ในโลกของยานยนต์ที่หมุนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง การเฟ้นหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งาน ความคุ้มค่า และยังคงความทันสมัยอยู่เสมอถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่สำหรับ “โตโยต้า ยาริส” (Toyota Yaris) เจเนอเรชันที่เคยเปิดตัวในปี 2018 ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมที่สร้างปรากฏการณ์ในตลาดรถเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ยาริสไม่ได้เป็นเพียงอดีตที่น่าจดจำ แต่ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์มือสองในปี 2025 นี้ ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทาน ฟังก์ชันที่ครบครัน และราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ยาริสยังคงเป็นดาวเด่นสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเป็นนักขับหน้าใหม่ที่กำลังมองหารถคันแรก หรือผู้ที่ต้องการรถยนต์คู่ใจสำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่คร่ำหวอดในวงการมากว่าทศวรรษ ผมจะพาทุกท่านเจาะลึกถึงแง่มุมต่างๆ ของ Toyota Yaris รุ่นนี้ ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก ภายในห้องโดยสาร สมรรถนะเครื่องยนต์ ไปจนถึงระบบความปลอดภัย โดยจะอ้างอิงจากความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงที่เคยสัมผัสประสบการณ์กับรถรุ่นนี้มาแล้ว พร้อมวิเคราะห์ว่าคุณสมบัติเหล่านี้ยังคงตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันได้อย่างไร และอะไรคือสิ่งที่ผู้ซื้อรถยนต์มือสองในปี 2025 ควรพิจารณา เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือก “รถมือสอง” ที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการลงทุนใน “สินเชื่อรถยนต์” ของคุณ
รูปลักษณ์ภายนอก: การออกแบบที่ยังคงทันสมัยและลงตัวในยุค 2025
เมื่อพูดถึงการออกแบบภายนอกของ Toyota Yaris รุ่นที่เคยเป็นไฮไลต์ในปี 2018 เรายังคงเห็นถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ผสมผสานความสปอร์ตคล่องตัวเข้ากับกลิ่นอายการออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ซึ่งนับเป็นจุดแข็งที่ทำให้ยาริสยังคงดูไม่ล้าสมัยแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี ดีไซน์ที่เน้นความโฉบเฉี่ยวเหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟตัดหมอก LED แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุคนั้น และยังคงให้ความสว่างและทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยมในการขับขี่บนท้องถนนในปี 2025 เสริมด้วยกระจังหน้าโครเมียมที่เพิ่มความหรูหรา ส่วนด้านท้ายที่มาพร้อมสเกิร์ตกันชนหลังสีดำ คิ้วฝากระโปรงท้ายสีดำเงา และไฟท้าย LED Light Guiding ก็ยังคงมอบความโดดเด่นไม่แพ้รถรุ่นใหม่ๆ ที่สำคัญคือล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/60 R15 ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสม ให้ความสมดุลทั้งด้านความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่รถเปิดตัวใหม่ๆ มีผู้ใช้งานบางรายได้ให้ความคิดเห็นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น เว็บไซต์พันทิป ว่า “ภายนอกดูขัดใจ กันชนหนวด ไฟท้ายที่ออกแบบสุดพิลึก” ซึ่งเป็นมุมมองที่สะท้อนถึงรสนิยมส่วนบุคคล และเป็นเรื่องปกติที่การออกแบบย่อมมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและไม่ชอบ แต่ในภาพรวม ดีไซน์ของยาริสก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และในตลาด “รถมือสอง” ปี 2025 นี้ การออกแบบของยาริสก็ยังคงเป็นที่ยอมรับและยังคงความน่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ผู้ใช้งานหลายคนต่างพูดถึงคือ “ตัวถังกว้างสุดในกลุ่ม Eco Car” ในช่วงเวลาที่เปิดตัว ซึ่งเป็นข้อดีที่เห็นได้ชัดเจน การออกแบบที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในห้องโดยสารเป็นสิ่งที่โตโยต้าทำได้ดีเยี่ยม ทำให้ยาริสเป็นรถ Eco Car ที่มอบความกว้างขวางเกินคาด สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งร่วมเซกเมนต์ในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน จุดนี้เองที่ทำให้ยาริสยังคงเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่นั่งสบาย เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง และยังคงความคุ้มค่าด้าน “บำรุงรักษารถยนต์” ในระยะยาว
ภายในห้องโดยสาร: ความกว้างขวางและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์
การก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Toyota Yaris รุ่นนี้ จะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการออกแบบที่เน้นการใช้งานจริงและความสบายของผู้โดยสาร วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงินเมทัลลิกให้ความรู้สึกทันสมัย เบาะนั่งผ้าสีดำ แม้จะไม่ใช่หนังแท้ แต่ก็ดูแลรักษาง่ายและทนทาน เบาะคนขับสามารถปรับระดับสูงต่ำได้ พร้อมช่องเก็บของหลังเบาะหน้า คอนโซลกลางมีกล่องเก็บของ และที่สำคัญ เบาะนั่งด้านหลังสามารถแยกพับได้แบบ 60:40 พร้อมแผงปิดห้องสัมภาระด้านท้าย เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดเก็บ “สัมภาระ” ต่างๆ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สำคัญสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก
เทคโนโลยีภายในก็ไม่น้อยหน้า ด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์หุ้มหนังตกแต่งด้วยสีเมทัลลิกที่ปรับสูง-ต่ำได้ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง และหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID (Multi-Information Display) ที่มาพร้อมมาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron และไฟแสดงการขับขี่แบบประหยัด Eco Meter ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบข้อมูลสำคัญต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมจอ LCD และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติ Push Start ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน แม้จะเป็นรถที่ออกมาหลายปีแล้ว แต่ฟังก์ชันเหล่านี้ก็ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในปี 2025 ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับการติดตั้งฟังก์ชันภายในมาอย่างครบครัน ก็ยังมีผู้ใช้งานบางรายที่ประสบปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ที่กำลังมองหา “รถยนต์มือสอง” ควรพิจารณา โดยเฉพาะปัญหาที่เคยถูกรายงานในปี 2014-2015 เช่น “วิทยุและระบบปรับอากาศภายในรถหยุดการทำงานลงชั่วขณะ” หรือแม้กระทั่ง “สัญญาณกันขโมยโชว์ขึ้นเอง” ซึ่งเป็นปัญหาทางระบบไฟฟ้าที่เคยเกิดขึ้นกับรถบางคัน ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่อาจต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเลือกซื้อ “รถมือสองสภาพดี” และอาจเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง “ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง” หรือการเปลี่ยน “อะไหล่โตโยต้า” ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้งานที่ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับความรู้สึกในการขับขี่ เช่น “ที่นั่งคนขับมันเตี้ยไป แต่คนนั่งด้านหลังดันนั่งสบาย” ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบที่อาจให้น้ำหนักกับพื้นที่ด้านหลังมากกว่าการปรับสรีระของผู้ขับขี่บางคน และยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับ “ที่วางของกระจุกกระจิกมันแย่มาก” หรือมีขนาดที่เล็กจนเกินไป ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งานของทุกคนที่ต้องการพื้นที่เก็บของเล็กๆ น้อยๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานหลายรายก็ยังคงประทับใจกับความกว้างขวางโดยรวมของห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่ถือว่ากว้างขวางมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
สำหรับผู้ที่เคยลังเลระหว่างรุ่น E และ G ในอดีต เช่นเรื่องพวงมาลัยหนัง (ที่มีผู้รายงานปัญหาหนังลอก), Push Start, Air Auto (ที่บางคนบอกว่าหนาวมาก) หรือไฟหน้า Projector ในมุมมองของปี 2025 ฟังก์ชันเหล่านี้ยังคงเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับรถรุ่น G ในตลาดรถมือสอง และผู้ซื้อควรพิจารณาถึง “ความคุ้มค่า” ของฟังก์ชันเสริมเหล่านี้เมื่อเทียบกับ “ราคาโตโยต้า ยาริส” ในแต่ละรุ่นย่อย
สมรรถนะเครื่องยนต์: ขุมพลัง 1.2 ลิตร Dual VVT-i กับการเดินทางในปี 2025
ภายใต้ฝากระโปรงของ Toyota Yaris รุ่นนี้ บรรจุด้วยเครื่องยนต์รหัส 3NR-FE DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่มอบพละกำลังสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI และส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock และยังรองรับเชื้อเพลิง E20 ได้อีกด้วย เทคโนโลยี Dual VVT-i มีส่วนช่วยในการปรับจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วไอดีและไอเสียให้เหมาะสมกับรอบเครื่องยนต์ ทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด นำมาซึ่งการ “ประหยัดน้ำมัน” และลดมลพิษ
ผู้ใช้งานหลายรายได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรนี้ โดยส่วนใหญ่ยอมรับว่า “ออกตัวอืดนิดนึง” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า หรือในช่วงการเร่งแซงที่ต้องใช้พละกำลัง แต่เมื่อ “ลอยตัวแล้วมันไม่อืดมาก แซงได้ วิ่งทางไกลสบาย” นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญของเครื่องยนต์ Eco Car ที่เน้นประสิทธิภาพด้าน “การประหยัดน้ำมัน” เป็นหลัก และด้วยเกียร์ Super CVT-i ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ ก็ยังคงมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ราบรื่นและสะดวกสบายในการเดินทางประจำวันในปี 2025 นี้
ในเรื่องของ “ประหยัดน้ำมัน” นั้น Yaris ได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก ผู้ใช้งานเคยรายงานอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 14-15 กม./ลิตร ในการขับขี่แบบผสมผสานทั้งในเมืองและนอกเมือง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับรถยนต์ในกลุ่ม Eco Car หากขับขี่ในความเร็วที่เหมาะสม เช่น 90-110 กม./ชม. ยาริสก็สามารถทำ “ค่าเชื้อเพลิง” ได้อย่างคุ้มค่า แต่ก็มีข้อสังเกตว่าหากขับด้วยความเร็วสูงมากหรือต้องเร่งแซงบ่อยๆ อัตราสิ้นเปลืองก็จะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติของเครื่องยนต์ขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน” สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือการเดินทางที่ไม่เน้นความเร็วสูงมากนัก Yaris รุ่นนี้ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น
ผู้ใช้งานบางรายได้เปรียบเทียบกับคู่แข่งในยุคเดียวกันอย่าง Mazda 2 (เครื่องเบนซิน) ที่มีห้องโดยสารแคบกว่า แต่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน หรือ Suzuki Swift ที่อาจมีอัตราการบริโภคน้ำมันที่ดีกว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว Yaris ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในด้านความกว้างขวางและการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยังคงรักษามูลค่าในตลาด “รถมือสอง” ได้เป็นอย่างดี การบำรุงรักษา “เครื่องยนต์รถยนต์” ของโตโยต้าก็เป็นที่ทราบกันดีว่าไม่จุกจิก และมี “อะไหล่รถยนต์” ให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความได้เปรียบที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ “โตโยต้า ยาริส” ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในปี 2025
ระบบความปลอดภัย: มั่นใจทุกเส้นทางกับมาตรฐาน Toyota
ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่โตโยต้าให้ความสำคัญมาโดยตลอด และ Toyota Yaris รุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ครบครันเกินกว่ามาตรฐานของรถ Eco Car ในยุคนั้น ซึ่งยังคงมอบความมั่นใจให้กับการขับขี่ในปี 2025 ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobilizer และระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ Follow-Me-Home ล้วนเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันที่ช่วยให้การขับขี่มั่นคงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC), ระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ซึ่งเป็นชุดมาตรฐานที่พบได้ในรถยนต์สมัยใหม่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่สำคัญคือระบบถุงลมนิรภัยแบบ SRS ที่ติดตั้งมาให้มากถึง 7 ตำแหน่ง รวมถึงเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ และโครงสร้างตัวถังแบบนิรภัย GOA ที่ออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทกจากการชน ทำให้ผู้โดยสารได้รับการปกป้องอย่างสูงสุด
อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้งานบางรายในเว็บไซต์พันทิปเคยให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะการทรงตัวของ Yaris ที่ความเร็วสูง โดยระบุว่า “ความเร็วที่เหมาะ ผมว่า 100-110 ประมาณนี้นะครับ เกินกว่านี้มันก็ร่อนแล้ว” ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือต้องเดินทางไกลบนทางหลวงที่ใช้ความเร็วสูงเป็นประจำ การปรับแต่งช่วงล่างสำหรับ Eco Car มักจะเน้นความนุ่มนวลในการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก เพื่อมอบความสบายในการโดยสาร ซึ่งอาจส่งผลต่อการทรงตัวเมื่อใช้ความเร็วสูงเกินกว่าที่ออกแบบมา อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานอีกรายก็ยังกล่าวถึง “ช่วงล่างนิ่มดีมาก อัตราเร่ง/สิ้นเปลืองก็พอๆกับอีโค่คาร์ทั่วๆไป” ซึ่งสะท้อนถึงความสมดุลที่โตโยต้าพยายามสร้างขึ้น
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณา Yaris เป็น “รถมือสอง” ควรพิจารณาเรื่องนี้และปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้เหมาะสม หรืออาจพิจารณาการเปลี่ยน “ยางรถยนต์” ที่มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ นอกจากนี้ การเลือก “ประกันภัยรถยนต์” ที่ครอบคลุมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยปกป้องคุณและรถยนต์ของคุณในทุกสถานการณ์
สรุป: Toyota Yaris ปี 2018 ในตลาดรถมือสองปี 2025
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ Toyota Yaris เจเนอเรชันที่เปิดตัวในปี 2018 และพิจารณาในบริบทของปี 2025 นี้ ยาริสยังคงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก “Eco Car” ที่น่าขับและน่าสนใจอย่างยิ่งในตลาด “รถยนต์มือสอง” แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว การออกแบบภายในที่เน้นความกว้างขวางและการใช้งานจริง ทำให้ยาริสยังคงตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองและผู้ที่มองหารถยนต์คู่ใจสำหรับการเดินทาง
จุดแข็งที่โดดเด่นของ Toyota Yaris คือ:
พื้นที่ภายในห้องโดยสาร: กว้างขวางที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม Eco Car ในยุคเดียวกัน ยังคงเป็นจุดเด่นสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง.
ความประหยัดน้ำมัน: ด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร Dual VVT-i และเกียร์ CVT ทำให้ยาริสยังคงเป็น “รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน” ที่ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับลด “ค่าเชื้อเพลิง” ในยุคปัจจุบัน.
ความทนทานและไว้ใจได้: ชื่อเสียงของโตโยต้าในด้านความทนทานไม่เป็นสองรองใคร ทำให้ยาริสยังคงเป็นรถที่ “บำรุงรักษาง่าย” และมี “อะไหล่โตโยต้า” ให้เลือกหลากหลาย ทั้งจาก “ศูนย์บริการโตโยต้า” และร้านค้าทั่วไป.
ฟังก์ชันครบครัน: ฟีเจอร์ที่ติดตั้งมาให้อย่างครบถ้วน ทั้ง Push Start, Air Auto, และระบบความปลอดภัย 7 ถุงลมนิรภัย ยังคงเป็นมาตรฐานที่น่าพึงพอใจ.
แน่นอนว่ายาริสก็มีข้อจำกัดบางประการที่ผู้ใช้งานควรพิจารณา เช่น การออกตัวที่อาจจะรู้สึกอืดไปบ้างสำหรับผู้ที่ชอบการเร่งที่ฉับไว หรือข้อสังเกตเรื่องการทรงตัวที่ความเร็วสูงเกิน 110 กม./ชม. รวมถึงปัญหาจุกจิกบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมาระดับหนึ่ง เช่น ระบบไฟฟ้า หรือโช้คอัพ แต่โดยรวมแล้ว ข้อดีของยาริสยังคงมีน้ำหนักมากกว่า และสามารถบริหารจัดการได้ด้วย “การดูแลรักษารถยนต์” ที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “รถมือสอง” ในงบประมาณที่สมเหตุสมผลและต้องการ “รถเก๋งขนาดเล็ก” ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางต่างจังหวัดเป็นครั้งคราว Toyota Yaris รุ่นปี 2018 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ “คุ้มค่า” และน่าลงทุนอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ เพราะนอกจากราคาในตลาด “รถมือสอง” ที่สามารถจับต้องได้ง่ายกว่ารถรุ่นใหม่ๆ แล้ว ยังมั่นใจได้ถึง “คุณภาพ” และ “บริการหลังการขาย” ของแบรนด์โตโยต้า ทำให้ยาริสยังคงเป็นเพื่อนคู่ใจบนท้องถนนที่พร้อมจะไปกับคุณในทุกเส้นทางอย่างแท้จริง
