถึงของ
Civic ตัวถัง Hatchback 5 ประตู คราวนี้ คงได้สมใจกันเสียที เพราะยืนยัน
ได้แล้วว่า จะมีการนำเข้ามาประกอบขายในประเทศไทย ณ โรงงานใหม่
“โรจนะ 2” จังหวัดปราจีนบุรี อย่างแน่นอน โดยจะขึ้นสายการผลิตร่วมกับ
Civic Sedan 4 ประตู

เหตุผลที่ Civic Hatchback สามารถมาแจ้งเกิดในประเทศไทยได้ เพราะ
โรงงาน โรจนะ 2 ถูกมอบหมายให้เป็นฐานการผลิต Civic รุ่นใหม่ เพื่อการ
ส่งออกไปยังประเทศในแถบ Oceania อย่าง Australia กับ New Zealand
ด้วย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้ มียอดจำหน่าย Civic Hatchback ในสัดส่วน ที่สูง
มากกว่าตัวถัง Sedan มาตลอดหลายสิบปี ดังนั้น ถ้า Civic ใหม่ ไม่ได้ถูก
ขึ้นสายการผลิตที่ญี่ปุ่นแล้ว จะให้สั่งนำเข้ามาจากยุโรป หรืออเมริกาเหนือ
ต้นทุนจะแพงเอาเรื่อง ดังนั้น ยกมาประกอบที่เมืองไทย ก็จะช่วยประหยัด
ต้นทุนลงไปได้ในระดับหนึ่ง ลูกค้าบ้านเรา ก็เลยพลอยได้อานิสงส์ผลบุญ
จากการแบ่งรถที่ผลิตได้บางส่วน มาจำหน่ายด้วย ไปในตัวนั่นเอง!

ตอนแรก Honda จะเอา Civic Hatchback 5 ประตู มาขึ้นแท่นอวดโฉมใน
งาน Motor Expo เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา แต่จากสถานการณ์
บ้านเมือง และตลาดรถยนต์ที่ยังโศกเศร้าไม่สร่างซา หลังการสวรรคตของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทำให้ Honda ตัดสินใจ เลื่อน
การเปิดตัว ไปเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แทรกคิวตรงกลาง ระหว่าง City
Minorchange และ CR-V แทน

Civic Hatchback 5 ประตู เวอร์ชันไทย จะมีทางเลือกขุมพลังให้เลือกแค่
เพียงแบบเดียว นั่นคือเครื่องยนต์ L15B7 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
1,496 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 89.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.6 : 1
พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VTEC (แบบ Dual VTC แปรผันโดยหมุนแท่ง
แคมชาฟท์ ทั้งฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย) กับระบบอัดอากาศ Turbocharger
กำลังสูงสุด 173 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 22.41 กก.-ม. ที่
1,700 – 5,500 รอบ/นาที แต่ปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดอ็อกไซด์ ต่ำลงมาก
เพียง 132 กรัม/กิโลเมตร ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro IV แต่รองรับน้ำมัน
แก็สโซฮอลล์ แค่ระดับ E20 เหมือนรุ่น Sedan

ด้วยต้นทุนที่แพงกว่ารุ่น Sedan ค่อนข้างมาก ดังนั้น อย่าคาดหวังว่าราคา
ของ Civic Hatchback 5 ประตู จะถูกนัก มันอาจจะแพงขึ้น จากรุ่น Top
1.5 Turbo RS CVT 1,199,000 บาท ไปอีกมากโข แต่ไม่น่าจะเกินกว่า
1,299,000 บาท กระนั้น ออพชันที่ให้มา ก็ถือว่า พอฟัดเหวี่ยงกับตัวถัง
Sedan โดยเฉพาะใครที่อยากได้ชุดไฟหน้าสเปกตัวท็อปของเวอร์ชัน
อเมริกาเหนือ คงสมใจอยากแน่ๆ

พูดกันตามตรงคือ งานนี้ Honda เอา Civic Hatchback 5 ประตู เข้ามา
ประกอบขายในบ้านเรา เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้า เฉพาะกลุ่ม ที่เรียกร้องว่า
อยากได้ Civic ตัวถังอื่น เอาไว้ไปขับซิ่ง แต่งต่อ ดังนั้น จึงไม่ซีเรียสกับ
ตัวเลขยอดขายมากนัก เพราะกว่าจะได้มาขายนี่ ก็น่าจะหืดขึ้นคอแล้ว
ถ้าเป็นยุคอดีต ก็คงต้องเทียบกรณีนี้กับ Mazda 323 ASTINA ในช่วง
เดือนมีนาคมปี 1990 หรือ Toyota Soluna Vios Turbo เมื่อปี 2004
นั่นเอง!

ย้ำกันอีกทีว่า กำหนดการเปิดตัว จะเกิดขึ้นในช่วง ต้นเดือนกุมภาพันธ์
2017 ที่จะถึงนี้

Honda_CR_V_2017

เสร็จจากงานเปิดตัว Civic Hatchback แล้วคนของ Honda จำเป็นต้อง
รีบเตรียมงานเปิดตัว CR-V ใหม่ 5th Generation Full Modelchange
แทบจะในทันที

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ CR-V ใหม่ คราวนี้ คืออาจมีการยกเลิก
รุ่นเครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 ลิตร ทั้งหมด แต่จะยังมีเครื่องยนต์รุ่นเบนซิน
2.4 ลิตร เอาไว้ตามเดิม ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าประหยัดน้ำมันเท่ากัน ปล่อย
ไอเสีย พอๆกัน แต่ได้กำลังมากกว่า ขายในราคาแพงกว่าเดิมนิดเดียว
ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับลูกค้ามากกว่า

อย่างไรก็ตาม สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ตัว Top นั้น ถึงแม้ว่าเวอร์ชันอเมริกา
จะได้ใช้เครื่องยนต์ L15 เบนซิน 4 สูบ DOHC 1.5 ลิตร Turbo ที่ปรับจูน
ให้แรงขึ้นเป็น 190 แรงม้า (PS) แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงมากว่า ลูกค้า
ชาวไทย อาจได้สัมผัสกับเครื่องยนต์ Diesel Turbo ในเวอร์ชันยุโรป

ดังนั้น เราคงต้องมาลุ้นกันต่อว่า Honda จะเลือกวางเครื่องยนต์ CR-V
ใหม่ รุ่น Top เป็นแบบไหนกันแน่ ระหว่าง เบนซิน 1.5 ลิตร Turbo
หรือ Diesel Turbo

เพราะหาก Honda เลือกนำขุมพลัง Diesel Turbo เข้ามาจริงๆแล้วละก็
นั่นเท่ากับว่า CR-V ใหม่ จะสร้างปรากฎการณ์ครั้งแรกในประเทศไทย ที่
Honda นำเครื่องยนต์ Diesel มาวางลงในรถยนต์นั่งที่จำหน่ายในบ้านเรา!
(เสียที)

กำหนดการเปิดตัว อยู่ในช่วง เดือน มีนาคม 2017 ก่อนจะส่งเข้าไปจอด
อวดโฉมรับยอดจอง ในงาน ฺBangkok International Motor Show
ปลายเดือนเดียวกัน ด้วยค่าตัวที่คาดว่าน่าจะถูกกว่า หรือใกล้เคียงกับ
Honda Accord โฉมปัจจุบัน ตามเคย

เว้นว่างไปจนถึงช่วงกลางปี คิวหมายเลข 4 ของ Honda ในปีนี้จะเผยโฉม
นั้นคือ Jazz Minorchange คาดว่าจะมีการอัดออพชันมาให้ในระดับเท่าๆ
Honda City Minorchange อย่างไรก็ตาม ยืนยันอย่างเป็นทางการว่ายัง
ไม่มีรุ่น Jazz Hybrid เข้ามาด้วยอย่างแน่นอน เพราะโครงการดังกล่าว ถูก
ระงับ ไปตั้งแต่ปี 2015 แล้ว

คิวสุดท้ายของ Honda ในปีนี้ จะตามมาหลังจาก Jazz Minorchange สัก
พักใหญ่ๆ รุ่นปรับโฉม Minorchange ของ Honda Mobilio ก็จะตามมา
กระนั้น เราคงต้องรอดูรูปโฉมจากเวอร์ชัน Indonesia ที่จะเปิดตัวก่อนไทย
ในช่วงต้นปี 2017 ว่าจะมีรูปลักษณ์ หน้าตา และภายใน เช่นใด เพราะรุ่นที่
จะนำมาเปิดตัวในเมืองไทย ก็ยกเวอร์ชัน Indo มาประกอบขายในบ้านเรา
ไม่ผิดเพี้ยนเลยนั่นแหละ!

เห็นปี 2017 Honda กระหน่ำ เปิดตัวรถใหม่ ถี่ยิบขนาดนี้ ทว่า พอเข้าสู่
ปี 2018 พวกเขาจะแทบไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่มาให้ได้เห็นกันเลย เต็มที่สุด
ก็คงจะเป็นเพียงแค่ การปรับโฉม Minorchange ให้กับ Crossover SUV
รุ่นขายดีสุดของตนในบ้านเราตอนนี้ อย่าง HR-V เมื่อถึงตอนนั้น ต้องรอดู
กันว่า ปัญหา Defect ต่างๆ ที่ลูกค้าในรุ่นปัจจุบันเผชิญกันอยู่ จะได้รับการ
แก้ไขปรับปรุงจนเรียบร้อยแล้วหรือยัง กำหนดเปิดตัว คาดว่าจะอยู่ในช่วง
ไตรมาสแรกของปี 2018

Honda_Accord_2019

แต่ใครที่ถามถึง รุ่นเปลี่ยนโฉม Full Modelchange ของ Accord ใหม่นั้น
ต้องบอกว่า “รอไปยาวๆ” เพราะเวอร์ชันอเมริกาเหนือเอง ก็จะยังไม่เปิดตัว
จนกว่าจะถึงปลายปี 2017 แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการข้ามมา
เตรียมการประกอบที่เมืองไทย เพราะคราวนี้ ฐานการพัฒนา Accord ใหม่
ก็ถูกย้ายไปอยู่ที่ Honda R&D ใน Ohio สหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับ Civic
รุ่นล่าสุด เป๊ะ! ดังนั้น กว่าที่ Accord ใหม่ จะพร้อมเปิดตัวในบ้านเรา คงจะ
ต้องรอกันไปนานถึงปี 2019!!

ขณะเดียวกัน ใครที่คิดจะรอให้ Civic รุ่นนี้ปรับโฉม Minorchange หรือ
รอให้ City เปลี่ยนโฉมใหม่ Full Modelchange ก็คงต้องบอกว่า อาจรอ
กันยาวๆ ไปถึงปี 2019 เลยทีเดียว

จากการคาดการณ์ของผู้เขียน City รุ่นเปลี่ยนโฉม Full ModelChange
ในปี 2019 อาจมีแนวโน้มว่าน่าจะถูกจับลดขนาดเครื่องยนต์ ให้เหลือแค่
เบนซิน 1.3 ลิตร แล้วถูกจับเข้าร่วมโครงการ ECO Car Phase 2 ดังนั้น
ได้แต่ฝากทาง Honda ไปด้วยว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง กำลังเครื่องยนต์
เบนซิน 1.3 ลิตร จะต้องสูงกว่า 100 – 105 แรงม้า และต้องผ่านมาตรฐาน
มลพิษ ต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากมากๆ มิเช่นนั้น
จะขายในราคาเดิมหรือถูกลง คงเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกค้าในกลุ่มที่ซื้อ
City ในปัจจุบัน ยังคาดหวังความแรงในการเดินทางไกลอยู่ อีกทั้งหาก
มองย้อนกลับไป Honda เอง ก็เคยมีบทเรียนมาล้วกับการลดความแรง
ของ City รุ่นปี 2002 – 2003 ลงจาก 120 เหลือ 88 แรงม้า (PS) ว่ามัน
ส่งผลต่อยอดขายตอนนั้นอย่างไร ดังนั้น ถ้าอยากรักษา Momentum
ด้านยอดขาย และส่วนแบ่งตลาด ในช่วงปี 2019 – 2022 ต้อง”คิดให้ดีๆ”

ท้ายสุดนี้ ใครก็ตามที่ถามไถ่ว่า Honda Freed จะกลับมาขายในบ้านเรา
หรือไม่? ขอยืนยันให้เลยว่า จนถึงวันปิดต้นฉบับ (31 ธันวาคม 2016) นั้น
ทาง Honda Automobile (Thailand) ยังไม่มีแผนการนำเข้า Freed รุ่น
ใหม่ล่าสุด มาทำลาดในเมืองไทย ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมาในรูปรถนำเข้าทั้งคัน
จากประเทศเพื่อนบ้าน หรือ นำมาขึ้นสายการประกอบที่บ้านเราก็ตาม

แหงละ ตอนเปิดตัว เล่นตั้งราคาไว้ซะสูงลิ่ว จนขายไม่ออก จึงค่อยมาเริ่ม
ปรับออพชัน เพิ่มรุ่นย่อย ยอดขายจึงเริ่มเดินไปได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นดีเด่นนัก
ประคับประคองตัวให้ขายได้จนหมดเกลี้ยง นั่นก็บุญโขแล้ว

——————————————————-

Hyundai_Tucson_2017

HYUNDAI
2017 : All New TUCSON

หลังการเสียชีวิตของแม่ทัพคนไทยอย่าง พี่อุ๋ย สฤษฎร์พร สกลรักษ์ ในช่วง
กลางปี 2015 ทำให้ Hyundai Motor (Thailand) ถึงกับชะงักงันไปพักนึง
ความเคลื่อนไหวต่างๆที่เคยมี ก็เงียบหายไปนาน

หลังจากการปรับเปลี่ยนหน้าที่ในการทำงานภายในองค์กร ของทั้งผู้มาใหม่
และผู้ที่ทำงานมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า Hyundai น่าจะพร้อมแล้วที่จะเริ่ม
กลับมาเดินหน้า ส่งรถยนต์รุ่นใหม่ ออกสู่ตลาดบ้านเราอีกครั้ง

ดังนั้น ในปี 2017 Hyundai จะมีน้องใหม่ มาให้ลูกค้าชาวไทยได้เลือกซื้อ
เป็นเจ้าของ กันเพียงรุ่นเดียวนั่นคือ Hyundai Tucson โฉมใหม่ล่าสุดที่
เพิ่งเปิดตัวในตลาดต่างประเทศไปเมื่อไม่นานมานี้ โดย Hyundai เพิ่งจะ
หยั่งเชิงปฏิกิริยาของลูกค้า ด้วยการนำมาอวดโฉม ณ งาน Motor Expo
เมื่อ 1 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา

ในตลาดโลก Tucson ใหม่จะมีเครื่องยนต์ให้เลือก มากถึง 4 แบบ ทั้งรุ่น
เบนซิน 2.0 ลิตร MPi 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
19.6 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที ตามด้วย เบนซิน 2.0 GDi 164 แรงม้า
(PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 20.7 กก.-ม.ที่ 4,700 รอบ/นาที
แรงสุดกับรุ่นเบนซิน 1.6 T-GDi (Turbo) 177 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/
นาที แรงบิดสูงสุด 27.0 กก.-ม.ที่ 1,500 ~ 4,500 รอบ/นาที

แต่สำหรับเวอร์ชันไทย จะได้ใช้ขุมพลังตัวแรงสุด Diesel Turbo 2.0 ลิตร
CRDi 185 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 41.0 กก-ม.ที่
1,750 ~ 2,750 รอบ/นาที เชื่อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

Tucson เวอร์ชันไทย จะถูกนำเข้ามาจากโรงงาน ของ Tan Chong Group
ในมาเลเซีย และจะมีกำหนดการเปิดตัว ณ งาน Bangkok International
Motor Show ปลายเดือนมีนาคมนี้ ด้วยค่าตัวในระดับเดียวกับคู่แข่งร่วม
พิกัด นั่นคือ อาจจะอยู่ในช่วงระหว่าง 1.4 – 1.8 ล้านบาท

ปัญหาของ Hyundai ในตอนนี้ ก็คือ พวกเขายังไม่มีแผนตั้งโรงงานประกอบ
รถยนต์ในเมืองไทยสักที ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาการสั่งนำเข้ารถยนต์ จากโรงงาน
ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้เราไม่มีอิสระมากพอในการสั่งอุปกรณ์ติดรถตามใจ
คนไทยได้เท่าที่ควร ต้องเลือกตาม รูปแบบที่โรงงานกำหนดมาให้

ตราบใดที่สำนักงานใหญ่ในเกาหลีใต้ ยังไม่เห็นความสำคัญของตลาดบ้านเรา
สถานการณ์ของ Hyundai ก็คงอยู่ในระดับประคับประคองตัวไปเรื่อยๆอย่างนี้
นั่นแหละ

——————————————————-

Isuzu_Pickup_Collaboration

ISUZU
2016 : Welcome Mazda / Bye Bye GM
2017 : D-Max MY2017 & MU-X Minorchange
2018 : D-Max & MU-X MY 2018
2019 : D-MAX Full ModelChange ?

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาในรอบปี 2016 เลยทีเดียว เมื่อ Isuzu
ตัดสินใจประกาศ ความร่วมมือ กับ Mazda ในการพัฒนารถกระบะรุ่น
ถัดไป ร่วมกัน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2016

ในข้อตกลงดังกล่าว Mazda ได้ให้ Isuzu รับผิดชอบผลิตรถกระบะ
Mazda รุ่นถัดไป ที่จะสร้างขึ้น บนพื้นฐานรถกระบะ Isuzu รุ่นต่อไป
สำหรับจำหน่ายในตลาดทั่วโลก ยกเว้นตลาดอเมริกาเหนือ

หลายคนอาจไม่เคยทาบมาก่อนว่า แท้จริงแล้ว Isuzu กับ Mazda
มีความสัมพันธ์อันดี มากว่า 10 ปี โดยเฉพาะในญี่ปุ่น Isuzu ได้ผลิต
รถบรรทุกขนาดกลาง 4 และ 6 ล้อ ตระกูล ELF ให้ Mazda นำไป
ขายในชื่อ Mazda Titan อีกด้วย

หลายคนคงสงสัยว่า แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่าง Isuzu กับพันธมิตร
เก่าแก่อย่าง General Motors (GM ) ที่เคยจับมือกันพัฒนารถกระบะ
มาตั้งแต่ปี 1970 ละ?

คำตอบคือ หลังการเซ็นสัญญากับ Mazda อีกเพียง 1 สัปดาห์ต่อมา
22 กรกฎาคม 2016 GM และ Isuzu ต่างคนต่างประกาศออกมา ว่า
ขอยุติความสัมพันธ์ในการพัฒนารถกระบะขนาดกลางสำหรับตลาด
เอเชีย ถือเป็นจุดสิ้นสุดการทำธุรกิจรถกระบะร่วมกัน ตลอด 45 ปี

ในเมื่อ GM ต้องการสร้างรถกระบะให้มีเอกลักษณ์ในแบบของตนเอง
และพวกเขาสามารถลงทุนทำเองได้ตามลำพัง Isuzu เอง จึงจำเป็น
ต้องมี พาร์ทเนอร์รายใหม่ มาร่วมแชร์ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา มากขึ้น

ขณะเดียวกัน Mazda เอง ก็ทุ่มงประมาณ ร่วมพัฒนารถกระบะกับ
Ford มาตลอด หลายสิบปีเช่นเดียวกัน พวกเขาตัดสินใจเลือกจะ
แยกทางกับ Ford โดยจะไม่พัฒนารถกระบะรุ่นต่อไปร่วมกันอีก จึง
ต้องหาใครสักคน ที่อยากจะทำรถกระบะด้วย แต่ต้องมีคนช่วยแชร์
ค่าใช้จ่ายในการพัฒนา จึงจะอยู่ด้วยกันได้โดยรอดปลอดภัย และ
Isuzu คือทางออกที่ดีสุดของ Mazda

นั่นจึงทำให้ Isuzu จะต้องใช้เวลาในการพัฒนารถกระบะรุ่นต่อไป
หลังจากนี้ อีกอย่างน้อย 3 – 4 ปี โดยเครื่องยนต์รุ่นมาตรฐาน จะ
ยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานของ ขุมพลัง Diesel 1.9 ลิตร Ddi Turbo
ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2015

ส่วนจะมีรุ่นขุมพลัง High Power ตามมาอีกด้วยหรือไม่ หรือว่าทาง
Mazda จะได้ SUV / PPV ใหม่ๆ จาก Isuzu ไปลองขาย ดูหรือไม่
ต้องรอกันต่อไป จนกว่าจะถึงปี 2019

แต่ในช่วงปลายปี 2017 ตามธรรมเนียมของ Isuzu ที่จะต้องเปิดตัวรถ
ในช่วงนั้น อาจมีความเคลื่อนไหวของ MU-X Minorchange ที่ควรจะ
ต้องมาได้แล้ว เพราะทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2013 คงต้องรอลุ้นกันว่า
อุปกรณ์ติดรถ รวมถึงดีไซน์ด้านหน้าจะทัดเทียมคู่แข่งได้หรือยัง

ระหว่างนั้น ตั้งแต่ปี 2017 – 2018 Isuzu อาจจะปรับปรุงอุปกรณ์
หรือปรับโฉมเล็กๆน้อย Minorchange ให้กับทั้ง Isuzu D-Max
และ MU-X ตลอดทั้ง 2 ปีที่เหลือ  เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่ายให้
ยังอยู่ในอันดับต้นๆ ของตารางยอดขายรถกระบะในบ้านเรา

——————————————————-

Jaguar_XF_Sport_Brake_2017_2

JAGUAR
2017 : New Distributor / XF SportBrake
2019 : All New XJ

ข่าวใหญ่ที่สุด สำหรับ Jaguar ในบ้านเราตลอดปี 2015 – 2016 ที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการที่ผู้จำหน่ายรายเดิมอย่าง City Automobile จัดเปิดตัว
Jaguar XE ในงาน Motor Expo (ธันวาคม 2015) แล้ว

พอถึงเดือนกรกฎาคม 2016 Jaguar Land Rover (JLR) ก็แต่งตั้งให้กลุ่ม
Inchcape บริษัท Trading Company รายใหญ่จากอังกฤษ เป็นผู้ได้สิทธิ์
ทำตลาดรถยนต์ Jaguar กับ Land Rover ในประเทศไทย แทนบริษัทเดิม
City Automobile โดยก่อตั้งบริษัท Inchcape Service (Thailand) จำกัด
มารับหน้าที่นี้ พร้อมกับเปิดตัว Jaguar F-Pace Premium Crossover SUV
ขนาดกลางไปแล้ว 3 รุ่นย่อย ราคาเริ่มตั้งแต่ 4,699,000 – 5,999,000 บาท
เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมาหมาดๆ

ปี 2017 นี้ Jaguar มีรถยนต์รุ่นใหม่ เพียงรุ่นเดียว นั่นคือ XF SportBrake
ตัวถัง Station Wagon ของ Sedan ขนาดกลาง รุ่น XF ซึ่งกำลังอยู่ในช่วง
โค้งสุดท้ายของการพัฒนาแล้ว

ตอนแรก Jaguar ก็แอบหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะทำ XF SportBrake มา
เสริมทัพให้กับ XF Sedan ดีไหม เพราะตลาดรถยนต์ Premium Wagon
ในยุโรป Mercedes-Benz E-Class T-Model, BMW 5-Series Touring
และ Audi A6 Avant ครองส่วนแบ่งการตลาดกันไปแทบจะหมดเกลี้ยง
แต่ Jaguar ก็คิดว่า ในเมื่อ ตนมีจุดเด่นด้านงานออกแบบ และสมรรถนะ
ของตัวรถ ดังนั้นก็น่าจะลองทำตัวถัง Wagon ออกมาขายแข่งกับเขาดู

เครื่องยนต์ จะมีให้เลือก 3 ขนาด 4 ระดับความแรง ยกชุดมากจาก XF
Sedan ทั้ง เบนซิน ตระกูล Ingenium 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร
240 แรงม้า (PS) , เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร 340 แรงม้า
(PS) กับ Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 163 และ 180 แรงม้า
(PS) เชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ AWD ได้ทั้งหมด

กำหนดเผยโฉมในตลาดโลก คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในงาน Geneva Auto
Salon ต้นเดือนมีนาคม 2017 นี้ แต่สำหรับบ้านเรา ยังไม่แน่ใจว่า ทาง
Inchcape คิดจะเอา XF Sport Brake มาหยั่งเชิงตลาดในไทยหรือไม่
เพราะยอดขายของรถยนต์กลุ่ม PremiumStation Wagon ในบ้านเรา
แม้จะพอขายได้ แต่ก็ยากจะหาลูกค้ามาอุดหนุน กระนั้น ถ้า Inchcape
ตกลงปลงใจว่าจะสั่งเข้ามาลองตลาดเราก็คงต้องรอดูกันถึง ปลายปีใน
งาน Motor Expo 2017 หรือไม่ก็คงต้องเลยเถิดไปถึงต้นปี 2018

หลังจากนี้ แผนต่อไปของ Jaguar มีหลายรุ่นที่จะต้องตลอดออกมา ทั้ง
XJ รุ่นเปลี่ยนโฉม Full Modelchange ซึ่ง Ian Callum หัวหน้าทีมงาน
ฝ่ายออกแบบของ Jaguar ยืนยันว่า XJ ใหม่ จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่
“ชวนให้ตื่นตะลึง” และมีภายในที่หรูหราอลังการมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
และพวกเขายังต้องเพิ่มความสูงของหลังคารถ เพื่อเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะ
ให้มากกว่าเดิม หลังได้รับเสียงบ่นจากลูกค้าที่อุดหนุนรุ่นปัจจุบันไปแล้ว
กำหนดการเปิดตัว มีขึ้นในปี 2019 และน่าจะมาถึงบ้านเรา ปี 2020

นอกจากนี้ Jaguar ยังจะเริ่มหันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV เพื่อต่อกรกับ
Tesla ซึ่งตอนนี้ อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาทั้ง 2 รุ่น แบบแรกจะเป็นตัวถัง
Coupe 4 ประตู เพื่อปรกบ Tesla Model-S ใช้รหัสโครงการ X590 ซึ่ง
จะผสานความต้องการของบอสใหญ่ค่าย JLR อย่าง Dr.Ralf Speth และ
หัวหน้าทีมออกแบบ Ian Callum โดยจะสร้างขึ้นบนโครงสร้างวิศวกรรม
ระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้ารุ่นใหม่ ที่พัฒนาโดย Wolfgang Ziebart อดีต
วิศวกรจาก BMW ที่ถูกดึงตัวมาอยู่กับ JLR ตั้งเป้ายอดขายประมาณการ
ไว้ที่ระดับ 20,000 – 30,000 คัน/ปี ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะเป็น EV SUV ราคา
ย่อมเยาลงมาเล็กน้อย ตั้งเป้ายอดขายไว้ระดับ 30,000 – 50,000 คัน/ปี
ทั้งหมดนี้เราจะได้เห็นกัน หลังปี 2019

อย่างไรก็ตาม Jaguar ตัดสินใจแล้วว่า จะยุติโครงการพัฒนา รถ Sport
Coupe รุ่นเปลี่ยนโฉมของตระกูล XK ที่ยกเลิกการผลิตไปนานแล้ว และ
ยังยกเลิก เวอร์ชันผลิตขายจริงของ Super Car ต้นแบ C-X75 อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น Ian Callum ยังยืนยันชัดเจนว่า Jaguar ไม่คิดจะผลิต
รถยนต์ ออกมาในปริมาณมากๆ ยอดผลิตปีละเป็นล้านคัน เท่า BMW
หรือ Audi เพราะนั่นทำให้พวกเขาอาจสูญเสีย เกียรติภูมิ (Prestige) !!

จ้าาาาา เอาที่สบายใจเลยแล้วกันนะ!!!

——————————————————-

Kia_Sportage_2017

KIA
2017 : New Sportage / Kia Niro

ผู้ผลิตรถยนต์ระดับยักษ์รองจากแดนโสม ร่วมเครือเดียวกันกับ
Hyundai-Kia ทำตลาดในบ้านเรา ภายใต้การ ดูแล ของบริษัท
Yontrakit Kia Motors  มานานหลายปีแล้ว ในช่วงที่ผ่านมา
Kia ยังคงยืนหยัดฮึดสู้อยู่ได้ ด้วย New Grand Cranival รถตู้
MPV 11 ที่นั่ง

ตาม รายงานข่าวของเว็บไซต์ Manager Online เมื่อ 5 ตุลาคม 2016
ระบุว่า เฉพาะ 8 เดือนแรก โชว์รูม และศูนย์บริการของ Kia ทั้ง 19 แห่ง
ทั่วประเทศไทย ทำยอดขาย New Grand Carnival ไปได้มากถึง 282
คัน และพบเห็นได้บ่อยขึ้น ตามโรงเรียน นานาชาติชั้นนำ ในกรุงเทพฯ
ขณะที่รถบรรทุกเล็ก K2500 ก็ทำยอดขายไปได้ 134 คัน ในช่วงเวลา
เดียวกัน ส่วนรุ่นอื่นๆ ทั้ง Cerato Koup , Soul , Sorento ทำตัวเลขได้
รวม 40 คัน

ปี 2017 นี้ Yontrakit Kia Motor ตั้งใจจะเน้นทำตลาดกลุ่ม SUV
โดยเตรียมแผนสั่งนำเข้า รถยนต์รุ่นใหม่รวม 2 รุ่นรวด

เริ่มจาก Kia New Sportage ที่จะเข้ามาเปิดตลาดในบ้านเราอีกรอบ
หลังจากหายหน้าหายตาไปนานหลายปี เพราะทำราคาไม่ได้ คราวนี้
Yontrakit Kia Motor ตัดสินใจรอให้ทางเกาหลีใต้ เปิดตัวรุ่นล่าสุด
ซึ่งเป็น เจเนอเรชันที่ 4 ออกมาในปี 2016 กันเสียก่อน

Sportage ใหม่ กลับมาด้วยตัวถัง Crossover Hatchback 5 ประตู
ท้ายสั้น โดยมีความยาว 4,480 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร
สูง 1,655 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,670 มิลลิเมตร ในต่างประเทศ
มีเครื่องยนต์ให้เลือก ทั้งแบบ Nu เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
2.0 ลิตร 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 19.6 กก.-ม.
ที่ 4,000 รอบ/นาที , Theta 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร GDi
184 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 24.2 กก.-ม.ที่
4,000 รอบ/นาที กับ Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร พ่วง
Common-rail Turbocahrger 185 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/
นาที แรงบิดสูงสุด 41.0 กก.-ม.ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที แต่
เวอร์ชันที่อาจเป็นไปได้ในบ้านเรา น่าจะเป็นแบบ เบนซิน 4 สูบ
DOHC 16 วาล์ว 1.6 ลิตร GDi Turbo 169 แรงม้า (PS) มากกว่า

Kia_Niro_2017

อีกรุ่นหนึ่ง เป็น Kia Niro B-Segment Crossover SUV ซึ่งจะเป็น
ครั้งแรกของ Kia ในบ้านเรา ที่สั่งนำเข้า รถยนต์ HYBRID มาขาย
อย่างจริงจัง

Niro มีขนาดตัวถังยาว 4,355 มิลลิเมตร กว้าง 1,805 มิลลิเมตร สูง
1,545 มิลลิเมตร แต่มีระยะฐานล้อยาวถึง 2,700 มิลลิเมตร เท่ากับ
Honda Civic FB ใหม่! จุดเด่นอยู่ที่ขุมพลัง มีเพียงแบบเดียว และ
เหมือนกันทั่วโลก เป็นเครื่องยนต์ Kappa เบนซิน 4 สูบ DOHC 16
วาล์ว 1.6 ลิตร จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle 105 แรงม้า (PS) ที่
5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที
พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า 43.5 แรงม้า (PS) และแบ็ตเตอรี Lithium-
ion Polymer 1.56 kWh พร้อมระบบ Re-generative Brake และ
เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 6 จังหวะ แบบมีโหมด บวก/ลบ

กำหนดเปิดตัว ในบ้านเรา ยังไม่แน่ชัด แต่น่าจะอยู่ในช่วงเริ่มงาน
Bangkok International Motor Show เดือนมีนาคม 2017 นี้
เป็นการประเดิม แต่ถ้ายังเจรจาไม่จบ ก็รอไปถึง Motor Expo
ต้นเดือนธันวาคม 2017

——————————————————-

Lamborghini_Huracan_Performante_Spyshot

(ภาพจาก www.Motor1.com)

LAMBORGHINI
2017 : Huracan Performante
2018 : URUS

ในตลาดโลก Lamborghini มี 2 ตระกูลหลัก เอาใจลูกค้าบ้าพลัง ทั้งรุ่น
Huracan และ Aventador ซึ่งมีรุ่นย่อยให้เลือก รวมกันแล้ว 12 รุ่นย่อย
แต่ดูเหมือนว่า นอกเหนือจากแผนเปิดตัว SUV คันแรกในรอบหลายปี
อย่าง Urus ในปี 2018 แล้ว พวกเขากำลังเล็งจะสร้างรถรุ่นที่ 3 กันอยู่
โดยคาดว่าจะคั่นตรงกลางระหว่าง Huracan กับ Aventador นั่นแหละ

กระนั้น ปัญหาของ ค่ายกระทิงดุ ก็มีอยู่หลายเรื่อง นับตั้งแต่เข้ามาอยู่
ใต้ร่มไม้ชายคาของ Audi การตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ก็ต้องปล่อยให้
ทางสำนักงานใหญ่ Ingolstad และ Wolfburg (Volkswagen Group)
เขาสั่งการมา ยิ่งช่วง 2 ปีมานี้ ผลประกอบการก็ไม่ถึงกับดีนัก ดังนั้น
ถ้าจะลงทุนสร้างรถรุ่นใหม่เพิ่มเติมในตอนนี้ พวกเขาก็ต้องคิดให้หนักๆ

ดังนั้น การนำรุ่นปัจจุบัน มาปรับปรุงสมรรถนะ แล้วออกขายเป็นรุ่นย่อย
พิเศษๆ จึงเป็นทางออกที่บรรดาผู้ผลิต Super Car ทั้งหลายพากันทำ
ไม่เว้นแม้แต่ค่ายกระทิงดุ ด้วย

ตอนนี้ Lamborghini กำลังซุ่มทดสอบ Huracan Performante ซึ่ง
เป็นเวอร์ชันน้ำหนักเบา และเพิ่มสมรรถนะให้แรงขึ้นกว่าเดิม ของตระกูล
Huracan โดยเป้าหมายหลักอยู่ที่การ ลดน้ำหนักตัวด้วยการเปลี่ยนมา
ใช้ Becker Carbon รวมทั้ง Carbon Fibre เป็นวัสดุโครงสร้างตัวรถ
แทนเหล็ก รวมทั้งการออกแบบเพื่อ เพิ่มแรงกดด้านหน้า (Downforce)
ซึ่งสำคัญมากต่อการขับขี่ในย่านความเร็วสูงๆ และการเลี้ยวเข้าโค้ง

การปรับปรุงดังกล่าวน่าจะทำให้ Huracan Performante บนพื้นฐาน
ของขุมพลังเดิม เบนซิน V10 ทำมุม 90 องศา 5,204 ซีซี หัวฉีด MPI
DSI (Direct Stratified Injection) 610 แรงม้า (PS) ที่ 8,250 รอบ/
นาที แรงบิดสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร (57.06 กก.-ม.) ที่ 6,500 รอบ/
นาที (0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ใน 9.9 วินาที Top Speed 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้แรงยิ่งขึ้นไปกว่า
รุ่นปัจจุบันอีกพอสมควร

กำหนดเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show เดือนมีนาคม 2017 และ
คาดว่าทาง Niche Cars น่าจะนำเข้ามาตามใบสั่งให้กับลูกค้าได้ช่วง
ปลายปี 2017 ถึงต้นปี 2018

Lamborghini_Urus_2018

ส่วนความคืบหน้าล่าสุดของ Lamborghini URUS SUV รุ่นใหม่ในรอบ
หลายปีของค่ายกระทิงดุ ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้างวิศวกรรมร่วมกับ
Audi Q7 ใหม่ และ Bentley Bentayga นั้น เพิ่งมีรายงานข่าวต่างประเทศ
เมื่อ 30 ธันวาคม 2016 ระบุว่า Maurizio Reggiani หัวหน้าวิศวกรของ
โครงการพัฒนา Urus ยืนยันว่ารถรุ่นนี้ จะมีขุมพลัง Plug-in Hybrid ให้
เลือก เพียงแบบเดียว ใน Line-up ตอนนี้

อย่างไรก็ตาม บางกระแสข่าวระบุว่า ขุมพลังที่จะมีเชื่อมต่อกับมอเตอร์
ไฟฟ้า น่าจะเป็นเครื่องยนต์ V8 สูบ Twin Turbo

ตอนนี้ Urus ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนาและทดสอบอย่างหนัก เพื่อ
ให้เป็น Super Crossover SUV ที่สมบูรณ์แบบมากสุด แต่จะต้องมีค่าตัว
ถูกที่สุดเท่าที่ Lamborghini เคยผลิตออกมา

Lamboghini ตั้งใจจะเปิดตัว เวอร์ชันจำหน่ายจริงของ Urus ให้ได้ภายใน
ปี 2018 โดย ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกให้ได้ ปีละ 3,000 คัน โดยผลิตขึ้นที่
โรงงาน Sant’Agata ในเมือง Bolognese ที่ Italy

ดังนั้น กว่าที่ทาง Niche Cars จะสั่งนำเข้ามาเอาใจลูกค้าชาวไทย อาจต้อง
รอกันถึงช่วงท้ายๆ ของปี 2018 หรืออาจล่วงเลยไปถึง ต้นปี 2019

——————————————————-

Land_Rover_Discovery_2017

LAND ROVER
2017 : New Distributor / All New Land Rover Discovery
2018 : Land Rover Defender

อีก 1 แบรนด์ ที่ถูกโยกย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของ Inchcape Service
(Thailand) Co.,Ltd. เช่นเดียวกับ Jaguar ในปีที่ผ่านมา ภายใต้การดูแล
ของผู้จำหน่ายรายเดิม หลังจากเปิดตัว Discovery Sport ในบ้านเราไป
ตั้งแต่ 17 กรกฎาคม 2015 ตามด้วย Range Rover Hybrid และ Range
Rover Spot Hybrid ในงาน Motor Expo เมื่อ 1 ธันวาคม 2015 แล้ว ก็
แทบไม่ค่อยมีรถยนต์รุ่นใหม่โผล่เข้ามาเอาใจลูกค้าระดับไฮเอนด์ มากนัก

ปี 2016 ที่ผ่านมา Land Rover เปิดตัว Discovery ใหม่ ไปแล้วเมื่อวันที่
29 เมษายน 2016 ที่ผ่านมา ถือเป็น เจเนอเรชันที่ 5 นับตั้งแต่เปิดตัวและ
ออกสู่ตลาดครั้งแรก เมื่อช่วงปี 1993 และเป็น SUV รุ่นบุกเบิกที่ทำให้
Land Rover เริ่มกลับมาได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าผู้มีอันจะกิน แต่รัก
การผจญภัย ไปพร้อมกับการดูแลมีครอบครัว

ปี 2017 นี้ คาดว่า Inchcape น่าจะสั่งนำเข้า Discovery ใหม่ มาเปิดตัวได้
อย่างเร็วที่สุด คืองาน Bangkok International Motor Show มีนาคมนี้

จากนั้นในปี 2018 Land Rover Defender โฉมใหม่ที่ทั่วโลกจับตามอง
จะตามมา Gerry McGovern Chief Designer เจ้าเก่า ยังนำทีมออกแบบ
ด้วยตัวเองเหมือนเช่นเคย ใครที่คิดว่าเส้นสายจะออกมาเหมือนกับรถยนต์
ต้นแบบ DC100 ที่เผยโฉมออกมาก่อนหน้านี้ น้า Garry เขายังคงยืนยัน
เช่นเดิมว่า “เลิกคิดเถอะครับ” มันจะไม่เหมือนกันเท่าไหร่นักหรอก

เพราะ Defender ใหม่จะเป็นรถที่แหกเหล่าแหกคอกด้านการออกแบบ
มากที่สุด ต่างจากตระกูล Discovery และไม่เหมือน Land Rover รุ่นใดๆ
มาก่อน Defender ใหม่จะมีความใกล้เคียงกับ Land Rover ยุคแรกๆ มาก
ที่สุด คือเน้นการใช้งานจริง ลุยโหดจริงๆ กระแทกกระทั้นโหดๆ ได้จริง ซึ่ง
เป็นคุณสมบัติที่แฟนพันธ์แท้ของแบรนด์นี้ รักและชื่นชอบ

ล่าสุด Dr. Ralf Speth นายใหญ่ของ Jaguar-Land Rover ออกมายืนยัน
แล้วว่า งานออกแบบ เสร็จหมดแล้ว และตัวรถ ดู “Fantastic” มากๆ! โดย
ตัวรถจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้างวิศวกรรมของรุ่น Discovery แต่
จะมีชิ้นส่วนจำนวนมาก ที่แตกต่างกันออกไป และใช้ร่วมกันไม่ได้ ที่แน่ๆ
ตัวรถจะยังคงรักษาคุณสมบัติความถึกทรหดเอาไว้เช่นเดิม กำหนดการ
เปิดตัว จะเกิดขึ้นในปี 2018 อย่างแน่นอน

จากนั้นในปี 2019 Land Rover ยังมีแผนเปิดตัว SUV รุ่นใหม่เพื่อ เข้ามา
แทรกระหว่าง Range Rover Sport กับ Evoque ซึ่งตอนนี้ ยังไกลเกินกว่า
จะพูดถึงรายละเอียดอย่างชัดเจน มีแค่คำบอกเล่าว่า “จับตาดู SUV ของ
Jaguar ให้ดีแล้วกัน” เพราะ SUV รุ่นใหม่จะใช้พื้นตัวถังเดียวกันกับ
Jaguar F-Pace

Previous Post

N2308060_คนตาบอดขายผ แต กล บโดนกระทำแบบน ให จบ ความร (1)_part2

Next Post

N2308056_าค ณกล บบ านแล วเจอแบบน ณจะทำย งไง…_part2

Next Post
N2308056_าค ณกล บบ านแล วเจอแบบน ณจะทำย งไง…_part2

N2308056_าค ณกล บบ านแล วเจอแบบน ณจะทำย งไง..._part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2512034 กน องนะไม ใช ละครส นต องมนต part2
  • N2512033 เอาค ละครส นต องมนต part2
  • N2512049 ทำต วแบบน อย าเร ยกต วเองว าผ ชาย ละครส part2
  • N2512055 าวกล องสะท อนใจคน (ละครส น) part2
  • N2512039 คนม ปม ไม จำเป นต องอ อนแอ หน งส part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.