• Sample Page
Film
No Result
View All Result
No Result
View All Result
Film
No Result
View All Result

N2908022_ล าเด นออกมาก พอ หน งส อส งคม. (1)_part2

admin79 by admin79
August 26, 2025
in Uncategorized
0
N2908022_ล าเด นออกมาก พอ หน งส อส งคม. (1)_part2

หลังจากขั้นตอนสุดท้ายของการพัฒนาและทดสอบเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ภาพ Teaser แรกของ Mercedes-Benz A-Class Hatchback ถูกปล่อยออกมา เผยให้เห็นดีไซน์ด้านหน้าตรงของรถยนต์รุ่นใหม่ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับรุ่นพี่ CLS อย่างชัดเจน ก่อนงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก (World Premiere) จะถูกจัดขึ้นที่กรุง Amsterdam ประเทศเนเธอแลนด์ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2018

จากนั้น รถยนต์ต้นแบบ Mercedes Concept A Sedan ซึ่งเป็นร่างจำแลงของ Mercedes-Benz A-Class Sedan ถูกนำไปเผยโฉมเป็นครั้งแรก เคียงคู่กับเรือธงรุ่นใหญ่ Mercedes-Benz S-Class รุ่นปรับโฉม Facelift ที่งาน Shanghai Auto Show ในกรุงเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2017 เพื่อแสดงถึงแนวทางการออกแบบ A-Class Sedan ตลอดจนเป็นการหยั่งเชิงกระแสตอบรับจากลูกค้า ที่มีต่อกลยุทธ์การทำตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กของ Mercedes-Benz

เวอร์ชันผลิตขายจริงของ Mercedes-Benz A-Class Sedan เริ่มต้นเผยโฉมครั้งแรก ด้วยรุ่นฐานล้อยาว (Z177) ที่สร้างขึ้นสำหรับผลิตและทำตลาดเฉพาะประเทศจีนเท่านั้น เป็นอันดับแรก เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2018 จากนั้น A-Class Sedan รุ่นฐานล้อปกติ ก็เปิดตัวตามมาในภายหลัง เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2018 ซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เพราะนอกจากระยฐานล้อ รวมถึงความยาวของบานประตูคู่หลังที่สั้นลง ดีไซน์รอบคัน แทบไม่ต่างจากรุ่นฐานล้อยาวเวอร์ชันจีนเลยแม้แต่นิดเดียว

ส่วนบ้านเรานั้น Mercedes-Benz (Thailand) ได้จัดงานแถลงข่าวเปิด A-Class Sedan อย่างเป็นทางการ ที่โรงแรม The Okura Prestige Bangkok ย่านปทุมวัน ในช่วงค่ำของวันที่ 22 สิงหาคม 2019 เป็นการนำเข้ามาจำหน่ายทั้งคันแบบ CBU จากโรงงานในประเทศ Mexico มีเพียงรุ่นย่อยเดียวให้เลือก นั่นคือ A 200 AMG Dynamic (AMG Optical) ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร Turbocharger 163 แรงม้า (PS) 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า ราคาจำหน่าย 2,490,000 บาท

หลังจากทำตลาดในบ้านเราไปได้ซักพักหนึ่ง ตามธรรมเนียมของรถยนต์ Mercedes-Benz ในบ้านเราที่ต้องมีรุ่น CKD เข้ามาทำตลาด ทำให้ภาษีถูกลง สามารถทำราคาจำหน่ายให้ถูกตามไปด้วย หรือ สามารถติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มขึ้นจากรุ่น CBU ในราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งในกรณีของ A200 Sedan AMG Dynamic ครั้งนี้ เป็นการนำชิ้นส่วนจากโรงงานในประเทศ Mexico เข้ามาประกอบที่โรงงาน Thonburi Automotive Assembly Plant (TAAP) จังหวัดสมุทรปราการ เปิดตัวในประเทศไทยไปสดๆ ร้อนๆ พร้อมกันกับรุ่นเปลี่ยนโฉม Full Modelchange ของ GLA (เจเนอเรชันที่ 2) รุ่นประกอบในประเทศ เวอร์ชันไทย ณ โรงแรม Four Season ย่านเจริญกรุง เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา

ความแตกต่างของ Mercedes-Benz A200 Sedan AMG Dynamic รุ่นนำเข้าทั้งคัน (CBU) และ รุ่นประกอบในประเทศ (CKD) มีดังนี้

– เพิ่มระบบกุญแจรีโมท KEYLESS-GO
– เปลี่ยนจากยาง Runflat มาใช้ยางแบบปกติ และติดตั้งชุดปะยางฉุกเฉิน Tirefit มาให้แทน
– เปลี่ยนระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ลดทอนลงมาเป็นแบบ Single Zone
– ตัดช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังออก
– ตัดระบบไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive High-beam Assist ออก
– ยกเลิกสีตัวถังภายนอก สีขาวเซรามิก Digital White และสีแดง Jupiter Red

ส่งผลให้ราคาจำหน่ายถูกลง 340,000 บาท จาก 2,490,000 บาท เหลือ 2,150,000 บาท

นอกจากนี้ ยังเพิ่มทางเลือกรุ่นเริ่มต้น A200 Sedan Progressive ที่มาพร้อมเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแบบเดียวกับรุ่น AMG Dynamic ทว่าภายนอก และภายในห้องโดยสาร ถูกตกแต่งแบบธรรมดา เน้นความเรียบหรู และตัดอุปกรณ์บางรายการออกไป อาทิ หน้าจอชุดมาตรวัดแบบ Digital ขนาด 10.25 นิ้ว จนสามารถตั้งราคาจำหน่าย 1,990,000 บาท ครองตำแหน่งรถยนต์ Mercedes-Benz ที่ออกจำหน่ายในบ้านเรา ที่มีราคาค่าตัวต่ำกว่า 2,000,000 บาท แทนที่ A180 Style รุ่นที่แล้ว (W176) ที่เปิดตัวเมื่อปี 2015

มิติตัวถัง / Dimension

Mercedes-Benz A 200 Sedan AMG Dynamic มีมิติตัวถังภายนอก ยาว 4,556 มิลลิเมตร กว้าง 1,796 มิลลิเมตร สูง 1,425 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว (Wheelbase) 2,729 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า (Front Track) 1,567 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง (Rear Track) 1,547 มิลลิเมตร พื้นที่หน้าตัดด้านหน้า (Frontal Area) 2.19 ตารางเมตร ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ Cd อยู่ที่ 0.22

เมื่อเปรียบเทียบกับคู่หูร่วมชายคาตราดาว ที่ใช้ Platform ร่วมกันอย่าง Mercedes-AMG CLA 35 4MATIC ซึ่งมีมิติตัวถังภายนอก ยาว 4,695 มิลลิเมตร กว้าง 1,834 มิลลิเมตร สูง 1,404 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,729 มิลลิเมตร จะพบว่า A 200 Sedan AMG Dynamic สั้นกว่า 139 มิลลิเมตร แคบกว่า 38 มิลลิเมตร แต่เตี้ยกว่า 21 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวเท่ากัน

รูปลักษณ์ภายนอก / Exterior

รูปลักษณ์ภายนอกด้านหน้าของรุ่น AMG Dynamic มาพร้อมกระจังหน้า Diamond Grille พร้อมโลโก้ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ แต่ไร้ดาวลอย ชุดไฟหน้าเป็นแบบ LED High-performance ที่โดนถอดระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive High-beam Assist ออกไป เปลือกกันชนหน้านอกจากจะมาพร้อมมาดสปอร์ต ตามสไตล์ AMG Dynamic แล้ว ยังมีช่องรีดอากาศจากด้านหน้าไปยังซุ้มล้อคู่หน้า ซึ่งจะแตกต่างจากรุ่น Progressive ที่เน้นไปทางเรียบหรู นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยแถบโครมเมียมบริเวณชายขอบด้านล่างมาให้ด้วย

ด้านข้างตัวรถมีการออกแบบแนวหลังคาให้มีความเป็น 3-box Design มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้บุคลิกด้านข้างของตัวรถนั้น แม้จะยังคงมีความเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่เป็นวัยรุ่นที่ผ่านโลกมาประมาณหนึ่งแล้ว กรอบกระจกหน้าต่างตกแต่งด้วยแถบโครมเมียม มือจับเปิดประตูเป็นสีเดียวกับตัวรถ เส้น Shoulder line และเส้น Character line ที่ไม่ได้มีเหลี่ยมสันชัดเจนนัก แต่ก็พอจะช่วยให้ด้านข้างตัวรถมีมิติเมื่อมีแสงจากภายนอกมาตกกระทบ ช่วยเสริมให้มีความพริ้วไหว ไม่หนักแน่นจนเกินไป

บั้นท้ายรถ ติดตั้งชุดไฟท้ายแบบ Full-LED ซึ่งโดดเด่นด้วยไฟหรี่แบบ Y-Shaped แนวนอน ช่วยทำให้รถยนต์ไซส์ Compact อย่าง A-Class Sedan นั้น ดูกว้างและแบนขึ้นมาอีกเล็กน้อย เปลือกกันชนท้ายมาพร้อมแผงไฟทับทิมเรืองแสงสีแดงแนวนอน ชายด้านล้างเป็นพลาสติกสีดำ แบบมีครีบดิฟฟิวเซอร์ในตัว เสริมด้วยแถบโครเมียม พร้อมปลายท่อไอเสียปลอม (ส่วนปลายท่อจริง ให้ก้มดูที่ ใต้เปลือกกันชนหลัง ฝั่งขวา)

ล้ออัลลอยเป็นลายดาว 5 ก้านคู่ สีทูโทน ปัดเงา ขนาด 18 นิ้ว เฉพาะรุ่น AMG Dynamic กึ่งกลางเป็นสัญลักษณ์ดาว 3 แฉก พร้อมลายช่อมะกอก รัดด้วยยาง Continental EcoContact6 ขนาด 225/45 R18 แบบธรรมดา จากเดิมที่รุ่นนำเข้าทั้งคัน (CBU) ใช้ยาง Continental ContiSportContact5 ขนาด 225/45 R18 แบบ Run-flat หรือยาง Hankook Ventus S1 Evo2 ขนาด 225/45 R18 แบบ Run-flat

สัดส่วนของตัวรถโดยรวมทำให้รถยนต์รุ่นนี้ก้าวเข้ามาเป็นน้องเล็กของตระกูล Sedan ค่ายดาวสามแฉก ที่เห็นได้ชัดว่า เป็นการนำเอางานออกแบบที่ดูงามสง่า (Elegance) แต่แฝงความอ่อนเยาว์ เอาใจวัยรุ่น สืบเนื่องจาก Sedan ท้ายลาดรุ่นใหญ่ อย่าง CLS ย่นย่อลงมาอยู่ใน A-Class Sedan ก็พอจะเสริมความชิค ความเฉี่ยว ในแบบที่ลูกค้าทุกวัยน่าจะชื่นชอบได้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ระบบกลอนประตูเป็นรีโมท KEYLESS-GO พร้อมกุญแจ Wave key แบบฝั่งไว้ด้านในตัวรีโมท เมื่อพกกุญแจเดินเข้าใกล้รถ แล้วเอื้อมไปจับมือเปิดประตู ระบบจะปลดล็อกให้อัตโนมัติ และหากต้องการสั่งล็อกประตู ก็สามารถทำได้โดยใช้นิ้วแตะที่ช่องสี่เหลี่ยมด้านข้างมือจับประตูทั้ง 4 บาน หรือจะกดปุ่มล็อก – ปลดล็อก จากกุญแจรีโมทก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบสวิตช์ปลดล็อกฝาท้าย และระบบ Immobilizer ฝังมาให้ด้วยเสร็จสรรพ

ภายในห้องโดยสาร / Interior

การเข้า – ออกจากช่องประตูคู่หน้า อาจต้องใช้ความระมัดระวังสักหน่อย ขอแนะนำว่าควรปรับเบาะนั่งลงไปก่อน อาจจะไม่ต้องปรับลงไปในตำแหน่งต่ำที่สุด แต่ควรกดเบาะลงต่ำเท่าที่จะเหมาะสมกับระดับความสูงของคุณ เพื่อลดโอกาสการเกิดปัญหาศีรษะชนขอบเสากรอบช่องประตูด้านบน และตอนลุกออกจากรถนั้น อาจต้องใช้แรงในการยกร่างของคุณขึ้นมายืนตรง มากสักหน่อย มากพอกันกับรถสปอร์ตขนาดเล็กบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ

ถึงกระนั้นก็เถอะ ช่องทางเข้า-ออก ของ A200 ยังกว้าง และมีมุมโค้งเว้าที่ยังพอจะเอื้ออำนวยให้คุณหย่อนก้นลงนั่ง หรือลุกออกมาจากตำแหน่งคนขับ ได้สะดวกกว่า CLA รุ่นเดิม CLA รุ่นล่าสุด ไปจนถึง BMW 220i Gran Coupe อย่างชัดเจน

แผงประตูคู่หน้าเป็นวัสดุบุนุ่มสีดำ ในรุ่น AMG Dynamic จะเป็น trim การตกแต่งสไตล์สปอร์ต ใช้วัสดุอะลูมิเนียมผิวด้าน (Light Longitudinal-grain Aluminum) บริเวณพนักวางแขนบุฟองน้ำ หุ้มด้วยผ้า DYNAMICA microfibre ตัดเย็บด้วยด้ายสีแดง สามารถวางท่อนแขนได้ในระดับพอดี จนถึงข้อศอก

มือจับประตูด้านในเป็นวัสดุชุบโครเมียม แผงประตูส่วนล่างเป็นพลาสติกขึ้นรูป มีช่องเก็บของและช่องวางขวดน้ำดื่มขนาด 7 บาท มาให้ นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟสัญลักษณ์สีแดง และไฟส่องสว่างสีเหลืองอำพัน ซึ่งจะติดขึ้นทันทีเมื่อเปิดประตูรถ มาให้ด้วย

เบาะนั่งคู่หน้า ถูกห่อหุ้มด้วยวัสดุหนัง ARTICO สีดำ สลับกับผ้า DYNAMICA Microfibre เดินตะเข็บด้ายสีแดง เบาะนั่งฝั่งคนขับสามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบปรับดันหลัง (Lumbar Support) แบบไฟฟ้า และมีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง 3 ตำแหน่ง ส่วนเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า เป็นแบบปรับด้วยมือได้ 8 ทิศทาง ด้วยก้านคันโยก และสวิตช์มือหมุน พนักพิงศีรษะของเบาะนั่งคู่หน้าทั้ง 2 ฝัง สามารถปรับระดับการดันศีรษะได้ตามความต้องการ ด้านหลังพนักพิงหลังเบาะคู่หน้ามีช่องตาข่ายเก็บนิตยสารมาให้

เบาะนั่งมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก พนักพิงหลังรองรับแผ่นหลังได้ดีตามสมควร ด้านบนของพนักพิงหลัง รองรับช่วงสะบักหัวไหล่ได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเบาะรองนั่ง ทั้ง 2 ฝั่ง สามารถดึงส่วนต่อขยาย เพิ่มความยาวออกมาให้รองรับช่วงต้นขาได้ถึงขาพับเลยทีเดียว ดังนั้น ใครชอบเบาะรองนั่ง สั้นหรือยาว ก็สามารถเลือกปรับระยะได้เองตามใจชอบ

ปีกด้านข้างของพนักพิง และปีกข้างของเบาะรองนั่ง มีความสูงพอประมาณ แต่ไม่ถึงกับโอบกระชับลำตัว การปรับท่านั่งให้เหมาะสมกับสรีระคนขับ ทำได้ง่าย พนักพิงศีรษะเป็นแบบปรับระดับสูง – ต่ำ และปรับระดับความดันกบาลได้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ Mercedes-Benz ตัดสินใจไม่เอาเบาะนั่งทรง Bucket Seat และพนักพิงศีรษะ Built-in แบบเดียวกันกับ CLA รุ่นที่แล้ว ที่ดันกบาลชิบหายวายป่วง มาติดตั้งให้ใน A200 Sedan รุ่นนี้ ตัวพนักศีรษะเองเสริมฟองน้ำให้แน่นหนาพอสมควร เกือบๆจะแข็งหน่อยๆ

ทว่าตำแหน่งการติดตั้งพวงมาลัยที่เยื้องไปทางซ้ายเพียงนิดเดียว ก็ยังคงเป็นปัญหาสำหรับ Mercedes-Benz หลายๆ รุ่น รวมถึง A-Class Sedan คันนี้ด้วยเช่นกัน ปัญหานี้ทำให้ผมรู้สึกปวดลำตัวฝั่งขวาตั้งแต่ใต้รักแร้ลงมาถึงสะโพก ในขณะนั่งขับขี่ทางไกล เป็นเวลานาน ราวๆ 3 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น

เข็มขัดนิรภัยเบาะคู่หน้า เป็นแบบ ELR 3 จุด ทั้ง 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner & Load  Limiter) มีระบบเตือนรัดเข็มขัดนิรภัยมาให้ แต่ไม่สามารถปรับระดับสูง – ต่ำ ให้เข้ากับสรีระร่างกายของผู้ขับขี่แต่ละคนได้ ทั้ง 2 ฝั่ง เพราะวิธีคิดของวิศวกร Mercedes-Benz มองว่า ผู้ขับขี่ต่างหากที่จะต้องปรับตำแหน่งของเบาะให้สูง – ต่ำ สมดุล กับตำแหน่งเข็มขัดนิรภัย

ช่องทางเข้า – ออก มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก ตามปกติของรถยนต์นั่งขนาดเล็กเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้น การลุกเข้า – ออก ภายในห้องโดยสารตอนหลัง ทำให้ง่ายดายกว่า และมีโอกาสเสี่ยงที่ศีรษะจะไปกระแทกเข้ากับขอบช่องประตูด้านบน น้อยกว่า CLA รุ่นเดิม CLA รุ่นปัจจุบัน รวมทั้ง BMW 220i Gran Coupe ใหม่ อยู่พอสมควร

แผงประตูคู่หลังเป็นวัสดุบุนุ่มสีดำ กระจกหน้าต่างไฟฟ้า สามารถกดเลื่อนลงมาจนสุดขอบรางด้านล่างได้ บริเวณพนักวางแขนบุฟองน้ำ หุ้มด้วยผ้า DYNAMICA microfibre ตัดเย็บด้วยด้ายสีแดง มือจับประตูด้านในเป็นวัสดุชุบโครเมียมเช่นเดียวกันกับด้านหน้า แต่ไม่มีการตกแต่งด้วยวัสดุอะลูมิเนียมผิวด้าน (Light Longitudinal-grain Aluminum) มาให้

ด้านหลังช่องเก็บของที่เชื่อมต่อจากคอนโซลกลาง จากเดิมที่เคยเป็นตำแหน่งติดตั้งช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง บัดนี้กลายมาเป็น slot ช่องเก็บของขนาดเล็กแทน แต่ด้านล่างยังมี USB Port type C สำหรับเสียบชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า 5 โวลต์ แบบพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน มาให้เหมือนเดิม

เหนือช่องทางเข้าบานประตูคู่หลังทั้ง 2 ฝั่ง มีมือจับ ศาสดา ยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อภัย (จากความบ้าระห่ำของคนขับ) กำลังจะมาถึง ติดตั้งมาให้

เบาะนั่งด้านหลังเป็นวัสดุหนัง ARTICO สีดำ สลับกับผ้า DYNAMICA Microfibre เดินตะเข็บด้ายสีแดง เช่นเดียวกับเบาะนั่งคู่หน้า พนักพิงหลังสามารถแยกพับได้ในอัตราส่วน 40 : 20 : 40 เมื่อต้องการบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวเกิน 1 เมตร ด้วยคันโยกที่ติดตั้งมาให้เหนือห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง พนักพิงศีรษะแบบปรับระดับสูง – ต่ำได้ ก็ถูกติดตั้งมาให้ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง

เบาะรองนั่งเมื่อดูจากสายตาจะพบว่ามันมีความยาวกำลังเหมาะสม จนกระทั่งหย่นก้นลงไปนั่ง จะรู้สึกได้ว่าเบาะรองนั่งส่วนปลายที่ถูกยืดยาวออกมานั้น ค่อนข้างเตี้ยและแบน มุมเงยน้อยมากๆ ซึ่งเป็นผลจากความพยายามในการออกแบบให้พื้นที่เหนือศีรษะยังคงพอมีเหลือ หวังให้ศีรษะของผู้โดยสารด้านหลังไม่ชนกับเพดานหลังคา แต่ผลที่ตามมาก็คือ ผมต้องนั่งชันเข่าอยู่ตลอดเวลา โดยไม่มีส่วนที่เข้ามารองรับต้นขา ทั้งในขณะนั่งโดยสารใกล้ หรือไกล เลยแม้แต่นิดเดียว

สิ่งที่พอจะทำให้ผมยอมนั่งเบาะหลังของรถคันนี้ จนลืมเบาะรองนั่งอันต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปสักพักใหญ่ๆ ก็ถือ พนักพิงหลังที่มีระดับองศาเอนกำลังเหมาะสม ไม่ชันเป็นหน้าผาให้อิดหนาระอาใจ แต่ก็ไม่ลาดสะใจเท่า S-Class (ก็แหงสิ) รองรับแผ่นหลัง ไปจนถึงช่วงหัวไหล่หรือสะบัก ได้ค่อนข้างดี ไม่มีส่วนไหนที่นูนขึ้นมา หรือเว้าหายไป ส่วนพนักศีรษะเอง ก็มาในสไตล์เดียวกับเบาะคู่หน้า คือเสริมด้วยฟองน้ำแบบแน่นหนา เกือบแข็ง อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

ที่สำคัญ เมื่อปรับเบาะนั่งคู่หน้าให้อยู่ในตำแหน่งที่ผมนั่งขับ ซึ่งใกล้เคียงกับท่านั่งของพี่ J!MMY ทว่าอาจมีความสูงต่างกันนิดหน่อย จะมีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารเบาะนั่งเหลืออยู่ราวๆ 10 เซนติเมตร เลยทีเดียว มากกว่า A-Class และ CLA รุ่นที่แล้ว รวมถึงคู่แข่งอย่าง BMW 220i Gran Coupé เช่นกัน สำหรับผมถือว่าทำได้ดีกวาที่คิดเอาไว้ในตอนแรกพอสมควร สำหรับ Compact car คันเล็กอย่างนี้

พนักวางแขนตรงกลางมีมาให้ ระดับความสูงของการติดตั้งกำลังพอดี ไม่สูงและไม่เตี้ยจนเกินไป เมื่อกดส่วนปลายออกมาจะพบกับช่องวางแก้วแบบพับได้ 2 ตำแหน่ง

เข็มขัดนิรภัยเบาะนั่งด้านหลัง เป็นแบบ ELR 3 จุด ทั้ง 3 ตำแหน่ง พร้อมติดตั้งจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก   ISOFIX มาให้ครบทั้ง 2 ฝั่ง ซ้าย – ขวา

ฝาท้ายเป็นแบบธรรมดา ใช้สวิตช์เปิด – ปิดด้วยไฟฟ้า จากทั้งบริเวณรีโมทกุญแจ สวิตช์บริเวณเหนือช่องติดป้ายทะเบียนหลัง และสวิตช์ไฟฟ้า บริเวณแผงประตูฝั่งคนขับ ใกล้กับมือจับประตูด้านใน แต่ไม่มีระบบปิดฝาท้ายด้วยไฟฟ้า รวมทั้งระบบเตะเปิด Kick Sensor มาให้แต่อย่างใด

กระนั้น สปริงที่ติดตั้งมาให้บริเวณขายึดฝาท้ายเข้ากับตัวถัง ก็พอจะช่วยให้ฝาท้ายลอยตัวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างนุ่มนวล ทันทีที่กดสวิตช์ปลดล็อก ปัญหาฝากระโปรงหลังดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เสี่ยงเสยปลายคาง ที่พบใน Mercedes-Benz รุ่นก่อนๆ ได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พื้นที่ของห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ความจุ 420 ลิตร ตามมาตรฐาน VDA เยอรมนี น้อยกว่า CLA ที่มีความจุ 460 ลิตร จากบั้นท้ายที่ยาวกว่า ด้านบนมีไฟส่องสว่างมาให้ ใต้แผ่นปิดพื้นห้องเก็บสัมภาระ เป็นที่อยู่ของช่องซ่อมยางฉุกเฉิน ซึ่งก็พอที่จะช่วยให้รถวิ่งต่อไปได้ ในกรณีที่ยางเกิดความเสียหายไม่มาก หากยางเสียกายหนัก คงต้องเรียกใช้บริการรถยนต์สไลด์ เพื่อพาคุณไปยังศูนย์บริการ หรือร้านยางในระแวกใกล้เคียง อยู่ดี

แผงหน้าปัด มองจากดาวอังคาร ก็รู้ทันทีว่าเป็น Mercedes-Benz ! ทั้งชุดมาตรวัดแบบดิจิตอล ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอแสดงผลตรงกลาง ขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งถูกรวมเป็นชุดเดียวกัน ราวกับเป็น iPhone 20 ในโลกอนาคต รวมไปถึงช่องแอร์วงกลมแบบ Jet Turbine 5 ช่อง และแผงสวิตช์ควบคุมแบบ Piano Touch ซึ่งเป็นธีมการออกแบบภายในห้องโดยสารของ Mercedes-Benz หลายรุ่น ก็มาโผล่ใน A200 Sedan คันนี้ด้วยเช่นกัน

จุดเด่นของแผงหน้าปัดของ A200 Sedan คือ มันมีความ simplify แม้จะหาปุ่มกดที่ต้องการยากไปสักหน่อยในการใช้งานครั้งแรก แต่เมื่อหาเจอ หรือคุ้นชินกับมันแล้ว การใช้งานก็ถือว่า easy to operate กว่าแผงหน้าปัดของ Mercedes-Benz รุ่นอื่นๆ

นอกเหนือจากดีไซน์การออกแบบ และการจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของ Mercedes-Benz คันนี้ก็คือ การเลือกใช้วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร อาทิ ช่องแอร์ทั้ง 5 ตำแหน่ง และวัสดุบนแผงหน้าปัด แบบสีเงินด้าน Hairline Aluminum ซึ่งช่วยให้การสะท้อนแสงของไฟบรรยากาศภายในห้องโดยสารของรถคันนี้ ที่มีให้เลือกมากมายถึง 64 เฉดสี มีความอลังการดาวล้านดวง ในแบบที่สาวกดาวสามแฉกที่นิยมความหรูหรา ไฮโซ น่าจะชื่นชอบ และที่สำคัญไม่สว่างจะสะท้อนเข้าตา รบกวนการมองเห็นทัศนวิสัยในยามค่ำคืนด้วย

เมื่อมองขึ้นไปด้านบน จะพบกับไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร และไฟอ่านแผนที่ (ซ่อนอยู่ใต้กระจกมองหลัง) แบบ LED สีเหลืองอำพัน พร้อมช่องเก็บแว่นตา อีกทั้งยังมีสวิตช์ SOS ขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ติดตั้งมาให้ด้วย ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง ติดตั้งม่านบังแดด พร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาเปิด – ปิด และไฟส่องสว่างมาให้

จากฝั่งขวา มาทางฝั่งซ้าย

บานประตูฝั่งคนขับ มีสวิตช์ปรับเบาะนั่งฝั่งคนขับ พร้อมหน่วยความจำเบาะนั่งฝั่งคนขับ และกระจกมองข้าง 3 ตำแหน่ง เหนือมือจับดึงเปิดประตูจากด้านในเป็นสวิตช์ล็อก – ปลดล็อก ถัดลงมาด้านล่างเป็นสวิตช์ควบคุมการเลื่อนขึ้น – ลง ของกระจกหน้าต่างทั้ง 4 บาน แบบ One-touch พร้อมสวิตช์ปรับมุมมองกระจกมองข้าง พร้อมสวิตช์พับกระจกมองข้าง สามารถตั้งโปรแกรมให้กระจกมองข้างพับอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ หรือจะใช้วิธีกดพับเองก็ได้เช่นกัน ถัดลงมาจากพนักวางแขน เป็นสวิตช์ปลดล็อกฝากระโปรงท้าย

ใต้ช่องแอร์ฝั่งขวาคนขับ เป็นที่อยู่ของเบรกมือไฟฟ้า แต่ไม่มีฟังก์ชัน Auto Brake Hold สวิตช์หมุนควบคุมการทำงานของชุดไฟหน้า ปุ่มเปิด – ปิดการทำงานของไฟตัดหมอกหลัง และสวิตช์ปรับระดับความสว่างหน้าจอชุดมาตรวัด

พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ทั้ง เข้า – ออก และ สูง – ต่ำ Telescopic ด้วยก้านคันโยกด้านล่างคอพวงมาลัย วงพวงมาลัยมีขนาดอวบอูมกำลังเหมาะสม จับกระชับมือ ด้านนอกหุ้มด้วยหนังสีดำ ฉลุลายจุด ตัดเย็บเข้ารูปด้วยด้ายสีแดง ก้านพวงมาลัยตกแต่งด้วยโครเมียม สวิตช์บนก้านพวงมาลัยฝั่งขวา สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงผลหน้าจอชุดมาตรวัด และควบคุมการทำงานของระบบควบคุมความเร็วแปรผัน Cruise Control แบบธรรมดา ส่วนฝั่งซ้าย สำหรับควบคุมหน้าจอแสดงผลตรงกลาง ชุดเครื่องเสียง และการรับสาย – วางสาย โทรศัพท์

ก้านควบคุมที่คอพวงมาลัยฝั่งซ้าย สำหรับควบคุมการทำงานของไฟเลี้ยว ควบคุมก้านปัดน้ำฝนที่กระจกบังลมหน้า พร้อมระบบฉีดน้ำล้างทำความสะอาด ส่วนก้านควบคุมที่คอพวงมาลัยฝั่งขวา เป็นคันเกียร์ไฟฟ้าที่ Mercedes-Benz ใช้ในรถทุกรุ่น

ด้านหลังพวงมาลัย มีก้านเปลี่ยนเกียร์ Steering Shift Paddle ติดตั้งมาให้ โดยก้านเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น (+) จะอยู่ฝั่งขวา ส่วนก้านลดเกียร์ลง (-) จะอยู่ฝั่งซ้าย เมื่ออยู่ในโหมด M ระบบจะไม่ตัดการทำงานเข้าเกียร์ D ให้ จนกว่าจะกดก้าน Paddle Shift ฝั่งใดฝั่งหนึ่งค้างไว้

ใต้ช่องแอร์ฝั่งซ้ายคนขับ ใกล้กับแผงควบคุมชุดเครื่องเสียงและเครื่องปรับอากาศ เป็นปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ (Push Start/Stop Engine)

ชุดมาตรวัด เป็นหน้าจอแบบ Full Digital ขนาด 10.25 นิ้ว สามารถแสดงผลเป็นภาษาไทยได้ และปรับ Theme การแสดงผลได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Sport, Progressive และ แบบเรียบง่าย การวางตำแหน่งของหน้าจอพื้นฐาน มี 3 ส่วนหลัก คือ วงกลมฝั่งซ้าย วงกลมฝั่งขวา และบริเวณกึ่งกลางหน้าจอ

วงกลมฝั่งขวา สามารถเลือกแสดงการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็น มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จอแสดงผล ECO แผนที่ 3 มิติ  G-Force Meter ระยะห่างจากรถคันข้างหน้า และมีมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นมาให้ด้านล่าง

วงกลมฝั่งซ้าย ด้านล่างมีมาตรวัดปริมาณนำมันคงเหลือในถัง สามารถเลือกแสดงการทำงานให้เป็น มาตรวัดความเร็ว นาฬิกาแบบอนาล็อก ทริปคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการเดินทาง หรือ การทำงานของชุดเครื่องเสียง ได้

ในขณะที่หน้าจอส่วนกลางนั้น ก็ยังเลือกให้แสดงได้หลากหลายฟังก์ชัน อาทิ โทรศัพท์ การนำทาง การเดินทาง วิทยุ สื่อบันเทิง เป็นต้น ซึ่งในแต่ละฟังก์ชัน จะมีฟังก์ชันย่อยให้แสดงรายละเอียดปลีกย่อยได้อีกขั้น

จากฝั่งซ้าย มาทางฝั่งขวา

เหนือหัวเข่าผู้โดยสารด้านหน้าเป็นกล่องเก็บของ Glove Compartment ขนาดใหญ่พอสมควร หากเอาคู่มือผู้ใช้รถ และเอกสารประจำรถออกทั้งหมด คุณสามารถยัดกล้อง Canon Powershot เข้าไปพร้อมๆ กัน 2 ตัว ได้สบายมากๆ แถมด้านในมีไฟส่องสว่างมาให้

แผงพลาสติก Trim รอบช่องแอร์ ยาวมาจนถึงแผงสวิตช์ Piano Touch ด้านล่าง และปุ่มควบคุมหน้าจอกลางแบบสัมผัส Touchpad รวมทั้ง ช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง เป็นสีดำเงา Piano Black ซึ่งอาจต้องดูแลรักษาให้ดีนิดนึง เพราะมันพร้อมเกิดรอยนิ้วมือและรอยขนแมวอันเกิดจากฝุ่นได้ง่ายมาก

หน้าจอตรงกลางที่เชื่อมต่อจากชุดมาตรวัด ก็เป็นหน้าจอ Monitor Touch Screen ขนาด 10.25 นิ้ว ควบคุมได้ทั้งการสัมผัสที่หน้าจอ และควบคุมผ่าน Touchpad บริเวณคอนโซลกลาง มีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ได้แก่ โทรศัพท์ ระบบนำทาง วิทยุ สื่อบันเทิง ไฟเรืองแสงภายในรถ ข้อมูลตัวรถ Mercedes me และแอปพลิเคชันต่างๆ รวมทั้งการตั้งค่าของระบบต่างๆในตัวรถ

ชุดเครื่องเสียงเป็นแบบมาตรฐาน ประกอบด้วยวิทยุ AM/FM มีช่อง USB และรองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือไร้สาย Bluetooth รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง “Hey Mercedes” และระบบแผนที่นำทางผ่านดาวเทียม Hard-disk Navigation System แบบ 3 มิติ

คุณภาพเครื่องเสียงเมื่อปรับเป็นค่ามาตรฐาน ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง การเก็บรายละเอียดของเสียงยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก วิธีที่พอจะทำให้เสียงที่ออกมาจากชุดเครื่องเสียงตัวนี้มีคุณภาพที่ดีสุดคือ ปรับอีควอไลเซอร์เสียงกลาง และเสียงเบส ให้เต็มปรอทไปเลย แล้วปรับเสียงแหลมให้อยู่ในระดับต่ำเข้าไว้ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด หากไม่อยากโมดิฟายชุดลำโพงเพิ่มเติมให้สูญเงินในกระเป๋า

นอกจากนี้ ยังมีระบบเชื่อมต่อรถยนต์กับมือถือสมาร์ทโฟน Mercedes me connect ซึ่งมาพร้อมกับแอปพลิเคชันบนมือถือ มีทั้งฟังก์ชันโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Call System) วิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagonostics การตั้งค่ารถยนต์ รวมถึงฟังก์ชันสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเปิดระบบปรับอากาศ ด้วยเช่นกัน

เครื่องปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ Single Zone ไม่สามารถแยกปรับอุณหภูมิซ้าย – ขวาได้ เหมือนอย่าง เวอร์ชันนำเข้า CBU ที่เพิ่งเลิกจำหน่ายไป แต่ก็มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล เหมือนกัน ภาพรวมแล้วยังให้ความเย็นเร็วในระดับปานกลาง อาจจะเย็นไม่เร็วและไม่ถึงกับฉ่ำนักเมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นเจ้าตลาด แต่ก็พอจะช่วยให้คุณเย็นสบายตามสั่ง ในสภาพอากาศร้อนแทบตลอดปีอย่างประเทศไทย

สำหรับใครที่สงสัยว่า การตัดช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังออกไปแล้วนั้น ลมเย็นจะกระจายมาถึงผู้โดยสารบนเบาะหลังด้วยหรือไม่ คำตอบก็คือ เหมือนกับรถเก๋งทั่วๆไปนั่นละครับ ปรับช่องลมตรงกลาง 3 ช่อง ก็มีลมเย็นส่งไปถึงผู้โดยสารด้านหลังได้แล้ว แต่อาจจะไม่สบายเท่าการมีช่องแอร์ด้านหลัง แค่นั้นเอง

ฝั่งซ้ายของลำตัวคนขับ จะเป็นกล่องเก็บของที่เชื่อมต่อจากคอนโซลกลาง ด้านบนเป็นฝาปิดแบบบุฟองน้ำ หุ้มหนังสีดำ ทำหน้าที่เป็นพนักวางแขนตรงกลางสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า เมื่อเปิดฝาปิดแบบกางออก 2 ฝั่งขึ้น จะพบกับพื้นที่เก็บของ ขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็พอจะวางโทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ได้อยู่ แถมด้วยช่องเสียบ USB Port แบบ Type C อีก 1 ตำแหน่ง เสียบชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ หรือจะเสียบ FlashDrive ดึงข้อมูลเพลงมาฟังในรถก็ได้

ส่วนทัศนวิสัยรอบคัน เราไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ แต่ในภาพรวมแล้ว ถือว่า มองทางข้างหน้าได้โปร่งกว่า CLA รุ่นเดิม อย่างชัดเจน ขณะที่เสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar ก็ยังหนา และแอบบดบังการมองเห็นอยู่บ้าง ในขณะเข้าโค้งขวา บนถนนสวนกัน 2 เลน ส่วนทัศนวิสัยด้านหลังนั้น คล้ายกับ CLA แต่มีพื้นที่กระจกหน้าต่าง สูงกว่า กว้างกว่า จึงมองเห็นสภาพรอบคันรถได้โปร่งกว่าชัดเจน

********** รายละเอียดด้านวิศวกรรม และการทดลองขับ **********
*********** Technical Information & Test Drive ************

Mercedes-Benz A-Class Sedan จะแชร์เครื่องยนต์กลไกร่วมกันกับพี่น้องร่วมแพลตฟอร์มขับหน้า MFA2  โดยเวอร์ชันตลาดโลกนั้น มีเครื่องยนต์ให้เลือก 5 รูปแบบ ทั้ง เบนซิน และ Diesel ดังนี้

– A 180d เครื่องยนต์รหัส OM608 Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร 1,461 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 76.0 x 80.5 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.1 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผ้าไหม้ Direct-injection ผ่านราง Commonrail พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger พร้อม Intercooler กำลังสูงสุด 116 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (26.51 ก.ก.-ม.) ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า

– A 200 เครื่องยนต์รหัส M282 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.3 ลิตร 1,332 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 72.2 x 81.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.6 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผ้าไหม้ Direct-injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (25.49 ก.ก.-ม.) ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า

– A 220 เครื่องยนต์รหัส M260 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.5 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผ้าไหม้ Direct-injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 191 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร (30.59 ก.ก.-ม.) ที่ 1,600 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC

– A 250 เครื่องยนต์รหัส M260 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.5 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผ้าไหม้ Direct-injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 224 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร (35.69 ก.ก.-ม.) ที่ 1,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC

– A 250e (EQ Power Plug-in Hybrid) เครื่องยนต์รหัส M282 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.3 ลิตร 1,332 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 72.2 x 81.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.6 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผ้าไหม้ Direct-injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 160 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (25.49 ก.ก.-ม.) ที่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า EQ Boost กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ร่วมกำลังสูงสุดทั้งระบบ 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร (45.88 ก.ก.-ม.) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า

– AMG A 35 เครื่องยนต์รหัส M260 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.1 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผ้าไหม้ Direct-injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharger กำลังสูงสุด 306 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร (40.78 ก.ก.-ม.) ที่ 3,000 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ 7G-DCT SPEEDSHIFT ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC

แต่สำหรับเวอร์ชันไทยจะมีขุมพลังให้เลือกเพียงแบบเดียว นั่นคือรุ่น A 200 ซึ่งมาพร้อมกับ เครื่องยนต์รหัส M282 ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ควมร่วมมือกันระหว่าง กลุ่ม Daimler AG. และกลุ่ม Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance ปัจจุบันนี้ ขุมพลัง M282 นอกจากจะประจำการอยู่ใน A-Class, CLA-Class , GLA-Class และ GLB-Class แล้ว คุณยังสามารถพบเห็นเครื่องยนต์บล็อกนี้ วางอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าของ Renault Clio และ Renault Captur (ภายใต้รหัส H5Ht) รวมทั้ง Nissan X-Trail กับ Nissan Qashqai เวอร์ชันยุโรป (ภายใต้รหัส HR13DDT)

สำหรับ A200 เวอร์ชันไทย M282 DE 14 LA แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.3 ลิตร 1,332 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 72.2 x 81.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.6 : 1 ฉีดจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ Direct-injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged พร้อม Intercooler

เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ใน Mercedes-Benz A 200 รุ่นที่แล้ว แม้รุ่นใหม่จะมีขนาดความจุกระบอกสูบลดลง ทว่าสัดส่วนพละกำลังต่อความจุเครื่องยนต์กลับเพิ่มขึ้นถึง 25% ส่วนหนึ่งมาจากการที่ใช้ระบบอัดอากาศ Turbocharged ที่มีระบบควบคุม wastegate ด้วยไฟฟ้า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมทั้งหมด ห้องเผ้าไหม้ได้รับการพัฒนาเพื่อลดแรงเสียดทานที่อาจก่อให้เกิด loss ในระบบ ด้วยการผนังเสื้อสูบด้วยเคลือบสารพิเศษที่มีชื่อเรียกว่า NANOSLIDE

นอกจากนี้ M282 ยังถือเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง บล็อกแรกของ Mercedes-Benz ที่ติดตั้งระบบ CDS (Cylinder Deactivation System) มาให้ ซึ่งจะหยุดการทำงานของวาล์วไอดดี (Intake) และวาล์วไอเสีย (Exhaust) ที่กระบอกสูบ 2 และ 3 ชั่วคราวโดยอัตโนมัติ ในช่วง partial load รอบเครื่องยนต์ 1,250 – 3,800 รอบ/นาที ขึ้นอยู่กับการกดคันเร่ง และการเรียกใช้กำลังจากเครื่องยนต์ เพื่อช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น และลดการสึกหลอ ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเทคโนโลยีนี้ มักจะพบได้ในเครื่องยนต์ V8 ที่ประจำการอยู่ในบรรดาตัวแรงจากตระกูล Mercedes-AMG

กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (25.49 ก.ก.-ม.) มาเป็น Flat-torque ตั้งแต่ 1,620 – 4,000 รอบ/นาที เติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้แค่ เบนซิน 95 และ Gasohol 95 E10 เท่านั้น ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  (CO2) ที่ระดับ 130 กรัม/กิโลเมตร ตามที่ได้ผ่านการทดสอบและได้ระบุไว้ใน Eco Sticker ตามกฎหมายของรัฐบาลไทย

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Auto Stop & Go สั่งดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่มาจอดติดไฟแดง และติดเครื่องยนต์เองอัตโนมัติ ทันทีที่ผู้ขับขี่ถอนเท้าจากแป้นเบรก มีสวิตช์เปิด-ปิดการทำงานอยู่ใต้สวิตช์ติดเครื่องยนต์ ติดกับช่องแอร์กลาง

Previous Post

N2908021_ประจบเจ านายจนเป นน แล วย งจะมาขอโอกาส หน งส อส งคม._part2

Next Post

N2908025_ป_าข_างบ_านจอมอ_จฉา _ หน_งส__น ส__อส_งคม._710737054920113_part2

Next Post
N2908025_ป_าข_างบ_านจอมอ_จฉา _ หน_งส__น ส__อส_งคม._710737054920113_part2

N2908025_ป_าข_างบ_านจอมอ_จฉา _ หน_งส__น ส__อส_งคม._710737054920113_part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • N2412071 มตรแท แอร พรสวรรค part2
  • N2412073 ฝนท พย หลอกหล part2
  • N2412059 ไม เช อส งท คนอ นพ ดส ดท ายเห นก บตาเส ยใจมาก part2
  • N2412065 โจ ปากแจ วถามก ญแจรถอย ไหน part2
  • N2412067 เม ยเบอร หน งไม เป นรองใคร part2

Recent Comments

No comments to show.

Archives

  • December 2025
  • November 2025
  • October 2025
  • September 2025
  • August 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.