• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2608017_ปล อยเช าแฟนเหมาส บล าน (1)_part2

admin79 by admin79
August 23, 2025
in Uncategorized
0
N2608017_ปล อยเช าแฟนเหมาส บล าน (1)_part2

HYUNDAI
2014 : H1 Facelift & New Passegnger Vehicle 1 Model

ปีที่แล้ว Hyundai มีเพียง Velosrter กับ Veloster Turbo ในงาน Bangkok
Motor Show และปิดท้ายปีด้วย H1 รุ่น ปรับอุปกรณ์ใหม่ ในช่วงงาน Motor Expo

แต่ในปีนี้ เนื่องจาก ยังไม่มีข้อสรุปที่ชักเจนจาก Hyundai ณ วันปิดต้นฉบับ เราจึง
บอกได้แต่เพียงว่า จะมีรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ 1 รุ่น เข้ามาเปิดตัวในเมืองไทย อย่าง
แน่นอน ไม่นับรวมกับการกระตุ้นตลาด รถตู้ H-1 กันอย่างต่อเนื่อง ไปเรื่อยๆ

——————————————

ISUZU
2014 : D-Max & MU-X Model Year 2015
2015 : D-Max & MU-X BIG Minorchange with New Diesel 1.9 L Engine!!
2016 : D-Max & MU-X Model Year 2017
2017 : D-Max Full Model Change ?

ความเคลื่อนไหวที่สำคัญสุดของเจ้าตลาดรถกระบะในเมืองไทย ในปี 2013 ก็คือ
การเปิดตัว รถยนต์อเนกประสงค์ รุ่นใหม่ ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรมของ
D-Max รุ่นล่าสุด เพื่อทำตลาดแทน MU-7 ในชื่อใหม่ MU-X เมื่อช่วงปลายเดือน
ตุลาคม ที่ผ่านมา รวมทั้ง เพิ่มรุ่นปรับปรุงอุปกรณ์ใหม่ Super Daylight ให้กับ
D-Max ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ก่อนเข้างาน Motor Expo เพียง 2 วัน

ในปี 2014 Isuzu จะยังคงไม่ทำอะไรกับ D-Max และ MU-X มากไปกว่า การเพิ่ม
หรือเปลี่ยนแปลง อุปกรณ์ประจำรถ ออกรุ่นตกแต่งพิเศษ แต่งหน้าทาปาก อาจจะ
ออกรุ่นพิเศษ ตามถนัด แต่จะไม่มีการปรับโฉมใหม่มากมายนัก เพราะในเมื่อ
ยอดขายยังคงเยอะอยู่ แถมคู่แข่งอย่าง Toyota ก็เลื่อนเปิดตัว Hilux รุ่นต่อไป
เป็นช่วง ไตรมาส 3 ปี 2015 ดังนั้น จึงยังไม่จำเป็นต้องเร่งเปลี่ยนโฉมใหม่กัน

แต่พอเข้าสู่ปี 2015 คราวนี้ Isuzu จะเข็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ออกสู่
ตลาดเมืองไทย และตลาดโลก เป็นขุมพลัง Diesel 1,900 ซีซี Common-Rail
Turbocharger Intercooler ซึ่งถือเป็นการท้าทายแนวคิดของผู้บริโภคเมืองไทย
ที่มีต่อประเด็นเรื่อง ความจุกระบอกสูบ กับความแรง และความประหยัดน้ำมัน
อย่างมาก

อันที่จริง แนวทาง Downsizing เครื่องยนต์ แบบนี้ Isuzu ไม่ใช่รายแรกที่ทำ
ในตลาดรถกระบะเมืองไทย เพราะ Nissan เคยสร้างความฮือฮามาแล้ว ด้วย
ขุมพลัง YD25 2,500 ซีซี Turbo แปรผัน 174 แรงม้า (PS) เมื่อปี 2007 ตามด้วย
Tata Xenon ที่เลือกวางขุมพลัง DECOR 2,200 ซีซี ในปี 2008 จากนั้น ก็เป็น
Ford Ranger / Mazda BT-50 PRO ที่เลือกจะวางขุมพลัง 2,200 ซีซี ลงในรุ่น
ยอดนิยมทั้งหลาย ในปี 2011 เพียงแต่ที่ผ่านมา ไม่มีค่ายใด กล้าลดความจุ
กระบอกสูบ ของเครื่องยนต์ Diesel สำหรับรถกระบะในเมืองไทย ลงไป
ให้ต่ำกว่า 2,000 ซีซี มาก่อน และ Isuzu จะเป็นรายแรกในเมืองไทย ที่
จะทำเช่นนั้น

เครื่องยนต์ใหม่ 1,900 ซีซี นี้ ยังอยู่ในรหว่างการพัฒนา และยังต้องใช้เวลา
อีกนานพอดูจึงจะทราบข้อมูล หรือรายละเอียดทางเทคนิคเบื้องต้น ที่แน่ๆ
เครื่องยนต์ใหม่นี้ จะถูกติดตั้งลงใน D-Max ใหม่ รุ่นปรับโฉมครั้งใหญ่
Big-Minorchange ที่จะเปิดตัวในช่วง ครึ่งหลังของ ปี 2015 โดยยังไม่
แน่ชัดว่า จะถูกนำไปวางลงใน MU-X ด้วยหรือไม่

แต่ถ้าจะถามถึงรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน Full Model Change ของ D-Max
ตอบได้เลยว่า ยังอีกไกล เพราะ Isuzu เพิ่งจะลงนามในบันทึกความเข้าใจ
MoU (Memorendum of Understand) กับ พันธมิตรเก่า General 
Motors เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2013 เพื่อจะกลับมาพัฒนารถกระบะรุ่นต่อไป
ร่วมกันอีกครั้ง

แม้ Isuzu จะปฏิเสธว่า จะไม่มีการขายหุ้นให้กับทาง GM หลังจากที่ฝ่าย
อเมริกัน ได้ขายหุ้นกลับคืนไปให้ฝ่ายญี่ปุ่น เมื่อปี 2006 แต่ทั้ง 2 ฝ่าย ต่าง
ยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพราะ GM เอง ก็อยากจะบุกตลาด
ASEAN ให้ได้มากกว่านี้ ส่วน Isuzu เอง ก็อยากได้พันธมิตร มาช่วย
พัฒนารถกระบะ และเครื่องยนต์ เพื่อให้ต้นทุนในการพัฒนา ถูกลง

ในเมื่อทั้งคู่ เพิ่งจะเริ่มต้นคุยกันอีกครั้ง ในปี 2013 ดังนั้น กว่าที่เราจะ
ได้เห็นรถกระบะรุ่นใหม่หมดจดทั้งคันอีกครั้ง จาก Isuzu จึงอาจต้อง
รอไปถึงปี 2017 – 2018 ก็อาจเป็นได้

—————————————–

JAGUAR
2014 : F-Type Coupe in Thailand / XK Global Launch?
2015 : Premium Compact Saloon (3-Series Competitor)
2016 : C-X17 New Premium Compact Crossover (Evoque Competitor)
2017 : All New XF Sedan
          

ปี 2013 เป็นปีที่ ค่ายรถยนต์ระดับหรูจากอังกฤษ ภายใต้ร่มเงาเจ้าของใหม่อย่าง Tata Motors
ง่วนอยู่กับการเปิดตัว F-Type รุ่นเปิดประทุน และรุ่น Coupe อันเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียม
ความพร้อม เพื่อรองรับการมาถึงของสารพัดโครงการรถยนต์รุ่นใหม่ ในอนาคต เพื่อจะดึง
ให้ Jaguar กลับฟื้นขึ้นมา ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ที่ลูกค้าทั่วโลก ยอมรับได้เสียที

ขณะที่เมืองไทย ผู้นำเข้ารายใหม่ City Automotive ก็รีบสั่งนำเข้า F-Type เปิดประทุน ใหม่
มาเปิดตัวกัน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2013 ที่ผ่านมา จุดเด่นอยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก ที่สวยงาม
และแปลกตาไปจาก Jaguar รุ่นก่อนๆ มือจับประตูรถ พับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า ช่องระบายลม
อัจฉริยะ หลังคาอ่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าใช้เวลาเพียง 12 วินาที ระบบแจ้งเตือนจุดบอด
ก่อนเปลี่ยนเลน Blind Spot Monitor ระบบตรวจจับพาหนะที่แล่นผ่านด้านหลังของตัวรถ
Reverse Traffic Detection และกล้องส่องหลัง รวมทั้งระบบ Intelligent Stop Start System
ทุกรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Quickshift มีให้เลือก 3 ระดับความแรง
ทั้งรุ่นเบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว 2,995 ซีซี Supercharger 340 แรงม้า (HP) 8,500,000 บาท
รุ่น V6 ขุมพลังเดียวกัน แต่แรงขึ้นเป็น 380 แรงม้า (HP) 9,750,000 บาท และ เบนซิน V8
DOHC 5,000 ซีซี Supercharge 495 แรงม้า (HP) ราคา 10,750,000 บาท

ขณะเดียวกัน ในตลาดโลก F-Type ตัวถัง Coupe เพิ่งเปิดตัวกันไปในงาน L.A. Auto Show
และ Tokyo Motor Show เดือนพฤศจิกายน 2013 วางขุมพลังเดียวกัน ไปหมาดๆ ถ้าหาก
ไม่มีอะไรผิดพลาด ในปี 2014 นี้ City Automobile คงจะสั่งนำเข้ามาเสริมทางเลือกให้
บรรดาเศรษฐีไทย ได้ลองสัมผัสกันแน่นอน

ส่วนในตลาดโลกนั้น ปี 2014 นั้น จะถึงคิวของรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน Full Model
Change ของ รถยนต์ Coupe และเปิดประทุน ระดับ GT รุ่นใหญ่ อย่าง ตระกูล XK
ซึ่งจะมาในรูปแบบ Stylish Performance Coupe เน้นความสบายควบคู่กับความแรง
เพื่อต่อกรกับบรรดา คู่ปรับ อย่าง BMW 6-Series หรือ Mercedes-Benz S-Class
Coupe ใหม่ คาดว่า อย่างช้าสุดที่จะเปิดตัว ก็คือ ปี 2015

จากนั้นในปี 2015 ก็จะถึงเวลาที่ Jaguar จะล้างภาพอดีตอันเลวร้าย สมัยทำ X-Type
ออกขาย ด้วยการเปิดตัว Premium Compact Sedan รุ่นใหม่ ในชื่อ Q-Type ซึ่งถูก
วางตัวให้เป็นคู่ปรับโดยตรงกับ BMW 3-Series และ Mercedes-Benz C-Class ใหม่
โดยใช้พื้นตัวถังใหม่ PLA เป็นพื้นฐานในการพัฒนา

ข้ามไปยังปี 2016 เวอร์ชันจำหน่ายจริงของ รถยนต์ต้นแบบ C-X17 ที่เพิ่งเผยโฉม
ไปทั้งในงาน Frankfurt Motor Show (10 กันยายน 2013) , Auto Guangzhou 
2013 และ Dubai Motor Show 2013 จะออกสู่ตลาด ในฐานะรถยนต์ Premium
Compact Crossover SUV ที่สร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง PLA ร่วมกับ Q-Type

และในปี 2017 ก็จะถึงเวลาที่ Jaguar จะเปลี่ยนโฉม Full Model Change ใหม่
ทั้งคัน ให้กับ Sedan ขนาดกลาง คู่ปรับ BMW 5-Series อย่าง XF กันเสียที แต่
เรื่องตลก ก็คือ พื้นตัวถัง PLA ก็ยังคงรับหน้าที่เป็นพื้นฐานให้กับ XF ใหม่ เช่นเดียวกัน
กับ ทั้ง 2 รุ่นข้างบนนี้ เรียกได้ว่า ทำ Platform แบบเดียว ใช้งานกันซะคุ้มเลยจริงๆ

แน่ละครับ ความอยู่รอด ของ Jaguar หลังจากนี้ จะขึ้นอยู่กับว่า รถยนต์
ทั้งหมดที่เตรียมเปิดตัว ตลอด 4 ปีข้างหน้านี้ จะช่วยพาให้ Jaguar สร้าง
รายได้จากยอดขาย ได้มากกว่าทุกวันนี้ หรือไม่?
——————————————

KIA MOTORS
2014 : New Cerato KOUP ( K3 KOUP)

เราเริ่มเห็นปริมาณของรถยนต์ Kia หนาตาขึ้นบนท้องถนนในกรุงเทพ ตั้งแต่
ปี 2012 เป็นต้นมา และในปี 2013 ที่เพิ่งผ่านไปนอกจาก Kia ภายใต้การดูแล
ของ Yontrakit Kia Motors ยังคงพยายามสั่งนำเข้า Sorento 7 ที่นั่ง ขุมพลัง
Diesel 2.2 ลิตร CRDi มาขายกันไปได้เรื่อยๆ รวมทั้ง Kia Rio Sedan ที่เพิ่ง
เปิดตัวไปในงาน Bangkok Motor Show เดือนมีนาคม แต่รถยนต์ที่สร้าง
ยอดขายให้พวกเขามากที่สุด ยังคงหนีไม่พ้น Kia Picanto K1 คันเล็กอยู่ดี

ในปี 2014 นั้น ตอนนี้ Yontrakit Kia Motors กำลังอยู่ในระหว่างเจรจากับ
ทางเกาหลีใต้ เพื่อหาทางสั่งนำเข้า Kia Cerato Koup (K3 Koup) อันเป็น
รุ่น Coupe  2 ประตู ของรถยนต์นั่งขับเคลื่อนล้อหน้า กลุ่ม C-Segment
ที่มีเส้นสายสวยงามและลงตัวที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ของ Kia ในตอนนี้ เพราะ
เป็นการนำ Cerato Koup รุ่นเดิม มาปรับโฉม Big Minorchange ครั้งใหญ่
ให้มีหน้าตาสอดคล้องกับ Cerato ตัวถังอื่นๆ ที่ขายในตลาดโลก ณ ตอนนี้

ขุมพลังที่อยู่ในระหว่างการตัดสินใจเลือก น่าจะเป็น รหัส Nu บล็อก
 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 161 แรงม้า (PS) แต่ ผู้เขียนขอแนะนำ
ว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ถ้ายกขุมพลัง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.6 ลิตร Turbo
207 แรงม้า (PS) ที่ใช้ร่วมันกับ Hyundai Veloster มาได้ น่าจะช่วยให้
ชื่เสียงของ Kia เริ่มกลับมารู้จัก ในหมู่คนรักความแรง ไม่ยาก แถมจะ
ช่วยให้ภาพลักษณ์ของ Kia ในไทย ดีขึ้นยิ่งกว่านี้อีก

——————————————

LAMBORGHINI
2014 : Gallardo replacement named “HURACAN”
2015 : HURACAN Cabriolet
2016 : URUS SUV

ในปีนี้ Lamborghini พร้อมแล้วสำหรับการเปิดศักราชใหม่ ให้กับรถ Super Car รุ่นเล็ก
ของตน เพื่อรับหน้าที่ปรนเปรอความแรงให้ลูกค้า ต่อจาก Gallardo รถสปอร์ตที่เพิ่ง
จะถูกปลดออกจากสายการผลิตไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลังจากอยู่ในตลาดมานานถึง
10 ปี และได้ชื่อว่าทำยอดขาย รายได้ และผลกำไร ให้กับค่าย Lamborghini มากที่สุด
เท่าที่เคยมีมา

ชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการ นั่นคือ Huracan ซึ่งมาจากคำว่า Hurricane นั่นเอง เผยโฉม
สู่สายตาชาวโลกแล้วอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2013 ที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนนี้
คาดเดากันว่าจะใช้ชื่อ Cabrera ด้วยซ้ำ

จุดเด่นของ Huracan อยู่ที่สมรรถนะจากขุมพลังวางกลางลำตัว บล็อก V10 สูบ DOHC
5.2 ลิตร 610 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน
ล้อหลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีน้ำหนักตัวไม่รวมของเหลว
อยู่ที่ 1,422 กิโลกรัม

กำหนดการเปิดตัวในตลาดโลก อย่างเป็นทางการ จะมีขึ้น ณ งาน Geneva Motor
Show เดือนมีนาคม 2014 ที่จะถึงนี้ แต่สำหรับเมืองไทย อาจต้องรอคิวกันอีก
หลังจากนั้น สักพักใหญ่ น่าจะเป็นช่วง ปลายปี 2014 จนถึง ต้นปี 2015 อันเป็น
ช่วงเวลาที่ เวอร์ชัน เปิดหลังคาได้ ของ Huracan จะตามออกมาไล่เลี่ยกันพอดีๆ

ส่วนปี 2016 จะถึงเวลาที่ เวอร์ชันจำหน่ายจริงของ Lamborghini Urus Crossover
SUV ยุคใหม่คันแรกของ Lamborcgini ที่เคยเผยโฉมไปแล้วในฐานะของรถยนต์ต้นแบบ
จะพร้อมออกสู่ตลาดจริง แต่ในตอนนี้ ยังคงอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้
เป็น Super Crossover SUV ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด แต่จะต้องมีค่าตัวถูกที่สุดเท่าที่
Lamborghini เคยผลิตออกมา โดยตั้งเป้าที่จะขายให้ได้ทั่วโลก ปีละ 3,000 คัน

มาเมืองไทยเมื่อไหร่ เดี๋ยวทาง Niche Car ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ก็จัดงาน
เปิดตัวให้เราได้เห็นกันเองนั่นแหละ
——————————————

LAND ROVER
2014 : Range Rover Long Wheelbase
2015 : All New Defender / Freelander
2016 : Range Rover Minorchange

หลังการเข้ามาทำตลาดของ ผู้จำหน่ายรายใหม่อย่าง City Automotive ความเคลื่อนไหวของ
ค่ายรถยนต์อเนกประสงค์จากอังกฤษ อีกหนึ่งแบรนด์ที่ถูกแขกอินเดีย Tata Motors ซื้อไป
ร่วมชายคากับ Jaguar ก็เริ่มมีให้เห็นในบ้านเรามากขึ้น ปี 2013 ที่ผ่านมา พวกเขาสั่งนำเข้า
Range Rover Sport ใหม่ล่าสุด มาเปิดตัวในงาน Motor Expo ที่ผ่านมา โดยเป็นรุ่นขุมพลัง
Diesel SDV6 DOHC 2,993 ซีซี Turbo 292 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่
2,000 รอบ/นาที กับเบนซิน V8 DOHC 4,999.7 ซีซี 510 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 625
นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 5,500 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตั้งราคาขายไว้แพงใช้ได้ ตั้งแต่
7,750,000 – 10,050,000 บาท

ในปี 2014 นี้ Land Rover จะมีรถยนต์รุ่นใหม่ เพียงรุ่นเดียว นั่นคือ เวอร์ชันฐานล้อยาว
ของ Range Rover SUV ระดับ Flagship ที่แพงสุดในกลุ่ม เป้าหมายก็คือ เจาะตลาดกลุ่ม
ลูกค้าที่มักนั่งเบาะหลังของ Range Rover เป็นประจำ และต้องการความสบายที่มากกว่า
รุ่นฐานล้อปกติ โดยใช้ขุมพลังและระบบส่งกำลังเดียวกันทั้งหมด

แต่ในปี 2015 ตัวลุยประจำค่าย อย่าง Land Rover Defender จะถึงเวลาเปลี่ยนโฉมใหม่
ทั้งคัน Full Model Change กันเสียที ตัวรถถูกสร้างขึ้น โดยใช้พื้นฐานงานวิศวกรรมของ
Freelander ใหม่กันไปเลย กำหนดเปิดตัวจะอยู่ในช่วงปี 2015 แต่กว่าจะพร้อมขายจริง
อาจต้องรอกันจนถึงปี 2016 โดยเริ่มจากเวอร์ชัน ตัวถังสั้น 3 ประตู ก่อนที่รุ่น 5 ประตู
และรถกระบะ จะทะยอยตามออกมาในช่วงปี 2017 – 2018

ส่วนปี 2016 แม้ว่า Range Rover ใหม่จะเพิ่งเปิดตัวไป แต่กำหนดการปรับโฉม Minor
change ก็จะอยู่ที่ ปี 2016

และ Evoque น่าจะยังทำตลาดกันต่อไป ด้วยการปรับโฉม หรือเพิ่มทางเลือกรุ่นย่อย
ใหม่ๆ และเพิ่มรุ่นพิเศษ หรือปรับอุปกรณ์ กันไป ทุกปี อีกสัก 3-4 ปี

——————————————

LOTUS (By Niche Cars)   
The Future is bright…Axed that 4 in 5 New models!!!

หลังความวุ่นวายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ CEO สุดหล่อ Dany Bahar ถูกเจ้าของใหม่
DRB-HICOM ที่ซื้อหุ้นมาจาก Proton ถีบออกจาก Lotus ไป ทำให้อนาคตของผู้ผลิตรถยนต์
สปอร์ตขนาดเล็ก รายนี้ ย่ำแย่ลงตลอดเวลา 1 ปีครึ่ง ที่ผ่านมา

ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว Lotus ทุกวันนี้ อยู่ในสถานะล้มละลายได้อย่างเต็มปาก พวกเขาเริ่ม
เจอปัญหาขาดทุนตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมา และเริ่มเสียเงินมากขึ้นทุกปีๆ ตัวอย่างที่เห็น
ได้ชัด ก็คือ ในช่วงสิ้นปี 2012 พวกเขาต้องใช้จ่ายเงินไปมากถึง 115 ล้านปอนด์ฯ ทำให้
เงิน 100 ล้าน ปอนด์ ที่ DRB-ICOM อัดฉีดลงมาให้ หายเกลี้ยงไม่เหลือ แถมยังต้องใช้
จ่ายเงินเกินตัวไปอีก แทนที่จะใช้เพื่อพัฒนารถใหม่ แต่กลับต้องถูกใช้เพื่อต่อลมหายใจ
ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้แทน

แล้วรายได้ที่เข้ามาละ? ปี 2011 พวกเขาขายรถสปอร์ตทั่วโลกได้ 2,675 คัน แต่ที่แย่สุดคือ
ตัวเลขกลับดิ่งลงเหวเหลือ 963 คัน ตลอดทั้งปี 2012 ในปี 2013 พวกเขาวางแผนว่าจะขาย
รถให้ได้ 1,300 คัน แต่ถ้า ตัวเลขส่งมอบในแต่ละสัปดาห์อยู่ที่ 44 คัน เท่ากับว่า พวกเขา
จะทำยอดขายรวมได้ 2,000 คัน ในช่วงสิ้นปี 2013 ส่วนตลาดอังกฤษเอง มันย่ำแย่ถึง
ขั้นที่ว่า Lotus ขายรถให้ชาวอังกฤษได้เพียง 80 คัน ตลอดทั้งปี !!

ตัวเลขยอดขายแบบนี้ มันน้อยเสียยิ่งกว่า Rolls-Royce หรือ Ferrari เพียงยี่ห้อเดียวเสียอีก!

ก่อนหน้านี้ Volkswagen เอง ก็เคยแสดงความสนใจว่าอยากซื้อกิจการของ Lotus ถึงขั้น
ตรวจสอบสถานภาพทางการเงิน แต่สุดท้าย ก็ไม่เอา

นั่นหมายความว่า ทุกโครงการพัฒนารถสปอร์ต ทั้ง 3-4 แบบ ที่เคยเดินหน้าอยู่ในตอนนี้
ถูก “ยกเลิกไปเกือบทั้งหมด” เหลือแค่โครงการ Esprit อันเป็นรถสปอร์ตรุ่นสำคัญที่ถูก
วางเป้าหมาย ให้พา Lotus กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

ล่าสุด เมื่อเดือนกรกฎาคม 2013 ที่ผ่านมา Lotus ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษ
เป็นเงินสูงถึง 10.44 ล้านปอนด์สเตอร์ริง โดยเงินก้อนดังกล่าว จะถูกใช้เพื่อการพัฒนา
รถสปอร์ตรุ่นใหม่ และใช้ในการฝึกอบรมพนักงานใหม่ทั้ง 313 คน ที่จะถูกว่าจ้างใน
ช่วง 2 ปี นับจากนี้ ขณะเดียวกัน Lotus ก็ประกาศรับสมัครพนักงานใหม่ 100 คนรวด
ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวก ออกมาครั้งแรกในรอบ 2 ปี ว่า อนาคตขอ Lotus
จะยังยืนหยัดอยู่ได้

ส่วนแผนการหลังจากนี้? ในขณะที่ Dany Barhar ประกาศข่าวจนเกรียวกราวไปทั่วโลก
แต่ DRB-HICOM เลือกจะสงบเสงี่ยม แล้วรอวันประกาศความสำเร็จทีเดียวเลยดีกว่า
ระหว่างที่เน้นการนำรถยนต์รุ่นที่ขายอยู่แล้ว มาปรับปรุงสมรรถนะ ออกขายเป็นรุ่น
พิเศษ เวอร์ชันใหม่ๆ เลี้ยงบริษัทกันต่อไปนั้น DRB-HICOM จะเน้นการสร้างแบรนด์
ผ่านกิจกรรม Motor Sport เหมือนยุคของ Barhar แต่ใช้เงินอย่างระมัดระวัง รอบคอบ
มากยิ่งขึ้น แนวทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอย่างนี้ จึงทำให้ Lotus เอง ยังคงต้องตก
อยู่ในสภาพมืดมนแบบนี้ต่อไปอีกหลายปี ด้วยความหวังจากเจ้าของใหม่ว่า ในปี 2015
พวกเขาจะ บรรลุเป้าหมาย Brake event ด้วยตัวเลขยอดขาย 3,500 คัน ในปีนั้น

ในเมื่อ อนาคตของ Lotus ในยามนี้ก็สว่างพอๆกับแสงจันทร์ ในคืนที่คุณเดินหลงใน
ป่าดงดิบดังนั้น สถานการณ์ในเมืองไทย ก็จึงยังคงทำได้แต่รอดูท่าทีของบริษัทแม่ ว่า
จะทำอย่างไรต่อไป

——————————————

MASERATI
2014 : Ghibli Coming to Thailand
            Le Vante Global Launch
2015 : Le  Vante coming to Thailand

ความเคลื่อนไหวของ Maserati ในเมืองไทย เริ่มกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังการ
เปิดตัว Saloon รุ่นใหญ่ Quattroporte ในงาน Detriot Auto Show เมื่อต้นเดือน
มกราคม 2013 (เริ่มผลิต เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012) จนได้รับออร์เดอร์จากลูกค้าทั่วโลก
จำนวนมาก โดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้า สาววัยทำงาน ในเมืองจีน

ในที่สุด Empire Motorsport ผู้จำหน่าย Maserati แบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมียม ในกลุ่ม
Fiat Auto SpA.จากอิตาลี อย่างเป็นทางการในไทย ได้จัดงานเปิดตัว Quattroporte
รุ่นที่ 6 ในบ้านเราไปเรียบร้อยแล้ว ณ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท เมื่อวันที่
22 พฤศจิกายน 2013 ที่ผ่านมา

เวอร์ชันไทย จะวางเครื่องยนต์ 2 แบบ คือรุ่น V6 DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร ซึ่งถูกปรับปรุง
จากเครื่องยนต์ Pentastar ของ Chrysler สหรัฐอเมริกา กำลังสูงสุด 410 แรงม้า (HP)
แรงบิดสูงสุด 56 กก.-ม.ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยเกียร์อัตโนมัติ
8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 285 กิโลเมตร/
ชั่วโมง ราคา 11,500,000 บาท และรุ่น Quattroporte GTS เครื่องยนต์ V8 DOHC 32
วาล์ว 3.8 ลิตร 530 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 72.3 กก.-ม.ขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น ให้
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 307 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถือเป็นรถยนต์นั่ง 4 ประตู ที่แล่นได้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยผลิตออกสู่ตลาด ราคา
14,500,000 บาท

ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงก่อนหน้านี้ Empire Motorsport ยังได้นำเข้ารถยนต์ Coupe อย่าง
Maserati GranTurismo Sport เข้ามาเปิดตัวในบ้านเรา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2013 ซึ่ง
ถือเป็นรุ่นอัพเกรดสมรรถนะจาก รุ่น MC Stradale ด้วย เครื่องยนต์ V8 DOHC 32 วาล์ว
4.7 ลิตร แรงเพิ่มขึ้นจาก 434 เป็น 460 แรงม้า (HP) ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
เพิ่มขึ้นจาก 49.9 เป็น 52.9 กก.-ม. ที่ 4,750 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหลัง ได้ทั้งเกียร์
อัตโนมัติ 6 จังหวะ จาก ZF ที่ใช้ Software แบบ MC Auto Shift Management
หรือเลือกติดตั้งเกียร์ Sequential 6 จังหวะได้อีกต่างหาก ราคา 16,000,000 บาท
โดยประมาณ

แต่ในยุโรป Masearati ไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น พวกเขายังคงเดินหน้าเปิดตัว Saloon 
ขนาดเล็กกว่า Quattroporte ในชื่อ Ghibli กลางงาน Shanghai Motorshow
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2013 ที่ผ่านมา เพื่อออกมาประลองศึกกับ BMW 5-Series
และ Mercedes-Benz E-Class ถือเป็นการนำชื่อ Ghibli กลับมาใช้อีกครั้ง หลังจาก
ยุติบทบาทไปเมื่อปี 1997

ในช่วงเริ่มต้น Ghibli มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ทั้ง รุ่นพื้นฐาน ขุมพลัง V6 DOHC 24 วาล์ว
3.0 ลิตร Turbocharger 330 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. อัตราเร่ง
0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5.6 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.4 กิโลเมตร/
ลิตร ตามด้วยรุ่น Ghibli S ขุมพลัง V6 DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร Twin Turbo แรงขึ้น
เป็น 410 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 56 กก.-ม. ที่ 1,750 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100
กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5 วินาที ความเร็วสูงสุด 285 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหลัง
ทั้ง 2 ขุมพลัง เป็นผลงานร่วมกันระหว่าง Maserati กับพันธมิตรเก่าอย่าง Ferrari
โดยใช้เทคโนโลยีบางส่วน เช่นระบบจ่ายเชื้อเพลิง Direct Injection จากขุมพลัง
V8 3.8 ลิตร ของ Quattroporte เอง และถูกผลิตขึ้นที่โรงงานของ Ferrari ในเมือง
Maranello

นอกจากนี้ Ghibli ยังเป็น Maserati รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีขุมพลัง Diesel ให้เลือก
เป็นบล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิง Direct Injection ผ่านราง
Common-rail ด้วยแรงดันระดับ 200 บาร์ พ่วง Turbocharger 275 แรงม้า (HP)
แรงบิดสูงสุด มากถึง 61.1 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.3 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.6 กิโลเมตร/ลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า
160 กรัม/กิโลเมตร อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบใหม่ Q4 all-wheel
drive system มาให้เลือกด้วย หลักการทำงานคือ  ใช้ระบบอิเลคทรอนิคควบคุม
คลัทช์เปียกแบบ multi-plate ซึ่งติดตั้งอยู่ในห้องเกียร์ transfer case เพื่อเชื่อมต่อ
การขับเคลื่อน 4 ล้อ เฉพาะในยามที่ผู้ขับขี่ต้องการให้ยึดเกาะถนนเพิ่มขึ้นเท่านั้น

หลังการเปิดตัวและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนยุโรปได้ทดลองขับกันไปแล้ว ก็จะต้อง
รอเวลา ให้ไลน์ผลิตพวงมาลัยขวา พร้อมเสียก่อน จึงจะสามารถนำเข้ามาจำหน่าย
ในบ้านเราได้ ภายในปี 2014

ส่วนโครงการพัฒนา Crossover SUV ที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า LeVante ซึ่งถูก
วางเป้าหมายให้ประกบกับบรรดา Premium MidSize SUV ทั้ง Porsche Cayenne
Mercedes-Benz ML-Class , BMW X5/X6 และ Range Rover Sport ยังคง
เดินหน้ากันต่อไปเรื่อยๆ ล่าสุด งานออกแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะไม่แตกต่างไปจาก
รถยนต์ต้นแบบ ที่เราเห็นกันอยูนี้ไปมากมายนัก จะไม่ใช้พื้นฐาน Platform และโครงสร้าง
วิศวกรรมใดๆ ร่วมกันกับ Jeep Cherokee อย่างที่คาดหมายกันทั่วโลก ช่วงก่อนหน้านี้
เป็นอันขาด นั่นหมายความว่า Le Vante ก็จะยังคงผลิตอยู่ใน Italy เท่านั้น ไม่ได้ถูก
นำไปขึ้นสายการผลิตที่โรงงานของ Chrysler ใน Michigan แต่อย่างใดทั้งสิ้น

ด้านขุมพลัง คาดว่าจะมีให้เลือกทั้งแบบ เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร พ่วง
Turbocharger 404 แรงม้า (HP) และ V8 DOHC 32 วาล์ว 3.8 ลิตร TwinTurbo
523 แรงม้า (HP) จาก Quattroporte รวมทั้ง ขุมพลัง V6 Diesel บล็อกเดียวกับใน
Ghibli เพื่อเน้นเอาใจตลาดยุโรป ที่ยังคงนิยมขุมพลัง Diesel เป็นหลักไปแล้ว

กำหนดการเปิดผ้าคลุมเผยโฉมครั้งแรก ของ Le Vante จะอยู่ในปี 2014 แต่จะพร้อม
ออกสู่ตลาดจริงทั่วโลก รวมทั้งเมืองไทย คาดว่าน่าจะเป็นปี 2015

——————————————

Mazda   
2014 : Mazda 3 Full Modelchange + CNG / Mazda 6 ?
2015 : All New MX-5 / BT-50 PRO Minorchange /
2016 : Mazda 2 Full Modelchange
2017 : CX3

ถึงแม้ว่า Mazda จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ขนาดเล็กและกลาง
จนทำให้ Mazda 2 และ 3 ทำยอดตัวเลขได้ในระดับ ประคองตัวเท่านั้นก็ตาม แต่ด้วยเหตุ
ที่ตัวเลขยอดขายของ Mazda ในเมืองไทย ไต่ขึ้นเป็นติดอันดับ 5 ของโลก ทำให้บริษัทแม่
ในญี่ปุ่น เริ่มทุ่มให้ความสนใจกับตลาดแดนสยามเมืองยิ้ม ของเราอย่างเต็มรูป ชนิดที่ว่า
ไม่เคยมีมาก่อน!

ปี 2013 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งจุดเริ่มต้นสู่ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Mazda ใน
บ้านเราเมื่อถึงเวลาที่ชาว Hiroshima นำ กลุ่มเทคโนโลยี Skyactiv มาเปิดตัวสู่ตลาด
เมืองไทย เริ่มจากการนำ Mazda 6 เข้ามาให้ลองขับก่อน ช่วงเดือนมิถุนายน ที่สนาม
แก่งกระจาน เพื่อปูทางสู่การเปิดตัว Mazda CX-5 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

แต่ทั้งหมดในปีที่แล้วนั้น เป็นเพียงแค่ ออร์เดิร์ฟ!

เพราะอาหารจานหลักของจริงนั้น อยู่ที่การนำ Mazda 3 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเผยโฉม
สู่สายตาชาวโลก ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2013 เข้ามาประกอบขายในเมืองไทย อย่าง
รวดเร็วฉับไว เหนือความคาดหมาย มากันครบทั้ง Sedan 4 ประตู และ Hatchback
5 ประตู

เวอร์ชันไทย จะมาพร้อม Option จัดเต็มเท่าที่เป็นไปได้ ส่วนทางเลือกเครื่องยนต์นั้น
ยกทีม Skyactiv มากันทั้งหมด นอกจาก เครื่องยนต์เบนซิน 2,000 ซีซี บล็อกเดียวกับ
ที่กำลังประจำการใน CX-5 แล้ว จะมีขุมพลังใหม่ล่าสุด Skyactiv 1,600 ซีซี ที่ยัง
ไม่เคยเปิดตัวที่ไหนในโลกมาก่อน แต่หลังจากเปิดตัวไปอีกสักระยะ เราอาจได้เห็น
Mazda 3 Skyactiv CNG ซึ่งเพิ่งจะเผยโฉมไปใน Tokyo Motor Show สดๆร้อนๆ
ในเดือนพฤศจิกายน 2013 ที่ผ่านมา ออกอาละวาด สร้างความอือฮาให้แก่บรรดา
นักนิยมดมแก็ส(ติดรถยนต์) กันอย่างสบายใจเสียที อย่างไรก็ตาม จะไม่มีขุมพลัง
Diesel 2,200 ซีซี Turbo มาให้เลือกอย่างแน่นอน เพราะค่าตัวในรุ่น Diesel อาจ
โดดไปไกลถึง 1,200,000 บาท จากเหตุผลด้านภาษีต่างๆ

กำหนดการเปิดตัว ของ Mazda 3 ใหม่ ประกอบในประเทศไทย จากโรงงาน AAT
ระยอง จะเกิดขึ้น ในเดือนมีนาคม 2014 ช่วงงาน Bangkok Motor Show

อีกโครงการหนึ่ง ซึ่งยังต้องรอลุ้นกันต่อไปก็คือ การนำ Mazda 6 รุ่นล่าสุด มาบุกตลาดกลุ่ม
D-Segment บ้านเรา อย่างเต็มตัวเสียที ถือเป็นการกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ตระกูล 626
รุ่นสุดท้าย หายหน้าไปจากตลาดเมืองไทย ในปี 1997 – 1998 หากจะทำตลาดกันจริงๆแล้ว
แน่นอนว่า ทางเลือกขุมพลัง คงไม่ต่างไปจาก CX-5 คือ อาจต้องมีทั้ง รุ่นเบนซิน 2,000 ซีซี
กับ 2,500 ซีซี และ Diesel 2,200 ซีซี Turbo เป็นตระกูล Skyactiv ทั้งหมด หากนำมา
เปิดตัวในบ้านเราจริง ก็เริ่มมีลุ้นกันได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กรกฏาคม เป็นต้นไป และคงจะมี
แค่ ตัวถัง Sedan 4 ประตู เพียงอย่างเดียว ไร้เงาตัวถัง Wagon

นอกนั้น ก็จะมี รุ่นกระตุ้นตลาดของทั้ง Mazda 2 และ Mazda BT-50 PRO ออกมาเป็นหลัก

ย่างเข้าสู่ปี 2015 ในตลาดเมืองไทย Mazda อาจจะเหนื่อย เพราะ Mazda 2 จะยังไม่เปิดตัว
สู่ตลาดโลกจนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2015 และมีเพียงแค่การปรับโฉม Minorchange ให้กับ
รถกระบ Mazda BT-50 PRO เพื่อปรับทัพ กระตุ้นยอดขาย รับมือกับการมาถึงของบรรดา
เจ้าตลาด ทั้ง Toyota Hilux Vigo ใหม่ และ Isuzu D-Max Big Minorchange

กระนั้น Mazda ยังมีทีเด็ด เอาใจคนรักรถสปอร์ตเปิดประทุน สายพันธ์ Zoom Zoom อยู่
เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่ Mazda MX-5 รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ Full Model Change จะถูก
เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกอย่างเป็นทางการ

MX-5 รุ่นใหม่ ถือเป็นการร่วมงานพัฒนาด้วยกันครั้งแรกกับ FIAT Auto Spa. แห่งอิตาลี
โดยฝ่ายหลัง จะออกแบบตัวถังขึ้นมาใหม่ และใช้เครื่องยนต์ใหม่ของตัวเอง ทำตลาดใน
ฐานะ รุ่นเปลี่ยนโฉมของ Alfa Romeo Spider แต่ MX-5 ใหม่ จะวางเครื่องยนต์ใหม่
SKYACTIV ที่ลดความจุกระบอกสูบลงมาจาก 2.0 ลิตร เหลือแค่ 1.6 ลิตร พ่วงระบบ
อัดอากาศ Turbocharger เป้าหมายก็คือ จะต้องเพิ่มพละกำลังสูงสุดขึ้นเป็น 200 แรงม้า
(PS) ขณะเดียวกัน ต้องลดน้ำหนักลงอีก 100 กิโลกรัม เพื่อให้ตัวรถเบาไม่เกิน 1,000
กิโลกรัม พอดี!! หวังช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ และลดการกินน้ำมันลงให้ได้
มากกว่านี้ แถมยังปล่อยมลพิษน้อยลงกว่าเดิม กำหนดเปิดตัวอยู่ในช่วงต้นปี 2015 ดังนั้น
บ้านเราก็น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสรถสปอร์ตเปิดประทุนรุ่นยอดนิยมรุ่นใหม่คันนี้ ตามติด
ตลาดโลกกันอย่างฉับไว ผ่านการนำเข้าของ Mazda Sales Thailand โดยตรง

พอถึงช่วงปลายปี 2015 – ต้นปี 2016 น้องนุชสุดท้องอย่าง Mazda 2 ก็จะถึงเวลา
เปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน โดยยึดแนวทางการออกแบบ Kodo Design เฉกเช่นพี่น้องร่วม
ตระกูล รุ่นอื่นๆ เราอาจได้เห็นภาพถ่ายจากเมืองนอกกันก่อน ในช่วง ไตรมาส 3 ของปี
2014 ก่อนที่เวอร์ชันประกอบในเมืองไทย จะพร้อมสู่การทำตลาดจริง ในช่วงปลายปี
2015 ถึง ต้นปี 2016 ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ ยังไม่มีข้อสรุปในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม รถรุ่นนี้ อาจมีความเกี่ยวพันกับ Toyota อยู่ เพราะ Mazda และ Toyota
ร่วมลงนามในข้อตกลงร่วมกันว่า จะนำรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ที่ใช้พื้นฐานมาจาก
Mazda 2 เจเนอเรชันใหม่ ไป ขึ้นสายการผลิตที่โรงงาน Mazda ใน Mexico ซึ่งกำลัง
ก่อสร้างกันอยู่  หมายความว่า คนไทยเราอาจต้องทนเห็นหน้า Mazda 2 รุ่นปัจจุบัน
กันอีกอย่างน้อย ก็จนถึงปลายปี 2015 เป็นอย่างเร็วที่สุด

Mazda 2 ใหม่ และ MX-5 ใหม่ จะเป็น 2 ใน 5 โครงการพัฒนารถยนต์ ที่ Mazda
วางแผนไว้ว่าจะเปิดตัวในตลาทั่วโลก ทุกทวีป นับจากปี 2014 จนถึง 2017 ส่วนรุ่น
ที่ 3 นั่นคือ Mazda CX-9 ซึ่งจะยังคงประกอบที่โรงงาน Hofu ในญี่ปุ่นตามเคย
ส่วนบ้านเรา จะสั่งเข้ามาขายเช่นเดียวกับรุ่นปัจจุบันหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีความแน่ชัด

แต่ที่แน่ๆ ยังมีอีกโครงการ ซึ่งยังห่างไกลจากความจริง แต่ต้องจับตาดูให้ดี เพราะ
มีความเป็นไปได้ในการเข้ามาเปิดตลาดเมืองไทย นั่นคือ Mazda CX-3 อันเป็น
รถยนต์ Crossover SUV ที่มีขนาดเล็กกว่า CX-5 ลงมา โดยใช้พื้นฐานโครงสร้าง
วิศวกรรม ร่วมกันกับ Mazda 2 กว่าจะออกสู่ตลาดโลก ต้องรอถึงปี 2015 – 2016
และถ้าจะมาเมืองไทย เราอาจต้องรอกันจนถึงปี 2017 เลยทีเดียว

ส่วนอีกโครงการหนึ่งซึ่งยังเป็นปริศนานั้น…เป็นไปได้ไหมว่า อาจเป็นรถสปอร์ตขุมพลัง
Rotary Hybrid ที่น่าจะคลอดออกมาในปี 2017 อันเป็นปีฉลองครอบรอบ 50 ปี ที่
Mazda Cosmo Sport รถสปอร์ตขุมพลัง Rotary แบบแรกในโลก ออกสู่ตลาด?

——————————————

Mercedes-Benz
2014 : GLA – Class / A45 CLA45 AMG  All New C-Class /
            ML Sport version AMG Dynamic / S-Class CKD S300 Hybrid 
2015 : GLK Full Modelchange
2016 : E-Class Full Modelchange

ไฮไลต์ของค่ายรถยนต์ตราดาว ในปี 2013 ที่ผ่านมา คือการเปิดตัว E-Class Facelift
Minorchange ในงาน Banngkok Motor Show มีนาคม 2013 ก่อนจะส่งรุ่นประกอบ
ในประเทศ ออกสู่ตลาดได้ในเดือนกันยายน มีรุ่น E200 ทั้งตัวถัง Saloon Coupe
และ Cabriolet ส่วน E300 Bluetec HYBRID มีเฉพาะตัวถัง Saloon เท่านั้น ยังคง
ได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้าชาวไทยเหมือนเช่นเคย โดยเฉพาะอัตราเร่งและ
ความประหยัดน้ำมันที่มาควบคู่กัน

ส่วน S-Class ใหม่ W222 เผยโฉมกันเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2013 และเว็บไซต์
ของเรา ได้เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนกลุ่มแรกของโลก ที่ได้ไปทดลองขับถึง Toronto
Canada ช่วงเดือนกรกฎาคม ก่อนการเปิดตัว S400 HYBRID รุ่นนำเข้าทั้งคัน CBU
ในบ้านเรา เมื่อเดือนกันยายน 2013 ปิดท้ายด้วย การเปิดตัว GL-Class SUV 7 ที่นั่ง
ขนาดยักษ์ ในงาน Motor Expo ส่งท้ายปีเก่ากันไป

แต่ในปี 2014 นี้ ค่ายรถยนต์ตราดาว เตรียมจัดหนัก บุกตลาดเต็มพิกัด ในทุกกลุ่ม
ตลาด เริ่มจาก การนำเข้า GLA-Class มาเปิดตัวในบ้านเรา เดือนกุมภาพันธ์ นี้
พร้อมกันกับ A45 AMG เวอร์ชันแรงที่สุดในตระกูล A-Class ยุคใหม่ ที่จะส่ง
ตรงมาถึงเเมืองไทย ในเวลาไล่เลี่ยกัน

ในช่วงเดือนมีนาคม เราอาจจะได้เห็น C-Class ใหม่ W205 เวอร์ชันไทย เปิดตัว
ตามเกาะติดตลาดโลก ชนิดเกาะรถไฟเหาะ กลางงาน Bangkok Motor Show
โดยเปนรุ่น นำเข้าทั้งคัน CBU ก่อนในช่วงแรก จากนั้น ทิ้งช่วงไปราวๆ ปลายปี
จึงจะมีรุ่นประกอบในประเทศตามออกมาให้ได้จับจองกันในราคาย่อมเยา โดยใช้
ขุมพลัง ร่วมกันกับ A-Class นั่นละ แต่ถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งเชื่อมกับ
กับระบบขับเคลื่อนล้อหลังได้ และคราวนี้ เราอาจจะได้สัมัส เวอร์ชัน Hybrid
ใน C-Class เป็นครั้งแรกอีกด้วย แต่นั่นคงต้องรอหลังเปิดตัวไปสักพักใหญ่

รวมทั้ง อาจจะมีการเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษ ให้กับ ML-Class ในรูปแบบ Sport
version AMG Dynamic เอาใจคนที่อยากได้ SUV ขนาดกลาง แต่ต้องการ
Option แบบจัดเต็มที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ในราคาไม่แพงนัก

ส่วน เศรษฐีคนใด ที่รอ S-Class ประกอบในประเทศ เชื่อว่า S300 Hybrid
น่าจะพร้อมเปิดให้จับจองเป็นเจ้าของกัน ช่วงไตรมาส 3 ของปี 2014 นี้
และอาจจะมีรุ่นย่อยอื่นทะยอยเปิดตัวตามมา ในปีถัดๆไป

ย่างเข้าปี 2015 ค่ายดาวสามแฉก เตรียมเผยโฉม GLK-Class ใหม่ทั้งคัน
Full Modelchange คราวนี้ พวกเขาตั้งใจจะพารถคันนี้ ออกสู่ตลาดโลก
ให้ไกลยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น โอกาสที่จะมาเมืองไทย ก็มีสูงตามไปด้วย
และเมื่อถึงปี 2016 ก็จะได้เวลาที่ E-Class รุ่นปัจจุบัน เตรียมตกรุ่นกัน
ได้แล้ว เพราะรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ Full Modelchange กำลังเริ่มทดสอบ
ในยุโรปแล้ว คาดว่า เราอาจจะได้เห็นรูปโฉมคันจริง ในช่วงก่อนสิ้นปี
2015 จนถึงต้นปี 2016 ตามธรรมเนียมการเปิดตัว E-Class ใหม่ ที่มัก
ใช้ช่วงเวลาสิ้นปี ในการเผยภาพคันจริง มาแล้วหลายเจเนอเรชัน

——————————————

MG-SAIC
2014 : START with MG6
2015 : New SUV

ผู้ผลิตรถยนต์ เชื้อชาติอังกฤษ สัญชาติจีน รายนี้ ปากฎชื่อเข้ามาอยู่ในทำเนียบรถยนต์
เปิดตัวในเมืองไทย ปีนี้ เป็นครั้งแรก เหตุที่บอกว่า เป็นเชื้อชาติอังกฤษ สัญชาติจีน นั้น
เพราะว่า MG มีประวัติศาสตร์มายาวนานมาก ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์อังกฤษที่ก่อตั้งขึ้น
ในปี 1924 โดยชื่อ MG นั้นหมายถึง Morris Garages ดีลเลอร์ของ Morris Motors ใน
Oxford  พวกเขาชำนาญในการสร้างรถสปอร์ตน้ำหนักเบา ขับสนุก แต่ MG ล้มลุก
คลุกคลานมาตลอดเกือบ 40 ปี หลังจากถูกยุบรวมเข้าไปอยู่กับกลุ่ม British Leyland
ตามด้วยการเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น Austin Rover และ Rover Group ในช่วงทศวรรษ
1990 จนเคยตกไปเป็นกิจการของกลุ่ม British Aerospace อยู่พักใหญ่

1 กุมภาพันธ์ 1994 BMW Group ซื้อกิจการ Rover Group รวมทั้ง MG และ Mini
เข้าไปด้วยยกแผง แต่ทนบริหารงานอย่างขาดทุนต่อไปไม่ไหว เลยเลือกเก็บ Mini
ไว้ แล้วแยกขาย Land Rover ให้ Ford ก่อนจะขาย Rover และ MG ให้กับกลุ่ม
นักลงทุน Phoenix Venture ในปี 2000 ต่อมา เกิดเรื่องอื้อฉาวด้านการดำเนินงาน
จนต้องให้กลุ่มนักลงทุนจากจีน Nanjing Automobile Group ซื้อกิจการ Rover
และ MG ไปเมื่อ 22 กรกฎาคม 2005 และต่อมา ก็กลายเป็นกิจการร่วมทุนในเครือ
ของ SAIC (Shanghai Automotive Industry Corporation) ผู้ผลิตรถยนต์
รายใหญ่สุดของจีน

วันนี้ MG-SAIC ตั้งใจจะสยายปีก มายังเมืองไทย เพราะมองเห็นช่องทางใน
การตั้งฐานการผลิตที่เมืองไทย เพื่อหวังจะส่งรถยนต์ออกสู่ตลาด ASEAN
Australia และ New Zealand โดยอาศัยความประณีตของแรงงานช่างฝีมือ
ชาวไทย ช่วยสร้างคำร่ำลือ ด้านคุณภาพการประกอบรถยนต์ MG ให้ดีขึ้น
ในสายตาชาวโลก

หลังจากเตรียมการมาได้พักใหญ่ MG-SAIC จึงจับมือกับ พันธมิตรยักษ์ใหญ่
ธุรกิจมในไทยอย่าง เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP จัดงานแถลงข่าวการมา
ลงทุนในบ้านเรา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2013 ที่ผ่านมา

ทั้งคู่ร่วมกันตั้งบริษัท SAIC Motor -CP จำกัด สัดส่วนถือหุ้น จีน 51% ไทย
49% โดยลงทุนกว่า 90,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ ในนิคม
อุตสาหกรรมเหมราช Eastern Seaboard รวมทั้งเตรียมแต่งตั้งโชว์รูมพร้อม
ศูนย์บริการกว่า 30 ราย ครอบคลุม กรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ

รถยนต์รุ่นแรกที่พวกเขาตั้งใจจะนำมาประกอบขายในบ้านเรา วิ่งทดสอบ
กันมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2013 แล้ว นั่นคือ MG6 ทั้งตัวถัง Sedan 4 ประตู
และ Hatchback 5 ประตู รถยนต์รุ่นนี้ ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ
2000 และเริ่มผลิตครั้งแรก ณ โรงงาน Longbridge ในอังกฤษ เมื่อวันที่
13 เมษายน 2011 นับจากนั้นมา ก็มีการปรับปรุงสมรรถนะอยู่เรื่อยๆ
มีขุมพลังให้เลือก 2 ขนาด คือ เบนซิน 1.8 ลิตร Turbo และDiesel
1.9 ลิตร Turbo

หลังจากเริ่มจัดแสดงบูธในงาน Motor Expo เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
พวกเขากำลังเตรียม วางแผนเปิดตัว แบรนด์ อย่างเป็นทางการ และเริ่ม
ทำตลาดจริงจัง ส่งมอบรถยนต์คันแรกถึงมือลูกค้า ในเดือนพฤษภาคม
ถึง มิถุนายน 2013 นี้

Previous Post

N2608023_เก ดเป นแฟนเช_part2

Next Post

N2608019_แย_งผลงานไม_พอ แถมย_งทำต_วท_เรศ_1467632911072898_part2

Next Post
N2608019_แย_งผลงานไม_พอ แถมย_งทำต_วท_เรศ_1467632911072898_part2

N2608019_แย_งผลงานไม_พอ แถมย_งทำต_วท_เรศ_1467632911072898_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.