ในทุกปีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จากแบรนด์ชั้นนำต่าง จะถูกนำมาทดสอบในสนามประจำของทีม Car And Driver ที่เมืองแอนอาร์เบอร์ (Ann Arbor) สหรัฐอเมริกา ในปีนี้มีหนึ่งคันที่ยืนหนึ่งเด่นกว่าใครนั่นคือ Porsche Taycan รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์เยอรมันที่กลับมาแก้มืออย่างงดงาม และสามารถคว้าตำแหน่ง “EV แห่งปี” ไปครองได้สำเร็จ
Porsche Taycan 2025 ได้ตำแหน่ง EV แห่งปี ของ Car And Driver กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ทั้งสมรรถนะ เทคโนโลยี และความสนุก
Porsche Taycan เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของ Porsche แม้ว่าจะได้รับเสียงชื่นชมในหลายด้าน แต่ Taycan รุ่นแรกกลับพ่ายแพ้ในด้านความประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ Ford Mustang Mach-E ที่เคยเอาชนะในการทดสอบ EV แห่งปีครั้งก่อนหน้า

แต่สำหรับ รุ่นปี 2025 Taycan ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดย Porsche ปรับปรุงทั้งแบตเตอรี่ ความสามารถในการชาร์จเร็ว และประสิทธิภาพการใช้งานจริง
ปรับหน้าตาเล็กน้อย แต่ซ่อนพลังไว้ภายใน
ดีไซน์ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เช่น กันชน ไฟหน้า และโป่งซุ้มล้อที่ดูทันสมัยขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ใต้ตัวถังที่เตี้ยและปราดเปรียว:
- แบตเตอรี่ขนาด 82 kWh
- แบตเตอรี่ Performance Battery Plus ขนาด 97 kWh
- วิ่งได้ไกลสุด 566 กม. ในรุ่นขับหลัง RWD (จากเดิมที่ทำได้แค่ 396 กม.)
- รุ่น Turbo S Cross Turismo วิ่งไกลได้ต่ำสุดในรุ่นที่ 420 กม.

แรงทุกระดับรุ่น
- รุ่นพื้นฐานขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลัง 402 แรงม้า
- รุ่นสูงสุด Taycan Turbo GT ให้กำลังถึง 1,019 แรงม้า เร่งจาก 0–100 กม./ชม.ได้ใน 1.9 วินาที (แม้จะติดตั้งชุดแต่ง Light weight อย่าง Weissach แล้ว)
แม้สมรรถนะจะโหดแต่ Porsche ไม่ได้กั๊กเทคโนโลยีไว้เฉพาะรุ่นท็อป เพราะเกือบทุกรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อของ Taycan ยังสามารถเลือกติดตั้ง ระบบกันสะเทือน Active Ride ที่ถือเป็นนวัตกรรมระดับเหนือชั้นของแบรนด์

ระบบกันสะเทือนอัจฉริยะ Active Ride
Active Ride ใช้แดมเปอร์แบบ 2 วาล์ว ที่เชื่อมต่อกับปั๊มไฮดรอลิกแต่ละล้อ เพื่อควบคุมการเคลื่อนตัวในแนวตั้งแบบแอคทีฟ ช่วยลดอาการโคลง และยังช่วยลดความจำเป็นในการใช้เหล็กกันโคลง (Anti-roll bar) ไปได้เลย
ผลลัพธ์คือรถที่ขับได้สนุกที่สุดในกลุ่ม ทีม Car And Driver หลายคนกล่าวว่า Taycan ให้ “สมดุลของความนุ่มนวล และการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ” ได้อย่างลงตัว

ความเร็วระดับซูเปอร์คาร์ที่คุณต้องลอง
คำเตือนหนึ่งจากสมุดบันทึกทดสอบคือ “ควรวางศีรษะพิงพนักพิงให้แน่นก่อนใช้ Launch Control ในรุ่น Turbo GT” เพราะแรง G ที่เกิดขึ้นนั้นอาจทำให้คุณถึงกับ “อ้วกแทบพุ่ง” กันเลยทีเดียว

จุดด้อยเล็กน้อยของ Taycan
แม้ Taycan จะเป็นรถที่น่าประทับใจ แต่ก็มีข้อสังเกตอยู่บ้าง เช่น:
- ระบบ Regenerative braking ไม่ได้ให้แรงเบรกมากเท่ารถ EV อื่น ๆ เมื่อยกเท้าออกจากคันเร่ง
- เบรกแบบ Full Regen ต้องใช้แรงกดแป้นเบรกเพิ่มขึ้น
- วัสดุตกแต่งภายในยังไม่หรูหราสู้คู่แข่งในระดับราคาเดียวกันได้ทั้งหมด
- ราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 6,890,000 บาท ในไทย

Porsche ได้อย่างสมบูรณ์แม้จะเป็นรถ EV
แม้จะมีราคาที่สูง แต่ Taycan ยังคงรักษาจิตวิญญาณของ Porsche เอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งสมรรถนะ ความแม่นยำ และความรู้สึก “สนุกในการขับขี่” ที่หาได้ยากจากรถ EV แบรนด์อื่น (จากประสบการณ์ผมเองที่เคยได้ทดลองขับในงาน Porsche World Road Show 2024 ก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันครับว่าหารถ EV ขับดีเทียบได้ยากมาก)

