• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2608087_กว าจะได บอกร เก อบอกห กซะแล_part2

admin79 by admin79
August 21, 2025
in Uncategorized
0
N2608087_กว าจะได บอกร เก อบอกห กซะแล_part2

BENTLEY

  • 2019 : Continental GT Convertible & Bentayga Plug-in (Thailand Premier) /
    Flying Spur & New EV Sportscar (World Premier)
  • 2020 : Flying Spur Saloon (Thailand Premier)

ปี 2018 AAS Auto Service ประกาศราคาและเปิดรับจอง Continental GT Coupe ด้วยตัวเลข 21.5 ล้านบาท เมื่อ 12 มกราคม 2018 ก่อนจะนำรถคันจริง มาจัดแสดงในงาน BangkokInternational Motor Show เมื่อ 28 มีนาคม 2018 ร่วมกับ Bentley Bentayga Diesel ก่อนจะปิดท้ายความเคลื่อนไหวด้วยการเปิดตัว Bentley Bentayga ขุมพลัง V8 เบนซิน ในงาน Motor Expo เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา

สำหรับตลาดต่างประเทศ Bentley เพิ่งเผยโฉม Continental GT Convertible (GTC) รุ่นใหม่ไปเมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา และผู้แทนจำหน่ายทางไทยอย่าง AAS ก็ไม่รอช้า กำลังเดินหน้าเจรจาเอาเข้ามาขายอยู่และคาดว่าภายในครึ่งแรกของปี 2019 เศรษฐีไทยจะมีโอกาสได้ซื้อกัน เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนก็เหมือนกับรุ่น W12 Coupe ที่ขายในไทยมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปี เป็นแบบ 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 635 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดถึง 900 นิวตันเมตร

ในช่วงปี 2019 นี้ Bentley ก็จะเริ่มนำขุมพลังทางเลือก มาทยอยติดตั้งให้กับ Continental GT ทั้ง 2 ตัวถัง เนื่องจากการใช้พื้นโครงสร้างตัวถังแบบ MSB ซึ่งแชร์กันใช้กับ Porsche Panamera ดังนั้น ไม่ต้องสืบก็รู้ได้ว่า Continental GT V8 รุ่นต่อไป ก็จะใช้เครื่องยนต์ V8 Fourcam 32 วาล์ว 4.0 ลิตร 530-550 แรงม้า (PS) และล่าสุด จะมีการนำขุมพลัง Plug-in Hybrid มาใส่ด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ขุมพลัง Hybrid เสียบปลั๊ก บล็อกนี้ ก็จะถูกส่งไปติดตั้งอยู่ใน Bentley Bentayga Plug-in Hybrid รถยนต์ Hybrid แบบผลิตขายจริง คันแรกในประวัติศาสตร์ของ Bentley

ข้อมูลทางเทคนิค ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมามากนัก ทราบแต่เพียงว่า Bentayga Plug-in Hybrid จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร Turbocharger พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า ยังไม่มีการแจ้งขนาดแบตเตอรี่ Lithium-ion แต่ Bentley เคลมว่ารถคันนี้สามารถแล่นได้ด้วยการใช้ไฟฟ้าล้วนๆ หรือ EV Mode ไกลประมาณ 50 กิโลเมตร เดาได้ไม่อยากเลยว่า มันก็คือชุดขุมพลังและระบบขับเคลื่อนแบบเดียวกับใน Porsche Cayenne e-Hybrid เพื่อนร่วมเครือญาติร่วมค่าย ที่มีพลัง 462 แรงม้า (PS) นั่นเอง

Bentayga Plug-in Hybrid มีกำหนดขึ้นสายการผลิต และออกจำหน่ายจริงในปี 2019 รวมถึงจะมีการส่งมาขายในประเทศไทย อาจเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 นี้ ด้วยราคาที่ถูกลงกว่ารุ่น V8 เบนซิน ที่ขายในไทยตอนนี้ (21.5 ล้านบาท) จากเหตุผลด้านภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต จนทำให้กลายเป็น Bentley ยุคใหม่ที่ราคาถูกที่สุด (แต่ยังเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไป) อย่างไรก็ตามอย่าคาดหวังราคาให้เป็นตัวเลข 7 หลัก เพราะไม่งั้นก็จะแย่งลูกค้ากันเองกับ Porsche Cayenne e-Hybrid

ปลายปี 2019 ถึงต้นปี 2020 Bentley จะมีรถโมเดลใหม่เปิดตัวอีก 2 รุ่น ได้แก่ รถสปอร์ต EV ขนาดกลางคันใหม่ ซึ่งอาจมีรายละเอียดทางการออกแบบที่ใกล้เคียงกับรถต้นแบบ EXP 12 6e คันที่อยู่ในภาพบน โดย Wolfgang Durheimer CEO ของ Bentley บอกว่าก่อนหน้านี้ทาง Bentley มีความประสงค์ที่จะลองสร้างรถ SUV พลังไฟฟ้าที่ขนาดตัวเล็กกว่า Bentayga ลงมา แต่ในปัจจุบันโครงการดังกล่าวถูกพับไปก่อน แล้วดันโครงการรถสปอร์ต EV ขึ้นมาแทน อาจต้องรอถึงช่วงกลางปี 2019 จึงจะมีรายละเอียดของขุมพลังขับเคลื่อนออกมามากกว่านี้ แต่ถ้าใครอยากรู้ไวๆ ลองดูข้อมูลต่างๆของ Porsche Taycan ดูได้ เพราะอาจไม่แตกต่างกันนัก

ต่อมา คือรถซาลูนหรู มียศทางการตลาดระดับเดียวกับ Continental GT อย่าง Flying Spur (ไม่มีคำว่า Continental นำหน้าตั้งแต่รุ่นก่อนหน้านี้) ซึ่งกำลังวิ่งทดสอบเพิ่มเติมอยู่ในขณะนี้ รูปทรงเท่าที่เห็น พอจะบอกได้ว่ารุ่นใหม่จะดูเพรียวลมขึ้นในลักษณะเดียวกับที่ Continental GT ใหม่ดู “ผอมสลิม” ลงจากรุ่นก่อน ขุมพลังที่มีให้เลือก ก็ยกยวงมาจาก Continental GT คือ W12 6.0 ลิตร, V8 4.0 ลิตร และทาง Bentley ยืนยันมาแล้วว่าจะมีรุ่น V6 3.0 ลิตร Plug-in Hybrid ตามออกมา

สิ่งที่คุณควรรู้ไว้ก็คือ Bentley ยังประกาศด้วยว่า Flying Spur นี้จะเป็นรถรุ่นสุดท้ายของ Bentley ที่จะมีเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆให้เลือกซื้อ เพราะรุ่นใหม่ที่ตามมานับจากปี 2021 เป็นต้นไป จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยในการขับเคลื่อนทั้งหมด

____________________________

BMW / MINI

  • 2019 : 3-Series Full Model change 320d CBU / 330e Made in Thailand / X7 / Z4 20i & M40i / 7-Series LCI / X5 Plug-in Hybrid + Made in Thailand / X6 (Global)/ X4 ” Hot Version ”
  • 2020 : X3 EV (iX3) / 4 Series Full Model Change / X1 LCI/ MINI-e (EV)

ปี 2019 จะเป็นปีทำงานหนักสำหรับคนใน BMW Thailand อีกครั้งเพราะเป็นเวลาที่มีรถหรูหลายรุ่นเปิดตัวชนกัน เริ่มกันตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีด้วยรถยนต์ที่จะมากู้สถานการณ์อย่าง BMW ซีรีส์ 3 ตัวถัง G20 ที่เพิ่งจะเผยโฉมหน้ากันไปเมื่อเดือนตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา

ในช่วงต้นปี ซีรีส์ 3 ที่ขายในไทย จะยังเป็นรถนำเข้าแบบสำเร็จรูปยกคัน มีขุมพลังให้เลือก 2 รูปแบบ คือ 320d เครื่องยนต์ B47 Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร TwinPower Turbo 190 แรงม้า (HP) ขับเคลื่อนล้อหลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แต่ยังไม่แน่ว่าจะมีระดับการตกแต่งแบบใดให้เลือกบ้าง โดยปกติ BMW มักจะมีรุ่นย่อยพื้นฐาน Luxury ซึ่งตกแต่งแบบเอาใจคนแก่ 1 รุ่น และแบบ M Sport อีก 1 รุ่นย่อย เป็นแบบนี้มาตลอดในระยะ 3-4 ปีให้หลังมานี้

อย่างไรก็ตามไฮไลท์เด่นของซีรีส์ 3 น่าจะไปอยู่ที่ช่วงท้ายปี เมื่อมีการเปลี่ยนจากการนำเข้า เป็นการนำชิ้นส่วนรถเข้ามาประกอบภายในประเทศ (SKD) โดยเมื่อถึงเวลานั้น ก็อาจยังมี 320d เป็นทางเลือกแบบพระรอง ในขณะที่บทพระเอกจะเป็นของ 330e ซึ่งมาพร้อมกับขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ 184 แรงม้า บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่น Xtraboost ซึ่งจะสามารถระเบิดพลังสูงสุดรวม 292 แรงม้าได้เป็นช่วงสั้นๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มขนาดแบตเตอรี่จาก 7.6 เป็น 12 kWh ทำให้สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกล 60 กิโลเมตร

ในขณะที่ 3 Series Saloon เริ่มทำตลาดในไทย ทางฝั่ง Munich ก็กำลังทดสอบ 3-Series และเพื่อนพ้องตัวถังแบบอื่นที่จะตามมา เช่น 3 Series Touring ซึ่งน่าจะได้ใช้รหัสรุ่น G21 และ 4 Series ทั้ง Coupe และเปิดประทุน Convertible (รหัสรุ่น G23 และ G22 ตามลำดับ) ก็กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเช่นเดียวกัน จุดเด่นของรุ่นเปิดประทุนก็คือมีการเปลี่ยนหลังคา จากเดิมเป็นหลังคาแข็งพับได้ 3 ชิ้น ก็จะเปลี่ยนเป็นหลังคาผ้าใบ ซึ่งก็เป็นไปในทางเดียวกันกับ 8 Series และ Z4 ที่ล้วนกลับไปใช้หลังคาผ้าใบเช่นเดียวกัน โดยทีมวิศวกรให้เหตุผลว่ามันช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินได้ 100 กิโลกรัม

3 Series Touring น่าจะเปิดตัวในตลาดโลกอย่างเร็วก็คือต้นปี 2019 ส่วน 4 Series นั้นต้องรอไปถึงช่วงปลายปี ส่วนขุมพลังขับเคลื่อนแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล จะยกมาจากซีรีส์ 3 ซาลูน ยกเว้นแต่ขุมพลังไฮบริดซึ่งยังไม่มีการกล่าวถึงในรุ่นซีรีส์ 4 ส่วนรุ่นแรงสุดอย่าง M3 กับ M4 นั้น ในช่วงนี้เริ่มมีการแอบทดสอบกันที่สนาม Nurburgring แต่กว่าจะทำตลาดได้ก็คงต้องรอไปถึงปี 2020 หรือหลังจากนั้น ซึ่งจะเป็นเวลาใกล้เคียงกับช่วงที่ 4 Series มาเปิดตัวในไทย

อย่างไรก็ตาม โอกาสในการมาทำตลาดในไทยสำหรับรุ่น Touring นั้น อย่าเพิ่งคาดหวังมาก เพราะที่ผ่านมา รถยนต์แบบ Station Wagon หรือ Touring ทั้ง 3 Series และ 5 Series รุ่นปัจจุบัน ต่างมียอดขายน้อยมาก จน BMW Thailand อาจเริ่มมองว่าไม่คุ้มที่จะนำเข้ามาจำหน่าย

สำหรับใครที่รอ รถสปอร์ตเปิดหลังคารุ่น Z4…ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะในปี 2019 BMW Z4 (G29) พวงมาลัยขวา ซึ่งพัฒนาร่วมกันกับ Toyota จะถูกส่งเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย คราวนี้ ไม่ได้มาแค่รุ่น sDrive20i 2.0 ลิตรเทอร์โบ 197 แรงม้า (HP) เท่านั้น แต่ยังจะมีรุ่น “M40i” เครื่องยนต์ B58 เบนซิน 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตรเทอร์โบ 340 แรงม้า (HP) เข้ามาขายด้วย กระนั้น อาจต้องทำใจเพราะ Z4 ใหม่ เวอร์ชันไยจะมีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะเท่านั้น อีกทั้งราคาขายปลีก ก็ดูแล้วไม่น่าจะเป็นมิตรเท่าไหร่ (ลองดูราคาของ M2 ซึ่งเป็นรถยนต์ Coupe 2 ประตู หลังคาแข็งก่อนก็ได้) กำหนดเปิดตัว น่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด คือ งาน ฺBangkok International Motor Show ปลายเดือนมีนาคม 2019

อีกรุ่นหนึ่งที่อาจจะมาแบบเซอร์ไพรส์ก็คือ X4 เวอร์ชั่นพลังแรง 6 สูบ Turbo ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่แน่ชัดว่าเป็นรุ่นใด แต่ถ้าลองไล่เรียงดูจากบรรดารุ่นย่อยทั้งหมดของ X4 ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดโลกตอนนี้ จะมีเพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้นที่เข้าข่าย นั่นคือ X4 xDrive M40d เครื่องยนต์ Diesel 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร Turbocharger 326 แรงม้า (HP) หรือ X4 xDrive M40i ซึ่งดูมีความเป็นไปได้สูงกว่า เพราะสามารถแชร์สต็อคอะไหล่เครื่องยนต์กับ Z4 M40i ได้ แต่เพื่อรับกับน้ำหนักตัวที่มาก X4 ตัวแรงจะได้พลังเพิ่มจาก 340 เป็น 355 แรงม้า (HP) เพื่อไปท้าชิงกับ Mercedes AMG GLC43 Coupe ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

อย่างไรก็ตาม รุ่น Top Performance model อย่าง X4M ขุมพลัง 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว Turbocharger ก็อยู่ในระหว่างการเตรียมเปิดตัวที่ยุโรป ในปี 2019 นี้ ถ้าหาก BMW Thailand เกิดบ้าจี้ สั่งนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน มาขายกันจริงๆ อาจทำให้ลูกค้าช็อค 2 จังหวะ ช็อคแรก คือ ไม่คิดว่ามันจะมา กับช็อกที่ 2 ก็คือ ค่าตัวที่น่าจะแพงระเบิด หากถามว่าแพงแค่ไหน ลองดูราคา M4 รุ่นปัจจุบันเป็นเกณฑ์ก็แล้วกัน

ส่วนแฝดผู้พี่ อย่าง BMW X3 นั้น จะถูกเพิ่มทางเลือกใหม่ ด้วยเวอร์ชั่นขุมพลังไฟฟ้าล้วนในชื่อ BMW iX3 เพราะก่อนหน้านี้ BMW ได้ไปจดลิขสิทธิ์ชื่อทางการค้าเอาไว้ครบตั้งแต่ iX1-iX9 แล้วหลังจากนั้นก็มีคนถ่ายภาพลับรถ X3 หน้าตาสีสันชวนนึกถึงร้านอาหารสีฟ้านี้ได้ที่สวีเดน ซึ่งมีคนแอบสำรวจพบใต้ท้องที่แตกต่างจาก X3 ทั่วไปและไม่มีปลายท่อไอเสีย คำถามคือ BMW จะใช้วิธีเอาขุมพลังไฟฟ้าจับใส่ในรถที่มีอยู่แล้วงั้นหรือ? เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็จะขาดข้อได้เปรียบทางรูปลักษณ์ต่อรถอย่าง Mercedes-Benz EQC และ Audi e-tron แต่ถ้าจะเอาออกมาขายให้เร็วที่สุด ก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น

ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขุมพลังและขนาดแบตเตอรี่ของ iX3 แต่ภายในปี 2019 รายละเอียดต่างๆน่าจะมีมากขึ้น เพราะกำหนดการเผยโฉมอาจเป็นช่วงปลายปี 2019 และพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าได้ในปี 2020

อีก 1 รุ่นที่จะเผยโฉมในเวลาไล่เลี่ยกันกับ iX3 ก็คือ SAV ขนาดเล็กของทางค่าย X1 LCI (Minorchange) ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่ชิ้นส่วนด้านหน้าทั้งหมด และชุดไฟท้ายลายใหม่ ส่วนภายในห้องโดยสารนั้น ยังไม่สามารถยืนยันได้เพราะรถทดสอบที่แล่นอยู่ในเยอรมนี ตีผ้าคลุมแดชบอร์ดปิดไว้เกือบหมด แต่เป็นไปได้ว่าอาจมีดีไซน์ใหม่ที่คล้าย BMW X2

นอกนั้น ก็แทบไม่ค่อยมีความปลี่ยนแปลงอื่นใดมากนัก คนที่ใช้ X1 รุ่นปัจจุบัน อยู่อาจไม่ต้องน้ำตาตกเศร้าใจกันไปนัก ด้านขุมพลังและระบบขับเคลื่อน ก็ยังเป็นแบบเดิมเนื่องจาก BMW ลงทุนไปมากมายมหาศาลกับเครื่องตระกูล B37, B38, B47 และ B48 ส่วนเกียร์คลัตช์คู่แบบใหม่นั้น ก็ใช้อยู่กับรุ่นเบนซินตั้งแต่ปี 2018 อยู่แล้ว

X1 LCI มีกำหนดเผยโฉมในช่วงปลายปี 2019 สำหรับเมืองไทยอาจต้องรอถึงปี 2020 เนื่องจากเท่าที่ทราบมา ไม่มี X1 LCI อยู่ในแผนเปิดตัวของ BMW Thailand ในปี 2019

ส่วนใครก็ตามที่ชื่นชอบรถท้ายตัดตัวสั้นขับเคลื่อนล้อหลังอย่าง 1 Series ก็ต้องขอบอกไว้เลยว่า เจนเนอเรชั่นปัจจุบันจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้แพลทฟอร์มขับหลัง เพราะเมื่อรถรุ่นใหม่เปิดตัวในปี 2019 คุณจะได้ BMW แฮทช์แบ็คขับหน้า ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ยกมาจาก UKL2 ของ MINI Countryman ตัวใหม่ สาเหตุที่จำเป็นต้องใช้รูปแบบขับเคลื่อนล้อหน้าเพราะการทำรถเล็กให้มีเนื้อที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น 1 Series รุ่นใหม่ จะใช้ขุมพลังเดียวกันกับที่มีใน X2 เริ่มต้นตั้งแต่เครื่อง 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบ ไปจนถึง 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบ เวอร์ชั่นแรงที่สุดอาจมีแรงม้าได้ราว 231 ตัว เท่ากับเครื่องยนต์ John Cooper Works ของ MINI

ข่าวที่ไม่สู้จะดีอีกเรื่องที่ได้ยินมาก็คือ 2 Series ตัวถังคูเป้และเปิดประทุนตัวใหม่ที่จะตามออกมา 1 ปีหลังจาก 1 Series ก็จะใช้โครงสร้างตัวถังแบบเครื่องยนต์วางขวางขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นเดียวกัน นี่ก็หมายความว่า BMW คันเล็กขับหลังพลัง 6 สูบ ก็จะสิ้นสุดลง ณ เจนเนอเรชั่นปัจจุบัน

มาที่รถขนาดใหญ่ขึ้นสักหน่อย BMW X5 รุ่นใหม่ ถูกสั่งเข้ามาเผยโฉมตั้งแต่งาน Motor Expo 2018 ราคาของรุ่น X5 xDrive30d ขุมพลัง Diesel 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร เปิดราคามาแล้วเมื่อกลางเดือน มกราคม 2019 เคาะที่ 5,699,000 บาท (อ่านได้ที่นี่)

แต่หลังจากนั้น เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของปี หรืออาจเป็นช่วงใกล้ Motor Expo เดือนพฤศจิกายน 2019 BMW ก็มีแผนเตรียมนำชิ้นส่วน X5 เข้ามาประกอบในประเทศ และเปลี่ยนเป็นรุ่น xDrive45e Plug-in Hybrid ซึ่งพัฒนาไปไกลจาก xDrive40e ในเจนเนอเรชั่นก่อนหน้านี้มาก ทั้งเรื่องขุมพลังสันดาปภายในที่เปลี่ยนจาก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbocharger สุดแสนเก่า ไปเป็นเครื่องยนต์รหัส B58 เบนซิน 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว เทอร์โบรุ่นใหม่ เพิ่มพลังรวมกับมอเตอร์ จากเดิม 313 เป็น 394 แรงม้า (HP) มีแบตเตอรี่ที่โตกว่าเดิม และวิ่งแบบ EV Mode ได้ไกลกว่าเดิมอีก 20 กิโลเมตร

ส่วนแฝดผู้น้อง สไตล์ Coupe SUV หลังคาเตี้ยอย่าง X6 ใหม่ รหัสตัวถัง G06 นั้น กำลังอยู่ในระหว่างการวิจัยและปรับแก้ส่วนต่างๆเป็นขั้นสุดท้าย แม้ว่าทาง BMW ยังไม่ได้บอกใบ้ว่า X6 ใหม่จะมาถึงเมื่อไหร่ แต่สายข่าวฝรั่งยุโรป (ที่เว็บเราต้องจ่ายค่า ซื้อภาพถ่าย Spyshot จากพวกเขา ปีละหลายหมื่นบาท) บอกมาว่า X6 บอดี้เดิม มีกำหนดที่จะยุติการผลิตที่โรงงาน Spartanburg, USA ในเดือนกรกฎาคม 2019 ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวน่าจะเป็นเวลาเฉิดฉายของเจนเนอเรชั่นใหม่

ดังนั้น การมาถึงของ X6 ใหม่ จะเกิดขึ้นในยุโรป ช่วงกลางปี 2019 และสำหรับลูกค้าชาวไทย น่าจะได้เห็น X6 อย่างเร็วสุดในงาน Motor Expo 2019 และช้าสุดคือช่วงไตรมาสแรกของปี 2020

สำหรับ BMW X7 SUV ขนาดยักษ์ใหญ่ยาว 5.15 เมตร มาพร้อมกับที่นั่ง 3 แถว 6 ที่นั่ง หลายคนอาจคิดว่า BMW Thailand ไม่น่าจะเอาเข้ามาจำหน่าย ปรากฎว่า เอาเข้าจริงแล้ว พวกเขากำลังเตรียมจะสั่งเข้ามาขาย เพื่อเพิ่มทางเลือกรุ่นย่อยให้กับบรรดารุ่นสูงสุดของตระกูล “BMW Elite Models” ในไทย มีครบรุ่นตั้งแต่ 7 Series, 8 Series, i8 และ X7

จับตาดูในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีว่าเราจะได้ X7 ขุมพลังใด ถ้าให้ลองแทงล็อตเตอรี่สหกรณ์ใบพัดขาวฟ้า ก็คงหนีไม่พ้นรุ่น 30d ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Diesel 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร 265 แรงม้า (HP) ซึ่งประจำการอยู่แล้วใน 730Ld เวอร์ชันไทย แต่สำหรับเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหญ่ V8 4.4 ลิตรทวินเทอร์โบ 462 แรงม้า (HP) บอกได้ว่า อาจมีลุ้น เพราะขุมพลังดังกล่าว มันก็ถูกวางอยู่ใน M850i ที่เพิ่งเปิดตัวในเมืองไทย เมื่อปีที่แล้ว เหมือนกัน

และเมื่อพูดถึง Elite Models ของ BMW ก็ต้องไม่ลืมที่จะบอกว่า 7 Series LCI (Minorchange) ก็อยู่ในช่วงสุดท้ายของการพัฒนา โดยจะมีการปรับปรุงรายละเอียดของชุดไฟหน้า / ไฟท้าย เปลือกกันชนหน้า / หลัง แต่ภายในห้องโดยสาร อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากเท่ารุ่นอื่นๆ เพราะของที่มีอยู่แต่เดิมนั้น ก็เพียบพร้อมและหรูหราพอจะฟัดเหวี่ยงกับคู่แข่งอยู่แล้ว เพียงแต่จะมีการ Update บรรดา Software ระบบต่างๆ รวมทั้งระบบ Multimedia เวอร์ชันใหม่ให้ทันสมัยตามยุค ในเมืองนอก มีการเผยหน้าตากันไปแล้วในวันที่ 16 มกราคม และอาจจะมาถึงไทยเร็วสุดในช่วงครึ่งแรกของปี หรืออาจจะรอเปิดตัว พร้อมๆกับ X7 กันไปเลย

ขุมพลังมีรายงานว่า BMW 7-Series LCI จะปรับปรุงรุ่น 740e iPerformance โดยเปลี่ยนไปใช้ชื่อ 745e iPerformance ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 388 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอย่าง 740i, 750i และ M760i ยังคงอยู่เช่นเดิม

ส่วนขุมพลังสำหรับเวอร์ชันไทยนั้น ไม่น่าจะหนีไปจากเวอร์ชั่นปัจจุบัน โดยยืนพื้นกับรุ่น 730Ld เครื่องยนต์ Diesel 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว Turbocharger และอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเป็นขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่จะต้องรอดูกันว่าจะเป็นรุ่น “740Le” เครื่องยนต์เนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร  Turbocharger พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าแบบรุ่นเดิม หรือจะได้อัปเดตเป็น “745Le” เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร Turbocharger พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า แบบเดียวกับที่จะมาใน X5 xDrive45e ในช่วงปลายปี 2019 ไปเลย เพื่อให้สะดวกต่อการสต็อกอะไหล่ หากเป็นทางเลือกหลัง 745Le จะยิ่งน่าสนใจเพิ่มทวีคูณ

ด้านเวอร์ชัน Coupe อย่าง 8 Series Coupe ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในเมืองไทยไปนั้น ก็มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพราะในต่างประเทศ มีการเปิดตัวเวอร์ชันเปิดประทุน 8 Series Convertible ไปเรียบร้อยแล้ว และมีโอกาสจะส่งมาเปิดตัวในเมือไทยต่ออีกระลอก ล่าสุด 8 Series Gran Coupe 4 ประตู ก็กำลังถูกทดสอบในยุโรป

สำหรับประเทศไทยนั้น 8 Series Gran Coupe ยังไม่อยู่ในแผนการเปิดตัวปีหน้า ณ ปัจจุบัน จึงเป็นไปได้ว่าเราอาจต้องรอจนปี 2020 ถึงจะได้มีโอกาสเห็นกันในตลาดประเทศไทย รถรุ่นนี้จะได้จำนวนเครื่องยนต์แบบใหม่เพิ่มเติมจากรุ่น Coupe/Convertible ซึ่งแต่เดิมจะมี 840d และ M850i คราวนี้จะมีรุ่น 840i เบนซิน และ M850d ดีเซลพลังสูงมาให้ แต่ BMW ยืนยันแล้วว่า “ไม่มี V12 นะจ๊ะ”

ข้ามาดูแบรนด์ MINI กันบ้าง นอกจากเวอร์ชั่น LCI ของ John Cooper Works แล้ว น่าจะยังไม่มีอะไรใหม่ๆมาถึงไทย ภายในปี2019 เพราะ MINI-E ที่เป็น MINI พลังไฟฟ้าล้วนเวอร์ชั่นพร้อมขายจริงนั้นจะยังไม่พร้อมที่จะออกจากโรงงานจนกว่าจะเดือนพฤศจิกายน 2019 และกว่าจะส่งถึงมือลูกค้าจริง เราอาจต้องรอไปถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020

นั่นก็เป็นสาเหตุที่การเปิดตัวของ MINI Hatchback เจนเนอเรชั่นต่อไปอาจต้องเลื่อนไปจากเดิม เพราะหากไม่เช่นนั้น MINI-E (หรือ Cooper E) จะมีเวลาในการทำตลาดน้อยมาก MINI Hatchback รุ่นต่อไปอาจเปิดตัวในช่วงปลายปี 2020 และส่งมอบจริงในช่วงปี 2021 โดยจะยกเลิกการใช้โครงสร้างตัวถัง UKL เปลี่ยนมาเป็นแพล็ตฟอร์มใหม่ ชื่อ FAAR (Front Antriebs ArchitektuR ภาษาเยอรมัน..อ่านว่า ฟรอนท์ อานเทรียบส์ อาร์คชิเทคทัวร์..กว่าจะอ่านออกก็เกือบเป็นบ้า) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ที่ BMW Group พัฒนามาใช้กับรถเก๋งขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเครื่องยนต์วางขวาง ยุคต่อไป

ส่วนบอดี้อื่นๆนั้น Clubman จะมีการอัปเดตอีกครั้งในปี 2019 และเปลี่ยนตัวถังใหม่แพลทฟอร์ม FAAR ในปี 2022 ในขณะที่ Countryman มีกำหนด LCI ประมาณปี 2020 และเปลี่ยนเป็นตัวถังใหม่ในปี 2023-2024 แต่นั่นอาจยังเป็นอนาคตที่เร็วเกินไปที่จะสรุปได้ในขณะนี้

____________________________

CHEVROLET 

  • 2019 : All New Small SUV (from SAIC Indonesia) call ” Captiva “…!?/
    Colorado / Trailblazer Model Year 2019 & Special Model
  • 2020 – 2021 : Colorado Full Model Change / New SUV ? / New Minivan ?
  • 2022 : Trailblazer Full Model Change

ตลอดปี 2018 หลังจากปรับโครงสร้างองค์กรขนานใหญ่ในปีก่อนๆ Downsizing ลดพนักงาน ลดทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งลดจำนวนรุ่นรถยนต์ ให้เหลือเพียงแค่ Colorado กับ Trailblazer เป็นหัวหอกหลัก โดยยังผลิต Captiva และ Cruze Minorchange ขายต่อไปจนกว่าชิ้นส่วนจะหมด GM พยายามประคับประคองยอดขายทั้งรถกระบะ Colorado และ SUV / PPV รุ่น Trailblazer อย่างยากลำบาก ท่ามกลางสภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งแก้ปัญหาบริการหลังการขาย ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรฐานของช่าง ปิดโชว์รูมและศูนย์บริการไป 4 แห่ง แต่จับมือนักลงทุน เปิดดีลเลอร์รายใหม่อยู่บ้างประราย

กระนั้น GM ก็ยัง หาช่องทาง เปิดตัวรุ่นพิเศษให้กับรถยนต์อเนกประสงค์ และรถกระบะของพวกเขาในบ้านเรา ได้อยู่ตลอด เริ่มจาก 8 มีนาคม 2018 ด้วย Captiva สีขาวมุก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการปรับปรุงอุปกรณ์ครั้งสุดท้าย ตามด้วย Chevrolet Colorado High Country สีใหม่ Dark Shadow Metallic และ High Country Storm สีใหม่ Orange Crush รวมทั้ง ชุดแต่ง Phoenix Edition สำหรับ Trailblazer เมื่อ 27 มีนาคม 2018 ในงาน Bangkok Motor Show จากนั้น ตามด้วย Colorado รุ่นปี 2019 พร้อมชุดแต่ง Thunder เมื่อ 8 พฤษภาคม 2018 รวมทั้ง Chevrolet Trailblazer Z71 สีดำทมิฬ ที่ได้ ปิดท้ายกับ รุ่นพิเศษ สีดำทมึฬ  Chevrolet Colorado Midnight (ไก่ตอน) Edition จำนวนจำกัด 100 คัน เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2018 ก่อนส่งเข้างาน Motor Expo อีก 6 วันหลังจากนั้น

งาน Motor Expo ครั้งนี้นี่เอง ที่ GM/Chevrolet เริ่มปล่อยข่าว ออกมาว่า ปี 2019 นี้ พวกเขาจะเริ่มประเดิมปีด้วย Surprise สำคัญ นั่นคือ การเปิดตัว SUV รุ่นใหม่ ถอดด้าม รุ่นแรกในรอบหลายปี สำหรับตลาดเมืองไทย แน่นอนว่า หลายคนพากันคาดเดาไปต่างๆนาๆ ว่าน่าจะเป็น รุ่นนั้น รุ่นนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียน ขอยืนยันให้ตรงนี้ว่า SUV คันดังกล่าว…

  • ไม่ใช่ Chevrolet Blazer ใหม่ ซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวแต่ยังไม่พร้อมทำตลาดในอเมริกาเหนือเลย
  • ไม่ใช่ Chevrolet Equinox ซึ่ง มีฐานผลิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หากนำเข้ามาขายในไทย เสียภาษีอ่วม ราคาขายแพงแน่
  • ไม่ใช่ Chevrolet Trax / Tracker Small Crossover Hatchback SUV ที่ขายกันมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว ไม่มีแผนมาไทยแน่ๆ

ทุกท่านครับ…SUV รุ่นใหม่ดังกล่าว…มีชื่อว่า… Chevrolet Captiva…

แต่เดี๋ยวก่อน…ถ้าคุณกำลังคิดว่า พวกเขาจะเปลี่ยนโฉมใหม่แบบ Full ModelChange ให้กับ Captiva คันเดิม คุณกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์!! อ่านย่อหน้าข้างล่างนี้ให้ดีๆ…!!

เรื่องของเรื่องก็คือ GM จับมือกับ SAIC ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในจีน เจ้าของแบรนด์ MG รวมทั้ง Wuling บริษัทรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก มาตั้งแต่ปี 2002 ตั้งบริษัทร่วมกันในชื่อ SGWM (SAIC – GM-Wuling Motor) ผลิตรถยนต์แบรนด์ท้องถิ่น อย่าง Baojun (เน้นขายรถเก๋งขนาดกลาง กับ SUV) และ Wuling (เน้นขายรถตู้ขนาดเล็ก และระกระบะเล็ก ที่เคยเข้ามาขายในไทยอยู่พักหนึ่ง)

SGWM จับมือ ร่วมกันพัฒนา B-Segment SUV รุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อทำตลาดในประเทศกำลังพัฒนา ตั้งแต่ จีน Asia ไปจนถึง South America โดยอาศัยทีมงานวิศวกรทั้งจากอังกฤษ และจีน โดย SGWM วางแผนให้มีการผลิต ทั้งโรงงานของตนในจีน และที่ Indonesia!!

ตามแผนของ GM และ SAIC ต่างฝ่าย ต่างจะเปิดตัว SUV คันนี้ ในชื่อที่ต่างกันออกไปตามแต่ละประเทศที่ถูกส่งเข้าไปทำตลาด เริ่มจากการเผยโฉมครั้งแรก ณ งาน Auto Guangzhou เมื่อ 17 พศจิกายน 2017 ในชื่อ Baojun 530 จากนั้น จึงส่งไปเผยโฉมในงาน Gaikindo Indonesia International Auto Show เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 ด้วยชื่อ Wuling SUV ตามด้วยการเปิดตัว ใน Bogota Motor Show ที่ประเทศ Colombo ในชื่อ Chevrolet Captiva เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2018 แต่ถ้าไปเปิดตัวใน India ช่วงไตรมาส 2 ปี 2019 รถคันนี้ จะถูกเปลี่ยนไปขายในชื่อ MG SUV และจะกลายเป็น SUV แบบแรกของ MG ในแดนภารตะ!! (แต่ สำหรับเมืองไทย รถคันนี้ จะไม่มีขายในโชว์รูม MG แน่นอน)

ฟังดูงงๆหน่อยนะครับ…เหตุผลของการใช้ชื่อ Captiva มาสวมให้กับ B-Segment SUV คันนี้ ทั้งที่รุ่นเดิมแรกเริ่มของ Captiva เป็น C-Segment SUV นั้น ดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะ GM เพิ่งจะประกาศยุติการผลิต Captiva รุ่นแรก ทั่วโลก เมื่อ 13 กันยายน 2018 มานี่เอง ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำตลาด การเลือกใช้ชื่อที่ติดหูลูกค้าอยู่แล้ว มาสวมให้กับ SUV รุ่นใหม่เลย โดยไม่จำเป็นต้องแคร์รากเหง้าที่มาของรถ นั่นก็เป็นปกติวิสัยของผู้ผลิตรถยนต์ชาวอเมริกันอยู่แล้ว

Captiva ใหม่นี้จะมีขนาดตัวถังยาว 4,ุ655 มิลลิเมตร กว้าง 1,836 มิลลิเมตร สูง 1,760 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร วางเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร (1,451 ซีซี) จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ MFI (Multi Fuel Injection) พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger 147 แรงม้า (HP) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 230 นิวตัน-เมตร (20.38 กก.-ม.) ที่ 2,000 – 3,800 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT

พวงมาลัย Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมช็อกอัพ และคอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ คอยล์สปริง ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมตัวช่วยทั้งระบบป้องกันล้อล็อก  ABS , ระบบกระจายแรงเบรก EBD , ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC (Electronic Stability Control) พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีตอนออกตัว Tractionn Control , ระบบช่วยขึ้นเนิน HSA (Hill Start Assist) , ระบบช่วยลงเนิน HDA (Hill Descent Assist) , ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ Roll Over Mitigation ,ถุงลมนิรภัย 6 ใบ ฯลฯ

ยังไม่แน่ชัดว่า Captiva เวอร์ชันไทย จะถูกตัดอุปกรณ์ออกไปมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ GM มีกำหนดเผยโฉม B-Segment SUV รุ่นใหม่คันนี้ ในประเทศไทย เป็นครั้งแรก ในงาน Bangkok International Motor Show เดือนมีนาคม 2019 ก่อน แต่ยังไม่พร้อมส่งมอบในทันที ต้องรอหลังจากนั้นไปอีกราวๆ 3-4 เดือน ถึงจะมีการเปิดตัวเวอร์ชันจำหน่ายจริง สำหรับประเทศไทยตามมา

สิ่งที่น่าจับตาดูก็คือ ถ้ากระแสตอบรับ พอไปได้ โอกาสที่ GM จะหา Crossover SUV หรือ Minivan 7 ที่นั่ง รุ่นอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายในบ้านเรานั้น ก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้น ดังนั้น เท่ากับว่า ในตอนนี้ อะไรๆก็ยังไม่แน่นอน และยังเปลี่ยนแปลงได้อยู่

ความน่าเป็นห่วงก็คือ ตัวรถถูกพัฒนาขึ้นโดย พันธมิตร SAIC-GM (เจ้าของแบรนด์ MG) ในจีน ผวกกับการประกอบจากโรงงาน “ใหม่เอี่ยมอ่อง” ของพันธมิตร SAIC-GM ใน Indonesia แม้ว่าจะมีเสียงร่ำลือจากสื่อมวลชนฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ ว่า วัสดุในห้องโดยสาร และการขับขี่ในเบื้องต้น ทำได้ดีกว่าที่คิด แต่ GM/Chevrolet อาจต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อจะแก้ไขทุกความข้องใจของทั้งสื่อมวลชนและผู้บริโภค ที่มีต่อ B-Segment SUV 7 ที่นั่ง คันนี้ เพื่อที่จะยืนยันเรื่องการควบคุมคุณภาพของทั้งชิ้นส่วน และการประกอบ ว่าจะยังมั่นใจได้ในมาตรฐานระดับโลก และแตกต่างจากบรรดารถยนต์ Made in Indonesia คันอื่นๆที่เคยเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา

หลังจากนั้น เราก็จะยังคงได้เห็น รถกระบะ Colorado และ Trailblazer รุ่นตกแต่งพิเศษ Special Edition กระตุ้นตลาด ตามกันออกมา อย่างน้อยๆ น่าจะมีรวมกันราวๆ 2 – 3 รุ่น เจอกันทุกๆ ช่วงที่มีงานแสดงรถยนต์ ทั้ง Bangkok International Motor Show เดือนมีนาคม , BIG Motor Sales ช่วงกลางเดือนสิงหาคม และ Motor Expo ปลายเดือนพฤศจิกายน

หนึ่งในจำนวนรุ่นพิเศษเหล่านั้น มีแนวโน้มว่า เราอาจได้เห็น เวอร์ชันแปลกๆ ที่เน้นการตกแต่งแบบเต็มพิกัด อย่างรุ่น High Country หรือ Storm ตามมาอีกระลอก แม้จะยังไม่ถึงขั้นปรับปรุงและยกระดับสมรรถนะ ให้เป็น Hi-Price , Hi-Performance Truck แบบ Ford Ranger Raptor อย่างเช่นที่พวกเขาเริ่มลองทำกับ Chevrolet Colorado ZR2 Bison ที่จะออกสู่ตลาด North America ในเดือนมกราคม 2019 นี้ แต่อย่างน้อย ก็เป็นไปได้ว่า ลูกค้าบ้านเรา อาจได้เป็นเจ้าของ Colorado รุ่นตกแต่งพิเศษ ในแนวทางเดียวกับ เวอร์ชัน Australia ในชื่อ Holden Colorado HSV Sports Cat ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยทีม HSV (แผนกทำรถแข่ง และรถยนต์สมรรถนะสูงของ Holden) ไหนๆ ก็ไหนๆ คราวนี้ อยากจะฝากบอกว่า ควรเปลี่ยนชื่อรุ่นจากเดิมอย่างพวก High Country Storm (บ้านนาและพายุ) มาใช้ชื่อเท่ๆ เหมือนรถกระบะในตลาดอเมริกาเหนือ อย่าง Trail Boss หรือ RST บ้างก็ได้ อย่ามัวแต่เอา พายุ ลมฝน และดินฟ้าอากาศ มาตั้งชื่อรุ่นย่อยกันอยู่เลย เดี๋ยวจะโดนชาวบ้านแซวว่าเป็น Colorado Weather Forecast Edition (รุ่นพิเศษ กรมอุตุนิยมวิทยา) กันพอดี!

สำหรับ Chevrolet Camaro รถยนต์ Sport Coupe 2 ประตู แนว Muscle Cars อันโด่งดัง นั้น ดูเหมือนว่า โอกาสที่จะส่งเข้ามาขายเมืองไทย แทบไม่เหลือแล้ว เพราะแม้ว่า รุ่นปรับโฉมใหญ่ Minorchange จะเพิ่งเปิดตัวไปในปี 2018 ที่ผ่านมา ทว่า จนป่านนี้ GM ยังไม่ทำเวอร์ชันพวงมาลัยขวาออกมาเลยสักที บอกได้เพียงว่า คงต้องทำใจสถานเดียว

หลังจากนี้ละ ? อนาคตของ GM / Chevrolet ในเมืองไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ? แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา GM ยืนยันว่า สำหรับตลาดประเทศไทยแล้ว พวกเขาจะยังคงเดินหน้ารักษาฐานที่มั่นในตลาด รถกระบะ และ SUV / PPV กันเพียง 2 รุ่น แบบนี้ อีกยาวๆ แต่ในอนาคต พวกเขาก็พยายามมองหาช่องทางนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาเปิดตลาดในบ้านเราอยู่ตลอด โดยมุ่งเน้นไปที่ Crossover SUV และรถยนต์พลังไฟฟ้า EV เพียงแต่ว่า จังหวะและโอกาส รวมทั้งนโยบายจากสำนักงานใหญ่ที่ Detroit สหรัฐอเมริกา ยังไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อสถานการณ์ของตลาดเมืองไทยมากนัก

ที่แน่ๆ อนาคตของโรงงาน GM ที่ระยอง ยังพออยู่รอดต่อไปได้อีกอย่างน้อยๆ ก็ 5 ปีขึ้นไป เพราะล่าสุด GM เปิดไฟเขียวให้ มีการพัฒนารถกระบะ Colorado และ Trailblazer รุ่นต่อไป โดยจะยังคงให้ศูนย์การผลิตที่จังหวัดระยอง ยังคงเป็นฐานการผลิตสำคัญที่จะส่งออกทั้งรถกระบะ / SUV/PPV สำเร็จรูป และชิ้นส่วน CKD ไปยังตลาดโลก เหมือนเช่นรุ่นแรก (2003) และ รุ่นปัจจุบัน (2011)

อย่างไรก็ตาม หลังจากแยกทางกับ Isuzu แล้ว GM ตั้งใจจะลงทุนพัฒนารถกระบะรุ่นใหม่ ด้วยตนเองต่อไปตามลำพัง โดยไม่ง้อใครทั้งสิ้น เหตุผล ที่ผู้บริหารของ GM แถลงไว้ในการ แยกทางกับ Isuzu เมื่อปี 2017 ก็คือ “ เนื่องด้วยการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน ทำให้ GM ต้องการสร้างรถกระบะ ให้มีเอกลักษณ์ในแบบของตนเอง มากขึ้น พวกเราต้องการจะฉีกหนี แนวทางการทำธุรกิจให้ต่างจากค่ายญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ดังนั้นแนวทางการพัฒนาตัวรถ จึงต้องต่างออกไปด้วยเช่นกัน ทำให้ต้องยุติความสัมพันธ์ในครั้งนี้ลง ”

ความเลื่อนไหวล่าสุดจากฝั่งอเมริกาเหนือก็คือ Colorado ใหม่ จะถูกพัฒนาขึ้น บนโครงสร้างพื้นตัวถังและ Chassis ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ในชื่อ GM VSS-T platform (Vehicle Set Strategy – Truck) โดยยังคงมี GM-Brazil เป็นแม่งานหลักของโครงการทำรถกระบะใหม่ เช่นเดิม ขณะที่ GM-Holden ใน Australia จะเป็นฐานสำคัญในการทดสอบด้านสมรรถนะ และ ความทนทาน

คาดว่า Colorado รุ่นต่อไป จะถูกยกระดับทั้ง เครื่องยนต์รุ่นใหม่ เกียร์อัตโนมัติ 8 และ 10 จังหวะ ตามแต่ละตลาด หรือแต่ละรุ่นย่อย เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัยระดับ Hi-Tech ทั้งหลาย ไปจนถึงระบบ Infotainment แบบใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น คาดว่าจะมีการยุบรวม Colorado เวอร์ชันอเมริกาเหยือ และรถกระบะ S-10 รุ่นดั้งเดิม ที่ลากขายอยู่ในตลาด South America และ Africa รวมเข้าด้วยกันเป็นรุ่นเดียว แต่มีแนวโน้มว่า อาจจะยังคงแยกเวอร์ชันไทยและตลาดโลก ออกจากเวอร์ชัน North-South America ออกจากกัน เหมือนรุ่นปัจจุบัน เนื่องจาก ผู้บริโภคชาวอเมริกัน ยังต้องการรถกระบะ Mid-Size Truck ที่มีตัวถังกว้างกว่า รถกระบะเวอร์ชันไทย

มีแนวโน้มว่า Colorado รุ่นที่ 3 จะมีกำหนดออกสู่ตลาดเมืองไทย เป็นแห่งแรกในโลก เหมือนเช่นเคย ภายใน ช่วงปลายปี 2020 – 2021 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ตลาดรถกระบะจะกลับมาร้อนแรงอย่างหนักในบ้านเรากันอีกครั้งพอดี !

หลังการเปิดตัว Colorado รุ่นที่ 3 GM อาจทิ้งช่วงไปอีกพักใหญ่ เกือบ 1 ปี ก่อนจะปล่อย Trailblazer รุ่นที่ 2 ตามออกมาในปี 2021 – 2022 โดยจะยังคงถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังและ Chassis GM VSS-T และรายละเอียดงานวิศวกรรม ต่างๆ ร่วมกับ Colorado รุ่นที่ 3 แต่คราวนี้ มีแนวโน้มว่า  รูปลักษณ์ภายนอก อาจได้แรงบันดาลใจมาจาก Chevrolet Tahoe / Suburban และ GMC Yukon / Yukon Denali รุ่นล่าสุด คือ เน้นการผสมผสานความหรูหรา ให้เข้ากับความบึกบึนแบบทรงกล่องตามสไตล์ รถกระบะและ SUV ฝั่ง North America

____________________

Previous Post

N2608091_ยอมทำท กอย างเพ อเล อนข แม แต แย งผ วชาวบ าน_part2

Next Post

N2608089_แค เธอเหม อนคนเก เขาเลยให เข ามา แต ไม เคยร กจากห วใจ EP.1_part2

Next Post
N2608089_แค เธอเหม อนคนเก เขาเลยให เข ามา แต ไม เคยร กจากห วใจ EP.1_part2

N2608089_แค เธอเหม อนคนเก เขาเลยให เข ามา แต ไม เคยร กจากห วใจ EP.1_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.