ยามบ่ายแก่ๆ กับท้องฟ้าสีคราม ไร้เมฆที่จะมาลดทอนความรุนแรงของแสงแดด
นี่คือแอฟริกาใต้ ดินแดนที่มีความเจริญสูงสุดแห่งหนึ่งของกาฬทวีป ประเทศที่
เคยมีผู้นำชื่อ Nelson Mandela นั่นเอง และเมืองที่สื่อมวลชนต่างประเทศ พร้อมทั้ง
ทีมงาน Porsche จากเยอรมนี พาเรามาทดสอบรถรุ่นใหม่ของพวกเขานี้ ก็มีชื่อว่า
Cape Town ซึ่งถ้าคุณเอาแผนที่โลกมากาง ก็เอาดินสอจิ้มไปที่ส่วนปลายสุดของ
ทวีปแอฟริกา แล้วเลื่อนดินสอมาทางตะวันตกสัก 3-4 มิลลิเมตร..นั่นล่ะครับคือ
ที่ตั้งของเมืองนี้
สารภาพว่าในช่วงแรกที่ทาง AAS ผู้แทนจำหน่าย Porsche ในไทยเขาโทรมาชวน
ผมก็ถามว่า “ให้ไปขับรถที่ไหน และขับรถรุ่นอะไรครับ?” ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบมาว่า
ยังไม่แน่ใจเรื่องรุ่นรถ แต่ที่แน่ๆคือไปแอฟริกา…เรียนตามตรงว่าขนาด สระอา ยัง
ไม่ทันสิ้นเสียง เพลง Soundtrack เปิดภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง The Lion King
ดังก้องหูแล้วครับ (ยาาาา มะเฮ่งยาาาาา วอลลาบี้ ชิวาว่า – มันร้องแบบนี้มั้ย?)
แล้วจากนั้นผมก็เริ่มวาดภาพตัวเอง ควบ Porsche Cayenne หรือไม่ก็ Macan
ตะบึงแบบฝุ่นตลบ ผ่านหน้าผา Pride Rock แบบในการ์ตูน ควายป่าหยุดเคี้ยวหญ้า
ละมั่งมังผาหยุดกินน้ำ นกนานาพันธุ์โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะที่ลิงเฒ่าชูลูกสิงโต
ขึ้นและมีผู้ชายอ้วนท้วนหน้าตากวนส้น กดคันเร่งพา SUV ผ่านบริเวณนั้น
ไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมึนงงของสรรพสัตว์
..แต่หลังจากวางสายไปสักพัก ผมก็ได้ข้อมูลใหม่มา แล้วก็ถอนหายใจอย่าง
โล่งอก มันไม่ใช่อย่างที่ผมจินตนาการเอาไว้ และห่างไกลจากนั้นมาก!

พวกเขาไม่ได้เชิญผมให้ไปผจญภัยในทะเลทราย แต่ตรงกันข้าม เราจะมา
ลองขับรถกันบนสนามแข่ง และบนถนน โดยงานนี้จะมีพระรองเป็น Porsche
Panamera ซาลูนใหม่ของทางค่ายที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่แล้ว เป็นรถ
ไว้ให้เราขับรอบเมือง เลียบหาด และขับไปสนามแข่ง Killarney Raceway
ที่อยู่นอกตัวเมือง Cape Town ไปราว 45 นาที
และเมื่อถึงสนามแข่ง…ก็จะมีรถรุ่นใหม่ล่าสุดในอนุกรม 911 จอดรอให้เราขับ
ซึ่งก็คือ 911 Carrera GTS
เมื่อทราบกำหนดเดินทางและตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่ไปนัดซ้ำกับใคร ผมก็
ตัดสินใจตอบรับการเดินทางครั้งนี้ เพื่อเติมเต็มความต้องการส่วนที่ขาดหายไป
ของตัวเอง เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2016 Porsche Asia Pacific (PAP) ให้ผม
เดินทางคู่กับพี่สุรมิส เจริญงาม แห่งทีมขับซ่า ไปลอง 991 Carrera S กันที่
สิงคโปร์ ดินแดนแห่งความศิวิไลซ์ใต้สุดคาบสมุทรซึ่งตอบรับพวกเราด้วยฝน
ถนนลื่นๆ การจำกัดความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง กล้องจับความเร็วนับพันตัว
และตำรวจลาดตระเวนทั่วทุกหัวระแหง
จำได้ว่าตอนนั้น ทีมขับซ่า..ก็ซ่าไม่ออก ส่วนทีมขับเสี้ยน (ก็ ku เนี่ยแหละ)
ก็เสี้ยนไม่ได้เช่นเดียวกัน มันจึงเป็นเรื่องคาใจมาเรื่อยๆ
ในเดือนพฤศจิกายน 2016 ทาง PAP ก็จัดงาน Porsche Media Driving
Academy ที่สนามเซปัง ผมกับพี่ฉ่าง อาคม รวมสุวรรณ แห่ง Thairathonline
ก็ได้ไปร่วมงานนั้น แม้ว่าเราจะได้ขับในสนามแข่ง อัดกันเต็มที่ แต่ก็พลาดโอกาส
ที่จะได้ขับ 911 …ไอ้ที่ได้ขับ ก็คือการขับตามฐานต่างๆ ซึ่งก็บอกนิสัยรถได้แค่
เสี้ยวหนึ่ง ยังไม่พอที่จะนำมาเขียนเป็นบทความ
คราวนี้แหละโว้ย! (ผมคิดกับตัวเอง) จะได้สะสางข้อสงสัยทุกอย่างที่เราแบก
ในใจมาครึ่งปีได้เสียที

สิ่งที่ผมยังกังวลอยู่บ้าง ก็คือเรื่องของการเดินทาง และการร่วมทริป สารภาพ
กับท่านผู้อ่านตามตรงว่าแม้ผมจะไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แต่ในหลายครั้งผมมักจะก่อ
วีรกรรมป้ำเป๋อ ไม่ว่าจะเป็นที่สนามบิน หรือในบริเวณที่จัดกิจกรรม ต้องคอยมี
ผู้ใหญ่หรือรุ่นพี่ที่ร่วมทริปคอยกำกับชี้แนะให้ ในครั้งนี้ ผมจะต้องเดินทางคนเดียว
ไม่มีรุ่นพี่สื่อมวลชนไทยท่านอื่นไปเป็นเพื่อน แล้วก็เป็นการนั่งเครื่องบินที่ยาวนาน
18 ชั่วโมง ไกลที่สุดเท่าที่ผมเคยไปนับตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาเมื่อปี 1999
อย่างไรก็ตาม งานนี้ ความอยากมันชนะความกลัวได้ ผมตัดสินใจแน่วแน่ว่ายังไง
ก็ต้องไป แม้จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไม Porsche ทีมเยอรมันถึงเลือกสื่อมวลชนที่
ตัวโต มวลมหาศาล และฐานะยากจนที่สุดในวงการรถยนต์ไทย (อย่างผม)ให้ไปขับ
รถสปอร์ตที่ออกแบบมาสำหรับพ่อรูปหล่อ มาดอางอาจ ฐานะมีอันจะกินพอที่
จะซื้อรถสปอร์ตคันละสิบกว่าล้านได้
เอาเถอะน่า…ผมมองว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้ผ่านมาในชีวิตเราบ่อยๆ ถูกไหมครับ
ดังนั้น..แอฟริกาก็แอฟริกา ถ้ามีรถให้ขับ และเป็นรถที่เราอยากขับมาตลอดชีวิต
ก็อย่าได้คิดมาก นี่คือที่มาของบทความเราในวันนี้ จะเรียกว่าเป็น First Report
in Thailand ก็ได้สำหรับ 911 Carrera GTS ..อันที่จริงต้องบอกว่าเป็น among
the first report in the world ด้วย เพราะสื่อมวลชนต่างชาติทุกรายที่ได้มาขับ
ก็จะปล่อยบทความในเวลาไล่เลี่ยกันนี่แหละครับ
เอาล่ะ! ก่อนที่จะไปเจอ 911 Carrera GTS ผมขออนุญาตเขียนถึงที่มาของ
รถรุ่น GTS สักหน่อยดีไหมครับ? พวกเราหลายคนอาจจะคิดว่ามันก็แค่รุ่นย่อย
รุ่นหนึ่งที่ไม่ได้มีเพ็ดดีกรีสำคัญอะไร แต่ที่จริง..มันมากกว่านั้น

Hence the name. GTS.
อักษร GTS นั้น ย่อมาจากคำว่า Grand Turismo Sport ซึ่งมีประวัติยาวนาน
มาตั้งแต่ยุค 1960s และถูกนำไปใช้ในรถหลายรุ่น แต่ไม่ได้สะท้อนภาพพจน์
ของรถแต่ละรุ่นในลักษณะเดียวกันเสมอไป ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงแรกๆ นั้น
รถที่ใช้ชื่อ GTS จะเป็นรถแข่ง เช่น 904 กับ 924 แต่ในภายหลังก็นำไปใช้กับ
928 รุ่นที่แรงที่สุด ก่อนที่ชื่อนี้จะหายไปนานมาก
ในภายหลัง ชื่อนี้ก็ถูกนำกลับมาใช้ใหม่กับ 911 บอดี้ 997 แล้วจากนั้นก็ทยอย
กระจายไปสู่รถรุ่นอื่นๆของทางค่ายจนครบ แต่รถรุ่น GTS นั้นไม่ได้มีตำแหน่งเป็น
รถแข่ง หรือเป็นรถรุ่นที่แรงหรือแพงที่สุดอย่างเช่นในอดีต แต่มีตำแหน่งการตลาด
สอดแทรกอยู่ระหว่างรุ่นที่ค่อนข้างธรรมดา กับรุ่นที่เป็นตัววิ่งหัว (รุ่นแรงท้อปๆ)
ของโมเดลนั้นๆ อย่างเช่น อย่างเช่น Cayman GTS ก็แรงกว่า S แต่ไม่เท่า GT4
Panamera GTS ก็แรงกว่า S แต่ไม่เท่าตัว Turbo เป็นต้น
เราลองมาดูต้นตระกูลและความเป็นมาของสปอร์ตซีรีส์ GTS กันครับ
904 Carrera GTS
แม้จะมีรหัสว่า 904 แต่ชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ Carrera GTS เนื่องจาก
ในสมัยนั้นมีบริษัทรถยนต์ฝรั่งเศส (เจ้าเดียวกับที่ประท้วงเรื่องชื่อ Porsche 901
จนทำให้ต้องไปใช้ชื่อ 911 แทน) จองลิขสิทธิ์การใช้ชื่อรุ่นเป็นตัวเลข 3 หลักที่
คั่นกลางด้วย “0” เอาไว้
904 Carrera GTS ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นรถแข่งในคลาส GT หลังจากที่ Porsche
ถอนตัวจาก Formula 1 รถรุ่นนี้เผยโฉมในช่วงปลายปี 1963 ซึ่งทันต่อฤดูการแข่ง
ในปี 1964 พอดี ตามกฎแล้วพวกเขาต้องขายรถรุ่นนี้ให้ได้ 100 คันเพื่อที่จะมีสิทธิ์
เข้าแข่ง..นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยเพราะนอกจากขายได้เกลี้ยงแล้วยังมี Back order จน
ต้องสั่งผลิตรุ่นอื่นๆตามออกมาอีก
รถสเป็คตัวแข่ง ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบนอนยัน Type 587/3 วางกลางลำเหมือนรถแข่ง
718 ของปี 1957 มันมีความจุ 1,966 ซี.ซี. ป้อนเชื้อเพลิงด้วยคาร์บิวเรเตอร์ของ Weber
ทำแรงม้าได้สูงถึง 198 แรงม้า (เกือบ 100 ม้าต่อลิตรในยุค 60s!) จับคู่กับเกียร์ธรรมดา
5 จังหวะ ความพิเศษอีกประการอยู่ที่บอดี้แบบ Ladder-type Chassis ของมันนั้นมี
เปลือกตัวถังที่ทำมาจากไฟเบอร์กลาส ทำให้น้ำหนักตัวรถเปล่าเบาโหวงเพียง
655 กิโลกรัม ทำให้มันเป็นรถแข่งที่หาตัวจับยาก ชนะทั้งรายการ Targa Florio,
Le Mans, SpA และถึงคันไหนไม่ชนะ ก็มักวิ่งเข้าเส้นชัยได้โดยที่ไม่พัง ถือว่าเป็น
รถแข่งตัวแสบแห่งยุคที่ว่องไว ร้ายกาจ และทนทานมาก

924 Carrera GTS
เกือบ 16 ปีให้หลัง ชื่อ Carrera GTS กลับมาปรากฏอีกครั้ง..ในรถรุ่น 924 ซึ่ง
ก็คือรถสปอร์ตขนาดเล็กที่ Volkswagen จ้างวานให้ Porsche ช่วยวิจัยให้ โดยที่
มีแผนจะนำมาขายเป็นรถสปอร์ตตัวท้อปของ VW และเป็น Entry-level ของทาง
Porsche แต่ ครั้นเมื่อถึงเวลาเอาจริง VW กลับไม่สร้างมันออกมาเพราะต้นทุนต่อคัน
สูงเกินไป Porsche จึงไปขอซื้อลิขสิทธิ์ในการสร้างกลับมาเป็นของตัวเอง
924 เริ่มต้นชีวิตของมันในปี 1976 เป็นรถแบบ 2+2 ที่นั่ง เครื่องวางหน้า ขับหลัง
เกียร์อยู่ข้างหลัง แต่ใช้เครื่องยนต์ของ Audi 2.0 ลิตรมีม้าแค่ร้อยกว่าตัว ทำให้
โดนดูถูกในเรื่องอัตราเร่ง จนกระทั่ง Porsche จับเทอร์โบ KKK K26 ยัดเข้าไป
ทำให้แรงม้าพุ่งเป็น 170 ตัว ส่งผลให้ “924 TURBO” กลายเป็นน้องซาดิสก์
คิดปีนเกลียวพี่ เพราะนอกจากการบังคับควบคุมดีกว่า 911 แล้ว อัตราเร่งยังเทียบ
ได้กับ 911 SC อีกด้วย
ต่อมาก็ได้มีการสร้างรถรุ่นพิเศษเพื่อการแข่งขัน และมีการจำหน่ายให้คนทั่วไป
ซื้อได้ (ตามกฎการได้สิทธิ์เข้าแข่ง) รถรุ่นนั้นก็คือ 924 Carrera GT และในภายหลัง
ก็ได้พัฒนาต่อเป็น 924 Carrera GTS ซึ่งแตกต่างจากรุ่น TURBO ธรรมดาตรงที่
มีการติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์, มีสคูพฝากระโปรงหน้า และมีหางหลังสีดำทำจาก
ยางแข็งขนาดใหญ่กว่าปกติ เครื่องยนต์มีพลังถึง 249PS ต่อมากลายเป็นรถหายาก
เพราะแม้ในโลกนี้จะมี 924 แสนกว่าคัน แต่มีรุ่น Carrera GTS เพียงแค่ 59 คัน
928 GTS
Ferdinand Porsche กับ Ernst Fuhrmann (MD ของ Porsche ในยุค 70s)
มีความคิดที่จะทำรถสปอร์ตประเภทนั่งสบาย ขับทางไกลได้ และใช้เครื่องยนต์ที่
มุ่งเน้นพละกำลังสูง ซึ่งต่างจาก 911 ที่เป็นรถสปอร์ตประเภทคันเล็กขับคล่อง
ผลผลิตจากไอเดียนี้ กลายมาเป็น 928 ซึ่งเผยโฉมในปลายปี 1977 มันคือรถรุ่นแรก
ของ Porsche ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ V8 และติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
พร้อมสรรพ เปิดตัวก่อนด้วยรุ่น “928” ธรรมดา เครื่อง 4.5 ลิตร V8 16 วาล์ว
250 แรงม้า
Porsche หมายมั่นจะให้ 928 มาฆ่า 911 แต่กลับกลายเป็นว่า Peter Schutz M.D.
คนใหม่ต่ออายุให้มันตั้งแต่ยุค 80s จนถึงทุกวันนี้ ส่วน 928 นั้นก็ขายดีแค่ในช่วงแรก
แต่ในภายหลังก็มียอดขายลดลง เนื่องจากราคาสูง ทาง Porsche จึงพยายามอัปเดต
ตัวรถให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ปรับปรุงขุมพลังในยุคหลังๆมาใช้ฝาสูบแบบ 32 วาล์ว
ใน 928S (Phase II) รวมถึง 928S4 (ซึ่งเป็น 928 ยุคหลังรุ่นที่ขายดีที่สุด) ใช้เครื่อง
5.0 ลิตร 320 แรงม้า แล้วในปี 1989 จึงมีรุ่น 928GT 330 แรงม้า ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่ง
แบบสปอร์ต ใช้เกียร์ธรรมดาอย่างเดียวตามออกมา
เวอร์ชั่นสั่งลาของ 928 ก็คือ 928GTS นี่เอง ที่ใช้เครื่องยนต์ขยายขนาดเป็น 5.4 ลิตร
V8 32 วาล์ว มีพลัง 350 แรงม้า มาพร้อมกับกระจกมองข้างทรง Cup มีโป่งหลัง
ขนาดโต เบรกหน้าขนาดโตกว่า 928S4 ผลิตขายตั้งแต่ปี 1991 ไปจน 928
เลิกผลิตในปี 1995 จากจำนวน 928 ทั้งหมด 61,000 คัน มีแค่ 2,901 คันเท่านั้น
ที่เป็นรุ่น GTS

911 Carrera GTS (997)
หลังจากชื่อ GTS หายไปนานถึง 15 ปีในวันสิ้น 928 Porsche ตัดสินใจนำชื่อรุ่นนี้
กลับมาใช้อีกครั้ง แล้วไหนๆมาทั้งที ก็เอามาอยู่ในรถสปอร์ตของค่ายอย่าง 911 เลย
โดย 911 Carrera GTS เผยโฉมในช่วงปลายปี 2010 มีให้เลือก 2 บอดี้คือแบบ
Coupe และ Cabriolet แต่มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ
ใช้เครื่องยนต์ 3.8 ลิตร 6 สูบนอนไร้ระบบอัดอากาศ มีแรงม้าเพิ่มจาก 385 แรงม้า
ใน Carrera S กลายเป็น 408 แรงม้า ทำให้ตัวมันเองมีฐานะอยู่กึ่งกลางระหว่าง
Carrera S และ 911 GT3 (435 แรงม้า) อย่างพอดี
ลูกค้าสามารถเลือกได้ทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์คลัตช์คู่ PDK จุดเด่น
ภายนอกของมันนั้นอยู่ที่ตัวถังแบบ Wide Body ที่ยกมาจาก Carrera 4 เพราะ
โดยปกติถ้าเป็น Carrera ขับเคลื่อนล้อหลัง จะได้บอดี้แบบธรรมดา แต่ GTS
คือรุ่นเดียวที่คุณสามารถเลือกรถขับหลังแล้วได้ตัวถัง Wide Body

911 Carrera GTS (991.1)
ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนโฉมเป็นบอดี้ 991 Porsche ก็ทำรุ่น Carrera GTS ออกมา
อีกเช่นกัน โดยเผยรายละเอียดลงในเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2014 และโชว์
โฉมจริงในงาน Los Angeles Motor Show ในเดือนถัดมา โดยในเบื้องต้นมีให้
เลือก 2 บอดี้ (Coupe และ Cabriolet) 2 ระบบส่งกำลัง (เกียร์ธรรมดา และ PDK)
และ 2 ระบบขับเคลื่อน หลังจากนั้น ในวันที่ 12 มกราคม 2015 จึงมีการเปิดตัวบอดี้
Targa ตามออกมา ซึ่งแบบหลังนี้จะมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น
Carrera GTS โฉม 991.1 นี้ ใช้เครื่องยนต์พื้นฐานเดียวกับ Carrera S ซึ่งเป็นแบบ
6 สูบนอน 3.8 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ปรับเพิ่มกำลังจาก 400 เป็น 430 แรงม้า
ติดตั้งชุดท่อไอเสีย Sport Exhaust และล้ออัลลอย 20 นิ้วแบบ Center-locking
พร้อมระบบ Porsche Torque Vectoring เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ใช้ไฟหน้าและ
ท่อไอเสียแบบรมดำ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น Carrera GTS 3.8 เกียร์ธรรมดา
สามารถวิ่งได้เร็วถึง 306 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/
ชั่วโมงเอาไว้ที่ 4.0 วินาทีในรุ่นขับหลัง PDK
ต่อมา ในปี 2017 เดือนมกราคม Carrera GTS บอดี้ 991.1 ก็หมดวาระการทำตลาด
และถูกแทนที่ด้วยพระเอกของเราในวันนี้
911 Carrera GTS: แรงขึ้นอีกระดับ มีให้เลือกขับ 5 รุ่น

บางท่านอาจยังสงสัยว่าทำไม Porsche ต้องทำ 911 รุ่น GTS ออกมา?
ตามที่คนของ Porsche บอก มันคือส่วนหนึ่งของแผนการตลาดที่ต้องการสร้างรถ
หลายๆรุ่น เพื่อที่จะสามารถตอบความต้องการสู่ลูกค้าตามรสนิยมได้อย่างละเอียด
โดยที่ตำแหน่งทางการตลาดของ GTS จะสอดแทรกอยู่ระหว่าง Carrera S กับรุ่น
GT3 ซึ่งนั่นก็แปลว่ามันยังเป็น 911 รุ่นที่ “ทำมาเพื่อให้ใช้บนถนนเป็นหลัก” และ
ไม่ได้เน้นภาพลักษณ์สิงห์สนามแบบ GT3 หรือ GT3RS รวมถึงไม่ได้แรงชนิดที่
จะไปฆ่า GT-R อย่างรุ่น Turbo หรือ Turbo S ซึ่งเหมาะสำหรับลูกค้าที่เน้น
สปีดบนทางตรงและ “แรงม้าคือทุกสิ่ง”
ผมฟังเสร็จ ก็ขอถือวิสาสะแปลอย่างตรงๆ และแอบกวนส้นว่า Carrera GTS
มันก็คือรถที่ถูกสร้างมาเพื่อคนที่ไม่อยากทุ่มเงินเล่น Elite Models อย่าง GT3
หรือ Turbo แต่ก็กลัวว่าถ้าขับ Carrera ธรรมดาหรือ Carrera S แล้วจะโดนเพื่อน
ร่วมอุดมการณ์ที่ปั๊ม ปตท. ด่าน 10 บาทมองว่า “ธรรมดาเกินไป” ก็เลยต้องการ
รถสักคันที่แรงแบบไม่ใช่ขี้ๆ มี Attitude ที่ดูเป็นนักซิ่งมากขึ้น แต่ราคายังต้อง
ค่อนไปทางรุ่นล่างๆของทางค่ายอยู่
Porsche เขาไม่มีทางอธิบายถึง Product ของตัวเองแบบนั้น แต่ผมนี่แหละทำ
เพราะเดี๋ยวถ้าคุณไปเปิดใบราคา เปิดใบสเป็คดู คุณก็คิดได้เองแหละ
แต่สิ่งที่ Porsche จัดหามาใส่ไว้ใน Carrera GTS ก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่
พวกเขาก็จับ Carrera S มา ปรับแต่งเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น เอาตัวถัง Wide Body
แบบ Carrera 4/4S มาใช้ แล้วก็เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานเข้าไป ปรับแต่งรถให้มี
บุคลิกห้าวขึ้นประมาณ 10-15% ให้ของเล่นที่เกี่ยวกับเรื่องความแรงมามากขึ้น
เมื่อพิจารณาจากราคาของ GTS (ประมาณ 568,000 ดอลลาร์สิงคโปร์) ซึ่งแพง
กว่า Carrera S ประมาณ 60,000 ดอลลาร์ (ในขณะที่ GT3RS ราคา 797,000
ดอลลาร์ และ 911 Turbo ธรรมดาอยู่ที่ 743,000 ดอลลาร์) คุณจะเห็นได้ว่าค่าตัว
ของ GTS นั้นค่อนไปทางถูกเสียด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับรุ่นย่อยอื่นๆ ผมลองเข้า
เว็บไซต์ของ Porsche Singapore แล้วเลือกรุ่น Carrera S มาแล้วพยายามจัด
ออพชั่นต่างๆให้ใกล้เคียงรุ่น GTS มาที่สุด ราคาส่วนต่างกลับเหลือแค่ 25,000-
30,000 ดอลลาร์โดยที่คุณจะไม่ได้ตัวถัง Wide Body, ล้ออัลลอยลาย Turbo S
กับเครื่องยนต์สเป็คของ GTS ด้วยซ้ำ…จะเห็นได้ว่าความคุ้มค่าและจุดขาย
ของ GTS ก็ยังมี…และในสายตาผมมันทำให้รุ่น S ดูน่าสนใจน้อยลงด้วยซ้ำ
นอกจากนี้แล้ว Porsche ยังเปิดตัว Carrera GTS ออกมาให้ลูกค้าเลือกด้วยกัน
5 แบบ แบ่งตามรูปแบบตัวถัง และระบบขับเคลื่อนดังนี้

Carrera GTS Coupe/Carrera 4 GTS Coupe
ความยาวตลอดคัน 4,528 มิลลิเมตร กว้าง 1,852 มิลลิเมตร
สูง 1,284 มิลลิเมตร และมีระยะ ฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร
ระยะแทร็คล้อหน้า 1,541 มิลลิเมตร ระยะแทร็คล้อหลัง 1,544 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถเปล่าตามมาตรฐาน DIN ในรุ่นเกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 1,450 กิโลกรัม
รุ่นเกียร์ PDK 1,470 กิโลกรัม (สำหรับ Carrera 4 GTS คือ 1,495
และ 1,515 กิโลกรัม) ตัวถังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ Cd=0.31
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 64 ลิตร (Carrera 4 GTS 67 ลิตร)

Carrera 4 GTS Targa (ไม่มีรุ่นขับหลังสำหรับบอดี้นี้)
ความยาวตลอดคัน 4,528 มิลลิเมตร กว้าง 1,852 มิลลิเมตร
สูง 1,291 มิลลิเมตร และมีระยะ ฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร
ระยะแทร็คล้อหน้า 1,539 มิลลิเมตร ระยะแทร็คล้อหลัง 1,544 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถเปล่าตามมาตรฐาน DIN ในรุ่นเกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 1,585 กิโลกรัม
รุ่นเกียร์ PDK 1,605 กิโลกรัม ตัวถังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ
Cd=0.32 ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 67 ลิตร

Carrera GTS Cabriolet/Carrera 4 GTS Cabriolet
ความยาวตลอดคัน 4,528 มิลลิเมตร กว้าง 1,852 มิลลิเมตร
สูง 1,291 มิลลิเมตร (รุ่น 4 GTS สูง 1,293 มิลลิเมตร) ฐานล้อ 2,450 มิลลิเมตร
ระยะแทร็คล้อหน้า 1,539 มิลลิเมตร ระยะแทร็คล้อหลัง 1,544 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถเปล่าตามมาตรฐาน DIN ในรุ่นเกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 1,520 กิโลกรัม
รุ่นเกียร์ PDK 1,540 กิโลกรัม (สำหรับ Carrera 4 GTS คือ 1,565
และ 1,585 กิโลกรัม) ตัวถังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ Cd=0.32
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 64 ลิตร (Carrera 4 GTS 67 ลิตร)

สิ่งที่ทำให้ Carrera GTS ต่างจาก Carrera S ธรรมดา ประกอบด้วย:
1. เครื่องยนต์ พื้นฐานเดิม เปลี่ยนเทอร์โบลูกใหม่ ปรับจูนพลังเพิ่ม
2. ใช้ตัวถังแบบ Wide body โป่งหลังกว้าง แทร็คล้อหลัง 1,544 มิลลิเมตร
ของ 911 Carrera 4 ซึ่ง GTS ทุกรุ่นจะใช้ตัวถังนี้ในขณะที่ Carrera/Carrera S
จะเป็นแบบตัวถังแคบ (ความกว้างตัวถังก็ต่างกัน – 1,808 กับ 1,852 มิลลิเมตร)
3. ช่วงล่างแบบแปรผันความหนืดอัตโนมัติ PASM เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เตี้ยกว่าช่วงล่างสเป็คปกติ 10 มิลลิเมตร
4. รุ่น Coupe ได้ช่วงล่าง PASM Sport ที่เตี้ยลงอีก 10 มิลลิเมตร
5. ล้ออัลลอยแบบน็อตล็อคเดี่ยวตรงกลาง ลายเดียวกับ 911 Turbo S พ่นสีดำ

6. Sport Chrono Package พร้อมนาฬิกาแดชบอร์ดและสวิตช์ปรับโหมดที่
พวงมาลัยกับปุ่ม Sport Response เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
7. ภายในตกแต่งด้วย Alcantara ตามแดชบอร์ด ตรงกลางเบาะ และแผงประตู
8. เบาะนั่งแบบ Sport Seats Plus ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
(รุ่นปกติจะได้เบาะ Sport ธรรมดา ไม่มีปีกบน แต่ปรับไฟฟ้า 14-Way?!?)
9. พวงมาลัย GT Sport ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร
10. ท่อไอเสียแบบ Sport Exhaust ปรับความดังได้ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
11. รุ่น Targa จะมีหลังคาตรงกลางสีดำ แต่สามารถสั่งสีเงินแบบปกติได้

นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวไปแล้ว เอกลักษณ์ประจำรุ่นของ Carrera GTS
อีกอย่างก็คือกันชนหน้าแบบ Sport Design ของ GTS เอง และมีกระจก
มองข้างแบบ Sport Design มาให้เช่นเดียวกัน (ไม่มีระบบพับไฟฟ้าครับ
ถ้าอยากได้พับไฟฟ้ากรุณาสั่งกระจกมองข้างแบบรุ่นปกติ) ไฟหน้า ไฟท้าย
และตัวอักษรรุ่นต่างๆ รมสีดำ

ที่ผมเกือบไม่ได้สังเกต แต่มารู้ตอนหลังจากเอกสาร Press kit ก็คือ องศา
ของสปอยเลอร์หลังเวลากางออก ก็จะยืดขึ้นสูงมากกว่ารุ่น Carrera S (แต่ดู
ด้วยตาเปล่าแล้วแยกไม่ออกจริงๆ) แล้วก็จะมีแถบพลาสติกยาวเชื่อมจากไฟท้าย
ด้านซ้ายไปขวาที่รุ่นอื่นเขาไม่มีกัน ถ้าเป็นรุ่นขับหลัง จะเป็นแถบสีดำ และถ้า
เป็นรุ่นขับสี่ ก็จะเป็นแถบสีแดง
นั่นคือความแตกต่างคร่าวๆ ที่ช่วยให้คุณแยก Carrera GTS ออกจากรุ่น
Carrera ธรรมดาหรือ S ได้เมื่อพบตามท้องถนน โดยที่ไม่ต้องดูป้ายรุ่น
(ไม่ได้โม้ แต่ Porsche มีออพชั่นสำหรับลูกค้าอินดี้..คุณสามารถสั่งไม่ติด
ป้ายชื่อรุ่นที่ท้ายรถก็ได้)
ต่อไป เรามาดูรถคันจริงกันดีกว่าครับ

หน้าตาของกุญแจ Porsche 911 เป็นแบบนี้แหละครับ รถทดสอบของเราเป็น
กุญแจรีโมทแบบธรรมดา (ไม่ใช่ Smart Key) คุณสามารถสั่งให้ Porsche
พ่นสีกุญแจให้เป็นสีเดียวกับตัวรถได้ สำหรับกุญแจมาตรฐานนี้ เวลาจะเข้ารถก็กด
ปุ่ม Unlock ที่รีโมท แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งเหมือนรถไร้ Keyless Entryทั่วไป
เวลาจะสตาร์ทรถ ก็เอาส่วนหน้าของกุญแจนั่นล่ะครับ ทิ่มเข้าไปตรงรูเสียบ
ที่คอพวงมาลัยด้านขวา จากนั้น..ทำยังไง..บิดสิครับ บิดแก๊ก 1 แก๊ก On แล้วอีก
ทีหนึ่งก็คือสตาร์ทเครื่อง
Porsche มี Smartkey ให้สั่งเป็นออพชั่นเพิ่มเงินเอาเองได้ถ้าคุณต้องการ
แต่ผมก็งงอยู่ เพราะสมัยนี้ในต่างประเทศรถหลายรุ่นที่ราคาแค่เท่ากับล้อรวม
ยางกับเบรกของ 911 ก็มีอุปกรณ์นี้ให้ ทำไม Porsche ไม่จัดมาให้เสียเลย?

บานประตูเป็นแบบไร้เสากรอบ (Frameless Door) ทำจากอะลูมิเนียมเช่นเดียวกับ
โครงสร้างหลักของรถ มือจับเปิดประตูเป็นสีเดียวกับตัวรถ สามารถสั่งให้พ่นเป็นสีอื่น
ได้ตามต้องการ ภาพที่เห็นข้างบนเป็นของรุ่น Targa ซึ่งแนวหลังคาจะไม่ต่างจาก
ตัวคูเป้มากนัก
การเข้า/ออกจากรถนั้น ถ้าคุณเที่ยวเอาไปเทียบกับรถบ้านทั่วไป ก็แน่นอนว่า
911 จะลำบากกว่า โดยเฉพาะกับคนน้ำหนักเยอะตัวใหญ่จะต้องใช้แรงยันตัว
เวลาลุกออกจากรถเยอะหน่อย แต่ถ้าเทียบกับรถสปอร์ตคันอื่น ผมคิดว่า 911 ก็ยัง
เป็นรถที่ผมลุกเข้าลุกออกได้ง่าย (อย่าลืมว่าผมสูง 183 เซ็นติเมตรและหนัก
148 กิโลกรัม) เวลาเข้านั่ง ก็ทำเหมือนรถปกติทุกประการ มันจะยากแค่ตอนก้มหัว
หลบหลังคา และตอนตวัดเอาเท้าเข้า เพราะขอบหน้าสุดของประตูอยู่ค่อนข้างใกล้
แม้จะถอยเบาะนั่งไปจนหลังสุดแล้วก็ตาม

โดยปกติแล้ว 911 Carrera GTS จะได้เบาะนั่งแบบ Sport Seats Plus (มีปีกเล็ก
ช่วงไหล่) ซึ่งปรับเอน และปรับความสูงด้วยไฟฟ้า แต่ปรับเลื่อนหน้าหลังด้วยมือ
รถทดสอบของเรา เป็นเบาะแบบ Adaptive Sport Seats Plus 18-Way ซึ่งก็มี
หน้าตาเหมือนเบาะ Sport Seats Plus แต่เพิ่มการปรับไฟฟ้าทุกส่วน ไม่ว่าเอน
เลื่อนหน้า/หลัง ปรับสูง/ต่ำ ก้ม/เงย ปรับการดุนปีกเบาะ แล้วยังได้พวงมาลัย
ปรับไฟฟ้าแถมมาในแพ็คเกจ พร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง
ผมลองวัดความสบายของเบาะด้วยขนาดตัวมหึมาของผมดูนะครับ..
เบาะของ 911 รุ่นนี้มีดีตรงที่ปรับองศาได้หลายจุด แต่ในเรื่องซัพพอร์ทจุดต่างๆ
มันจัดเป็นเบาะชนิดกึ่งซิ่ง ให้นึกถึง Hot Hatch ดุๆ ที่ออกมาจากโรงงานเข้าไว้
แต่นี่ล่ะคือเบาะที่เหมาะที่สุดสำหรับจุดประสงค์การใช้งานจริงของ GTS
ซึ่งเป็นรถซิ่งบนถนน ที่เผื่อไว้ให้คุณขับในสนามแข่งแบบเอามันส์ได้บ้าง
เบาะรองนั่งมีความนุ่มนวลมากกว่าที่คาด (เพราะปกติเบาะรถซิ่งแบบนี้มักจะ
เน้นแข็ง เพื่อถ่ายทอดอาการของตัวรถมาถึงหลัง หัว ไข่ ไหล่ ตูด คนขับได้ดี)
แม้แต่พนักพิงศีรษะก็นุ่มกว่าที่คิดเอาไว้มาก องศาการดันหัวค่อนค่อนพอดี
แต่นั่นก็หมายความว่าถ้าคุณใส่หมวกกันน็อคขับ ก็อาจจะไม่สบายหัวเท่าไหร่
เป็นปัญหาคล้ายกันกับที่พบใน 718 Boxster
ส่วนเบาะหลังคงไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะไซส์อย่างผมหมดสิทธิ์ ไม่คิดจะนั่ง
แม้มันจะดูเหมือนที่ที่ใหญ่พอให้เด็กเล็กๆอย่างหลานวัย 4 ขวบของผมนั่งได้
แต่โดยทั่วไปคุณคงจะอยากเอาไว้ใช้เป็นที่วางของมากกว่า และถ้าใครไม่มี
ลูกหลานที่ต้องนั่งหลัง คุณสามารถสั่งให้ Porsche ถอดเบาะหลังออกทั้งยวง
ได้โดยไม่เสียเงิน (เพื่อเป็นการเซฟน้ำหนัก)

นอกจากนี้ ในรถทดสอบเกียร์ธรรมดา 2 คัน (Carrera GTS สีฟ้า และ Carrera
4 GTS สีขาว) ยังได้ติดตั้งเบาะแบบ Sport Bucket Seats มาให้ โดยปกติเบาะ
รุ่นนี้จะเป็นออพชั่นเสริม ราคาประมาณ 15,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ตัวเบาะ
ใช้โครงปิดหลังเบาะทำมาจากพลาสติก/คาร์บอนไฟเบอร์ มีน้ำหนักเบา ปรับเอน
ไม่ได้ ปรับองศาก้ม/เงย หรือปรับความสูงก็ไม่ได้ แต่สามารถเลื่อนหน้า/หลังได้
ด้วยคันโยกแบบธรรมดา มีสวิตช์ระบบความจำที่ประตู ซึ่งจะเชื่อมกับพวงมาลัย
แต่ไม่เชื่อมกับเบาะ (ไม่มีอะไรให้เชื่อมนี่หว่า)

แม้ตัวเบาะจะเป็นแบบซิ่ง คล้ายรถแข่งมากที่สุด แต่เข็มขัดนิรภัยยังเป็นแบบ
3 จุดเหมือนกับรถทั่วไป ถ้าถามเรื่องความสบายของเบาะกับมนุษย์ไซส์ผม พูดยาก
เท่าที่ถามนักข่าวท่านอื่นที่เขาลองนั่ง ทุกคนบอกว่า “Good” ส่วนผมเองนั้นแม้
จะรู้สึกว่ามันทำให้การเข้าไปนั่งในรถยากขึ้นกว่าเดิม เวลาปีนแล้วเอาตัวเข้าไปนั่ง
ต้องพยายามไม่ทิ้งตัวลงผิดจุด เป็นเหตุให้ส่วนที่บอบบางที่สุดแห่งความเป็นชาย
ถูกแรงอัดปะทะเข้ากับปีกเบาะแข็งๆจนเกิดปรากฏการณ์ฟ้าเหลือง
..แต่พอเข้าไปนั่งแล้วขยับทวารให้ฟูฟิตเข้าที่ รัดเข็มขัด..สิ่งเดียวที่ผมเสียดายคือ
ความสูงของตัวเบาะอยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ผมหมุนพวงมาลัยไม่ถนัด แต่ปีกล่าง
ปีกข้าง รวมถึงวัสดุที่ใช้ทำเบาะ เยี่ยมมาก! สามารถล็อคตัวผมระหว่างทิ้งโค้ง
ต่างๆในสนามได้ดีกว่าเบาะธรรมดาอย่างชัดเจน ทำให้รับรู้อาการขยับขึ้นลง
สะบัดซ้าย/ขวาของตัวรถได้ดีต่างกันคนละเรื่อง
ถ้าคุณยังไม่เคย…เอาไว้เมื่อคุณได้ลองขับรถในสนามด้วยเบาะโรงงาน เทียบกับ
เบาะแข่งดีๆแล้วกันครับ คุณจะได้รับรู้และซาบซึ้งเองโดยไม่ต้องฟังคำของผม

ภายในห้องโดยสารของ 911 Carrera GTS ก็มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับ Carrera S
แต่สิ่งที่ต่างกันคือพวงมาลัย สวิตช์ปรับโหมดที่พวงมาลัย และการตกแต่งภายใน
ด้วย Alcantara แต่ต้องขอหมายเหตุไว้นิดนึงว่าในรถทดสอบตามภาพด้านบน
มีการสั่งออพชั่นที่เรียกว่า “GTS Interior Package” ซึ่งจะเดินตะเข็บด้ายสีแดง
ตามจุดต่างๆ และเปลี่ยนสีมาตรวัดตรงกลางเป็นจอแดง เปลี่ยนเข็มเป็นสีขาว หรือถ้า
ใครไม่ชอบสีแดง ก็สามารถสั่งเป็นด้ายสีขาวเงินกับจอกลางสีเทา เข็มสีแดงได้
(มีให้เลือก 2 แบบ) ส่วนการตกแต่งด้วยคาร์บอนบนแดชบอร์ดกับรอบคันเกียร์นั้น
ก็เป็นออพชั่นสั่งเพิ่ม ตามโบรชัวร์วัสดุมาตรฐานจะเป็นอะลูมิเนียมกับวัสดุสีดำเงา
ตำแหน่งคันเกียร์อยู่ในระดับที่สูงใกล้กับพวงมาลัย ปุ่มควบคุมต่างๆ ที่ใช้งานกันบ่อยๆ
ถูกติดตั้งรวมตัวกันที่คอนโซลกลาง เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน
พวงมาลัยแบบสปอร์ต เอารูปแบบดีไซน์มาจาก Porsche 918 Spyder มีสวิตช์ปรับ
โหมดการขับขี่ที่พวงมาลัย (Comfort/Sport/Sport Plus/Individual) ซึ่งใช้งาน
ได้สะดวกมือมาก ออพชั่นนี้ราคาแปลงเป็นเงินไทยเกือบ 280,000 บาท แต่ในรุ่น
GTS จะมีมาให้เลย
ชุดเครื่องเสียง CD/MP3 มาพร้อมระบบนำทาง และจอมอนิเตอร์แบบทัชสกรีน
ขนาดใหญ่ พร้อมระบบ Porsche Communication Management และสามารถ
เชื่อมต่อการทำงานกับสมาร์ทโฟน รองรับระบบ Apple CarPlay อีกทั้งยังเป็นจุด
เชื่อมการทำงานกับแอพพลิเคชั่น Porsche Track Precision App. อีกด้วย

