ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัว Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupé (ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้) รถเอสยูวีสุดหรูรุ่นใหม่ ที่ได้รับการปรับโฉม และยกระดับอย่างสมบูรณ์ ด้วยระบบช่วงล่างใหม่ มอบประสบการณ์สุดหรูหรา สมรรถนะการขับขี่อันเร้าใจด้วยขุมพลังไฮบริดประสิทธิภาพสูง ที่มากับเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร ที่ทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 519 แรงม้า

สำหรับ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ใหม่นี้ จะเป็นรถรุ่นที่ 2 ที่มาจากสายการผลิตของประเทศมาเลเซีย ที่ได้มาตรฐานยุโรป และเป็นรถรุ่นแรกที่ส่งออกมายังประเทศไทย


ในด้านงานออกแบบดีไซน์จะได้รับการปรับโฉมใหม่ เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ดีไซน์ใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นด้วยโมดูลความละเอียดสูง 2 ชุด และพิกเซลกว่า 32,000 พิกเซลต่อโคมไฟ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

มาพร้อมชุดแต่ง Black High Gloss รอบคัน ขณะที่ล้ออัลลอยลายจะมีขนาด 20 นิ้ว สีเทา Vesuvius Grey

ภายในห้องโดยสารของ Cayenne S E-Hybrid Coupé รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ได้รับการยกระดับด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งพวงมาลัย GT Sports และ แพ็คเกจ Sport Chrono พร้อมนาฬิกา Porsche Design เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยยกระดับความหรูหราให้กับผู้ขับขี่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร

ในส่วนของแผงแดชบอร์ดจะมากับหน้าปัดดิจิตอลแบบโค้งมนขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple® CarPlay
โดยในสเปคพวงมาลัยขวาที่จำหน่ายในบ้านเรา ตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติได้รับการย้ายไปทางซ้ายของพวงมาลัยบนคอนโซลกลาง การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องเก็บของและแผงควบคุมระบบปรับอากาศขนาดใหญ่

อีกทั้งยังเอาใจผู้โดยสารด้านหลังด้วยระบบ Rear Seat Entertainment ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถติดตั้งหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย เพื่อยกระดับความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง

งานออกแบบภายในมาในโทนสีดำ แผงควบคุมระบบปรับอากาศมาพร้อมปุ่มกดขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย พร้อมสวิทช์ปรับอากาศแบบหมุน และปุ่มปรับระดับเสียงแบบสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและดูหรูหรา

นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE® เบาะหนังเลือกได้ 2 สี คือ สีดำ หรือ สีแดงบอร์โด (Bordeaux Red) มาพร้อมตราสัญลักษณ์ปอร์เช่บนพนักพิงศรีษะที่เบาะคู่หน้า อีกทั้งยังมากับระบบควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซน, เครื่องฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร, เบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทางพร้อมระบบจำตำแหน่งสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหลัง และม่านบังแดดด้านหลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ในด้านระบบความปลอดภัยของ Cayenne S E-Hybrid Coupé ใหม่จะได้รับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control, ระบบช่วยจอด ParkAssist, พร้อมกล้องรอบทิศทาง Surround View

ในด้านพละกำลังขับเคลื่อนของ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย จะมากับระบบ E-Hybrid ที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 260 kW (353 แรงม้า) แรงกว่าเครื่องยนต์ใน Cayenne E-Hybrid ถึง 36 kW (49 แรงม้า)

ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ให้กำลังรวม 382 kW (519 แรงม้า) ส่งผลทำให้รถเอสยูวีคูเป้รุ่นนี้เร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 263 กม./ชม. นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 90 กม. (ตามมาตรฐาน EAER City)

ด้านระบบช่วงล่างของ Cayenne S E-Hybrid Coupé ก็ได้รับการปรับเซทใหม่ ให้มีความนุ่มนวล และสะดวกสบายมากขึ้นด้วยระบบช่วงล่างลมอัจฉริยะแบบใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Porsche Active Suspension Management (PASM) เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ที่ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายทั้งบนถนนออนโรด และแบบออฟโรด

นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำ และสมรรถนะของการขับขี่ ลดการโคลงของตัวรถในขณะขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งยังช่วยให้การปรับโหมดการขับขี่ระหว่าง Normal, Sport และ Sport Plus แตกต่างกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ที่ช่วยปรับช่วงล่างได้หลากหลาย ตั้งแต่เน้นความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่สบายๆ ไปจนถึงโหมดสปอร์ตที่เน้นการตอบสนองฉับไว

สำหรับ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ รุ่นใหม่ จะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 3 สีได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ สีขาวเมทาลิก Carrara White, สีดำเมทาลิก Chromite Black และสีเงินเมทาลิก Dolomite Silver

